หยางเฟิ่งเซียนเดินไปยืนกับมารดาด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเสี่ยวฮัวรีบวิ่งไปตามบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว และประตูเรือนรับรองก็ถูกเปิดโดยแม่นมฟาง หลังจากบานประตูเปิดกว้างสิ่งที่พบเห็น ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับเหอฮูหยินอย่างมาก
แต่ว่าภาพตรงหน้าทำเอาสองฮูหยิน ที่ติดตามมาถึงกับตกตะลึงจนอยากหยุดหายใจ เนื่องจากสตรีสองในสี่ที่อยู่ด้านในนั้น กลับกลายเป็นบุตรสาวของพวกนางเสียเอง พวกนางไม่คิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะคิดวางแผนกลั่นแกล้งคนในในจวนตระกูลฟง จนต้องรับผลจากแผนสกปรกเสียเอง หากสามีของพวกนางรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
เหอฮูหยินยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ก็มีเสียงจากด้านหลังกรีดร้องและวิ่งเข้าไป เพื่อแยกคนด้านในออกจากบุรุษ ที่พวกนางดูอย่างไรก็มิใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ที่สำคัญคนภายในห้องนี้ล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ของบุตรสาวพวกนาง
ปัง! “กรี๊ดดด! เอินเอ๋อร์ /หรานเอ๋อร์!”
“เจ้าคนต่ำช้าออกไปให้ห่างลูกของข้านะ ออกไป๊ เอินเอ๋อร์ ๆ เจ้าอย่าทำเช่นนี้บอกแม่มาเถิดว่าใครที่ทำร้ายเจ้า แม่จะให้คนไปตามจับตัวพวกมามาลงโทษ”
“หรานเอ๋อร์ ๆ ลูกแม่” เพียะ! เพียะ! “ออกไปให้พ้นพวกสกปรกอย่ามาแตะลูกสาวของข้านะ!”
แม้จะมีเสียงทุบตีและเอ่ยห้ามอย่างไร คนที่ถูกกำยานชนิดพิเศษจากฝีมือของจีจี้ ไม่มีทางเชื่อฟังคำสั่งของฮูหยินทั้งสอง พวกเขายังคงพยายามไขว่คว้าเพื่อเสพสมกันให้หนำใจ คนที่อยากมาเป็นพยานให้กับเรื่องดังกล่าว ถึงกับยอมถอยหลังออกมาเมื่อรู้แล้วว่า คุณหนูในห้องหอทั้งสองเป็นบุตรสาวของผู้ใด
‘อ๊ายย น่าอับอายเกินไปแล้วจริง ๆ ข้าไม่คิดเลยว่าคุณหนูเซิ่งกับคุณหนูหลีจะเป็นสตรีเช่นนี้’
‘นี่ท่านคิดเหมือนข้าหรือไม่ เรื่องที่หลับนอนกับบ่าวไพร่บางทีอาจเป็นพวกนาง ที่ต้องการทำให้ใครอับอายในวันนี้ก็เป็นได้นะ’
‘ใช่ ๆ ๆ ข้าได้ยินมาว่าพวกนางอิจฉาคุณหนูหยางด้วยนะ’
เหอฮูหยินถอยหลังมาหนึ่งก้าวยืนมองอยู่เงียบ ๆ จนกระทั่งเสี่ยวฮัวกลับมาพร้อมบ่าวไพร่ที่มีถังน้ำอยู่ในมือ จึงได้มีคำสั่งให้สาดน้ำเย็นเข้าไป และแยกคนออกจากกันโดยเร็วที่สุด
“พวกเจ้าสาดน้ำเย็นให้คนเหล่านี้ได้สติ จับตัวบ่าวพวกนั้นแยกไปมัดไว้ต่างหาก ฟางซื่อเจ้าไปนำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้คุณหนูทั้งสองที”
“ขอรับ /เจ้าค่ะ”
ซ่า ซ่า กรี๊ดดด แค่ก ๆ ๆ “อืมมม พวกเจ้าเป็นใครถึงมาขัดขวางเวลาความสุขของข้า อ่า ข้ายังไม่พอพวกเจ้าต้องปรนนิบัติข้าให้มากกว่านี้ อื้อออ” เซิ่งฟางเอินแม้จะถูกสาดด้วยน้ำเย็นจนเปียกไปทั่วร่าง แต่ฤทธิ์ยายังคงไม่หมดไปในทันที
หลีเยียนหรานก็เช่นกันนางพยายามสะบัดตัว เพื่อให้พ้นจากการเกาะกุมของผู้เป็นมารดา “ซี้ดดด นี่ปล่อยข้านะ ข้าต้องการบุรุษเท่านั้นมิใช่สตรีเช่นเจ้าที่ไม่มีแท่งหยก”
“เจ้าพูดอันใดออกมารู้ตัวหรือไม่ นี่มันเกิดอะไรกับพวกเจ้ากันแน่”
ชุนเพ่ยสาวใช้ของลู่ฮูหยินกระซิบบอกเจ้านาย เพราะยามนี้มีฮูหยินจากตระกูลขุนนางที่รับรู้เรื่องนี้จำนวนมาก “ฮูหยินเจ้าคะบ่าวว่ารีบพาคุณหนูกลับจวนก่อนเถิด หากนายท่านทราบว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่ บ่าวเกรงว่าฮูหยินกับคุณหนูจะรับโทสะของนายท่านไม่ไหวนะเจ้าคะ”
“เจ้าพูดถูกชุนเพ่ย”
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน หยางเฟิ่งเซียนจึงกระซิบบอกกับมารดาซึ่งคล้ายกับที่ชุนเพ่ยคิดไว้ “ท่านแม่เจ้าคะ เพื่อช่วยท่านย่าเหอมิให้รู้สึกเสียหน้าในวันนี้ เราเตรียมรถม้าส่งพวกนางกลับจวนเถิดเจ้าค่ะ”
“อืม แม่ก็คิดว่าควรเป็นเช่นที่เจ้าว่า เพราะเหล่าฮูหยินที่ตามมาล้วนเห็นอย่างชัดเจน พวกนางจะไม่แอบนินทาจนบ่าวไพร่ในจวน นำเรื่องที่เกิดขึ้นไปพูดต่อนอกจวนได้หรือ”
ซูอันยกยิ้มร้ายอย่างรู้ทันพร้อมบุตรสาว ก่อนจะเดินขึ้นไปบอกกับเหอฮูหยินที่ยืนทำหน้าบอกบุญไม่รับ “ท่านป้าเจ้าคะ ข้าว่าจัดการเรื่องนี้อย่างเงียบ ๆ เถิด ให้บ่าวไพร่ไปเตรียมรถม้าไว้ยังประตูข้าง เพื่อพาคุณหนูทั้งสองกลับจวนโดยเร็ว ลู่ฮูหยินและเจี่ยงฮูหยินจะได้ตามท่านหมอมาตรวจบุตรสาว ขืนปล่อยไว้เช่นนี้พวกนางอาจเป็นอันตรายได้นะเจ้าคะ”
“นั่นสินะ ยาปลุกกำหนัดถือว่ามีพิษอยู่เช่นกัน ฮูหยินทั้งสองข้าจะให้คนเตรียมรถม้าไว้ที่ประตูข้าง ท่านจะได้พาบุตรสาวกลับจวนอย่างเงียบ ๆ และตามท่านหมอมาตรวจรักษาพวกนาง ส่วนสามีของพวกท่านข้าจะให้คนไปแจ้งทีหลัง ประเดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้บุตรสาวพวกท่านเสียก่อนนะค่อยไปขึ้นรถม้า”
“ขอบคุณเหอฮูหยินที่เข้าใจพวกข้า ขออภัยที่บุตรสาวของข้าทำเรื่องน่าอับอายในจวนของท่าน ไว้นางหายดีข้าจะพามาขอขมาท่านเอง” แม้จะรู้สึกไม่พอใจอยู่ลึก ๆ แต่ลู่ฮูหยินกลับพูดตรงกันข้ามเสียอย่างนั้น
“ข้าก็เช่นกัน ขออภัยเหอฮูหยินจริง ๆ หากหรานเอ๋อร์ดีขึ้น จะพานางมากราบขอขมาท่านที่จวนแน่นอน”
โหรวฮูหยินที่อยากมาร่วมเป็นพยาน หลังจากได้เห็นเรื่องราวกับตาตนเองแล้ว จึงแอบสะกิดฮูหยินคนอื่น ๆ เพื่อกลับออกไปโดยอ้างถึงเหล่าสามีของตนว่าจะเกิดความสงสัย ที่พวกนางหายมาด้วยกันทั้งหมด แต่ความจริงนางอยากพูดเรื่องของเซิ่งฟางเอินกับหลีเยียนหรานเท่านั้น
“เหอฮูหยินในเมื่อท่านต้องอยู่จัดการที่นี่ เช่นนั้นพวกข้ากลับไปรอท่านที่เรือนหน้าดีกว่า หากเหล่าบุรุษสังเกตเห็นอาจเกิดความสงสัยเอาได้ ว่าฮูหยินทั้งหลายหายไปที่ใด”
ฮูหยินของใต้เท้าเสี่ยวที่คันปากอยากนินทา ก็รีบเอ่ยขึ้นเพราะเห็นด้วยกับโหรวฮูหยิน “ใช่เจ้าค่ะเหอฮูหยิน ท่านก็รู้ว่าพวกบุรุษมักมีข้อสงสัยกับพวกเราได้ทุกเรื่อง”
เหอฮูหยินไม่เข้าใจคนเหล่านี้ได้อย่างไร เรื่องเช่นนี้มิใช่ว่านางไม่เคยพานพบมาก่อนเสียเมื่อไหร่กัน “ขออภัยทุกท่านที่ต้องพบเจอเรื่องนี้ในจวนของข้า พวกท่านกลับไปรอข้าที่เรือนหน้าก่อนเถิด ข้าจะให้บ่าวไพร่นำสุราชั้นดีและอาหารเลิศรสไปเพิ่มเพื่อเป็นการขอโทษนะ”
หยางเฟิ่งเซียนได้จังหวะที่จะปลีกตัวไปจากที่นี่ นางจึงเอ่ยกับมารดาด้วยเสียงที่ดังพอสมควร “ท่านแม่ลูกขอกลับไปพร้อมฮูหยินทุกท่านนะเจ้าคะ ป่านนี้พวกพี่ชายคงรอลูกอยู่นาน หากยังไม่กลับไปเกรงว่าพวกเขาจะมาตามหาด้วยตนเองเจ้าค่ะ”
ซูอันย่อมรู้ทันว่าบุตรสาวอยากกลับไปหาพี่ชายเพราะอะไร “ไปเถิด และอย่าได้พากันไปซุกซนที่ใดอีกล่ะ บอกญาติผู้พี่ของเจ้าว่ารอพบแม่อยู่ที่นั่น”
“ลูกทราบแล้วเจ้าค่ะ”
ซูอันกำชับบุตสาวเสร็จก็หันมาช่วยเหอฮูหยิน เพื่อส่งสตรีจากสองตระกูลกลับจวนของพวกนาง ส่วนหยางเฟิ่งเซียนที่เดินรั้งท้ายของกลุ่มฮูหยิน ก็เดินกลับไปอย่างสง่าผ่าเผยแต่ใบหน้าที่งดงาม กลับปรากฏความสาแก่ใจอยู่ในดวงตาหงส์คู่งาม ผู้อื่นไม่รู้แต่เหล่าพี่ชายย่อมรู้ว่า แผนซ้อนแผนของพวกตนสำเร็จเป็นที่เรียบร้อย
ทางด้านใต้เท้าเซิ่งกับใต้เท้าหลีต้องขอตัวกลับจวน เมื่อมีบ่าวไพร่มาแจ้งว่าฮูหยินของตนพาบุตรสาวกลับไปก่อน และต้องการให้ใต้เท้าสองรีบตามไปโดยเร็ว เนื่องจากฮูหยินของทั้งสองมีเรื่องสำคัญต้องการหารือ พวกเขารู้สึกได้ว่ามีอะไรแปลก ๆ กับคำพูดที่ได้ฟัง แต่ยังคิดไม่ออกว่าเป็นเรื่องอันใดกันแน่ แต่เมื่อได้รู้ใต้เท้าทั้งสองแทบอยากสังหารบุตรสาวของตนทันที
หยางเฟิ่งเซียนเดินไปยืนกับมารดาด้วยท่าทางเขินอาย ส่วนเสี่ยวฮัวรีบวิ่งไปตามบ่าวไพร่อย่างรวดเร็ว และประตูเรือนรับรองก็ถูกเปิดโดยแม่นมฟาง หลังจากบานประตูเปิดกว้างสิ่งที่พบเห็น ยิ่งสร้างความโกรธเคืองให้กับเหอฮูหยินอย่างมากแต่ว่าภาพตรงหน้าทำเอาสองฮูหยิน ที่ติดตามมาถึงกับตกตะลึงจนอยากหยุดหายใจ เนื่องจากสตรีสองในสี่ที่อยู่ด้านในนั้น กลับกลายเป็นบุตรสาวของพวกนางเสียเอง พวกนางไม่คิดมาก่อนว่าบุตรสาวของตน จะคิดวางแผนกลั่นแกล้งคนในในจวนตระกูลฟง จนต้องรับผลจากแผนสกปรกเสียเอง หากสามีของพวกนางรู้เข้าต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่เหอฮูหยินยังไม่ทันได้กล่าวสิ่งใด ก็มีเสียงจากด้านหลังกรีดร้องและวิ่งเข้าไป เพื่อแยกคนด้านในออกจากบุรุษ ที่พวกนางดูอย่างไรก็มิใช่คุณชายตระกูลสูงศักดิ์ ที่สำคัญคนภายในห้องนี้ล้วนเปลือยกายล่อนจ้อน ไม่เว้นแม้แต่สาวใช้ของบุตรสาวพวกนางปัง! “กรี๊ดดด! เอินเอ๋อร์ /หรานเอ๋อร์!”“เจ้าคนต่ำช้าออกไปให้ห่างลูกของข้านะ ออกไป๊ เอินเอ๋อร์ ๆ เจ้าอย่าทำเช่นนี้บอกแม่มาเถิดว่าใครที่ทำร้ายเจ้า แม่จะให้คนไปตามจับตัวพวกมามาลงโทษ”“หรานเอ๋อร์ ๆ ลูกแม่” เพียะ! เพียะ! “ออกไปให้พ้นพวกสกปรกอย่ามาแตะลูกสาวของข
ขณะที่แขกเหรื่อกำลังสนทนากันอย่างออกรส ภายหลังจากองค์หญิงใหญ่ได้เสด็จกลับจวนไปได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ซึ่งยามนี้ในวงสนทนามีเหล่าฮูหยินหลายตระกูล ต่างกล่าวชื่นชมบุตรสาวของตนไปมาตั้งแต่เริ่มงานเลี้ยง เพื่อเป็นการมองหาบุรุษให้กับบุตรสาวของตนหนึ่งในนั้นยังมีซูอันที่นั่งอยู่ข้างกายพี่สาวโดยไม่พูดสิ่งใด พวกนางมิได้ตอบรับหรือถามอันใดเพิ่มเติม ทำเพียงแค่ยิ้มบางให้กับบางคำถามเท่านั้น เนื่องจากสองพี่น้องตระกูลจิน ไม่เคยคิดบังคับบุตรของตนในเรื่องของการเลือกคู่ครองส่วนเสี่ยวฮัวที่ตั้งหน้าตั้งหน้าวิ่งมาจากเรือนรับรอง นางย่อมรู้ว่าควรวิ่งไปหาผู้ใดเพื่อรายงานเรื่องที่เกิดขึ้น แฮ่ก ๆ ๆ “ฮูหยินเจ้าคะเกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ ทะ ทะ ที่เรือนรับรองมีคนทำเรื่องบัดสีอยู่ในนั้นเจ้าค่ะ”พรึบ! “เจ้าว่ามีเรื่องอันใดเกิดขึ้นในจวนของข้านะ พูดมาให้ชัดว่ามันเป็นเรื่องอะไรกันแน่!” เหอฮูหยินมารดาของฟงเฉิงฮ่าวแทบนั่งไม่ติด เมื่อได้ยินสาวใช้ของจวนวิ่งหน้าตาตื่น เข้ามารายงานเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้น“เมื่อครู่บ่าวพาคุณหนูหยางไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เรือนรับรอง แต่บ่าวกับคุณหนูหยางกลับได้ยินเสียงบุรุษกับสตรี กำลังทำเรื่องบัดสีอย
ส่วนเสี่ยวขุยที่เดินตามหาเสี่ยวฮัวในที่สุดก็เจอตัว จึงพากลับมาพบเมิ่งฟางเอินเพื่อรับภารกิจตามที่รับปากไว้ โดยที่แขกในงานคิดว่าเป็นการตามสาวใช้ มาช่วยเหลือเรื่องอาหารหรือน้ำชาที่พร่องไป มิได้คิดว่าจะมีแผนการสร้างความวุ่นวายแต่อย่างใด“คารวะคุณหนูทั้งสอง ท่านต้องการให้บ่าวทำสิ่งใดหรือเจ้าคะ”เมิ่งฟางเอินไม่รอช้ารีบสั่งการกับเสี่ยวฮัว ตามแผนการที่นางได้เตรียมเอาไว้ เพื่อสร้างเหตุการณ์ให้แขกเหรื่อในงานทั้งหลาย ได้รับรู้ว่าหยางเฟิ่งเซียนมิใช่สตรีที่ดีงามอันใด“เจ้านำกำยานไร้กลิ่นนี้ไปจุดไว้ในเรือนรับรองหลังใดก็ได้ แล้วไปตามบ่าวที่ดูแลม้าของจวนให้เข้าไปอยู่รอด้านใน จากนั้นเจ้าจงกลับมาในงานถือถาดกาน้ำชา แสร้งสะดุดไปทางหยางเฟิ่งเซียน เมื่อชุดของนางเปียกชื้นเจ้ารีบอาสาพานางไปเปลี่ยนชุดยังห้องรับรอง พอผ่านไปสักหนึ่งเค่อก็ส่งเสียงร้องดัง ๆ ข้ากับสหายจะรีบตามไปที่นั่น”เมื่อรู้ว่าเป็นภารกิจที่ไม่ยากเกินความสามารถ เสี่ยวฮัวยกยิ้มอย่างมั่นใจว่าตนเองทำสำเร็จได้แน่ จึงลองเอ่ยถึงเรื่องค่าจ้างที่เหลือกับเซิ่งฟางเอิน “คุณหนูรอฟังสัญญาณจากบ่าวได้เลยเจ้าค่ะ ว่าแต่ค่าจ้างที่เหลือของบ่าว...”“พรุ่งนี้เช้ามื
และแล้วงานเลี้ยงของจวนตระกูลฟงก็มาถึง แขกเหรื่อมากมายหลายตระกูลต่างมาร่วมแสดงความยินดี ซึ่งในมือของทุกตระกูลจะมีกล่องของขวัญ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจที่บางคนแอบแฝงเรื่องอื่น ๆ เพียงแค่สิ่งที่ผู้คนได้เห็นเป็นเพียงหน้ากากเท่านั้นส่วนหยางเฟิ่งเซียนกับพี่ชายของตน ได้ชักชวนบิดาและมารดามายังจวนญาติผู้พี่ ก่อนจะถึงเวลาเริ่มงานเลี้ยงหนึ่งชั่วยาม เพื่อนำอุปกรณ์พิเศษที่จีจี้จัดเตรียมไว้ล่วงหน้า เข้าไปติดตามมุมต่าง ๆ ที่คาดว่าจะมีคนลงมือทำเรื่องไม่ดีในวันนี้ซูอันนำกล้องวงจรปิดขนาดเล็ก ใส่ไว้ในลังไม้จำนวนนับร้อยชิ้น และกำชับกับบุตรทั้งสองก่อนลงจากรถม้าอีกเล็กน้อย “หรงเอ๋อร์ เซียนเอ๋อร์ อย่าลืมสิ่งที่แม่เคยสอนพวกเจ้าไว้ล่ะ หากมีคนคิดทำร้ายลูกในงานเลี้ยง...”“ถ้าหากลูกถูกคนกลั้นแกล้งหรือลอบทำร้ายในงานเลี้ยง อย่าได้ตอบโต้กลับด้วยความรุนแรง จงทำตัวให้เป็นคนที่น่าสงสาร จากนั้นค่อยเอาคืนอย่างสาสมใช่หรือไม่เจ้าคะ” หยางเฟิ่งเซียนย่อมจดจำได้กับสิ่งที่มารดาต้องการบอกกับตน ยกเว้นหากถูกรังแกซึ่ง ๆ หน้าเท่านั้น นางถึงจะลงมือจัดการอย่างตรงไปตรงมาไม่มีละเว้น“หึ ใช่ ในเมื่อพวกลูกจดจำได้ก็ดีแล้ว แม้จะเป็นที่
เรื่องข่าวดีที่บุตรชายฝาแฝดคนเล็กของเยี่ยนหลิงกับฟงเฉิงฮ่าว สามารถสอบได้ตำแหน่งจอหงวนถูกส่งไปยังตระกูลจิน ที่ยังคงคอยดูแลร้านผ้าไหมอยู่ในเมืองผู่เถียน สองสามีภรรยาอย่างมู่ถงและจือเหมย ยังคงทำงานที่ตนเองรักอย่างมีความสุขทุก ๆ สามเดือนทั้งสองคนจะเดินทางเข้าเมืองหลวง เพื่อไปเยี่ยมเยียนบุตรหลานเป็นประจำ ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นตั้งแต่บุตรสาวออกเรือน และย้ายไปอยู่บ้านสามีตามธรรมเนียม แม้ซูอันกับเยี่ยนหลิงอยากให้บิดามารดาไปอยู่เมืองหลวง แต่ทั้งสองกลับชอบอยู่ที่เมืองผู่เถียนเสียมากกว่าเนื่องจากข่าวดีส่งมาในเวลากระชั้นชิดเกินไป มู่ถงกับจือเหมยจึงเลือกส่งของขวัญให้กับหลานชาย เพราะคงไม่สามารถเดินทางในเวลาอันสั้นได้ และของขวัญที่ส่งให้หลานชายอย่างฟงเหยาเหวิน ย่อมเป็นผ้าไหมปักลายอย่างประณีตงดงามอย่างแน่แท้ทางด้านเยี่ยนหลิงก็ช่วยแม่สามีจัดเตรียมงานเลี้ยง ทุกอย่างในงานล้วนทำอย่างพิถีพิถันมากที่สุด ด้วยไม่ต้องการทำให้ตระกูลฟงขายหน้าได้ อย่างไรเสียงานเลี้ยงครั้งนี้องค์หญิงใหญ่ย่อมเสด็จมาเข้าร่วม เพราะทั้งสองตระกูลมีสายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นเป็นเวลาหลายปี ตั้งแต่บุตรชายจนมาถึงหลาน ๆ ของทั้งสองตระกูลแขกเ
ในวันที่ตระกูลฟงได้รับข่าวน่ายินดี เมื่อมีจอหงวนคนใหม่อยู่ในตระกูลแม่ทัพใหญ่ การหารือเรื่องงานเลี้ยงจึงเสร็จสิ้นภายในวันเดียวกัน จินเยี่ยนหลิงกับแม่สามีช่วยกันทำงานไม่ให้ตกหล่น รายชื่อแขกที่เชิญมาร่วมงานได้มอบให้พ่อบ้านจัดการเป็นที่เรียบร้อยมีเพียงหนังสือเชิญของตระกูลหยาง ที่สองพี่น้องฝาแฝดตระกูลฟงนำไปส่งด้วยตนเอง เพื่อเยี่ยมคารวะท่านน้ากับน้าเขย แต่สิ่งที่ทุกคนต่างรู้กันดีย่อมหนีไม่พ้นญาติผู้น้อง ไม่ว่าครั้งไหนทั้งสี่คนมักจะนั่งพูดคุยจนลืมเวลาได้เสมอ“พวกเจ้าสองคนอย่าไปถึงงานเลี้ยงช้านักล่ะ พี่สั่งให้พ่อครัวทำอาหารที่พวกเจ้าชอบไว้หลายอย่าง ไปถึงช้าจะถูกคนอื่นแย่งกินจนหมดนะ”“พี่เหยาเหวินท่านไม่ต้องห่วง ข้ากับพี่ใหญ่จะไปถึงเป็นคนแรกแน่นอนเจ้าค่ะ”แต่หยางซิวหรงกลับคิดต่างกับน้องสาวเล็กน้อย “เซียนเอ๋อร์แน่ใจหรือว่าเจ้าจะเป็นคนแรกที่ไปถึง พี่กลับคิดว่าคงมีคุณหนูอีกหลายตระกูล ที่เร่งเร้าให้บิดามารดาพาไปร่วมงานแต่หัววัน เมื่อเจ้าไปถึงพวกนางก็เดินให้เกลื่อนจวนแล้วกระมัง”“เรื่องนี้ข้าเห็นด้วยกับอาหรงนะ นอกจากตระกูลที่เป็นมิตรกับท่านปู่แล้ว อย่างไรเสียพวกที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามจะไม่เชิญก็ไม่ได้