แม้ว่าครั้งนี้ต้องมาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ฉันต้องทำให้ครอบครัวลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ขอบคุณโชคชะตาที่ทำใหฉันได้มีโอกาสกลับมาอยู่กับทุกคน ฉันจะใช้ทุกวินาทีให้คุ้มค่าเพื่อครอบครัวที่รออยู่
ดูเพิ่มเติม1. นิยายเรื่อง ย้อนเวลาไปปฏิวัติตัวเอง ให้กลายเป็นคุณแม่สุดแซ่บ ยุค80 (จบแล้วมี e-book)
2. นิยายเรื่อง หลี่หนิงซิน ข้ามเวลาไปเป็นมารดาให้เจ้าก้อนแป้ง ยุค80 (จบแล้ว มีe-book)
3. นิยายเรื่อง ข้ามเวลาไปทำสวนกับเจ้าหนูตัวป่วนข้างบ้าน ยุค80
นิยายทั้ง 3 เรื่องนี้เป็นนิยายชุด ที่มีเนื้อหาและตัวละครที่เกี่ยวพันกัน เพื่อความเข้าใจควรอ่านตามลำดับนะคะ
"ไม่นะ! ทำไมรถถึงเป็นแบบนี้ล่ะ ไม่นะ ไม่!"
โคร้ม!
กว่าฮั่นซานเฉียวจะรู้ตัวว่ารถที่เธอขับอยู่มีปัญหาก็สายไปเสียแล้ว เธอพยายามเหยียบเบรกระหว่างที่ขับรถลงเขา พอรู้ตัวอีกที่เธอก็กลายเป็นเพียงวิญญาณที่ยืนอยู่ข้างซากปะหลักหักพัง
รถกู้ภัยและเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยกันนำร่างของเธอออกจากซากรถ ระหว่างนั้นเธอมองเห็นญาติผู้น้อง ซึ่งเป็นลูกสาวของน้ากำลังยืนมองดูเหตุการณ์อย่างเย็นชา ใบหน้าของจางลี่เผยรอยยิ้มที่มุมปากเพียงครู่เดียวก็ถูกแม่ของเธอสะกิดเอาไว้
ซานเฉียวที่เป็นวิญญาณพยายามเดินเข้าไปใกล้สองแม่ลูกที่กำลังคุยกัน นั่นจึงทำให้เธอตาสว่างถึงเรื่องอุบัติเหตุของครอบครัวเมื่อเดือนก่อน ปู่ย่า พ่อแม่และพี่ชายของซานเฉียวเดินทางด้วยรถตู้ครอบครัวเพื่อลงไปเยี่ยมเธอที่ต่างเมือง
แต่ระหว่างทางเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคัน นั่นจึงทำให้ซานเฉียวเสียใจที่ตัวเองกลายเป็นต้นเหตุ เธอจึงได้ลาออกจากงานแล้วกลัวมาดูแลไร่องุ่นของครอบครัว แต่ทว่า...
"แม่แน่ใจนะคะว่าตายกันยกครัวขนาดนี้จะไม่มีใครสงสัยเรา"
จางลี่หญิงสาวปากแดงเอ่ยถามมารดาที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สิ่งที่เธอเบื่อที่สุดคือการต้องยืนปั้นหน้าทำเป็นโศกเศร้า ทั้งที่เธออยากให้ครอบครัวนี้ตายไปเร็ว ๆ ทุกอย่างจะได้ตกเป็นของเธอกับแม่เสียที
"แม่ใช้เส้นสายยัดเงินไว้หมดแล้ว แกอย่าทำให้เสียแผนก็แล้วกัน ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จออกมา อย่าให้คนต้องมาสงสัยเรา"
"รู้แล้วค่ะแม่ เฮ้อ พูดมากจริง ๆ ดูซิเนี่ย ทำไมมันร้อน ๆ หนาว ๆ ก็ไม่รู้ อย่าบอกนะว่าผีนังซานเฉียววนเวียนอยู่แถวนี้น่ะ"
"หุบปาก! พูดอะไรไร้สาระ ถ้ามันอยู่ตรงนี้จริงก็ฟังเอาไว้ให้ดี เดิมทีฉันก็ไม่ได้อยากฆ่าแกเลยสักนิด ถ้าแกไม่สาระแนกลับมาที่นี่ แกคงไม่ต้องกลายเป็นผีข้างถนนแบบนี้หรอก ทางที่ดีแกควรไปอยู่กับครอบครัวของแกได้แล้ว แกน่าจะรู้ว่าพวกเค้ารักแกขนาดไหน"
สิ่งที่น้องสาวของมารดาทำให้ซานเฉียวไม่อาจปฏิเสธได้ ทุกคนในครอบครัวรักเธอมาก พวกเค้าให้อิสระกับเธอทุกอย่างไม่ว่าอยากทำอะไรก็ตาม ไม่เคยมีใครบังคับให้เธอกลับมาทำงานที่บ้านเลยสักครั้ง
อยู่ ๆ ก็มีแรงมหาศาลที่ดึงดูดดวงวิญญาณของซานเฉียวไปยังที่ไหนบางแห่ง เธอไม่รู้ว่ามันเนิ่นนานขนาดไหวกว่าทุกอย่างจะหยุดลง วิญญาณของซานเฉียวมาโผล่อยู่ที่ทุ่งหญ้าเขียวขจี โดยมีชายชรากับคนหนึ่งยืนอยู่ก่อนที่เธอจะมาถึง
"มาแล้วเรอะ ฮั่วซานเฉียว"
คำพูดของชายชราตรงหน้าทำให้ซานเฉียวงุนงงไม่น้อย เธอไม่เคยรู้จักหรือพบเจอกับคนตรงหน้ามาก่อนแน่นอน แล้วอีกฝ่ายรู้จักเธอได้ยังไงกัน หรือว่าจะเป็น....
"คุณตารู้ได้ยังไงคะว่าฉันเป็นใคร?"
"นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องของครอบครัวเจ้าต่างหากที่สำคัญกว่า"
"ครอบครัว? ครอบครัวของหนูทุกคนเสียไปหมดแล้ว เพราะผู้หญิงใจร้ายคนนั้น"
น้ำเสียงของซานเฉียวแผ่วเบาลงเมื่อนึกถึงสิ่งที่ครอบครัวของเธอถูกกระทำ หากมีโอกาสอีกครั้งเธอจะไม่ปล่อยให้ทุกคนต้องเผชิญเรื่องร้าย ๆ โดยที่ไม่มีเธอ จะร้ายดี สุขหรือทุกข์ เธอควรผ่านมันไปด้วยกันกับพวกเขา
"ครอบครัวของเจ้าในอีกกาลเวลาหนึ่งกำลังต้องการความช่วยเหลือ เจ้าพร้อมจะไปลำบากกับพวกเขาหรือไม่ ดีร้าย ทุกข์สุข เจ้าพร้อมจะผ่านมันไปพร้อมพวกเขาตามที่เจ้าตั้งใจไว้หรือไม่?"
คำพูดของชายชราทำเอาซานเฉียวแทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง แต่การที่ดวงวิญญาณของเธอมาอยู่ตรงนี้ได้ก็ถือเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเช่นกัน
"อิ..อีกกาลเวลาหนึ่งเหรอคะ คุณตาหมายความว่าทุกคนในครอบครัวของหนูยังมีชีวิตอยู่ในอีกกาลเวลาหนึ่งอย่างนั้นเหรอคะ"
"ใช่! หากเจ้าต้องการเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เราก็จะให้เจ้าได้ทำดังที่ปรารถนา แต่มีข้อแลกเปลี่ยนบางอย่างที่เราผู้เฒ่าอยากตกลงกับเจ้า"
"ข้อแลกเปลี่ยนอะไรคะ ขอแค่ได้อยู่กับทุกคนอีกครั้งหนูยอมทุกอย่างค่ะ"
"ตามเรามาทางนี้"
ฮั่วซานเฉียวเดินตามชายชราไปทางโรงนาขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า พอทั้งคู่เดินเข้าไปใกล้ ๆ ประตูโรงนาก็เปิดออกเองโดยอัตโนมัติ ซานเฉียวเห็นว่าข้างในมีเครื่องสีข้าวขนาดใหญ่ตั้งอยู่ มุมทางเข้ามีจักรยาน 2 คันจอดอยู่
ไม่ไกลนักมีรถไถกับรถเกี่ยวข้าวจอดอยู่ ด้านข้างเต็มไปด้วยเครื่องมือทำสวน รวมไปถึงปุ๋ยและเมล็ดพันธุ์ข้าวและเมล็ดพันองุ่นหลายสายพันธุ์ที่มีกระดาษเขียนติดอยู่ ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกองไม้และลวดค้อนตะปู ถังน้ำมัน ทุกอย่างมีพร้อมให้ใช้งานหลายอย่างตามที่ต้องการ
"ของพวกนี้..."
"ของพวกนี้เราผู้เฒ่ามอบให้เจ้าเป็นต้นทุนในการดำเนินชีวิต อุปกรณ์ต่าง ๆ เจ้าสามารถหยิบใช้ได้ตามต้องการ ผืนแผ่นดินในมิตินี้ล้วนเป็นดินวิเศษที่สามารถปลูกผัก ปลูกข้าวให้งดงามและเก็บเกี่ยวได้เพียงชั่วข้ามคืน ฉะนั้นเจ้าควรเก็บเรื่องนี้เอาไว้เป็นความลับ อย่าได้บอกคนอื่นที่เจ้าไม่รู้จักนิสัยใจคอ ในยามที่เจ้าต้องการเข้ามาที่นี่ เพียงระลึกเจ้าก็สามารถเข้ามาได้ตามที่ต้องการ ส่วนด้านนั้นเป็นห้องพักที่เจ้าสามารถพักอาศัยได้"
"จริงเหรอคะ"
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นใหม่ ซานเฉียวลองหยิบจอบไปขุดดินที่ลานกว้าง พร้อมกับคว้าเอาเมล็ดพันธุ์ข้าวหอมมะลิกับผักคะน้าไปลองหว่านดูโดยไม่คิดว่าจะเป็นจริง
ผ่านไปไม่ถึง 10 นาที เธอก็เห็นเมล็ดพันธุ์ที่เธอหว่านลงดินแตกออก ทั้งข้าวและคะน้าต่างก็กลายเป็นต้นอ่อนยื่นกิ่งก้านออกมาอย่างน่ามหัศจรรย์ใจ
"ตามเราผู้เฒ่ามาทางนี้ เห็นโรงนาตรงนั้นหรือไม่"
มือของชายชราชี้ไปที่โรงนาขนาดกลางที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก พอซานเฉียวมองตามเธอก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย
"ในนั้นมีอะไรเหรอคะ"
"เป็นโรงบ่มไวน์ของครอบครัวเข้า เราผู้เฒ่ายกให้เจ้าเอาไว้ดูต่างหน้า หากอนาคตเจ้าต้องการสานต่อ หรือเมื่อไหร่ที่เจ้าพร้อมก็เปิดเข้าไปดูได้ตลอดเวลา แต่คาดว่าตอนนี้เจ้าคงต้องจัดการเรื่องยุ่ง ๆ ที่รออยู่ให้ลงตัวก่อน"
"ค่ะคุณตา"
"เอาล่ะ เจ้าเชื่อแล้วใช่หรือไม่"
"ชะ..เชื่อแล้วค่ะ ว่าแต่คุณตาจะให้หนูทำอะไรบ้างคะเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน"
"ช่วยคนที่ลำบากเท่าที่เจ้าจะช่วยได้ เชื่อเถอะว่าเมื่อถึงเวลาเจ้าจะรู้เอง เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เอาล่ะ ดูความทรงจำของร่างที่เจ้าจะเข้าไปอยู่ซะ ถึงนั่นจะเป็นร่างของเจ้าที่อยู่ในอีกกาลเวลาหนึ่ง แต่ยังไงก็ต้องทำความรู้จักนิสัยใจคอและเรื่องราวทุกอย่างเอาไว้ด้วย"
บนท้องฟ้ากว้างใหญ่ฉายภาพเรื่องราวของทุกคนในครอบครัวที่อยู่อีกกาลเวลาหนึ่ง ทุกคนมีหน้าตาเหมือนครอบของเธอไม่มีผิด ซ้ำยังถูกครอบครัวฝั่งแม่ของเธอโกงจนแทบไม่เหลืออะไร
ด้วยความที่ปู่ย่าของเธอมีลูกชายเพียงคนเดียว นั่นก็คือพ่อของเธอ พอถูกครอบครัวของแม่ชักชวนให้มาใช้ชีวิตที่ต่างเมืองในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงวุ่นวายในเมืองหลวง พ่อของเธอก็พาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่เมืองเจ้อเจียงเมื่อ 20 ปีก่อน
ถึงจะเรียกว่าหลีกหนีความวุ่นวายกลางเมืองหลวง แต่การไปใช้ชีวิตอยู่ที่ชนบทก็ไม่ใช่เรื่องง่าย กว่าทุกคนจะผ่านช่วงที่ยากลำบากมาได้ก็ต้องใช้เงินเก็บที่มีอยู่เพื่อประทังชีวิตมาตลอดหลายปี โชคดีที่บ้านนี้ยังมีแรงงานชายที่เข้าไปทำงานในคอมมูนหลายคนจึงไม่ลำบากเหมือนบ้านอื่น
ทว่าครอบครัวฝั่งแม่ของฮั่วซานเฉียวก็มีเรื่องเดือดร้อนให้มาขอหยิบยืมเงินอยู่บ่อย ๆ หนักเข้าถึงขั้นหลอกให้แม่ของเธอเอาโฉนดบ้านไปจำนองจนดอกทบต้น พอไม่มีเงินจ่ายก็ไม่มีใครรับผิดชอบ ตอนนี้ครอบครัวของเธอจึงอยู่ในจุดที่ต่ำสุด ถูกเจ้าหนี้ไล่ออกจากบ้านอยู่ทุกวัน
และฮั่วซานเฉียวก็ถูกลูกของน้าสาวแย่งคู่หมั้นไป ทั้งคู่จัดงานแต่งกันอย่างใหญ่โตจนเธอในกาลเวลานั้นไม่อาจรับความจริงได้ ซานเฉียวจึงกระโดดน้ำฆ่าตัวตายแต่โชคดีที่พี่ชายของเธอมาพบเข้า ส่วนฮั่วเจินผู้เป็นแม่ก็ได้แต่โทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวพบเจอแต่เรื่องแย่ ๆ
"พวกเค้ากำลังช่วยเจ้าขึ้นจากน้ำ ได้เวลาที่เจ้าต้องไปที่นั่นแล้ว พอเจ้าลืมตาตื่นขึ้นอีกครั้ง ความทรงจำต่าง ๆ จะหลั่งไหลเข้าไปในหัวของเจ้า เราผู้เฒ่าหวังว่าโอกาสครั้งนี้เจ้าจะถนอมและรักษามันเอาไว้ให้ดี"
น้ำเสียงนุ่มทุ้มแต่ทรงพลังค่อย ๆ เงียบหายไปพร้อมกับสติของเธอ และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เธอได้รับรู้กระทั่ง...
"อาเฉียวฟื้นขึ้นมาเร็วเข้า ซานเฉียว อึก อึก น้องได้ยินที่พี่เรียกไหม ซานเฉียว!"
เสียงของฮั่วซานหลางร้องเรียกน้องสาวอย่างเจ็บปวดในขณะที่กำลังปั๊มหัวใจของเธอกลับคืนมา ข้างกันมีทุกคนในครอบครัวช่วยกันเรียกหญิงสาวเพื่อให้เธอได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของคนเป็นแม่ที่ทำให้ครอบครัวเดินมาถึงจุดนี้
"ฮื้อออ ซานเฉียวลูก ฮึก ตื่นขึ้นมาหาแม่เร็วเข้า แม่ขอโทษที่ทำให้ทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ ฮื้อออ คุณคะช่วยลูกของเราด้วย"
"ใจเย็น ๆ ก่อนอาเจิน เชื่อแม่นะ ยังไงอาเฉียวจะต้องกลับมาหาพวกเราทุกคน"
แม่เฒ่าฮั่วซานเหนียงกอดปลอบลูกสะใภ้อย่างเห็นอกเห็นใจ ท่านรู้ว่าฮั่วเจินไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องทุกอย่างเป็นแบบนี้ เธอเพียงแค่ตามเล่ห์เหลี่ยมของคนชั่วไม่ทันก็เท่านั้น
แค่ก แค่ก
"อาเฉียว น้องกลับมาแล้ว อาเฉียวได้ยินพี่ไหม"
หลังจากได้สติขึ้นมาคนแรกที่ซานเฉียวมองเห็นก็คือพี่ชายของเธอ เธอหันไปข้าง ๆ ก็พบว่าทุกคนที่เธอสูญเสียไปแล้วกลับมาอยู่ตรงนั้นทั้งหมด ทั้งปู่ย่า พ่อแม่ รวมไปถึงพี่ชายที่รักเธอมากกว่าสิ่งใด
สีหน้าของเธอเปิดเผยถึงความปีติยินดีอย่างชัดเจน น้ำตามากมายไหลพรากออกมาเป็นสายด้วยความคิดถึง เธอโผเข้ากอดทุกคนที่รัก ในหัวของเธอได้แต่ขอบคุณชายชราคนนั้นที่มอบโอกาสนี้ให้กับเธอ
"พี่ใหญ่ แม่ พ่อ ปู่ ย่า ฮึก หนูคิดว่าจะไม่ได้เจอทุกคนแล้ว ฮื้อออ"
"แม่ขอโทษนะลูก แม่ขอโทษ เป็นเพราะแม่เองลูกถึงคิดสั้นแบบนี้"
"แม่ครับ แม่อย่าโทษตัวเอง การที่ไอ้บ้าจื่อชิวมันทำแบบนั้นก็เพราะความมักมากและโลภมากของมัน อาเฉียวน้องต้องฟังพี่ใหญ่คนนี้ สักวันจะต้องมีคนดี ๆ เข้ามาจีบน้องพี่ อย่าได้เสียใจหรือคิดสั้นเพราะคนแบบนั้นอีก รู้ไหมว่าชีวิตน้องสำคัญกับพวกเราแค่ไหน"
ซานเฉียวหันมองพี่ชายของเธอในขณะที่กำลังอยู่ในอ้อมกอดของทุกคน ชั่วขณะนั้นเองภาพความทรงจำต่าง ๆ รวมไปถึงนิสัยใจคอของร่างนี้ก็หลั่งไหลเข้ามาในหัวของเธอ จนเธอปวดหัวจนแทบระเบิดออกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วสติของเธอก็วูบดับไป
"อาเฉียวลูก อาหลางรีบพาน้องกลับบ้านก่อนดีกว่าลูก"
ฮั่วซานถังผู้เป็นพ่อพูดขึ้น พร้อมกับช่วยลูกชายจัดท่าทางก่อนจะอุ้มซานเฉียวกลับบ้านไปท่ามกลางความมืด ส่วนพ่อเฒ่าฮั่วเหมียนกับภรรยาก็มีลูกสะใภ้คอยดูแลอยู่ไม่ห่าง
เสิ่นซานเฉียวกำลังยืนมองแปลงผักในไร่ของเธอด้วยรอยยิ้ม แต่งงานกันมาหลายเดือนเสิ่นตงหยางทำหน้าที่สามีคอยดูแลเธอเป็นอย่างดี ชีวิตหลังแต่งงานของทั้งคู่เป็นไปอย่างราบรื่น ซานเฉียวได้มีเวลาให้กับไร่มากขึ้น ช่วยเหลือพี่ชายและดูแลบ้านเรือนไปพร้อม ๆ กันส่วนเสิ่นตงหยางก็แบ่งเวลาทำงานและเวลาอยู่กับครอบครัวได้อย่างลงตัว ยกเว้นในกรณีที่ต้องทำงานเร่งด่วน เขาก็จะพาลูกน้องมาทำงานที่บ้าน เพื่อที่จะได้อยู่ใกล้ ๆ กับซานเฉียวมากที่สุด"ทำอะไรอยู่ครับ"ร่างอรชรถูกโอบกอดเอาไว้ด้วยแขนแกร่งของผู้เป็นสามี ช่วงนี้ตงหยางโชคดีหน่อยที่เพื่อน ๆ ของลูกชายแวะเวียนมาที่ไร่ตลอด ทำให้เจ้าหนูตัวป่วนต้องกลายเป็นไกด์นำเที่ยวจนไม่มีเวลามาเฝ้าหม่าม๊าของเขา"อยากกินมะม่วงดองค่ะ ถ้าได้กินอะไรเปรี้ยว ๆ คงจะสดชื่นขึ้น"มีบางอย่างเริ่มเปลี่ยนแปลงไป ซานเฉียวเริ่มรู้สึกอยากกินอาหารรสเปรี้ยวเป็นพิเศษ อารมณ์ของเธอก็แปรปรวนง่าย เดี๋ยวดีใจ เดี๋ยวเสียใจ และมักจะหงุดหงิดกับเรื่องเล็กน้อย ร่างกายของเธอดูอวบอิ่มมีน้ำมีนวลขึ้นอย่างเห็นได้ชัด"เปลี่ยนเป็นมะม่วงสดดีกว่า พี่ไม่อยากให้หนูกินของดอง เดี๋ยวพี่ให้คนไปเก็บที่หลังตึกมาให้""ขอบคุณค
หนึ่งเดือนต่อมา งานแต่งงานของเสิ่นตงหยางและซานเฉียวก็ได้จัดขึ้นเล็ก ๆ ณ บ้านสกุลเสิ่น ซึ่งตั้งอยู่ติดกับไร่องุ่นของซานเฉียว บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและความอบอุ่น บ่าวสาวอยู่ในชุดแต่งงานสีแดง ทั้งคู่กำลังเข้าพิธีคำนับฟ้าดินตามประเพณี"คำนับฟ้าดิน""คำนับพ่อแม่""คำนับกันและกัน""ยกน้ำชา"คู่บ่าวสาวเริ่มยกน้ำชาให้กับปู่ย่าตายายรวมไปถึงพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการต่าง ๆ ก็ถึงเวลาของงานเลี้ยงฉลอง บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและเสียงดนตรี ทุกคนต่างก็มีความสุขที่ได้มาร่วมเป็นสักขีพยานในวันสำคัญของทั้งคู่"ดีใจด้วยนะซานเฉียว ในที่สุดเธอก็จะได้รู้ว่าการมีสามีมันดียังไง"ยังคงเป็นคุณแม่สุดแซ่บที่แซวซานเฉียวไม่หยุดหย่อน จนใบหน้านวลขึ้นสีแดงเรื่องจนเห็นได้ชัด"เธอไปแซวซานเฉียวแบบนั้นได้ยังไงเฉิงฮวน นี่เป็นของขวัญวันแต่งงานที่ฉันกับเฉิงฮวนเตรียมมาให้เธอนะซานเฉียว สัญญากับพวกเรามาก่อนว่าวันนี้เธอต้องใช้มัน อย่าลืมอ่านคู่มือที่ฉันให้ไปด้วยล่ะ"กล่องสีแดงขนาดเท่าครึ่งหน้าสมุดถูกยื่นเข้ามาในมือของซานเฉียว เพื่อนสาวทั้งสองยังคงย้ำนักย้ำหนาว่ายังไงเธอก็ต้องใช้ภายในวันนี้ มัน
1 ปีผ่านไปเรื่องยุ่ง ๆ ที่เกิดขึ้นผ่านมาได้ปีกว่าแล้ว ตอนนี้การเรียนของซานสปาเกตตีเข้าสู่โค้งสุดท้าย อีกไม่กี่วันเธอก็จะได้เข้ารับปริญญาบัตรในระดับบัณฑิตตามที่เธอใฝ่ฝันเอาไว้ แน่นอนว่าทุกคนในครอบครัวต่างก็ภูมิใจในตัวของลูกสาวคนนี้ทางด้านฮั่วซานหลางเองก็ทำหน้าที่เป็นผู้นำครอบครัวที่ดีไม่แพ้ผู้เป็นน้องสาว ตลอดหลายปีซานหลางทุ่มเทให้กับครอบครัวซ้ำยังเป็นกำลังหลักในการผลักดันให้ไร่องุ่นสกุลฮั่วเติบโตมาจนถึงวันนี้ โดยมีหวังห้าวเฉิงคนรักของเขาคอยเป็นกำลังใจให้ตอนนี้กู้เฉิงฮวนคลอดลูกคนที่ 2 จนเจ้าหนูเวินตงตงมีอายุได้ 1 ขวบ ส่วนชางหนิงซินก็คลอดลูกคนที่ 2 ได้ประมาณ 8 เดือนแล้ว เหลือเพียงเจ้าหนูตัวป่วนเสิ่นหาวห่าวเท่านั้นที่พร่ำขอให้หม่าม๊ามีน้องให้เขาสักทีซานเฉียวเลือกที่จะทำวิทยานิพนธ์จากข้อมูลในไร่ของเธอเอง ไม่ว่าจะเป็นการศึกษา สำรวจข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสินค้า หรือบริการจากลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมาย เช่น ความต้องการ ความคิดเห็น ความพึงพอใจ ทัศนคติ ภาพลักษณ์ ที่ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายมีต่อไร่ของเธอการเปรียบเทียบสินค้าและบริการของเธอกับคู่แข่งขัน พฤติกรรมการซื้อสินค้า ปัจจัยที่มีผลต่อการตัดส
ชายสูงวัยในชุดฮั่นฝูแบบโบราณ แต่เนื้อผ้ากลับเป็นแบบที่ชาวบ้านสวมใส่เดินเข้ามาพร้อมกับหลานชายวัยแรกรุ่น ทั้งคู่จ้องมองดูซานเฉียวที่หมดสติอยู่ในอ้อมกอดของตงหยาง ก่อนที่มือของผู้เฒ่าจะหยิบสร้อยคอที่ซานเฉียวสวมใส่ขึ้นมาดู"หากเจ้าต้องการช่วยชีวิตนางก็รีบพานางตามข้ามา""ผมจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่ใช่คนของเฮียฮ้อ"ชายชราไม่ตอบกลับแต่เขาเดินนำหน้าเข้าไปในถ้ำทันที เด็กหนุ่มที่ตามมาด้วยจึงเป็นคนตอบคำถามแทนผู้เป็นปู่"พี่ชายไม่ต้องเป็นห่วง เพราะสร้อยคอเส้นนั้นพวกพี่ถึงได้รับการช่วยเหลือจากหมู่บ้านของเรา ตามมาเร็วเข้า ไม่มีเวลาแล้ว"ตงหยางก้มมองดูใบหน้าซีดเซียวของซานเฉียว สุดท้ายเขาจึงตัดสินใจตามทั้งคู่เข้าไปในถ้ำ โดยที่มีเด็กหนุ่มคอยถือไฟฉายส่องทางให้เส้นทางในถ้ำสลับซับซ้อนคล้ายเขาวงกตและยังมีหลายทางให้เลือกเดิน หากไม่ชำนาญทางมีหวังคงต้องเดินวนอยู่ในถ้ำใหญ่แห่งนี้ไปจนตาย ใช้เวลาเกือบ 15 นาที ในที่สุดตงหยางก็เดินมาจนถึงปากทางออกอีกด้านหนึ่งของถ้ำแสงแดดส่งลอดผ่านม่านหมอกและเครือไม้ที่บดบังทิวทัศน์ตรงหน้า ภาพทุกอย่างค่อย ๆ เด่นชัดขึ้นเมื่อตงหยางเดินห่างออกจากตัวถ้ำไปเรื่อย ๆ "ตามมาทางนี้เร็วเข้าพี
ซานเฉียวที่ถูกขังอยู่ในห้อง พอทุกคนออกไปหมดกระท่อมน้อยก็ถูกล็อกจากด้านนอก เธอจึงใช้โอกาสนี้หลบเข้าไปในมิติของเธอทั้งที่มือและเท้าของเธอยังถูกมัดติดกับเก้าอี้อยู่"เอาว่ะ! ยังไงถูกมัดอยู่ในมิติก็ยังดีกว่าถูกมัดอยู่ในห้องนี้"พรึบทันทีที่เข้าไปในมิติด้วยสภาพที่ทุลักทุเล ซานเฉียวต้องใช้แรงที่มีพาตัวเธอกับเก้าอี้กระโดดไปจุดที่เคียวดายหญ้าวางอยู่ตรงโคนต้นไม้ตุ๊บ!ซานเฉียวจำต้องตะแคงข้างให้เก้าอี้ล้มลง แม้จะทำให้แขนของเธอต้องเจ็บจากการถูกเก้าอี้กดทับ แต่มันก็ทำให้เธอคว้าเอาเคียวดายหญ้ามาถือไว้ในมือได้สำเร็จครืด คราด ครืด คราด ครืด คราด"โอ๊ย! ซี๊ดดด"เสียงของเคียวดายหญ้าถูกใช้ตัดเชือกไปมาอยู่ด้านหลัง แต่การที่ไม่สามารถมองเห็นได้ทำให้คมของเคียวดายหญ้าบาดลึกลงที่ผิวหนังบริเวณข้อมือของซานเฉียวจนเลือดซึมออกมา แต่เธอก็ยังไม่ยอมหยุดมือซ้ำยังเร่งมือมัดเชือกออกให้เร็วที่สุดก่อนที่เธอจะไม่มีแรงปึ๊ด"ขาดซักที ซี๊ดด เจ็บชะมัด!"ซานเฉียวรีบประคองตัวเองขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก ก่อนที่เธอจะเริ่มลงมือตัดเชือกที่มัดเท้าเธออยู่ ไม่นานเชือกก็ขาด มือและเท้าของเธอก็ได้รับอิสระอีกครั้ง ซานเฉียวเห็นว่าข้างนอกย
วันเวลาผ่านไปจนซานเฉียวกับหาวห่าวกลับไปเรียนตามปกติ ช่วงที่ผ่านมาเสิ่นตงหยางให้คนคอยเฝ้าดูแลทั้งคู่อย่างเข้มงวด กระทั่งถึงตอนนี้จึงผ่อนคลายลงบ้านเพราะทั้งคู่ต่างก็ต้องออกไปใช้ชีวิตกันตามปกติ"เฉิงเฉิง ม่านม่าน พวกเธอขึ้นห้องเรียนไปก่อนเลยนะ เดี๋ยวฉันตามไป"ซานเฉียวที่เพิ่งเดินมาจากโรงอาหารเตรียมจะเข้าเรียนคาบบ่าย แต่รู้สึกปวดท้องจึงขอแยกตัวออกไปเข้าห้องน้ำสักครู่ ทั้งไม่อยากให้เพื่อน ๆ ต้องมารอเธอคนเดียว"แล้วเธอจะไปไหนเฉียวเฉียว""ฉันจะไปเข้าห้องน้ำแป้บนึ่ง พวกเธอขึ้นห้องไปก่อนเลยม่านม่าน เดี๋ยวอาจารย์มาถึงก่อนลำบากแย่เลย""ได้ ๆ งั้นเดี๋ยวฉันเช็กชื่อไว้รอแล้วกัน""จ้ะ" ฮั่วซานเฉียวเดินออกมาจากกลุ่มเพื่อนเพื่อเข้าห้องน้ำหญิง เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามผ่อนคลายความตึงเครียดจากการเรียน ก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องน้ำที่เงียบสงบ เพราะตอนนี้นักศึกษาต่างก็เร่งฝีเท้าเข้าห้องเรียนกันหมดแล้วแกร๊กซานเฉียวล็อกประตูห้องน้ำแล้วจัดการทำธุระส่วนตัวจนเสร็จ ไม่นานเธอก็เดินออกมาจากห้องน้ำทว่า.. ทันทีที่ประตูห้องน้ำเปิดออก ร่างของชายแปลกหน้าสองคนก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหน้าของซานเฉียว"พวกคุณเป็นใคร นี่มันห
ความคิดเห็น