การบินจากเมืองหลวงไปยังชายแดนตะวันตกใช้เวลาสองชั่วโมงตามตารางการบินที่ได้รับ หวังเหลียนกับพวกลงจากเครื่องบินแล้วไม่ได้เช่ารถที่สนามบิน แต่พวกเขากลับใช้วิชาตัวเบาเดินทางอย่างรวดเร็วไปยังขอบชายแดนที่มีระยะทางจากสนามบินไปประมาณ 50 กม. ซึ่งหวังเหลียนได้ศึกษาแผนที่มาก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอต้องเข้าชายแดนบริเวณไหนจึงจะปลอดภัยกับทุกคนมากที่สุด เธอรู้ดีว่าคนของประเทศ M คงคิดไม่ถึงว่าจะมีคนกล้าข้ามผ่านภูเขาลูกใหญ่แบบนี้เข้าไปแน่
คนที่หม่าว่านหลงเลือกมากับลูกสาวครั้งนี้ต่างมีวิชาตัวเบาเป็นเลิศ ถึงแม้ว่าพลังลมปราณจะไม่ได้สูงส่งนัก คนของเขาเคยบอกก่อนหน้านี้ว่าตามความเร็วของหวังเหลียนไม่ทัน หม่าว่านหลงจึงเลือกคนที่มีวิชาตัวเบาดีที่สุดแทน อย่างน้อยจะได้ไม่เป็นตัวถ่วงให้ลูกสาวของเขา
หวังเหลียนที่เดินทางไม่ช้าไม่เร็วก็พอใจเช่นกัน เธอไม่คิดว่าพ่อจะรู้ความต้องการของเธอจริง ๆ ยังดีที่พวกเขาไม่ได้เป็นตัวถ่วงให้เธอ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีพลังปราณไม่มากนัก แต่ความเร็วของพวกเขาสามารถตามความเร็วของเธอได้อย่างไม่หนักแรงเลยแม้แต่น้อย
“อ่า เป็นนายหญิงหวังนี่เอง พวกเราขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เดี๋ยวพวกผมต้องขอตัวไปดูแลญาติผู้ใหญ่ต่อก่อนนะครับ”“ขอบคุณมากครับ เด็ก ๆ บอกลาคุณลุง คุณป้าก่อนลูก”“สวัสดีฮับ/สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”สามจอมซนของตระกูลหวังส่งเสียงดังอย่างร่าเริงไปยังพวกเขา ทำเอาสามีภรรยาตระกูลอ้ายเอ็นดูพวกเขาไม่น้อย ระหว่างเดินกลับไปยังกลุ่มญาติของตัวเอง พวกเขายังคุยกันว่าหวังจุนเหยาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีภรรยา เขาไม่ได้น่ากลัวเหมือนสมัยก่อนที่ได้ชื่อว่าราชาปีศาจในเรื่องธุรกิจอีก การทำธุรกิจของเขาช่วงหลังมานี้ก็ไม่ได้กดดันกลุ่มบริษัทเล็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน หากเป็นเมื่อก่อนนั้น ตระกูลหวังจะผูกขาดธุรกิจแทบทุกด้านมาตลอด นี่จึงถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่นักธุรกิจจำนวนมากต่างก็ขอบคุณความเมตตาจากตระกูลหวังหวังเหลียนออกมาอีกครั้งหลังจากรับใบประกาศแล้ว เธอชวนเพื่อนสนิททั้งสองพร้อมกับญาต
หลังจากนัดหมายวันออกเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ต้องการไปเยี่ยมตระกูลหม่าบนเขาต่างจัดเตรียมข้าวของก่อนถึงวันเดินทาง หวังเหลียนให้พี่เลี้ยงเตรียมของลูก ๆ เอาไว้ให้เธอ ครั้งนี้เธอจะไม่พาพี่เลี้ยงไปด้วย เพราะกำหนดการไปครั้งนี้จะไปกันเพียงแค่ไม่กี่วัน หากไปนานเกินไป งานของหวังจุนเหยาอาจจะมีปัญหาได้สัปดาห์ต่อมา กลุ่มคนตระกูลหม่าพร้อมด้วยหวังจุนเหยา หวังเหลียน หวังจื่อฮุย หวังจื่อจินและหวังจื่อหลินต่างเดินทางขึ้นเขากันอย่างไม่ลำบาก เด็ก ๆ ทั้งสามมีหม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อที่รับอาสาอุ้มตั้งแต่ลงจากรถที่ตีนเขา หวังจุนเหยาเห็นทุกคนอยากอุ้มจึงไม่ได้คัดค้านอะไร เขาทำเพียงจูงมือหวังเหลียนและใช้วิชาตัวเบาเดินทางติดตามหลังไปเท่านั้น สัมภาระต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก โดยผู้คุ้มกันของตระกูลหม่าเป็นคนยกสัมภาระทั้งหมดกลุ่มของพวกเขาใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงถึงยอดเขาที่มีจวนของตระกูลหม่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หวังเหลียนมองไปเห็นจวนที่คุ้นตาก็คิดย้อนกลับไปยังภพชาติก่อนในทันใด เธอถึงกั
หวังเหลียนที่ไม่ทราบเรื่องว่าที่บริษัทสามีงอแงมากแค่ไหน ช่วงนี้อาการของเธอหายดีแล้ว หวังเหลียนยังใช้เวลาว่างสอนวิชาต่าง ๆ ให้กับบอดี้การ์ดและคนของตระกูลหม่าเหมือนเดิม อีกทั้งเธอยังเขียนตำราวิชาฝ่ามือ วิชากระบี่และวิชารวบรวมลมปราณเพื่อให้ครอบครัวของเธอนำไปสั่งสอนคนในตระกูลต่อไปเจ็ดเดือนต่อมากิจวัตรประจำวันของหวังเหลียนระหว่างรอคลอดไม่ได้น่าเบื่อมากนัก บางวันเธอก็ไปนั่งเล่นที่บริษัทกับสามีเวลาที่เขางอแง ทำให้ทุกคนในบริษัทต่างอยากให้นายหญิงมาที่บริษัททุกวัน ไม่อย่างนั้นท่านประธานของพวกเขาจะต้องหงุดหงิดและอาละวาดไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่ เรื่องนี้หวังเหลียนรู้จากหลินซินที่แอบกระซิบบอกเธอถึงพฤติกรรมสามีเวลาที่เธอไม่มาด้วย พนักงานคนอื่น ๆ เองก็ขอร้องเธอเช่นเดียวกันว่าให้มาบ่อย ๆ ตอนนี้หวังจื่อฮุยอายุหนึ่งขวบแล้ว หวังเหลียนจึงพาเขามาด้วยเพื่อดูว่าพ่อของเขาต้องทำงานหนักแค่ไหน ถึงแม้ลูกชายเธอจะอายุยังน้อย แต่เขากลับรู้ความเป็นอย่างมากวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หวังเหลียนพาลูกชาย
ด้านหลินซินที่ได้รับคำสั่งมาก็จัดกำลังผู้ช่วยของเขาให้แยกตัวไปเล่นงานตระกูลไป่ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดทันที เขาสั่งการให้ตัดความสัมพันธ์ในทุกบริษัทและยังขึ้นแบล็คลิสต์ตระกูลไป่ด้วย ก่อนที่จะทำให้ราคาหุ้นของตระกูลไป่ตกต่ำแล้วกว้านซื้อหุ้นไปจนหมดภายในเวลาแค่สามวันตระกูลอื่นต่างงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลไป่ แม้แต่ไป่เจิ้งหนานก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมตระกูลหวังจึงเล่นงานเขาเช่นนี้ กว่าที่ไป่เจิ้งหนานจะรู้ความจริงก็เป็นตอนที่ลูกสาวถูกตำรวจจับข้อหาจ้างวานฆ่านายหญิงตระกูลหวัง ไป่จินซิงไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวเธอจะกล้าทำแบบนี้ เธอร้องไห้ขอให้สามีช่วยลูกสาวของเธอ แต่กลับถูกเขาด่ากลับมาอย่างไม่ไว้หน้า“หุบปาก! คุณยังกล้าให้ผมช่วยเด็กสารเลวนั่นอีกเหรอ? คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทกำลังจะล้มละลายแล้ว แถมหุ้นทั้งหมดในตลาดก็ถูกเทขายในราคาต่ำ เป็นเพราะลูกสาวคุณนั่นแหละที่กล้าทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้จนกระทบมาถึงผมน่ะ”“ฮือ… แต่ไป่หลิงเป็นลูกสาวของเรานะคะ”
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป