"นี่เจ้ากำลังจะบอกว่าข้าทำให้เจ้า เสียเวลางั้นรึ" เทรเลอร์ถามด้วยสีหน้าไม่พอใจ นี่เขาลงทุนมาหาถึงที่นี่แต่กลับพูดถึงคนอื่นได้อย่างไรกัน มันจะหยามกันเกินไปแล้ว
"คราวที่แล้วก็มาลักพาตัวข้า วันนี้ยังจะบุกมาหาถึงที่ ใครเขาอยากจะไปคุยด้วย" เสียงทุ้มนุ่มตอบกลับด้วยใบหน้าเรียบเฉย เพราะในบรรดาที่รู้จักมานั้นมีคุณชายสวิต เทรเลอร์ที่นิสัยเสียที่สุดแล้ว ทำอะไรตามใจตัวเองตลอดเวลา ไม่สมกับเป็นเชื้อพระวงศ์เลยสักนิดเดียว
"อย่างที่ไวท์พูดมา เจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามาวุ่นวายที่นี่อีก" เสียงทุ่มต่ำบอกพลางมองด้วยสายตารำคาญ พวกเขาอยู่อย่างสงบสุขแล้วทำไมต้องมาทำอะไรให้มันวุ่นวายแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
"ก็แค่กระจกแตก ไม่เห็นจะมีอะไรมากมาย ลองมาสู้กันหน่อยไหมพะยะค่ะ รัชทายาท"
"เห็นว่าไม่ค่อยมีเวลาได้ซ้อมเท่าไหร่ เพราะงานราชการล้นมือ เลยมาซ้อมตอนนี้หน่อยเป็นไง"
ก่อนที่ร่างของทั้งคู่จะเข้าปะทะกันก็มีมือคู่หนึ่งยื่นปากกากับไม้บรรทัดห้ามทัพไว้เสียก่อน ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นไวท์นั่นเองที่รีบวิ่งเข้าไปขวางเอาไว้ นั
“เจ้าดูแลลูกของข้าได้ดีกว่าที่คาดคิดเอาไว้เสียอีก รัชทายาทแวมไพร์”“หึ ก็ดีกว่าคนเป็นแม่อย่างท่านก็แล้วกัน”“นี่เจ้า!”แอ๊ด!“มีอะไรกันหรือเปล่าครับพี่คีย์ ทำไมจักรพรรดินีโวยวายเช่นนั้นล่ะพะยะค่ะ” ไวท์ถามออกมาด้วยความสงสัยแต่สรรพนามในการเรียกนั้นช่างแตกต่าง“ทำไมเรียกแม่แบบนี้ล่ะ ลองเรียกแม่สักครั้งนะ” ซิคฟรีดบอกพลางเดินเข้าหาแต่อีกคนเดินถอยหนี“มานี่สิ ไวท์” ไม่เรียกเพียงอย่างเดียว เขาใช้พลังเวทย์ทำให้ร่างสูงโปร่งลอยมานั่งลงบนตักของตนเอง“พวกท่านทั้งสองคนไปคุยกันให้เรียบร้อยก่อนเถอะ เรื่องของไวท์ข้าจะจัดการเอง” เสียงทุ้มต่ำบอกพลางผายมือไปยังประตูพร้อมใช้พลังเปิดออกมาเป็นการส่งสัญญาณให้เดินออกไป โดยไม่ต้องขานรับ ทำให้ทั้งคู่เดินออกไปแต่โดยดีหมับ!
“แต่ข้าก็ไม่อาจให้ลูกอยู่แดนมังกรได้ อาจจะถูกคนในดินแดนทำร้ายก็เป็นได้” ซิคฟรีดบอกพลางกัดฟันด้วยความขมขื่นในจิตใจ มันเป็นความจริงทั้งหมด เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดของเธอ หากเธอดูแลไม่ได้อย่างน้อยถ้าส่งให้ อพอลโลก็ยังเลี้ยงดูได้ ด้วยนิสัยของเขาจะต้องทำเช่นนั้นเป็นแน่“สิ่งที่เจ้าคิดไม่ผิดนักหรอก แต่มันจะดีกว่านี้หากข้ารับรู้และเฝ้ามองการเติบโตของเขา อย่างน้อยก็ทำให้ไวท์รับรู้ว่ายังมีพ่อที่คอยมาหา” อพอลโลกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้า หากเขารู้เร็วกว่านี้น่าจะได้เห็นการเจริญเติบโต ช่วงเวลาที่น่ารักของลูกชายตัวน้อย แต่บัดนี้คงไม่น่าอยากได้ความรักจากเขาแล้ว“ความผิดพลาดของผู้ใหญ่ ทำให้เด็กได้รับความเสียหายทางจิตใจ”“ท่านเป็นจักรพรรดิยังไง ถึงได้พูดจาทำร้ายจิตใจข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า”“เจ้าเป็นถึงจักรพรรดินีแดนมังกร มีอำนาจทางทหารและการเมืองทัดเทียมกับข้า ข้าพูดความจริงผิดตรงไหน หากวันพรุ่งนี้เจอลูกของเจ้า
“ข้าอยากจะบอกพวกท่านทั้งสองว่า บัดนี้ผู้เลี้ยงดูเด็กคนนี้ในโลกมนุษย์เสียชีวิตแล้ว ภายใต้การดูแลจักรวรรดิของพวกเรา” รัชทายาทเอ่ยบอกสิ่งสำคัญและก้มหัวแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง“ไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะช่วงอายุของมนุษย์นั้นช่างสั้นนัก ถ้าเทียบกับพวกเราทั้งหมดในที่แห่งนี้นับว่ายาวนานกว่ามาก” อพอลโลบอกพลางก้มหัวเช่นกัน“เจ้าคิดเห็นอย่างไรในเรื่องนี้เหรอไวท์ ในฐานะที่เจ้าเป็นเจ้าของเรื่องทั้งหมด ข้าเป็นทั้งคู่หมั้นและผู้ปกครอง เจ้าอยากจะทำอะไร นับจากนี้” รัชทายาทถามด้วยความเป็นห่วง สิ่งที่น่ากังวลมากที่สุดคือสภาพจิตใจของไวท์ ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งในที่ประชุมนี้“ผมไม่รู้จะทำตัวยังไงดีครับ ตกใจ เสียใจ ดีใจ โล่งใจ มันสับสนไปหมดเลย” เขาไม่สามารถรับรู้ว่าควรทำตัวอย่างไรกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทุกอย่างมันรวดเร็วจนตั้งรับไม่ทัน“เจ้าไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นภรรยาข้า ต้องการสิ่งใด จงเอ่ยออกมา” รัชท
“เจ้าบ้านี่! อย่ามาล้อเล่นกับข้านะ!” อีกฝ่ายโกรธจนเลือดขึ้นหน้าใช้พลังเวทย์จู่โจมเข้ามาด้วยความเร็วของสัญชาติญาณแวมไพร์ เป็นความจริงที่ว่าแวมไพร์ยิ่งมีอายุขัยมากเท่าไหร่ ก็จะมีพลังมหาศาลมากขึ้นเท่านั้น แต่ใช้ไม่ได้ผลกับเผ่าพันธุ์ของมังกรกับเทพเลยแม้แต่น้อยโดยธรรมชาติของเผ่ามังกรนั้นมีพละกำลังมหาศาล รวมถึงเอกลักษณ์ในการเรียนรู้เวทย์มนตร์นั้นถือว่าเป็นเลิศ และมีพลังที่สามารถเอาชนะได้แม้กระทั่งพระเจ้า ถือเป็นสิ่งที่ชาวสวรรค์เกรงกลัวมากกว่าเผ่าอื่นเพราะมีข้อห้ามของสวรรค์อยู่ แต่สำหรับมังกรกลับไม่มีผลเช่นนั้นพลังของเทพเกิดจากแรงศรัทธาของมนุษย์ด้วยจิตใจที่บริสุทธิ์ จะทำให้เทพที่ถูกบูชามีพลังมากพอที่จะปกปักษ์คุ้มครองแผ่นดินให้มีความปลอดภัย ช่วยเหลือยามถูกปีศาจรุกรานได้เป็นอย่างดี รวมถึงแสงสว่างของปีกเหล่าเทวดาหรือเทพเจ้าเองก็เป็นออร่ามากพอที่จะทำให้ได้รับความเคารพเรื่อยมา“ข้าไม่เคยคิดล้อเล่นกับเจ้า ทุกอย่างจริงจังเสมอ” มือทั้งสองข้างยกขึ้นมาพร้อมกันแล้
ณ วังหลวงส่วนจัดงานเลี้ยงบรรยากาศในงานออกมาแนวธีมสีอ่อนเพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์และนิสัยเจ้าของวันเกิด อาหารถูกนำมาเสริฟ์ด้วยเมนูรสชาติจืดแล้วค่อยไล่ระดับไปเผ็ด ขนมหวานและอาหารว่างที่ดูแปลกตาทั้งหมดถูกนำมาจัดวางภายในงาน แน่นอนว่าบุคคลผู้สอนการทำทั้งหมดเป็นฝีมือของไวท์นอกจากมีตำแหน่งเป็นบุตรบุญธรรมของตระกูลริค รวมถึงได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้ดูแลการจัดการอาหารว่างอย่างเป็นทางการของวังหลวง และยังเป็นคู่หมั้นขององค์รัชทายาทอีกด้วย ถึงตำแหน่งในฐานะนักดาบยังไม่ได้มากมายแต่ตำแหน่งอื่นถือว่ามากพอที่จะสั่นคลอนจักรวรรดิได้มากทีเดียวองค์รัชทายาทและเจ้าชายฝาแฝดทั้งสองถูกเชิญกลับมายังเมืองหลวงอย่างถาวร มารับตำแหน่งและจัดการงานภายในวังหลวงแทนการดูแลเมืองในเขตปกครองห่างไกล เพื่อช่วยกันจัดระเบียบรวมถึงการให้ความสำคัญกับลำดับของทายาท และความมั่นคงของวงศ์ตระกูลแวมไพร์สายเลือดบริสุทธิ์“จัดเตรียมทุกอย่างพร้อมแล้วใช่หรือไม่ ยังขาดเหลืออะไรอีกหรือเปล่า&
ณ พระราชวังของจักรพรรดิ“จักรพรรดิพะยะค่ะ เซอร์เรเวลมาขอเข้าเฝ้า” มีเทนรายงานให้ผู้เป็นนายฟังเพราะดูเหมือนว่าจะมีสมาธิแต่การทำงานจนไม่ได้ฟังสิ่งที่คนภายนอกรายงานเข้ามาเลย“อะแฮ่ม...ข้ามัวแต่ทำงานเพลิน ให้เข้ามา”“พะยะค่ะ” มีเทนขานรับแล้วเดินไปเปิดประตู“ถวายความเคารพองค์จักรพรรดิ”“ไม่ต้องมากพิธี มีอะไรก็ว่ามา” จักรพรรดิเร่งเพราะยังมีงานค้างที่ต้องจัดการอีกมาก การมาเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วนและไม่มีการขอล่วงหน้าคงจะมีเรื่องด่วนพอสมควร แต่ถ้าไม่ด่วนขนาดนั้นจะสั่งขังสักสิบวันแล้วค่อยให้มาทำงาน เป็นทหารมานานแต่ดันไม่รู้จักระเบียบของวังบ้างเสียเลย“ข้าจะมารายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับพลังของพระคู่หมั้นองค์รัชทายาทพะยะค่ะ” เรเวลตัดสินใจบอกออกไป เพราะอยากเลิกทำงานนี้เสียที เพราะต้องตามสืบคนเดียวมาตลอดหลายเดือน อยากให้มันสิ้นสุดเ