จากนักแสดงบทนางร้ายไร้สมองในซีรี่ส์อย่างหว่านชิงจบชีวิตในโลกเดิม กลับพบว่าตัวเองกลายเป็น “องค์หญิงใหญ่” ในโลกใหม่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย แต่เธอก็ไม่ได้มาเปล่าๆ เพราะเธอมีระบบ AI ที่จะให้คะแนนจากความปั่นสุดฮาของเธอ! การต่อสู้ในวังหลวงไม่ใช่แค่เรื่องของความรัก แต่เป็นการเอาชีวิตรอดในเกมที่เธอไม่เคยคิดว่าจะได้เล่น!
더 보기เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าอย่างแรงดัง เพี๊ยะ!
เธอล้มลงไปกองกับพื้น หัวกระแทกมุมโต๊ะปลายเตียงจนมึนงง ทว่าเธอก็ยังคงฝืนลุกขึ้นตามสคริปต์
"เจ้ามันก็แค่คนโง่ที่ให้ข้าหลอกใช้ก็เท่านั้น"น้ำเสียงเยาะหยันของนางเอกในเรื่องทำเอาหัวใจเธอสั่นระริก ไม่ใช่เพราะเจ็บปวด แต่เพราะหัวใจขอเธอกำลังเต้นผิดจังหวะมันผิดจังหวะจริงๆ เสียแล้ว
ไม่ไหวแล้ว... หัวใจมัน... เจ็บแปลบ...
"คัท! ตรงนั้นยังไม่พออารมณ์นะครับ ตาอย่ากะพริบเยอะเกิน" เสียงผู้กำกับดังขึ้น
แต่เธอกลับได้ยินเสียงนั้นแผ่วเบาลงเรื่อยๆๆๆ และเสียงลมหายใจของตัวเองที่แผ่วลงเรื่อยๆ
ในวินาทีสุดท้ายก่อนที่สติจะดับวูบ ภาพที่เธอเห็นคือฉากบัลลังก์ทองที่มีม่านโปร่งล้อมรอบ...
...มันคือฉากที่เธอถ่ายไปเมื่อเดือนก่อน กับบท "นางร้ายผู้โง่เขลา" ในละครย้อนยุคฟอร์มยักษ์ที่ทำเธอแทบบ้าเพราะต้องฝึกทั้งการเดินให้กิริยาดี ทั้งบทพูดโบราณ แถมยังต้องโดนตบอีกสารพัด
เธอตายแล้วแน่ ๆ ...
กลิ่นหอมอ่อนของไม้จันทน์ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศผสานกับความรู้สึกเย็นชื้นบนต้นคอ แต่พอลืมตาขึ้นอีกครั้ง กลับพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนตั่งไม้แกะสลักลวดลายเมฆมงคล ชุดที่สวมเป็นแพรไหมชั้นดีมีลวดลายหงส์น้อยประดับดิ้นทองพลิ้วไหว หยกที่ห้อยอยู่ตรงเอวกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊งเบาๆ เมื่อหว่านชิงขยับตัว ใบหน้าในกระจกตรงหน้าสะท้อนภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งที่มีดวงตาโฉบเฉี่ยว แววตาร้ายอย่างที่หว่านชิงจำได้ดี
"...หลี่หว่านชิง"
นั่นคือตัวละครนางร้ายที่เธอแสดงก่อนตาย! แล้วตอนนี้...เธอกลายเป็นหลี่หว่านชิงไปแล้วจริง ๆ งั้นหรือ!?
ก่อนที่ความตื่นตระหนกจะปะทุ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นกลางหัวสมอง คล้ายเสียงประกาศในห้างที่ได้ยินทั่วถึงกัน..แต่แสบหูอย่างประหลาด
“ยินดีต้อนรับผู้เล่นเข้าสู่ระบบ ‘ปั่น!’ แห่งจักรวาลจีบหนุ่มวังหลวงโบราณ เวอร์ชัน 9.3.7 : โหมดเอาชีวิตรอดจากความร้ายกาจของผู้อื่นและระบบยิ่งปั่นยิ่งได้”
"กรุณาทำความเข้าใจกติกาเบื้องต้นก่อนเริ่มภารกิจ"
"คุณคือ ‘หลี่หว่านชิง’ องค์หญิงใหญ่ของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน เกิดจากภรรยาเอกที่จากไปอย่างมีเงื่อนงำ ถือสถานะเป็นองค์หญิงใหญ่ที่มีเส้นสายยุ่งเหยิงที่สุดในวัง แต่ก็มีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ ‘ระบบ’ เลือกให้เป็นผู้เล่นรายแรกของโหมดทดสอบ"
"เป้าหมายของระบบ: เอาชีวิตรอดจนถึงตอนจบ พร้อมทำลายสคริปต์เดิมของโลกนี้ด้วยคะแนน ‘พลังปั่น’ !"
"คะแนนที่คุณสามารถสะสมได้มีดังนี้"
ทำให้พระเอกสับสนทางอารมณ์: +10
ทำให้พระรองลังเลในอุดมการณ์: +20
ทำให้ฮองเฮาอยากประหารคุณ: +1,000
ทำให้ตัวละครฝ่ายดีแตกคอกันเอง: +300
ทำให้ไทจื่อน้อยหลงรักคุณแต่ไม่กล้ายอมรับ: +500
ป่วนพิธีสำคัญระดับประเทศโดยยังรอดชีวิตได้: +2,000
ทำให้ระบบหลักของโลกนี้ค้างชั่วคราวจากการกระทำของคุณ: +10,000 (แจ็กพ็อตแตก!!!)
"คะแนนสะสมเพื่อปลดล็อก ‘ทางหนี’ จากบทเดิม: 100,000 คะแนน"
"หมายเหตุ: ทุกการเสียชีวิตก่อนถึงเป้าหมายจะรีเซตความจำระบบและกลับไปเริ่มใหม่ ณ จุดนี้ โดยจะหัก -15% ของแต้มสะสม และมีโอกาสเสียชีวิตได้แค่สองครั้งหลังจากนั้นทุกอย่างจะกลับมาที่จุดเซฟ คุณจะต้องติดอยู่ที่นี่และเล่นตามบทจนตาย"
"..."
"เหี้ย!" นั่นคือสิ่งเดียวที่เธอคิดได้ในหัวสมองที่กำลังประมวลผลช้ากว่าปกติ
หว่านชิงไม่ใช่แค่ตกอยู่ในละครที่แสดงก่อนตาย...แต่กลายเป็นตัวละครนั้นจริง ๆ พร้อมกับระบบบ้าบอที่เหมือนเกิดจากการประชุมของนักเขียนเกมสายปั่นกับ AI นักเลง!
"ขอโทษนะ...ระบบ? หรืออะไรก็ตาม แกคือใคร" หว่านชิงพูดเสียงแผ่วเบาแต่จงใจ
“คือระบบ อย่าล้อเล่นกับระบบ”
"ส่งฉันกลับไปได้ไหม? ฉันยังไม่ได้รับรางวัลนำแสดงหญิงยอดเยี่ยมเลยนะ...แถมยังไม่ได้ถอนเงินค่าซีรีส์พีเรียดที่ถ่ายไว้ครบตอนอีกด้วย"
"คำร้องไม่สามารถดำเนินการได้ ผู้เล่นหลี่หว่านชิงได้เซ็นยินยอมด้วยจิตวิญญาณเรียบร้อย ณ วินาทีที่ตายจากโลกเดิม"
"...ฉันไม่ได้เซ็นอะไรทั้งนั้น!"
"คุณยิ้มตอนแสดงฉากตบสุดท้าย แสดงถึงความพึงพอใจต่อชะตากรรม ระบบตีความเป็นการยินยอมโดยอ้อม"
"...ระบบนี่แม่ง AI หรือปีศาจ ฟ้องศาลไม่ได้?"
"เราคือระบบปั่น AI แห่งศีลธรรมยืดหยุ่น สร้างขึ้นเพื่อสร้างความบันเทิง และให้คุณได้กำหนดชะตาชีวิตของตัวเองใหม่...ด้วยการล้มกระดานทั้งหมด"
หว่านชิงหลับตาลงช้า ๆ สองมือกุมขมับพลางหัวเราะแผ่ว ๆ ในลำคอ
ไม่...เธอยังไม่รับได้ตอนนี้ แต่สมองเธอเริ่มคิดไปไกลกว่าคำว่า ‘จะรอดยังไง’ แล้ว
ในเมื่อ ‘โลกนี้’ เขียนบทหว่านชิงให้พ่ายแพ้... หว่านชิงจะเขียนบทใหม่ที่ไม่มีใครกล้าคาดเดาให้ดู แม้ต้องสะสมแต้มจนเลือดตาแทบกระเด็น แต่ก็จะ ‘ปั่น’ จนโลกนี้ต้องจดจำชื่อเธอว่า หลี่หว่านชิง ไม่ใช่แค่นางร้าย...แต่เป็น บั๊กแห่งราชบัลลังก์ แต่….
“ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยยยยยย”
เยี่ยนอิงยืนอยู่ที่หน้าจวนแม่ทัพ ดวงตาสอดส่ายมองไปยังทิศทางที่ไป๋เหวินหลงจะกลับมา รอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปาก เยี่ยนอิงรู้ว่าท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงจะกลับมาถึงจวนตรงนี้และครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวังเมื่อไป๋เหวินหลงเดินกลับมาและเห็นเยี่ยนอิงยืนรออยู่ ไม่แสดงท่าทีแปลกใจเดินตรงเข้าหาเยี่ยนอิงอย่างไม่รีบร้อน แต่ท่าทางของไป๋เหวินหลงมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่าง“ท่านแม่ทัพ...ข้าแวะมาถามไถ่เพราะเห็นว่าท่านแม่ทัพถูกคุมขัง เอ่อ….ท่านลำบากไหมตอนอยู่ในคุก” เยี่ยนอิงถามด้วยความสนใจ พยายามรักษาความสงบในน้ำเสียง ทั้งๆ ที่รู้ว่าไม่ได้จริงจังกับคำถามนี้นักเหมือนแค่ไม่รู้จะถามอะไรไป๋เหวินหลงไม่ได้ตอบคำถามนั้น ก้มมองเจ้าแมวขาวที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขา บางครั้งก็ยกมือขึ้นลูบหัวมันอย่างอ่อนโยน ราวกับมันเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเขาตอนนี้“ท่านแม่ทัพ...ตอนนี้อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม” เยี่ยนอิงถามด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้นขณะที่ยิ้มบางๆ แต่กลับมองไปที่แมวระบบที่อยู่ในอ้อมแขนของไป๋เหวินหลง เจ้าแมวอ้วนตัวนี้คุ้นๆ จังเลยไป๋เหวินหลงเงียบไปครู่หนึ่ง พูดเบาๆ ขณะยังคงมองดูเจ้าแมวอ้วน “ข้าไม่รู้...คงไม่มีอะไรอยากกิน ขอ
ไป๋เหวินหลงประสานมือแนบอกด้วยท่าทางสงบ พร้อมกับรับบัญชาฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้อย่างระมัดระวังในขณะนั้น สายตาของเขาดูเฉียบขาด ไม่แสดงอารมณ์ใดออกมา แต่ใจภายในกลับแสนโศกเศร้า เขารับบัญชาฮ่องเต้ที่เต็มไปด้วยคำตัดสินมาไว้ในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้"ข้าน้อยไป๋เหวินหลงรับบัญชาฝ่าบาท" เสียงของไป๋เหวินหลงแหบแห้ง แม้จะพูดออกมาอย่างน้ำเสียงที่องอาจห้าวหาญ แต่ก็ไม่อาจปกปิดความเจ็บปวดที่ท่วมท้นอยู่ในใจได้ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง ฮองเฮาหลี่หลันซื่อที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็พูดขึ้นทันทีด้วยเสียงที่มั่นคงและหนักแน่นพอกัน "หากหาตัวคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้เมื่อไหร่ หากเมื่อจับได้แล้ว ข้าคิดว่าควรใช้วิธีการที่สมควร แล่เนื้อออกเป็นชิ้นๆ เอาเกลือทา หรือถ้าไม่ก็ใช้ม้าแยกร่างไปเลยให้สาสมกับที่ทำให้ฝ่าบาทต้องหลั่งน้ำตา"คำพูดของฮองเฮาหลี่หลันซือทำให้ห้องเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนต่างพยักหน้าเห็นด้วยกับการลงทัณฑ์ที่รุนแรง แต่มีความสาแก่ใจอยู่ในนั้นฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ ฟังคำพูดของฮองเฮาด้วยท่าทางเงียบงัน แล้วรอยยิ้มที่ไม่ค่อยจะเป็นมิตรก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปากของพระองค์ พร้อมกับ
ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้มองอยู่ครู่หนึ่งเหมือนยังไม่ได้สติ สบตากับซื่อซื่อที่ท่าทางรีบร้อน ขันทีจื่อกงรับจดหมายจากซื่อซื่อส่งให้ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้เปิดอ่าน ภายในจดหมายที่เขียนด้วยลายมือของหว่านชิงเอง มีข้อความที่เรียบง่ายแต่ทำให้หัวใจของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้สั่นไหว“จากองค์หญิงใหญ่หว่านชิง ผู้เลิฟๆเสด็จพ่อเสด็จพ่อลูกรู้นะว่าท่านรักและคิดถึงลูกละสิ ไม่ต้องคิดถึงนะ ลูกสบายดีและมีข้อหนึ่งอยากจะขอร้องเสด็จพ่อ ถ้าข้าตาย ห้ามฆ่าท่านแม่ทัพ…ย้ำ ห้ามฆ่า ห้ามประหาร ห้ามเนรเทศและห้ามปลดเขาจากตำแหน่งแม่ทัพถ้าเสด็จพ่อไม่เชื่อลูก…ลูกจะ…มาหลอกเสด็จพ่อ แฮร่ๆๆๆๆๆ” น้ำตาของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ที่ยังคงพยายามอดกลั้นมานานเริ่มไหลรินออกมาอย่างไม่อาจหยุดได้ มือที่ถือจดหมายเริ่มสั่น มือที่จับจดหมายอยู่ปล่องลงมาอย่างอ่อนแรงพลางตะโกนออกมาด้วยเสียงสะอื้น “หว่านชิง...ลูกพ่อ ตายไปแล้วยังรู้จะหยอกเย้าพ่ออีกหรือนี่ โธ่ลูกรัก ฮือออออ”เสียงร้องไห้ของฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ดังลั่น ทุกคนในห้องต่างยืนเงียบไม่กล้าพูดอะไร ฮองเฮาก้มหน้าซ่อนยิ้มขณะที่ซื่อซื่อและขุนนางหลายคนก็เริ่มสลดใจไปด้วยฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ก็พูดเสียงแห
"เจ็บตัวได้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร ไม่มีใครสามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีกแล้ว""ข้าทำไม่ได้... ข้าไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว" ไป๋เหวินหลงเงยหน้าขึ้นมองโม่ชิงเหยียนโม่ชิงเหยียนมองเขานิ่งๆ ก่อนที่จะยื่นยาสมานแผลในมือให้เขาอย่างช้าๆ"เจ้าต้องลุกขึ้นมา เศร้าอยู่นานๆ ไม่มีประโยชน์อะไรเลย ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือหาคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้"ไป๋เหวินหลงมองยาสมานแผลที่โม่ชิงเหยียนยื่นให้"เป็นเพราะข้าพลั้งมือ ข้าผิดเอง...""เจ็บปวดจริงๆ เจ็บปวดที่คิดถึง แต่ไม่มีคนที่คิดถึงอยู่ที่นี่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะเสียไปอีกแล้ว เราจะต้องช่วยกัน มันไม่สามารถย้อนเวลาได้อีกแล้ว แต่เราต้องหาผู้ที่อยู่เบื้องหลังทั้งหมดนี้ให้ได้ เราจะต้องทำให้ความตายของหว่านชิงมีความหมายและจะทำทุกอย่างให้สำเร็จจะต้องเริ่มจากการที่ท่านออกมาจากคุกหลวงให้ได้ก่อน" โม่ชิงเหยียนพูดเสียงเย็นๆคำพูดของโม่ชิงเหยียนทำให้ไป๋เหวินหลงเงียบลง รู้ดีว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถย้อนกลับไปได้ ไม่สามารถอยู่ในความเศร้าตลอดไปได้ ตอนนี้สิ่งสำคัญคือการลุกขึ้นยืนและต่อสู้เพื่อสิ่งที่เสียไป"ข้ารู้... จะต้องหาทางออกจากคุกหลวงให้ได้" ไป๋เหวินหลง
ตำหนักผิงจื้อ“ฮ่ะฮ่าฮ่าฮ่าาาา” ฮองเฮาหลี่หลันซือนั่งเอนหลังอยู่บนเก้าอี้หัวเราะเสียงดังเต็มที่ หม่าอิ๋นฉิงที่ยืนรายงานเรื่องราวของหว่านชิงพร้อมกับการดำเนินการทุกอย่างที่สำเร็จลุล่วงไปได้อย่างราบรื่นรวมถึงสถาณะการณ์โดยรวมตอนนี้ ก็อดจะยิ้มตามไม่ได้“สำเร็จอย่างสวยงามจริงๆ!” ฮองเฮาหลี่หลันซือกล่าวด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความสุขและสะใจ เต็มไปด้วยความยินดี“หว่านชิง... เจ้าคิดว่าตัวเองจะรอดจากแผนนี้ได้หรือ มันก็เป็นแค่เรื่องของเวลาที่เจ้าจะต้องตกไปอยู่ในมือของข้า หึหึหึ”หม่าอิ๋นฉิงยิ้มบางๆ แต่ยังไม่ทันที่จะตอบ ฮองเฮาก็หันไปถามว่า“แล้วฝ่าบาทกับรัชทายาทหยางหลินล่ะ”“ฝ่าบาทยังคงตรอมใจหนัก ในตอนนี้ไม่ได้สนใจเรื่องอื่น ทรงให้ความสำคัญไปที่การดำเนินการประหารท่านแม่ทัพไป๋เหวินหลงให้เร็วที่สุด และยังคงทำงานบ้านเมืองแต่ร่างกายก็ทรุดโทรม ส่วนรัชทายาทหยางหลินก็ยังร้องหาองค์หญิงใหญ่หว่านชิงตลอดเวลาคาดว่าจะเสียขวัญและเสียใจที่ช่วยหว่านชิงไม่ได้ นั่นยิ่งทำให้สถานการณ์รอบตัวฝ่าบาทยิ่งแย่ลงไปเรื่อยๆ”ฮองเฮาหลี่หลันซือพยักหน้าช้าๆ อย่างพอใจ หัวเราะเสียงดังอีกครั้ง“แค่จับตัวหยางหลินไปซ่อน กลับได้ผลลัพธ
ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้นั่งอยู่ในตำหนักเฉิงเต๋อ ท่าทางเงียบงันและหมองหม่น ใบหน้าของซีดเซียวจากการตรากตรำทำงานหนักเป็นระยะเวลาหลายวันไม่พักผ่อน มีเอกสารราชกิจวางเต็มโต๊ะ ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ก็ไม่ยอมละสายตา ไม่สนใจสิ่งรอบตัวเลยแม้แต่น้อยขันทีจื่อกงยืนอยู่ข้างๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเป็นห่วงและวิตกกังวล จื่อกงเปิดปากพูดอีกครั้งรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้“ฝ่าบาท... เสวยหน่อยดีไหมขอรับ ฝ่าบาททำงานหนักมาตลอดหลายวันแล้ว ข้าน้อยเห็นฝ่าบาทมิได้เสวยอาหารถูกต้องเลยหลายวันมานี้ ร่างกายของฝ่าบาทไม่สามารถทนต่อไปได้มากกว่านี้ หากฝ่าบาทยังคงฝืนเช่นนี้ ข้าน้อยกลัวว่าฝ่าบาท…จะล้มป่วยไปจริงๆ ขอเชิญฝ่าบาทโปรดพักผ่อนบ้างเถิดขอรับ เสวยเพียงนิดแล้วค่อยทำต่อ”ฮ่องเต้หลี่เซวียนอี้ยังคงนั่งนิ่งเงียบ ไม่แม้แต่จะหันมองขันทีจื่อกงที่ยืนอยู่ข้างๆ คำพูดของจื่อกงจึงไม่ได้รับการตอบรับ ขันทีจื่อกงยิ่งวิตกกังวลยิ่งขึ้น รีบพูดอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นขึ้น"ฝ่าบาท... ฝ่าบาทจะทำเช่นนี้มิได้นะขอรับ การงานเป็นสิ่งสำคัญแต่อย่าลืมว่าฝ่าบาทต้องรักษาสุขภาพให้ดีด้วย ตอนนี้องค์หญิงใหญ่หว่านชิงก็…จากไปแล้ว งานศพเสร็จสิ้นแล้ว ฝ่าบาทจึง
댓글