หลังจากลืมตาตื่นที่นี่ที่ไหน นั่นคือคำแรกที่อยู่ในใจของมีน เธอไม่รู้จะถามกับใครดีถึงจะได้คำตอบ ภาพตรงหน้าเป็นพื้นที่กว้างปกคลุมไปด้วยหมอกสีขาวระพื้นดิน แต่ละคนยืนต่อแถวกันยาวเหยียด สวมใส่เครื่องแต่งกายแปลกไม่คุ้นตา
ครั้นจะบอกว่าเป็นกองละครซีรีส์จีนโบราณมาถ่ายทำก็คงจะไม่ใช่ เพราะเธอจำได้ว่าตัวเองกำลังจะจับเจ้าหัวขโมยแต่โชคไม่ดีดันเจอผีเสียได้ จากนั้นเธอก็จำอะไรไม่ได้เลย กระทั่งมาโผล่ในสถานที่อันไม่คุ้นเคยแห่งนี้ ฉะนั้นนอกจากความฝันแล้วคิดเป็นอื่นไม่ได้เลย
หญิงสาวถึงกับทำหน้าเหวอยืนหันรีหันขวางเกาศีรษะทำตัวไม่ถูก ภายในหัวเต็มไปด้วยความงุนงง เพราะภาษาที่คนเหล่านั้นใช้เธอฟังไม่รู้เรื่องสักนิด ยืนทำหน้าเหลอหลาอยู่นานก็ถูกพาตัวไปนั่งลงกับพื้นตรงหน้าชายรูปร่างใหญ่ยักษ์ หนวดเครายาวเฟื้อยผิวสีแดง ทว่าดวงตาคู่นั้นเธอจำได้ดี มันเหมือนกับที่เจอในห้องเช่าไม่มีผิด
“หวอ หวออะไรวะ” มีนทำปากงึมงำออกเสียงตามชายตรงหน้า พยายามออกเสียงตามก็แล้ว ตั้งใจฟังก็แล้ว แต่ทุกอย่างเหมือนไม่เป็นผล ยังคงสื่อสารกันไม่รู้เรื่องเช่นเดิม
ชายร่างยักษ์ตรงหน้าก็ดูเหมือนจะหัวเสียกับการสื่อสารครั้งนี้ไม่ต่างกัน กระทั่งเขาได้ชี้นิ้วมาตรงหน้าจากนั้นมีลำแสงหนึ่งพุ่งเข้าใส่ร่างเธออย่างรวดเร็ว
“คราวนี้เจ้าฟังเข้าใจแล้วใช่หรือไม่นางหนู”
“ฟังออกแล้วค่ะ ที่นี่ที่ไหนคะ หรือว่าลุงจับมาเรียกค่าไถ่ ปล่อยหนูไปเถอะ จับหนูมาก็ไม่ได้อะไรแม้แต่เงินจะกินข้าวก็ยังไม่มีเลย สัญญาถ้าปล่อยหนูไปจะไม่แจ้งความไม่บอกใครเด็ดขาด” หญิงสาวรัวคำพูดยาวเหยียด หวังว่าพวกเขาจะเชื่อคำที่เธอพูดแล้วปล่อยเธอไปเสีย
“นางหนูใจเย็นก่อน ฟังข้าพูดให้ดี ที่นี่คือปรโลกมิใช่การจับตัวเรียกค่าไถ่อย่างที่เจ้าคิด”
“ถ้าอย่างนั้นไม่เท่ากับว่าตอนนี้หนูตายแล้วหรือคะ ตลกแล้วหนูไม่เชื่อหรอกเล่นอำกันแรงแบบนี้ไม่ดีนะคะ กองถ่ายอยู่ข้างหลังใช่ไหม รายการอะไรคะ คอยดูเถอะออกไปได้จะไล่ฟ้องให้หมดเลย” ในเมื่อไม่กี่นาทีก่อนเธอยังดี ๆ อยู่เลย ตอนนี้มาบอกว่าอยู่ปรโลกก็เท่ากับตายแล้วน่ะสิ เรื่องบ้าบอแบบนี้ใครเขาจะเชื่อกันเล่า
ชายร่างยักษ์ชี้นิ้ววาดวงกลมกลางอากาศ ก่อนจะมีภาพเรื่องราวต่าง ๆ ของเธอฉายให้เห็น คราวนี้มีนถึงกับเถียงไม่ออก นี่เธอตายไปแล้วจริง ๆ น่ะหรือ แถมยังตายอย่างโดดเดี่ยวอยู่ในห้องเพียงคนเดียวไม่มีใครเห็น ชีวิตบัดซบนี่มันอะไรกัน โดดเดี่ยวตั้งแต่เกิดยันตาย
“นี่คือความจริงมิใช่สิ่งที่เจ้าเรียกว่ากองถ่าย ข้าไม่มีเวลามาพูดเล่นกับเจ้านานหรอกนะนางหนู เอาเป็นว่าเจ้ายังไม่ตายหากกลับไปตอนนี้ก็ยังทัน ที่เรียกเจ้ามาก่อนก็เพราะจะให้คนพาเจ้ากลับร่างให้ทันเวลา ก่อนที่พลังของข้าจะรักษาร่างเจ้าไว้ไม่ได้” เจ้าแห่งปรโลกถึงกับกุมขมับ นางหนูผู้นี้ตั้งแต่มาก็เอาแต่พูดไม่หยุด ไม่เว้นช่องว่างให้พูดบ้างเลย แล้วเมื่อใดจะได้พากลับเสียทีเล่า
“จะยอมเชื่อก็ได้ค่ะ แต่หนูก็ยังไม่เข้าใจในเมื่อยังไม่ตายหนูมาที่นี่ได้ยังไง” ก็แค่ยัดวิญญาณของเธอกลับเข้าที่เดิม จะให้เธอมาปรโลกเพื่อ...ทำไมกัน
“เกิดความผิดพลาดของกลไกการเดินทาง ทำให้ผู้คุมวิญญาณไปโผล่ผิดที่แต่ยังไม่ทันจะให้เจ้ากลับเข้าร่าง กลไกทำงานเสียก่อนจึงดึงทั้งเจ้าและผู้คุมกลับมาพร้อมกัน เรื่องนี้เป็นความผิดของเราข้าจะรับผิดชอบเอง ตอนนี้กายเนื้อเจ้าไม่ต่างอะไรกับคนนอนหลับ ข้าจะส่งเจ้ากลับที่เดิม” เจ้าแห่งปรโลกถอนหายใจ ครั้นจะแค่รับผิดชอบอย่างเดียวก็รู้สึกผิดไม่น้อย จึงได้ยื่นข้อเสนออีกอย่างเพิ่มเป็นรางวัลปลอบใจ อย่างไรเสียโลกเดิมนางก็มิได้มีชีวิตที่ดี “แต่เจ้าเป็นกรณีพิเศษจะกลับเข้าร่างหรือไปเกิดใหม่ข้าให้เจ้าเลือกได้ตามใจ แล้วข้าจะส่งเจ้าไปที่ชอบ ๆ”
เมื่อตกลงกันได้คนทั้งสี่ได้เริ่มพูดคุยในเรื่องอนาคต โดยเฉพาะที่อยู่อาศัย พวกนางยังคงต้องรับหน้าที่สำคัญในหอฮวาเหมย ทั้งกิจการส่วนตัวก็อยู่ที่นี่ ไม่สามารถติดตามจิ้งกังไปอยู่เมืองหลวงด้วยกันได้ จึงตกลงกันว่าจะหาจวนขนาดกลางไว้สักหลัง แล้วย้ายไปอยู่ด้วยกัน เมื่อใดจิ้งกังว่างเว้นจากการทำงานค่อยกลับมาเป็นครั้งคราวอีกทั้งอดีตคณิกาทั้งสามมิได้ห้ามให้เขามีภรรยาเพิ่ม แต่มีข้อแม้ภรรยาใหม่ของเขาจะไม่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สมบัติของพวกนาง ต่างคนต่างอยู่ ทว่าจิ้งกังนั้นคิดว่าเขาคงไม่แต่งภรรยาเพิ่มอีกแล้ว เหตุผลมีเพียงข้อเดียวคือเขาไม่ต้องการมีภาระเพิ่ม แค่นี้ก็พอแล้วสำหรับครอบครัวใหญ่ที่แสนจะวุ่นวายทว่าในตอนที่คนทั้งสี่กำลังหยอกล้อต่อกระซิกในห้องส่วนตัว ประตูห้องก็ได้เปิดออกพร้อมกับมีสาวใช้นางหนึ่งถือถาดของว่างเข้ามา ทันทีที่สตรีนางนั้นเห็นจิ้งกัง นางก็ได้รีบวางของแล้วคุกเข่าขอร้องให้เขาช่วยเหลืออย่างน่าสงสาร“ท่านองครักษ์ ท่านจำข้าได้หรือไม่ ข้าหลิวซือซือคนที่เดินทางไปเมืองหน้าด่านไปพร้อมกันอย่างไรเล่า”“อ๋อ จำได้แล้ว เจ้าคือหลิวซือซือที่ตามไปด้วยเมื่อคราวนั้นเอง”ชายหนุ่มวางท่าเมินเฉย เบื้องบนมีลู่
ในยามนี้เมื่อนายเหนือหัวไม่ยอมออกจากตำหนัก จิ้งกังองครักษ์คนสนิทจึงกลายเป็นผู้ดำเนินการต่าง ๆ แทนอ๋องซิงเยี่ยนไปโดยปริยาย งานเล็กน้อยมักจะเป็นเขาที่ต้องออกไปทำแทนอยู่เสมอถึงแม้จะเป็นงานจุกจิกไปสักหน่อย ทว่าเจ้าตัวกลับเต็มใจและภูมิใจที่ท่านอ๋องมิได้ลืมตน ด้วยวันทั้งวันเอาแต่ขลุกอยู่กับพระชายา อย่างน้อยก็ได้มอบภารกิจให้ตนไปทำแก้เบื่อบ้างแต่ใครเลยจะรู้ว่าการที่เขาถูกสั่งให้ไปทำภารกิจเมืองเห่อเป่ย ด้วยหอฮวาเหมยคือหนึ่งในกิจการอย่างลับ ๆ ของท่านอ๋อง เบื้องหน้าคือหอนางโลมทว่าเบื้องหลังคือหน่วยข่าวกรอง เมื่อท่านอ๋องไม่เสด็จไปตรวจงานด้วยตนเอง ผู้ที่ต้องเข้าไปตรวจความเรียบร้อยจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคนสนิทของพระองค์ทว่าตอนนี้จิ้งกังกำลังประสบปัญหา ตัวเขานั้นเกิดพลาดพลั้ง ทำอดีตดาวเด่นนางคณิกาที่ตอนนี้ผันตัวเป็นผู้ดูแลนางคณิกาท้องอย่างไม่ตั้งใจ คนเดียวก็ช่างเถิด แต่นี่ดันท้องพร้อมกันหมดสามคน ทำเอาเขาต้องปวดหัวหาทางออกที่ดีไม่ได้ตัวเขานั้นมิได้รังเกียจที่ได้อดีตคณิกามาเป็นภรรยา ด้วยอยู่ตัวคนเดียวไม่มีครอบครัวให้ต้องกังวลถึงหน้าตาวงศ์ตระกูล ก็เพราะเป็นเช่นนี้อย่างไรเล่า ที่ผ่านมาถึงได้ใช้ชีวิ
“ข้าไม่ได้อยากได้ของของเจ้า ข้าแค่อยากรู้ว่าลิปสติก รองพื้น คุชชั่น หรือแม้แต่เซรั่มทาผิว เจ้าเอามาจากไหนกันแน่ เจ้าทำอย่างไรถึงได้มีของในอนาคตพวกนี้ได้” หรูเฉินเหมยยิงคำถามรัวเร็วเสียจนอีกฝ่ายฟังแทบไม่ทัน นางที่โหมทำงานหนักอดนอนมาหลายวัน ไม่คิดว่าการงีบแค่แป๊บเดียวตื่นมาก็อยู่บนรถม้าที่กำลังเดินทางมาแคว้นเป่ยเสียแล้ว“อย่าบอกนะว่าท่าน... ไม่ใช่คนของที่นี่” ไป๋เหลียนถึงกับยกมือขึ้นปิดปากด้วยความตกใจ มิใช่ว่าองค์หญิงแคว้นฉู่คือคนที่ทะลุมิติมาเหมือนกันหรอกนะ“ใช่แล้วข้าไม่ใช่คนของที่นี่ ไม่กี่วันก่อนข้าเผลอวูบหลับไปนิดเดียว อยู่ ๆ ก็มีเสียงเหมือนนาฬิกาหมุน ตื่นมาก็มาอยู่ที่นี่เสียแล้ว พอข้าได้เห็นของเหล่านี้มันก็เหมือนกับแสงสว่าง อย่างน้อยข้าก็มีเจ้าที่มาจากอนาคตเป็นเพื่อน”“เสียงนาฬิกาหมุนหรือเจ้าคะ”“ใช่แล้ว มิหนำซ้ำมันยังมีเสียงแปลก ๆ แทรกเข้ามา เหมือนจะเป็นเสียงใครบางคนพูดว่า ดึงผู้อื่นอีกแล้ว ประมาณนี้แหละ พอข้ารู้สึกตัวก็อยู่ในขบวนส่งตัวแล้ว แล้วเจ้าเล่าเจ้ามาได้อย่างไร” ถึงตอนนี้ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่ที่นี่ก็ดูจะคุ้นตานัก โดยเฉพาะชื่อว่าที่สวามีขององค์หญิงที่ตนเข้ามาสวมร่าง“ข
ข้าคือสตรีผู้ทะลุมิติเข้ามาในการ์ตูนมังงะเรื่องหนึ่งที่ชื่นชอบ ก่อนจะเข้ามาในโลกแห่งการ์ตูน ชีวิตเก่าก่อนไม่ค่อยจะดีนัก เติบโตมากับการเป็นเด็กวัด ต่อสู้ดิ้นรนหาเลี้ยงตนเองอย่างแสนยากลำบาก จนวันหนึ่งเกิดเรื่องประหลาดขึ้นกับชีวิตอันน่าบัดซบ กลายเป็นจุดเปลี่ยนชะตานับตั้งแต่นั้นมาข้ากลายเป็นหลี่ไป๋เหลียนฮูหยินตราตั้งขั้นหนึ่ง เป็นแม่ค้าอันดับหนึ่งแห่งแคว้นเป่ย ไม่มีผู้ใดสามารถลอกเลียนแบบสินค้าของข้าได้ จึงกลายเป็นสินค้าที่ผูกขาดไปโดยปริยายจากเด็กวัดที่มีเงินติดกระเป๋าไม่กี่พัน บัดนี้กลายเป็นสตรีผู้ร่ำรวยที่ไม่รู้ว่าจะใช้เงินอย่างไรหมด นอกจากจะมีเงินและอำนาจพอตัวแล้ว ไป๋เหลียนก็ยังมีครอบครัวอบอุ่นที่นางใฝ่ฝันถึงมาตลอด แม่สามีที่ใจดี สามีก็ดียิ่ง และลูก ๆ ที่น่ารักทั้งสามใช่แล้วท้องอันใหญ่โตของนางเมื่อคราวนั้น ได้เบ่งคลอดบุตรชายทั้งสามออกมาได้อย่างปลอดภัย กระนั้นก็ทำเอานางเกือบตายในวันคลอดเช่นกัน ด้วยเกือบหมดแรงในตอนเบ่งเจ้าลูกคนเล็ก ดีที่รวบรวมแรงเฮือกสุดท้ายขึ้นมาได้บุตรทั้งสามแสบซนเสียจนนางต้องปวดหัวทุกวัน ไม่รู้ว่าได้นิสัยผู้ใดมา ทั้งท่านย่า บิดา ก็เอาอกเอาใจกันเหลือเกิน ไม่มีผู้ใดห
“ไป๋เหลียนเจ้า ไม่ได้เป็นอะไรหรือไม่ใช่ว่าเจ้าถูกพิษ” อารมณ์เศร้าโศกเสียใจเมื่อครู่มลายหายไปสิ้น ฮูหยินหลี่ปราดเข้าหาสะใภ้ทำหน้าราวกับคนเห็นผี พูดจาตะกุกตะกัก คิดว่านางตายไปแล้วเสียอีก“ข้าไม่ได้เป็นอะไรเจ้าค่ะ เมื่อครู่แค่แกล้งเล่นละครตบตาหว่านปิง เลือดนี้ก็เป็นแค่น้ำเปล่าผสมสีเท่านั้นอย่าได้กังวลไป ขอโทษที่ทำให้ท่านแม่ตกใจนะเจ้าคะ”“ไม่เป็นไร เจ้าไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว แม่ผิดเองที่เลี้ยงนางมาแบบตามใจ” ที่หว่านปิงนิสัยเสียและโหดเหี้ยมได้ถึงเพียงนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากตนเช่นกัน“มันเป็นที่ตัวนางเองต่างหาก ท่านแม่ทำดีที่สุดแล้วขอรับ”“พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรถ้วยยานี้มีพิษ” บุตรชายและสะใภ้อยู่กับตนมาตั้งแต่แรก แล้วเอาเวลาไหนไปตรวจสอบ หรือว่าจะรู้เรื่องหว่านปิงวางยามาตั้งแต่แรก“ท่านแม่ลืมไป๋เหลียนนางมีความสามารถเรื่องทดสอบพิษขอรับ” “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ แม่เหนื่อยแล้วขอนอนพักสักหน่อย พวกเจ้าไม่ต้องห่วงแม่มีอะไรก็ไปทำเถอะ” เลี้ยงมาตั้งนานนางเองก็รักอีกฝ่ายเหมือนลูก อย่างไรก็ทำใจไม่ได้ง่าย ๆ กระนั้นฮูหยินหลี่ก็ไม่อาจจะให้อภัยได้ทั้งหมด อิจฉาริษยายังพอทน แต่การที่วางแผนฆ่าทำลายผู้อื่นมันเกินจะ
ในเมื่อเหยื่อเอาตัวเข้ามาถึงที่มีหรือนางจะปล่อยไปง่าย ๆ ดี! เช่นนั้นก็ตาย ๆ ไปพร้อมกันเสีย หว่านปิงจัดการยกถ้วยยาในมือฮูหยินหลี่ให้พี่สะใภ้ทันที ทั้งยังยิ้มกว้างตั้งตารอให้อีกฝ่ายดื่มยาให้หมดไป่เหลียนรับถ้วยยานั้นไว้ ดีที่นางมีหลี่มู่กวาคอยบังสายตาทั้งยังช่วยเบนความสนใจไปอย่างอื่น นางจึงอาศัยช่วงที่แม่สามีสั่งสอนบุตรชายแอบเก็บไว้ในมิติวิเศษ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นสีผสมอาหารใสน้ำเปล่า รีบซดเข้าปากในตอนที่ทุกคนไม่ทันสังเกต ไม่นานนางก็พ่นน้ำที่เพิ่งดื่มเข้าไปเมื่อครู่ออกมา“แคก ๆ” ทันทีที่พ่นน้ำสีแดงออกจากปาก หญิงสาวก็ได้ซบหน้าลงบนไหล่สามี พร้อมกับแสร้งไอเป็นระลอก ถ้วยยาในมือร่วงหล่นตกพื้นแตกกระจาย สร้างความตกใจให้กับผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์“สะใภ้ข้าเป็นอะไร”“น้องหญิง”“ท่านพี่ยานั่นมีพิษเจ้าค่ะ แคก ๆ” สิ้นคำร่างบางทรุดฮวบหมดสติไปทันที ไม่อยากจะคิดเลยว่าตัวเองจะการละครได้ถึงเพียงนี้ แม้แต่แม่สามีก็ยังมองไม่ออก“ยาพิษหรือ หว่านปิงเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้ากล้าวางยาท่านแม่” ชายหนุ่มตวาดลั่นไม่สนหน้าผู้ใด อย่าว่าแต่ภรรยาที่การละคร แม้แต่ตัวเขาเองก็แสร้งเล่นละครไม่ต่างกัน กระนั้นอารมณ์ที่ส่งออกไ