ณ พระราชวังหลวง
"จักรพรรดิพะยะค่ะ คุณชายริค ไวท์ มาขอเข้าเฝ้า"
"ให้เข้ามาได้"
หวังว่าจะได้รับคำตอบจากเด็กคนนี้ว่าจะเลือกใครกันแน่เพราะเวลามันผ่านมาเนิ่นนานแล้ว หากบางคนรอไม่ไหวจนใช้วิธีการอื่นขึ้นมาจะเป็นปัญหาได้ ถือเป็นการแก้ปัญหาที่ดี ในการมาให้คำตอบในวันนี้
"ทำความเคารพ จักรพรรดิ" ไวท์บอกพลางทำความเคารพตามวัฒนธรรมของจักรวรรดิ
"ไม่ต้องมากพิธีหรอกไวท์ มีเรื่องอะไรไหนพูดมาสิ" จักรพรรดิเอ่ยบอกอย่างอารมณ์ดี
"หม่อมฉันมีเรื่องจะกราบทูลพะยะค่ะ"
"ว่ามาได้เลย"
"หม่อมฉันเลือกคนที่จะหมั้นหมายด้วยได้แล้วพะยะค่ะ" ไวท์พูดพลางสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตนเอง
"บุคคลที่ข้าเลือกก็คือ...องค์รัชทายาทพะยะค่ะ องค์จักรพรรดิ" เสียงทุ้มนุ่มตอบด้วยความมั่นใจและหนักแน่น และเหมือนคำตอบของคุณชายในครั้งนี้จะทำให้ใครหลายคนดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่หลายคนเลยทีเดียว เพราะว่าในที่ประชุมนี้คือเหล่าบรรดาคนที่อยากจะหมั้นหม
“ทุกอย่างเตรียมพร้อมแล้วใช่ไหม”“เรียบร้อยพะยะค่ะ รัชทายาท”“ถ้างั้นก็ออกเดินทางกันเลย จะได้ถึงเมืองหลวงเร็วขึ้น” คีย์บอกพลางอุ้มร่างสูงโปร่งขึ้นมาทั้งที่ยังมีผ้าห่มอยู่ด้วย“จะไปในสภาพเช่นนี้หรือพะยะค่ะ” เมล์ถามด้วยความสงสัย ความจริงแล้วรอให้ไวท์ตื่นขึ้นมาก่อนค่อยไปก็ได้“ข้าอยากทำให้มีข่าวลือแพร่ออกไป เข้าใจหรือยัง”“พะยะค่ะ ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยท่านเอง”ทันทีที่ประตูถูกเปิดออกมาทำให้เหล่าข้ารับใช้และเหล่าทหารภายในวังต่างเห็นเป็นสายตาเดียวกันว่าพระคู่หมั้นถูกอุ้มออกมาจากห้องนอนของรัชทายาท ทำให้ข่าวลือถูกแพร่ออกไปใหม่ว่ารัชทายาทไม่ได้ทำตัวห่างเหินกับคู่หมั้นอย่างที่เคยพูดกันเอาไว้ เพราะจากการกระทำแล้วตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง‘สมใจพระองค์แล้วสินะ ที่ทำให้มีข่าวลือออกไปแบบใหม่&rsq
“ไม่มีปัญหาครับ ผมเป็นคู่ของพี่ เรื่องแค่นี้ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ได้เสมอ” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางยิ้มหวาน“ถ้างั้นมานั่งใกล้ข้าหน่อยสิ”“ครับ”ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาใกล้อย่างว่าง่ายและปลดกระดุมเสื้อออกให้เห็นลำคอขาวจะได้สามารถดื่มได้อย่างถนัด คีย์ไม่คิดว่าจะได้รับความร่วมมือง่ายดายเช่นนี้มาก่อน อดที่จะรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว แต่ว่าเขาไม่อยากให้มันเป็นเพียงการให้เลือดเท่านั้นมือทั้งสองประคองใบหน้าหวานให้มาใกล้ชิดรับสัมผัสจากริมฝีปาก ลิ้นทั้งสองเกี่ยวกระหวัดพันกันไปมาอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน แต่เหมือนริมฝีปากของอีกฝ่ายจะเผลอไปโดนเขี้ยวเข้าโดนไม่รู้ตัว ทำให้กลิ่นเลือดคละคลุ้งไปทั่วรสจูบ เขาไม่ปล่อยให้เลือดที่ไหลออกมาเสียเปล่าจึงดูดดึงริมฝีปากล่างที่มีรอยเลือดไหลออกมาอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอม อาจจะเป็นเพราะเริ่มเคยชินกับรสเลือดที่มีพลังมหาศาลของเทพกับมังกรอยู่ด้วยกัน ทำให้ไ
“เรื่องอื่นเดี๋ยวไปพูดคุยกันที่เมืองหลวง หลังจากทำงานเสร็จวันนี้จะต้องเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงได้แล้ว ใกล้จะได้เวลาวันเกิดของไวท์”“พะยะค่ะ รัชทายาท”“แล้วข้าล่ะ รัชทายาท”“ท่านเป็นอาจารย์ของไวท์ ก็ไปเตรียมตัวเข้าเมืองหลวงสิแต่กลับไปตระกูลของตนเองก่อนแล้วค่อยเข้าเมืองหลวงมาใหม่”“พะยะค่ะ รัชทายาท”เขาเฝ้ามองเด็กคนนี้ตั้งแต่ได้รับหน้าที่ของนายหญิงที่ปกครองดินแดนแห่งนี้มา พบว่ามีความสามารถในการทำงานและการปรับตัวสูงมาก รวมถึงการฝึกซ้อมที่เห็นประจำในช่วงตื่นนอนขึ้นมานั้น เหมือนทำเป็นประจำมากกว่าจำใจทำเสียอีก“จะทะลุแล้วครับ มีอะไรหรือเปล่า” จ้องขนาดนี้เหมือนจะกินข้าวไม่ลงเลย มีเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า“ทำไมสวยขนาดนี้”“ว่ายังไงนะครับ” ใบหน้าหวานแดงขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำชม รีบตักอาหารเข้าปากแถมไม่กล้าสบตาอีกฝ่ายด้วย
“แต่สิ่งที่ข้าอยากจะบอกคือแม้แต่รัชทายาทเองก็โดนแบบนี้อยู่บ่อยครั้ง ถึงจะตามหายังไงมันก็จะเหมือนเดิมเพราะคนที่อยากเป็นใหญ่มีอยู่มาก จึงจะเป็นที่จะต้องแข็งแกร่งให้มากขึ้นยังไงล่ะ ลูกศิษย์ของข้า” เอิรล์ฟาร์ดอนบอกพลางทำท่าครุ่นคิดเรื่องราวทั้งหมดไปด้วย“เล่ามาให้ละเอียดเลยดีกว่า เอิรล์ฟาร์ดอน” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นมาขัดการซักถามและต้องการคำตอบที่ละเอียดกว่านี้เขาใช้พลังของตนเองในการบังคับให้อีกคนเปิดปากพูดออกมามากกว่าเดิม รังสีของแวมไพร์สูงศักดิ์ออกมาเป็นจำนวนมากทีเดียว แต่ว่าถ้านับตามอายุขัยกันแล้ว อายุขัยของเอิรล์ฟาร์ดอนนั้นมากกว่าจึงไม่ได้รู้สึกตกใจกับพลังแบบนี้สักเท่าไหร่นัก แต่กลับรู้สึกเหมือนกำลังแหย่เด็กเล่นเสียมากกว่า“พะยะค่ะ รัชทายาท” รัชทายาทพยายามระงับอารมณ์เอาไว้เพราะขุนนางตรงหน้าไม่ได้รู้สึกกลัวอะไรเลย แถมยังทำท่าเหมือนสนุกอยู่ด้วย แบบนี้ยิ่งน่าโมโหเข้าไปใหญ่“ระหว่างทางกลับมายังพระราชวัง เหมือนมีคนจงใจจะลอบสังหารลูกศิษย์ของข้า แล้วพวกข้ารับใช้สังเ
แต่จำเป็นต้องเข้าไปเรียนในโรงเรียนของจักรวรรดิทางเชื้อพระวงศ์ให้เป็นเรื่องราวเพื่อเข้ารับการทดสอบเหมือนกับคนอื่นที่ผ่านมา มันเป็นบททดสอบที่ยากแต่ทุกคนก็จำเป็นต้องผ่านไปด้วยกันให้ได้“วันนี้ออกไปซื้ออุปกรณ์สำหรับการเรียนเพิ่มกันเถอะขอรับ” เอิรล์ฟาร์ดอนชวน“ไปสิ จะได้ดูหนังสือด้วยว่าจะซื้ออะไรดี”“ข้าจะไปเตรียมรถม้าให้ขอรับ” เฟลิกซ์บอกพลางเดินออกไปล่วงหน้าเขาเดินออกมาให้คำสั่งแก่คัสซัสให้เตรียมรถม้าและให้คลาวน์ออกเดินทางไปพร้อมกัน รวมถึงตัวของเขาเองก็จะไปด้วยเช่นกัน แต่ทว่า...“ไม่ให้คำสั่งแก่ข้างั้นหรือ เอิรล์ทอม” เอิรล์สตุฟเฟลถามด้วยความสงสัย“ข้าเห็นว่าเป็นเพียงการออกไปซื้อของเท่านั้น แล้วมีผู้ติดตามคนสนิทออกไปสองคนกับอัศวินประจำวังอีกสองสามคนน่าจะเพียงพอแล้ว เพราะทางฝั่งของเอิรล์ฟาร์ดอนน่าจะมีเช่นกัน”“แต่การไปหลายคน...”“ท่านไวท์สั่งให้พ
“วันเกิดของผมมันคือสัปดาห์หน้าแล้วนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มบอกพลางยิ้มหวานเพราะว่าเขาไม่ได้บอกวันเกิดของตนเองมาก่อน ยังไงก็น่าจะมีแต่คนตกใจกันแน่นอน“เจ้าว่ายังไงนะ! สัปดาห์หน้างั้นหรือ!” มือหนาทุบโต๊ะด้วยความตกใจ ใครจะไปคาดคิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ คิดว่าอีกสักสองสามเดือนจะถึงเสียอีก ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งเครียดทันทีหลังจากได้ยินคำตอบ“ผมส่งเอกสารแจ้งวันเกิดไปพร้อมกับการทำงานแล้ว น่าจะมีประกาศออกมาเร็ว ๆ นี้ครับ”“ทำไมเจ้าทำอะไรไม่ปรึกษาข้าก่อน” เสียงทุ้มต่ำถอนหายใจออกเบา ๆ พยายามระงับอารมณ์โกรธของตนเองเอาไว้“ยังไงเรื่องนี้ถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ จะช้าหรือเร็วพวกเขาจะต้องออกมาเคลื่อนไหวและหาทางกำจัดผมไปให้พ้นทางอย่างแน่นอน การประกาศวันเกิดออกมาครั้งนี้จะทำให้เริ่มคิดถึงจำนวนผู้ต้องสงสัยลดลงไปกว่าครึ่ง คนที่ให้ความสนใจกับวันเกิดจนเกินงามมีโอกาสสูงที่จะไม่หวังดี”“ข้าคิดว่าคนที่เงียบต่างหากที่ไม่อยากเปิดเผยตัว