ภายในระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์ดยุคริคก็สามารถจัดงานแต่งตั้งคุณชายไวท์ให้เป็นบุตรบุญธรรมอย่างเป็นทางการได้ภายในระยะเวลาที่ทางจักรพรรดินีกำหนดจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นความหวาดกลัวโดยสัญชาติญาณ หรือเพราะว่ามีความสามารถในการจัดการอยู่แล้วกันแน่นะ บัตรเชิญที่ส่งออกไปทั้งหมดนั้นได้รับการตอบรับทั้งหมด เนื่องจากมีแต่คนอยากรู้ว่าคนๆ นี้หน้าตานั้นเป็นยังไง ทำไมรัชทายาทถึงได้ออกตัวปกป้องมากขนาดนี้ แถมยังมีผู้ใหญ่หลายคนหนุนหลังอีก เรื่องนี้ต้องมีเงื่อนงำมากกว่าที่คาดคิดเอาไว้
บรรยากาศในงานเหมือนงานเลี้ยงของแวมไพร์ทั่วไป พรมสีแดงเหมือนสีเลือด ผ้าม่านสีดำสนิท ช่างเป็นงานเลี้ยงที่น่ากลัวได้ดีจริงๆ เหล่าบรรดาขุนนาง เชื้อพระวงศ์ แพทย์ชั้นสูง พ่อค้าระดับมหาเศรษฐีเท่านั้นที่จะได้เข้าร่วมงานในครั้งนี้ รัชทายาทเดินเข้ามาในงานด้วยชุดสูทสีดำสนิทสวมชุดคลุมลายปักสีทองอร่ามพร้อมมงกุฎรวมถึงดาบแห่งผู้สืบทอด บ่งบอกให้รู้ว่าพระองค์ให้เกียรติแขกในวันนี้มากถึงได้แต่งตัวมาเต็มยศแบบนี้ ปกติพระองค์จะสวมเพียงสูทเท่านั้น ไม่ได้ใส่ชุดที่พิธีรีตองมากขนาดนี้มาก่อน ไม่เว้นแม้แต่องค์จักรพรรดิ องค์จักรพรรดินี องค์ชายฝาแฝดเองก็แต่งมาเต็มยศเหมือนงานราชพิธี
"แต่งตัวมาเต็มยศกันแบบนี้ มั่นใจแค่ไหนกันว่าเด็กคนนี้คู่ควรกับรัชทายาท"
"ใช่ แค่เหมาะสมกว่าตั้งเยอะ"
"ถึงจะเป็นลูกครึ่งมังกร แต่ยังไงก็ไม่ใช่สายเลือดแวมไพร์อยู่ด้วย"
"สุดท้ายก็เป็นแค่พวกคนน่ารังเกียจ เหมือนกับหมู่บ้านนั้น"
สิ่งที่ใครต่อหลายคนเริ่มนินทาเพราะเห็นชุดที่นายเหนือหัวแต่งมาเกินเหตุเริ่มแสดงท่าทีไม่พอใจทันที จนเสียงเริ่มดังมายังด้านในที่เตรียมตัวสำหรับการเปิดตัวในครั้งนี้ ถึงจะเคยแสดงงานโรงเรียนมาบ้างแต่ที่นี่มันจำนวนมากกว่าหลายเท่า แถมยังเป็นแวมไพร์ที่มีอำนาจมากอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าจะทำให้ถูกใจได้มากน้อยแค่ไหนกัน
"ประหม่าหรือขอรับ คุณชาย" เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะเห็นนายของตนขยับตัวไปมาแถมหน้าตายังซีดขาวอีกต่างหาก ท่าทางจะตื่นคนน่าดูเลยนะเนี่ย มิน่าล่ะ! ถึงได้มีแต่คนปกป้อง อ่อนนอกแต่แข็งในสินะ
"ไม่ต้องห่วงขอรับ ยังไงซะ! คุณชายก็มีรัชทายาท ท่านจักรพรรดิ ท่านจักรพรรดินี เจ้าชายคลาส เจ้าชายครอส หนุนหลัง ท่านมีคนที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้คอยช่วยเหลืออยู่ ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้นครับ"
"ขอบคุณครับ ช่วยได้มากเลย" ร่างสูงโปร่งตอบกลับไปด้วยรอยยิ้มหวานเหมือนคนสบายใจและโล่งอก แต่เหมือนดาบสองคมสำหรับเฟลิกซ์เพราะเหมือนว่าความน่ารักจะทำให้ลูกครึ่งแวมไพร์จิตใจสั่นไหวเข้าให้แล้ว
ไฟทั้งหมดในงานได้ถูกปิดลงเป็นสัญญาณของการเปิดตัวบุคคลที่มีแต่คนอยากรู้อยากเห็นมากที่สุด องค์รักษ์ส่วนตัวของรัชทายาทเดินออกมาจากเวทีแล้วกล่าวถึงเนื้อหาของการจัดงานในครั้งนี้ ประวัติความเป็นมาของเด็กคนนี้ว่าเป็นคนที่ไหน มาได้อย่างไร จากคำตินินทาทั้งหลายเริ่มกลายเป็นความหวาดกลัวทีละนิดเพราะใครๆ ก็รู้ว่าตาแก่คนนั้นถึงจะไร้พลังแต่เฉลียวฉลาด สามารถสยบแวมไพร์ในรุ่นได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องใช้พละกำลังแม้แต่นิดเดียว หลังจากการแนะนำประวัติทั้งหมดของบุตรบุญธรรมของตระกูลริค แล้วแวมไพร์ได้แต่กลืนน้ำลายลงคอด้วยความลำบาก
"อรุณสวัสดิ์ยามเย็นทุกท่าน ข้า ริค ไวท์ ขอบคุณที่มางานเปิดตัวในครั้งนี้ ข้าคิดว่าทุกคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่าข้าเป็นลูกหลานของใคร แต่ขออย่าให้มองเรื่องตระกูลเข้ามาเกี่ยวข้อง อยากให้มองที่ข้าเป็นตัวของข้าเอง ไม่ใช่ว่าเพราะมีใครมาทำให้คิดแบบนั้น ลองมองก่อนว่าอะไรคืออะไรค่อยมาตัดสิน วันนี้จะทำขนมที่มาจากต่างโลกให้ลองรับประทานกัน รบกวนขอวัตถุดิบกับอุปกรณ์ด้วย"
หลังสิ้นสุดเสียงของคุณชายริค ไวท์ ก็มีคนนำของที่ต้องการมาให้ทั้งหมด ท่าทางการทำ วิธีการปรุงของ กลิ่นหอมของขนมที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนทำให้หลายๆ คนเริ่มท้องร้องเพราะอยากลองชิมเสียแล้ว ใบหน้าหวานแต่ท่าทางดูแข็งแรงแบบนั้น ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมรัชทายาทถึงได้หลงเสน่ห์ ไม่มีอะไรจะครหาได้อีกแล้วนอกจากชื่นชมจากใจจริง
คีย์มองบรรยากาศแล้วถึงกับกุมขมับเพราะรู้อยู่แล้วว่าการเปิดตัวในครั้งนี้ จะทำให้แวมไพร์หลายต่อหลายคนหลงเสน่ห์เด็กคนนี้ แต่ก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากทำให้อีกฝ่ายนั้นถูกคนอื่นรับรู้ว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าเขาเลยสักนิดเดียว ดูท่วงท่าในการทำขนมสิ! มีเสน่ห์มากแค่ไหน ตอนชิมครีมที่เลียริมฝีปากตนเอง เขาแทบอยากจะกระโจนขึ้นไปบนเวทีให้รู้แล้วรู้รอดกันไป อยากลิ้มลองความหอมหวานนั้นด้วยร่างกายของเขาเอง
"เป็นอะไรไปรัชทายาท สีหน้าของลูกแม่ไม่ดีเลยนะ" จักรพรรดินีถามด้วยความเป็นห่วง
"ท่านพี่หวงว่าที่พี่สะใภ้ล่ะสิ เพราะว่าแวมไพร์พวกนั้นเริ่มไม่รังเกียจไวท์แถมยังดูเหมือนจะเริ่มชอบแล้วด้วย" คลาสพูดออกมาอย่างรู้ทันพี่ชายตนเองโดยไม่สนใจสายตาอันโหดร้ายที่ถูกส่งมา
"ก็ออกจะน่ารัก สวย หล่อ ทำขนมก็อร่อย วางตัวก็ดี เฉลียวฉลาด ใครจะไม่ชมกันล่ะ" ครอสได้ทีเติมเชื้อไฟเข้าไปทันทีเพราะรู้อยู่แล้วว่าพี่ชายตนเองกำลังหึงคนที่ชอบมากแค่ไหน และเป็นครั้งแรกที่แสดงอาการออกมาแบบนี้ให้เห็นอย่างชัดเจนมาก
"อย่าเพิ่งคิดมากเลยพะยะค่ะ ขนมมีมาให้ชิมแล้ว" เมล์บอกพลางหยิบขนมขึ้นมากินทันทีเพราะว่าเขาเข็นมาให้ชิมนั้นมีปริมาณไม่มาก หากใครช้าก็จะอดชิมฝีมือจากมือเรียวสวยคู่นั้นอย่างแน่นอน
"อร่อย หนูไวท์ทำขนมเก่งมากจริงๆ " จักรพรรดิออกปากชม ไม่ว่าจะทำอะไรออกมาก็น่ากินไปหมดทุกอย่าง
การแต่งกายของไวท์วันนี้เป็นชุดสูทสีขาวคลุมด้วยผ้าสีครีมบางปักลายสีทองอร่าม มีมงกุฎดอกไม้เจ็ดสี่ประดับบนศรีษะ เหมือนเป็นสัญลักษณ์กลายๆ ว่ายังไงเด็กคนนี้ก็คือว่าที่จักรพรรดินีคนต่อไปของจักรวรรดิอย่างแน่นอน แต่เหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย หลังจากงานแสดงโชว์ทำขนมก็มีสาวๆ มากมายเข้าไปทักทายสอบถามวิธีการทำ วัตถุดิบในการทำเพราะอยากจะลองกลับไปทำที่บ้านของตนเองดูบ้าง ถึงอีกฝ่ายจะตอบออกไปด้วยรอยยิ้มแต่ว่าไม่รู้ว่าจะสามารถให้คำตอบได้มากน้อยแค่ไหน ดวงตากลมโตพยายามส่งสัญญาณไปยังบุคคลที่อายุมากกว่าด้านล่างหวังให้มาช่วยคลี่คลายสถานการณ์
"คุณชายริคคะ ไม่ทราบว่าพอจะอธิบายการทำขนมได้ไหม"
"นั่นสิคะ กลิ่นมันหอมน่ารับประทานมาก"
"ขนมอันนี้อะไรรึคะ อร่อยมาก"
"อันนี้ด้วยค่ะ ช่วยบอกหน่อยได้ไหมคะ"
ร่างสูงบังเอิญเห็นสายตาขอความช่วยเหลือเลยเดินมาหาด้วยความไวตามปฏิกิริยาของแวมไพร์ มือหนาวางบนไหล่ของคนอายุน้อยกว่าด้วยความเคยชิน ส่งยิ้มหวานให้กับเหล่าลูกสาวขุนนางชั้นผู้ใหญ่ แพทย์ชั้นสูง มหาเศรษฐี เพื่อทำให้ทุกคนรู้สึกเกรงขามแล้วไม่ถามอะไรให้มากความนัก
"ขนมเหล่านี้ต่อไปจะถูกบรรจุเอาไว้ในวังหลวง หากชอบขนมเหล่านี้จะต้องมาซื้อได้ที่ร้านของวังหลวงเท่านั้น" เสียงทุ้มต่ำตอบกลับไปแต่สร้างความสงสัยให้กับเหล่าคนถามเป็นอย่างมาก
"ในอนาคตข้าไม่รู้ว่ากระรอกน้อยอยากจะเปิดร้านอาหารสำหรับขายขนมพวกนี้ให้กับพวกเจ้าหรือไม่ หากต้องการลองสอบถามดูนะ แต่วันนี้ไม่น่าจะบอกได้ ไว้งานเลี้ยงที่จะจัดในเดือนหน้า ค่อยมาถามใหม่ดีไหม"
"งานอะไรหรือเพคะ รัชทายาท"
"งานหมั้นของข้ากับกระรอกน้อยยังไงล่ะ"
“ข้าจะถามเพียงคำถามเดียว หากใดจึงได้เลือกที่จะรับใช้รัชทายาท เพราะเหตุใด แล้วหลังจากนี้ตั้งใจจะทำอันใดต่อไป” คำถามเดียวที่ยาวขนาดนี้ น่าจะเหมือนสามคำถามมากกว่า ทุกคนคิดในใจและพากันมองหน้าด้วยสายตาแบบเดียวกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา“ข้ามาเพราะมีคำสั่งจากท่านไวท์ขอรับ หากได้รับการอนุญาตจะมาคอยรับใช้และดูแลรัชทายาทขอรับ”“ข้าเลือกมาด้วยตัวเอง เพราะอยากกลับมารับใช้องค์รัชทายาทครั้นเก่าก่อน และจะคอยรับใช้ตลอดอายุขัย”หลังจากคำตอบของทั้งสองแล้ว ใบหน้าหวานใช้เวลาคิดไตร่ตรองอยู่นานจนทำให้ทุกคนในห้องต่างพากันลุ้นไปด้วยว่าจะตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไง เพราะเป็นคำถามที่ค่อนข้างตอบยากทีเดียว“ทั้งสองคนจะได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาดูแลพวกเราที่บนตำหนักแต่จะมีเจ้านายคนละคนกัน เจ้าที่ตอบเพราะว่าข้าเป็นคนสั่งจงมาทำงานกับข้า ส่วนเจ้าอีกคนข้าจะให้มาคอยดูแลรับใช้รัชทายาท ส่วนเรื่องตำแหน่ง...ข้าจะตัดสินใจอีกครั้ง บอกชื่อมาสิ”“ทำไมกระรอกน้อยถึงให้ค
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!“เข้ามา”“ท่านพี่ พวกเราจะกลับเขตปกครองของพวกเราสองคนแล้ว เลิกจะมาลาพะยะค่ะ” คลาสบอกพลางทำความเคารพ“ใช่พะยะค่ะ ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว พวกเราขอตัว” ครอสบอกแล้วทำความเคารพเช่นกัน“ไม่ใช่ว่าพวกเจ้าได้คำตอบของหัวใจจากคนที่ตนเองรักแล้วจะไปเริ่มต้นใหม่หรอกหรือ” เสียงทุ้มต่ำพูดขึ้นมาแล้วเงยหน้ามองฝาแฝดด้วยสายตาเรียบนิ่ง“พะยะค่ะ ข้าได้คำตอบจากคนที่ข้ารักแล้ว / พะยะค่ะ ข้าได้สิ่งนั้นมาแล้ว” ทั้งสองตอบพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย เจ้าชายทั้งสามต่างพยักหน้าให้กันแล้วต่างคนต่างไปทำหน้าที่ของตนเองต่อไป ไม่ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในสวนหลังวังเขาจะไม่รับรู้ แต่มันเป็นเรื่องที่ไวท์จะต้องพูดและตัดสินใจด้วยตนเองจากนี้ไปทั้งคลาส ครอส น่าจะเริ่มเข้าใจและตัดใจได้ในสักวันหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะสิ่งที่ไวท์พูดค่อนข้างเด็ดขาดและชัดเจน ไม่มีช่องว่างให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลยตอนที่ได้ยินคำพูดออกจา
“เป็นการตรวจสอบภายในก็จริงแต่ต้องส่งเข้าวังหลวงภายในสิบสี่วันขอรับ”“เข้าใจแล้ว ผมจะทำตามที่บอกและเขียนรายละเอียดไว้ให้ด้วยครับบนโต๊ะทำงานของผม” เสียงทุ้มนุ่มตอบพลางออกกำลังกายด้วยตนเองต่อไป สายตาของเมล์มองด้วยความไม่เข้าใจว่าทำไมถึงเหมือนตาแก่มากขนาดนี้“มีอะไรหรือเปล่าครับ เห็นมองนานแล้ว ผมยังออกกำลังกายไม่เสร็จ”“ไม่ขอรับ ข้าขอตัวก่อน”“ครับ”ณ ห้องทำงาน“จะทำยังไงกันต่อขอรับ รัชทายาทยังนอนอยู่ที่โซฟาอยู่เลย” เฟลิกซ์ถามด้วยความสงสัยเพราะว่าเจ้านายของตนเรียกทุกคนมารวมกันที่นี่หมดเลย แต่ว่าถ้าพูดคุยกันที่นี่จะไม่ทำให้รัชทายาทตื่นขึ้นมาเหรอ“ผมเชื่อว่าคนไม่ได้นอนมาหลายวันไม่ตื่นง่ายหรอกครับ มาคุยเรื่องงานกันดีกว่า”“กองงานทั้งหมดส่วนนี้คือการช่วยกันตรวจดูเอกสารงบประมาณภายในวังว่าครบถ้วนหรือไม่ มีอะไรขาดตกบกพร่องตรงไหน และจะต้องเส
“พี่คีย์ก็มีมุมน่ารักเหมือนกันนะครับ เคี้ยวอาหารแบบนี้เหมือนเด็กเลยครับ” เสียงทุ้มนุ่มพูดพลางหัวเราะเบา ๆ เพิ่งเคยเห็นท่าทางแบบนี้ของคนอายุมากกว่าหลายร้อยปี เป็นภาพที่น่ามองไปอีกแบบเหมือนกัน“ข้าว่าเหมือนคนไม่สำรวมมากกว่าขอรับ ท่านไวท์” เมล์บอกพลางถอนหายใจ ไม่คิดว่าจะกินแบบนั้นจนลืมเรื่องมารยาทบนโต๊ะอาหาร จะกินเร็วเกินไปแล้ว“ตอนนี้ไม่มีใครอยู่นอกจากพวกเรา งดสำรวมหนึ่งวันแล้วจะรีบกินให้หมดจะได้มานั่งทำงานต่อสักที”หลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมาก็เห็นรัชทายาทหมกตัวอยู่แต่ในห้องทำงาน จากการมาหาสภาพไม่ต่างจากคนทำงานหามรุ่งหามค่ำและไม่ได้นอนมาหลายวันแล้ว ถ้าทำเครื่องดื่มที่ทำให้รู้สึกสดชื่นน่าจะช่วยได้พอสมควร มาลองคิดเรื่องเครื่องดื่มที่จะทำให้รู้สดชื่นกันก่อนดีกว่ามือขาวหยิบกระดาษและปากกาขนนกขึ้นมาเพื่อเริ่มไล่รายการเครื่องดื่มที่ทำให้สดชื่นและสามารถทำงานต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ได้สนใจว่ามีสายตาของแวมไพร์ทั้งสองคู่กำลังมองอยู่ว่าทำอะไร ทำไมดูเคร่งเครียดขนาดนั้น จะเข้าไปช่วยก
“มองอะไรกันครับ ไม่กินข้าวล่ะครับ” ไวท์ถามด้วยความสงสัย“ตอนที่เจ้ากินแบบนี้ดูน่ารักดี เลยเผลอมองนานไปหน่อย ขอโทษด้วย” คีย์ตอบพลางกินอาหารต่อแต่คนที่เหมือนจะกินช้าลงกลายเป็นใบหน้าหวานแทนเพราะทำตัวไม่ถูกกับคำชมของอีกฝ่ายที่ตรงไปตรงมาแบบนี้เสมอ“พูดอะไรครับพี่..” เสียงของไวท์ขาดหายไปแล้วเริ่มก้มหน้าก้มตากินเหมือนเดิม ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มีเด็กคนนี้เข้ามาทำให้ชีวิตประจำวันของพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปตั้งแต่ตอนนั้นจนวันนี้ สายตาของแต่ละคนก็ยังมีความให้อ่อนโยนให้เหมือนเดิมซึ่งการที่แต่ละคนต่างมีใจให้กับไวท์ก็เป็นสิ่งที่คีย์รู้มานานแล้ว แต่ว่าหลังจากการหมั้นทุกคนก็มีจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะไม่ทำอะไรให้เกิดความเสียหายขึ้นมา“ไวท์ ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า” คลาสบอกพลางเดินออกไปทางสวนหลังวัง“ครับ” เขาขานรับสั้น ๆ และเดินตามไปแต่โดยดีณ สวนหลังวัง“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ ผมยังมีอะไรที่
อพอลโลตัดสินใจที่จะเดินทางมาโลกมนุษย์หลายเดือน จึงคิดเตรียมการหลายอย่างเพื่อให้ตนเองมีเวลาว่างมากพอที่จะสืบเรื่องราวต่าง ๆ ทั้งหมด ระยะเวลาที่นานขนาดนี้ในโลกมนุษย์จะสามารถตามหาอะไรได้อีกหรือเปล่า ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะรับรู้อะไรได้บ้างณ ดินแดนมังกร“มีอะไรหรือท่านจักรพรรดินี”“เหมือนจะถึงเวลาที่ข้าจะต้องกลับไปหาไข่มังกรแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกมาเสียงเรียบพลางใช้พลังมองดูบุตรของตนที่กำลังจะเติบโตขึ้นอีกขั้น“ฝากตาแก่ไว้นานแล้ว ถึงเวลาที่ต้องไปรับกลับมาเสียที”“ท่านจะไปที่ใดกัน”“โลกมนุษย์”“ท่านว่ายังไงนะ!”“วางใจเถอะ ไม่ใช่ในตอนนี้หรอก” คนรับใช้ถอนหายใจอย่างโล่งอก“แต่อีกไม่นานจะต้องเตรียมตัวเพื่อไปพบบุตรของข้า”“แต่ท่านมีบุตรอยู่ที่นี่แล้วถึงสี่พระองค์พะยะค่ะ จะมีบุตรที่ใดกันอีก