LOGINจู่ๆ ก็ถูกคนเมาบังคับให้เซ็นใบจดทะเบียนสมรส ทำให้กลายเป็นภรรยาของอีกคนแบบงุนงง เกลียดจริงๆ นิสัยแพ้คนเจ้าน้ำตาเนี่ย! แล้วทำไมถึงตื่นมาทำตัวแบบนี้ พวกเราไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย
View Moreณ สนามบินอินชอน เกาหลีใต้
ร่างสูงเดินเข้าเกทด้วยความเร่งรีบที่จะเจอคนรักให้เร็วที่สุด อีกไม่กี่วันอยากจะทำเซอร์ไพรส์ขอเธอแต่งงานเพราะคบกันมานานแล้วตั้งแต่ม.ต้น เลยอยากจะแต่งงานก่อนเข้ามหาลัยเพื่อที่จะทำให้ใครๆ รู้ว่าเธอเป็นภรรยาของเขาแต่เพียงผู้เดียว การเดินทางกลับมาในครั้งนี้จะเป็นการขอแต่งงานอย่างจริงจัง เพราะตอนกลับไปไต้หวันนั้นได้บอกครอบครัวเอาไว้หมดแล้วว่าอยากแต่งงานกับผู้หญิงคนนี้
ตรู๊ด... ตรู๊ด...
(ไคชัวร์)
"ว่าไงไอ้ชัวร์ นึกยังไงถึงได้โทรมาหาฉันตอนนี้" ไคชาร์ถามด้วยความแปลกใจ ถึงอีกฝ่ายจะเป็นแฝดพี่แต่ทั้งสองตกลงกันไว้แล้วว่าจะเรียกกันเหมือนเพื่อนเพราะว่าเกิดก่อนแค่ไม่กี่นาทีแค่อยู่ต่อหน้าพ่อแม่หรือญาติให้เรียกชื่อเฉยๆ นอกนั้นตามสะดวก
"แกจะกลับมาเกาหลีตอนไหน เมียแกถามฉันหลายรอบมากแล้ว" เสียงจากปลายสายติดจะรำคาญมากกว่ายินดีเพราะหล่อนค่อนข้างจุกจิกทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งคนรัก
"ฉันอยู่เกาหลีแล้ว กำลังจะไปบ้านเมียฉันเนี่ย"
"ดีแล้ว งั้นฉันนอนต่อล่ะ"
"อืม" ทำไมวันนี้มาแปลกที่โทรมาถามแต่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก รีบไปบอกเรื่องสำคัญกับคนสำคัญน่าจะดีกว่า รถขับมาจอดเทียบหน้าบ้านหลังหนึ่งในเขตบ้านจัดสรรขนาดกลางซึ่งเป็นบ้านที่เขาไปมาอยู่หลายปีทีเดียวและจะไปหาตลอดชีวิต
"จะให้ผมมารับกี่โมงครับ คุณชายไคชาร์" คนขับรถถามพลางมองดูนาฬิกาข้อมือ
"อีกสักสองชั่วโมงมารับก็แล้วกัน" เสียงทุ้มต่ำบอกพลางหยิบข้าวของออกมาจากรถแล้วเดินตรงเข้าบ้านไปอย่างกับเจ้าของบ้านเพราะรู้รหัสอยู่แล้วแต่ก็ยังเคาะบอกเป็นมารยาท
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
"เซอร์ไพรส์! ผมกลับมาแล้วที่รัก" เสียงทุ้มต่ำเรียกหาคนรักด้วยความคิดถึง เขาไปดูงานที่ไต้หวันนานแล้ว กว่าจะได้กลับมาเกาหลีก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน
ไม่มีเสียงตอบรับ บรรยากาศเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่ ร่างสูงใหญ่เดินขึ้นชั้นบนแล้วส่งเสียงเรียกก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา พลันได้ยินเสียงบางอย่างอยู่ชั้นบนจึงเดินตามเสียงขึ้นไป ปรากฎว่า.....มีเสียงเตียงกระทบกับพื้นไปมารวมถึงเสียงครางกระเส่าของคนรัก มันหมายความว่ายังไงกัน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มันไม่มีความหมายเลยใช่ไหม ทำไมถึงทำแบบนี้กับเขา
แอ๊ด!
เหมือนว่าคนข้างในจะรู้ว่ามีคนเข้ามาทั้งคู่ตกใจพากันขยับตัวออกห่างจากกันแต่ทำได้ไม่สะดวกนักเนื่องจากยังติดส่วนที่เชื่อมกันอยู่ข้างล่าง ช่างเป็นภาพบาดตาบาดใจที่สุดในชีวิตของไคชาร์ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเขาไม่เคยนอกใจเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ทำตัวเป็นแฟนที่ดีมาโดยตลอด นอกจากทำงานแล้วไม่เคยทำตัวเหลวไหลที่ไหนทั้งนั้น นี่หรือสิ่งตอบแทนที่ควรได้รับ
"ไม่ใช่แบบนั้นนะคะ ไคชาร์ คุณกำลังเข้าใจผิด" คนรักพยายามขยับตัวออกห่างจากชายอีกคนแต่ร่างกายกลับไม่ยอมฟัง ช่างเป็นสภาพที่เวทนายิ่งนัก
"คุณไม่ต้องอธิบายอะไรผมแล้วนะ ไลลา เราเลิกกันเถอะ" ร่างสูงเดินลงบันไดอย่างคนไร้จิตวิญญาณ สมองไม่รับรู้อะไรอีกต่อไปแล้ว อนาคต ความฝัน ความหวังที่ทำลงไปทั้งหมดมันพังทลายไปแล้ว น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ข้าวของทุกชิ้นที่หยิบลงมาจากรถมือหนาได้เก็บกลับไปทั้งหมดไม่เหลือไว้แม้แต่ชิ้นเดียว เขาโบกเรียกแท๊กซี่ด้วยความหมดอาลัยตายยาก
"ไปไหนครับ"
"ไปที่ไหนก็ได้ที่ใกล้ทะเลแถวนี้ครับ ราคากลางๆ เป็นส่วนตัวหน่อย ค่ารถเท่าไหร่ก็ได้ ผมจ่ายไม่อั้น"
ได้ตามคำขอจากคุณชายผู้ไร้วิญญาณทันที แท๊กซี่พามาส่งตามที่บอกไว้ทุกอย่างไม่มีผิดพลาดแม้แต่อย่างเดียว เมื่อรู้ตัวว่าถึงสถานีดังกล่าวก็จ่ายเงินให้กับคนขับโดยไม่รับเงินทอนแม้แต่วอนเดียว จนกระทั่งมาถึงบาร์ประจำรีสอร์ทก็นั่งลงทันที
"ขอน้ำอะไรก็ได้ที่ทำให้ผมแก้เครียดหน่อยครับ" บาร์เทนเดอร์หนุ่มพยักหน้ารับแล้วผสมให้เจ้าตัวทันที แก้วแล้วแก้วเล่าจนกระทั่งมันเริ่มมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เกือบหนึ่งโหล ดวงตาไร้แวว สีหน้าหม่นหมอง ท่าทางไร้เรียวแรง
ใบหน้าหวานมองเห็นแล้วรู้สึกไม่เข้าใจว่าทำไมพนักงานหน้าบาร์ถึงไม่ห้ามปรามลูกค้าในการรับประทานน้ำผลไม้กึ่งแอลกอฮอล์ หากดื่มมากไปกว่านี้อาจจะเมาจนหลับคาโต๊ะเลยก็ได้ เห็นท่าไม่ดีจึงรีบเข้าไปถามด้วยความสงสัยทันที
"ทำไมถึงไม่ห้ามลูกค้าว่าควรเลิกดื่มได้แล้ว ก็รู้ว่ามันกึ่งแอลกอฮอล์"
"ขอโทษครับ คุณชายจินฮวน" ถึงแม้จะได้ฟังคำขอโทษแล้วแต่ก็ยังไม่ได้รับการให้อภัย
"สงสัยว่าผมคงให้เข้าคอรส์อบรมไม่มากพอ ถึงได้ไม่ขอดูบัตรประชาชนของลูกค้าก่อนที่จะให้ดื่มเครื่องดื่มแบบนี้" ดวงตากลมโตมองอย่างเอาเรื่อง หลายต่อหลายครั้งก็เข้มงวดเรื่องอายุในการดื่มแล้วทำไมถึงไม่ฟัง หากจะแอบกินนั้นต้องไม่ใช่ที่โจ่งแจ้งเช่นรีสอร์ทแบบนี้ การแอบกินที่อื่นมันไม่ใช่การดูแลของเขา แต่การทำแบบนี้ถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง ถ้ามีการตรวจสอบภายในรีสอร์ทขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหนไม่มีใครรู้ได้
"ขอโทษครับ คุณชายจินฮวน ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกแล้วครับ" พนักงานประจำบาร์เทนเดอร์พยายามขอร้องด้วยการโค้งศรีษะให้
"เพื่อไม่ให้มีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอีก ผมจะสั่งหักเงินเดือนคุณ 5% จากฐานเงินเดือนทั้งหมด 12 เดือน และงดรับทิปของลูกค้าที่เป็นทิปรวมตลอด 1 ปี หากต่อไปนี้ใครยังไม่รู้จักกฎในการให้บริการบาร์เทนเดอร์อีก จะมีการลงโทษที่ร้ายแรงมากกว่านี้" เสียงทุ้มนุ่มตะโกนเพื่อให้ทุกคนในบาร์เทนเดอร์รับรู้รวมกันและรับผิดชอบร่วมกัน การลงโทษแบบนี้ถือว่าเบามากแล้วเมื่อเทียบกับความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
จินฮวนสั่งให้คนมาพาแขกไปยังห้องพักที่ยังว่างอยู่ รวมถึงยกข้าวของทั้งหมดมาให้ครบอย่างให้ขาดแม้แต่อย่างเดียว ทุกอย่างถูกจัดการอย่างเรียบร้อยไม่ว่าจะเป็นการเช็คอินหรือการให้ที่พักเพราะค่าใช้จ่ายทั้งหมดเขาเป็นคนเองออก เป็นการขอโทษที่เสียมารยาทกับแขกไปเพราะไม่มีใครรู้ว่าอายุเท่าไหร่แถมยังกินไปไม่ใช่น้อยอีก
"คุณชายจินฮวนต้องการให้พวกเราทำอะไรอีกหรือไม่ครับ" พนักงานโรงแรมถาม
"จัดการทำความสะอาดกับจัดข้าวของเข้าไปในห้องพักแล้วใช่ไหม"
"ใช่ครับ"
"ถ้างั้นไปได้ เดี๋ยวผมอยู่เช็คความเรียบร้อยแล้วจะกลับ"
"ครับ คุณชายจินฮวน"
ประตู หน้าตา ห้องน้ำ ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ทุกอย่างครบหมดแล้ว ถึงเวลาที่ต้องกลับแล้วเหมือนกัน
หมับ!
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะครับ” จินฮวนถามย้ำอีกครั้ง“จะถามทำไม ในเมื่อก็ได้ยินอยู่แล้ว” จินฮานยักไหล่แล้วกลับมานั่งกินข้าวแทนการตอบ ใครจะบ้าตอบอีกรอบให้โดนด่ากันล่ะ หนีมากินข้าวน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในตอนนี้“มีอะไรกันหรือเปล่าครับ” ไคชาร์ถามพลางสะบัดผมไปมาอยู่หน้าห้องน้ำ เหมือนได้ยินเสียงเถียงกันไปมาอยู่สักพัก หรือเขาไม่ควรถามเพราะเหมือนรุ่นพี่จะถลึงตาใส่แม้ไม่ได้พูดออกมา ส่วนพี่จินฮวนรอยยิ้มดูน่ากลัวแปลก ๆ“มี / ไม่มี” คำตอบของทั้งคู่ไม่ตรงกันยิ่งดูน่าสงสัยกว่าเดิม“แค่อยากได้ยินพี่ชายพูดซ้ำ แต่เหมือนว่าจะไม่อยากพูดออกมาเท่านั้นเอง” จินฮวนไม่ยอมแพ้ เขายังอยากให้อีกฝ่ายพูดออกมาให้ได้ อย่าคิดที่จะหนีเด็ดขาด“ไม่มีอะไรจะพูด ไม่ชอบพูดซ้ำ” จินฮานเอ่ยพลางยักไหล่“พี่จ
แกร๊ก!“เฮ้อ.....นึกว่าจะไม่รอดแล้ว เป็นยังไงบ้างล่ะ ฝีมือของฉัน”“สมบูรณ์แบบเหมือนคุณชายใหญ่มาก สมกับเป็นฝาแฝดกันเลยครับ ตอนแรกผมคิดว่าจะมีเพียงคุณชายจินฮานเท่านั้นที่จะปลอมตัวเป็นคุณชายจินฮวนได้ แต่วันนี้คิดว่าทั้งสองฝีมือการแสดงยอดเยี่ยมจริง ๆ ” เลขาของจินฮานเอ่ยปากชม เอาจริงเหมือนมากจนเขากลัวจริง ๆ ไม่ใช่แค่การแสดงเท่านั้นแต่คงไม่กล้าบอกออกไปว่าความกลัวทั้งหมดนั้นเกิดจากเขากลัวคุณชายจินฮวน ไม่ใช่เพราะว่ากลัวคุณชาย จินฮานเลยแม้แต่น้อย สีหน้า การพูด ท่าทาง แทบจะกลายเป็นคนเดียวกัน ถึงจะอยู่ด้วยกันมากแค่ไหนแต่การแสดงเป็นอีกคนที่ไม่ใช่ตัวเองมันไม่น่าจะง่ายขนาดนั้น แต่พวกเขาทำได้ราวกับหายใจ บ่งบอกถึงความรักและความใส่ใจกัน“ถ้างั้นไปเยี่ยมพี่จินฮานที่โรงพยาบาลกันเถอะ ป่านนี้คงเป็นห่วงผมแย่แล้ว”“ได้ครับ คุณชายเล็ก”เขากดสั่งอาหารร้
ณ งานการกุศลเป็นการออกงานครั้งสุดท้ายของ จินฮานก่อนจะกลับไปเรียนหนังสือตามปกติร่วมกับน้องชายฝาแฝด ข่าวลือที่เขามักจะรักและเอ็นดูน้องมากผิดปกตินั่นไม่ใช่ข่าวลือที่เกินจริง เพราะมันเป็นเรื่องจริงมานานแล้ว ทุกคนในแวดวงธุรกิจและสังคมรับรู้โดยทั่วกันว่าจินฮวนได้รับความรักมากผิดปกติและเจ้าตัวก็ไม่ได้บ่นหรือปริปากอะไรทั้งนั้น รวมถึงยอมรับทั้งหมดนั่นด้วยความเต็มใจและรอยยิ้มที่สดใสอีกต่างหาก ทำให้ไม่มีใครรู้สึกแปลกใจกับประเด็นนี้เท่าไหร่ ทุกสายตาจับจ้องไปยังผู้มาใหม่จากรถลีมูซีนรุ่นล่าสุดว่าใครสามารถซื้อทันในรอบแรกที่มีวางขายในอเมริกาเมื่อประตูเปิดออกมาว่าเป็นใคร ทำให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องที่ควรตกใจเช่นกัน เพราะคนชอบรถมากอย่างจินฮานจะต้องซื้อเก็บสะสมเอาไว้อย่างแน่นอน“จำเป็นจะต้องซื้อทั้งหมดกี่ภาพ อยากรีบกลับบ้าน” รวมถึงเรื่องที่เป็นคนปากร้ายมากที่สุดก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แตกต่างจากน้องชายฝาแฝดอย่า
“โทษที ก็แค่ไม่คุ้นเคยเฉย ๆ ไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นเท่าไหร่หรอก” ซองอึนพูดเสียงเบาเพราะเขาไม่ใช่คนพูดจาดีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว การเริ่มต้นอะไรแบบนี้ถือว่ายากมาก“ซองอึน” เสียงทุ้มนุ่มพูดแล้วจ้องหน้าทำให้อีกฝ่ายถอนหายใจออกมาแล้วเริ่มพูดใหม่อีกครั้ง“ขอโทษด้วย ปกติเป็นนิสัยของฉันอยู่แล้ว สนิทกันไว้อาจจะเข้าใจไปเองว่าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว”“ทำถูกแล้วซองอึน ต้องพูดแบบนี้สิ” ใบหน้าหวานร่าเริงขึ้นมาทันทีเพราะเห็นเพื่อนพูดในสิ่งที่ถูกต้อง แต่ทุกคนในโต๊ะอาหารรู้ดีว่าการจ้องมองของจินฮวนเมื่อสักครู่ไม่ใช่การมองแบบธรรมดา แต่มันคือการบอกด้วยสายตาว่าให้ขอโทษใหม่อีกครั้ง หากไม่ทำจะต้องเกิดอะไรบางอย่างขึ้นแน่นอน“พี่จินฮวนครับ วันนี้ให้ผมไปส่งที่หอไหม” ไคชาร์ถามด้วยความเป็นห่วง เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ถึงเจ้าตัวจะไม่รู้ก็ตามแต่เขารู้ทั้งหมด ไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเลย แต่ก็ไม่อยากจ
ณ ร้านอาหารใต้หอ“เป็นอะไรไป ทำไมทำหน้าเหมือนเครียดอะไรมา” โจวถามด้วยความเป็นห่วง“มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่คงไม่เป็นไรหรอก” เสียงทุ้มต่ำตอบปัด คงจะไม่มีใครกล้าพูดหรอกว่าไปทำอะไรมากับพี่เขยของตนเองหรอก ยกเว้นถ้าจะบอกคงจะเป็นไคชัวร์มากกว่า ถึงจะสนิทกันมาเป็นเทอมแล้วแต่ก็ไม่ได้จะพูดอะไรกันด้วยมากเท่าไหร่นัก“ยังไงก็เป็นเพื่อนร่วมคณะและหอเดียวกัน มีอะไรบอกได้เสมอเลยนะ”“ขอบใจ กิจกรรมของเทอมนี้ไม่น่าจะวุ่นวายมากเท่าเทอมที่แล้ว หรือมีกิจกรรมอะไรที่ฉันไม่รู้หรือเปล่า”“เท่าที่รู้ไม่มีหรอกนอกจากคริสต์มาส”“โอเค เหมือนพวกเราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะว่าไหม” ไคชาร์เป็นฝ่ายเริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อน เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายเดือนแล้วแต่ดูเหมือนพวกเขาไม่ได้สนิทอะไรกันมากอย่างที่คิด
ณ ห้องพักรับรองแขก“จะนั่งจ้องผมอีกนานไหมครับ รุ่นพี่” ไคชัวร์ถามทั้งที่ยังหลับตาอยู่ในตอนแรกยังไม่รู้สึกคงเพราะเพลียมากจนหลับสนิทแต่พอเริ่มรู้สึกตัว ก็ทำให้รู้ว่าเหมือนมีใครกำลังมองอยู่ตลอดเวลา ซึ่งการมานอนบ้านคนอื่น คนที่จะมองแบบนี้น่าจะเพียงคนเดียว“ทำไมรู้ว่าเป็นฉันล่ะ”“ไม่น่าจะเดายากนะครับ ตอนนี้มีแค่ผมกับรุ่นพี่ส่วนน้องของพวกเราอยู่ข้างนอก ไม่มีใครกล้ามานั่งเฝ้าเจ้านายนอนหรอกครับ”“หึ ก็จริง”ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“ดูเหมือนจะกลับมาเร็วกว่าที่คิด คุยกันเองแล้วกัน”“หมายความว่ายังไงครับ”ไม่มีคำตอบออกมาจากปากของจินฮาน แต่ร่างของไคชาร์เข้ามาในแทน คิ้วทั้งสองขมวด
Comments