หวังฮัวโต๋ที่เห็นน้องชายภรรยากำลังแบกนางมาพร้อมขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดก็อมยิ้มอย่างได้ใจ เขาไม่คิดมาก่อนว่าฮูหยินของเขาจะมีทรัพย์สินมากมายถึงเพียงนี้ หลังจากนี้ไปเขาคงใช้จ่ายสบายขึ้นมากหากมีนางอยู่
แม่สื่อเมื่อเห็นเจ้าสาวมาแล้ว นางก็พูดตามธรรมเนียมจนกระทั่งเจ้าสาวขึ้นเกี้ยวแปดคนหามไป หวังฮัวโต๋เองก็ถูกบอกให้ขึ้นม้าพาเจ้าสาวเดินวนรอบเมืองหลวงเพื่อแสดงว่าวันนี้กำลังจะมีงานมงคลครั้งใหญ่ของสองตระกูล โดยที่แม่ทัพหม่ากับครอบครัวจะขึ้นรถม้าไปรอทำพิธีก่อนที่จวนเสนาบดีหวัง
ขบวนแต่งงานแจกจ่ายขนมตามธรรมเนียมให้กับชาวเมืองที่ต่างมาชมดูความสนุกสนาน พวกเขาเห็นสินเดิมยาวเหยียดเช่นนี้ต่างก็อิจฉาเจ้าสาวที่ร่ำรวยนัก เจ้าบ่าวที่ขี่ม้านำขบวนอยู่ก็หล่อเหลา ชาวเมืองต่างคุยกันสนุกสนานว่าทั้งสองช่างเหมาะสมกันนัก คนหนึ่งเป็นบุตรชายคนโตของเสนาบดีกรมอาญา อีกคนก็เป็นบุตรีคนเดียวของจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง
หวังฮัวโต๋ที่ได้ยินเสียงชาวบ้านชื่นชมก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างได้ใจ ทุกคนในเมืองหลวงต่างอิจฉาในวาสนาของเขาที่มีฮูหยินเช่นนี้ น้องชายเขาอย่างหวังจุนเหยาที่ตอนนี้เดินทางออกไปตรวจราชการให้ฝ่าบาทเองก็ยังไม่ทราบว่าเขากำลังจะแต่งงาน ไม่เช่นนั้นเรื่องดี ๆ เช่นนี้มีหรือจะตกมาอยู่ในมือเขาได้ เขารู้ดีว่าด้อยกว่าน้องชายต่างแม่คนนี้มากนัก เขาจึงต้องการแต่งงานกับหม่าหลันมากเป็นพิเศษ เพื่อที่เขาจะได้มีคนสนับสนุนมากกว่าน้องชายที่ไม่ยอมหมั้นหมายกับหญิงใดเสียที
ขบวนแต่งงานวนรอบเมืองหลวงกลับไปยังจวนเสนาบดีหวังในเวลาเกือบหนึ่งชั่วยาม ด้วยยังไม่ถึงฤกษ์ทำพิธี พวกเขาจึงไม่ได้เร่งรีบกันนัก เมื่อมาถึงยังหน้าจวนเสนาบดีหวังที่ตอนนี้แขกเหรื่อต่างมากันไม่น้อยแล้ว แม่สื่อรีบทำหน้าที่ของตนเองตามธรรมเนียม
“เจ้าบ่าวเตะเกี้ยวสามครั้ง”
ปัง! ปัง! ปัง!
“เจ้าสาวเตะเกี้ยวคืนสามครั้ง”
เพี๊ยะ! เพี๊ยะ! เพี๊ยะ!
เหล่าชาวเมืองที่มาชมความสนุกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเจ้าสาวช่างน่ารักนักที่เตะเกี้ยวเพียงเบา ๆ เพื่อให้เกียรติเจ้าบ่าว ทั้งที่จริงแล้วหม่าหลันต้องกดพลังปราณของตนเองจนแทบไม่เหลือเพื่อที่จะเตะเบา ๆ ไม่เช่นนั้นเกี้ยวอันบอบบางนี้คงพังทลายไปด้วยพลังปราณของนางนานแล้ว นางยังอยากเข้าหอกับเจ้าบ่าวอยู่หนา มีหรือที่หม่าหลันจะมาทำเสียเรื่องเอาตอนนี้เล่า
“เจ้าบ่าวรับเจ้าสาวออกจากเกี้ยว” เสียงแม่สื่อทำหน้าที่ต่อ
หวังฮัวโต๋ยิ้มกว้างเดินไปเปิดผ้าหน้าเกี้ยวแล้วยื่นมือใหญ่ไปรอรับมือเล็กของฮูหยินเขา หม่าหลันเห็นมือใหญ่ของเขาก็นึกถึงว่าตอนเข้าหอนางจะตื่นเต้นแค่ไหนกันหากถูกมือใหญ่นี้ลูบไล้ ขณะกำลังคิดเรื่องพิเรนทร์อยู่ เสียงกระแอมของแม่สื่อก็ดังขึ้น หม่าหลันจึงรีบยื่นมือเล็กไปจับมือใหญ่แล้วลุกออกจากเกี้ยวไปทำพิธีตามที่แม่สื่อกล่าวอย่างเชื่อฟัง
หลังผ่านเตาไฟหน้าประตูจวนเข้าไปแล้ว พิธีกราบไหว้ฟ้าดินก็เริ่มต้นขึ้นตามฤกษ์พอดิบพอดี ญาติเจ้าบ่าวและญาติเจ้าสาวต่างมองทั้งคู่แตกต่างกันไม่น้อย ฝั่งเสนาบดีหวังกับฮูหยินใหญ่นั้นยิ้มกว้างจนปากแทบจะฉีก ส่วนแม่ทัพหม่ากับครอบครัวกลับมีสีหน้านิ่งเรียบ ทำเอาแขกเหรื่อที่กำลังมองอยู่ต่างร้อน ๆ หนาว ๆ กลัวว่าแม่ทัพหม่าจะพังงานแต่งงานครั้งนี้เสียก่อน
หม่าเทียนใช่ว่าจะไม่ได้ยินเสียงนินทา ด้วยพลังปราณของเขา เสียงเพียงเล็กน้อยก็เข้ามาในหูของเขาแล้ว ยิ่งได้ยินผู้คนต่างหวาดกลัวว่าเขาจะก่อเรื่อง เขาก็ยิ่งขมวดคิ้วอย่างยุ่งยากใจ จนฮูหยินหม่าต้องจับแขนเสื้อสามีเอาไว้และส่ายหน้าเบา ๆ ไม่ให้เขาทำสีหน้าเคร่งเครียดอีก ตอนนี้พวกเขาทำสิ่งใดไม่ได้นอกจากต้องฝืนทนให้หม่าหลันทำพิธีจนเสร็จสิ้นไป
เมื่อพิธีการทั้งหมดเสร็จสิ้น เจ้าบ่าวก็จูงมือพาเจ้าสาวไปรอยังห้องหอที่เรือนของเขาด้านหลังเรือนหลัก ระหว่างทางเขายังชวนหม่าหลันสนทนาอย่างรื่นหู ยิ่งทำให้นางคาดหวังว่าคืนนี้สามีของนางจะต้องพานางขึ้นสวรรค์ได้แน่ หลังจากนี้หากมีงานเลี้ยงและนางต้องเข้าร่วม นางก็สามารถคุยได้แล้วว่าตนเองก็เคยได้ลิ้มลองความสุขอย่างที่พวกนางได้รับเช่นเดียวกัน เสิ่นหลิงที่แอบดูอยู่หลังต้นไม้ได้แต่กำหมัดแน่น นางได้ยินพวกเขาคุยกันกระหนุงกระหนิงก็ยิ่งเจ็บแค้นใจนัก
หวังฮัวโต๋เมื่อส่งเจ้าสาวไว้บนเตียงเพื่อรอเขาไปต้อนรับแขกตามธรรมเนียมเสร็จ เขาก็ออกจากห้องหอไปอย่างอารมณ์ดี หวังฮัวโต๋ได้แต่คิดว่ามืออันนุ่มนิ่มของฮูหยินเขาช่างน่าจับนัก คืนนี้หากเขาได้ตัวนางมาเป็นของตนเองแล้วเขาจะมีความสุขมากขนาดไหน หลังจากที่เคยแต่นอนกับเสิ่นหลิงมาเสียหลายปี กลิ่นใหม่ของฮูหยินเขาช่างเย้ายวนใจจริง ๆ
เสิ่นหลิงเห็นหวังฮัวโต๋จากไปสักพักใหญ่แล้ว นางรีบทำตามแผนการของตนเองทันที โดยรีบไปที่ห้องครัวซึ่งบ่าวไพร่จะต้องยกอาหารและสุรามงคลเข้าไปไว้ในห้องหอก่อนที่เจ้าบ่าวจะกลับมาอีกครั้ง
หลังจากมองซ้ายมองขวาแล้วไม่เห็นบ่าวไพร่อยู่ใกล้บริเวณนี้ เสิ่นหลิงที่แอบไปซื้อยาพิษไร้สีไร้กลิ่นราคาสูงมาก็หยดมันลงบนแก้วสุรามงคลที่เป็นของหม่าหลันสองสามหยดเท่านั้น เพื่อไม่ให้บ่าวที่ยกสิ่งของไปมองเห็นและทำลายแผนการของนางเสียก่อน โชคดีที่ยาพิษนี้ใสไม่ต่างกับน้ำนัก นางจึงวางใจว่าบ่าวที่จะมายกสิ่งของทั้งหมดนั้นคงไม่ทันสังเกตเป็นแน่ ด้วยทุกคนในวันนี้ต่างยุ่งกับการดูแลแขกเหรื่อจนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครเข้ามาที่ห้องครัวเลย เสิ่นหลิงรีบออกไปหลังจากจัดการเรื่องราวเรียบร้อยแล้ว นางยิ้มร้ายอย่างสมใจที่คืนนี้สามีของนางจะยังเป็นของนางคนเดียวเช่นเคย
ในงานเลี้ยง หวังฮัวโต๋ต่างเดินชนแก้วรับคำอวยพรจากขุนนางมากมายที่มาเป็นเกียรติในงานแต่งงานของเขา แม่ทัพหม่ากับครอบครัวเองก็ยังนั่งกินอาหารตามธรรมเนียมอย่างเสียมิได้ พวกเขาได้แต่ปล่อยวางความหวาดระแวงลงเพราะอย่างไรตอนนี้พิธีทั้งหมดก็ผ่านพ้นไปแล้ว ทุกคนได้แต่หวังว่าหม่าหลันจะมีความสุขตามที่นางต้องการ
หม่าหลันที่นั่งรออยู่บนเตียงจากที่ตื่นเต้นคราแรก ตอนนี้นางชักจะหิวเสียแล้ว ใครใช้ให้นางได้กินเพียงข้าวต้มนิดหน่อยก่อนแต่งหน้าเท่านั้นเล่า หม่าหลันได้แต่นั่งรอว่าเมื่อไหร่บ่าวไพร่จะนำอาหารมาให้นางเสียที ถึงแม้ว่าจะเป็นการเสียมารยาทที่กินก่อนสามี แต่เขาได้บอกนางก่อนออกจากห้องแล้วว่าหากหิวก็กินก่อนได้เลย หม่าหลันจึงรอคอยอาหารอย่างใจจดใจจ่อ นางรอจนกระทั่งสามเค่อต่อมาจึงได้ยินเสียงขออนุญาตจากบ่าวนำอาหารและสุรามงคลเข้ามาในห้อง
หลังบ่าววางอาหารทั้งหมดรวมทั้งสุรามงคลตามตำแหน่งที่พ่อบ้านได้บอกเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พวกเขาก็ออกจากห้องหอไปและปล่อยให้หม่าหลันอยู่คนเดียวต่อในห้องเพื่อรอเจ้าบ่าว ซึ่งคาดว่าน่าจะอีกหลายชั่วยามกว่าที่เขาจะมายังห้องหอ หม่าหลันพอได้ยินเสียงบ่าวออกห่างไปแล้ว นางก็เปิดผ้าปิดหน้าลุกขึ้นและเดินไปนั่งกินอาหารอย่างคนที่กำลังหิวโหย
หม่าหลันกินอาหารบนโต๊ะไปไม่น้อย แต่พอมองหาน้ำชานางกลับไม่เห็นกาน้ำชา บนโต๊ะนี้มีเพียงสุรามงคลเท่านั้น หม่าหลันไม่คิดอันใดมากเพราะนางเล่นกินอาหารเร็วจนแทบติดคอตายแล้ว นางจึงรีบรินเหล้าใส่แก้วของนางและกระดกเหล้าอย่าไม่กลัวเมาแม้แต่น้อย นี่เป็นสิ่งที่ท่านพ่อสอนนางมาตั้งแต่ยังเด็ก นางดื่มเก่งกว่าผู้ชายบางคนในเมืองหลวงเสียอีก เหล้าแค่นี้ไม่ทำให้นางเมาแม้แต่น้อย
“อ่า เป็นนายหญิงหวังนี่เอง พวกเราขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เดี๋ยวพวกผมต้องขอตัวไปดูแลญาติผู้ใหญ่ต่อก่อนนะครับ”“ขอบคุณมากครับ เด็ก ๆ บอกลาคุณลุง คุณป้าก่อนลูก”“สวัสดีฮับ/สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”สามจอมซนของตระกูลหวังส่งเสียงดังอย่างร่าเริงไปยังพวกเขา ทำเอาสามีภรรยาตระกูลอ้ายเอ็นดูพวกเขาไม่น้อย ระหว่างเดินกลับไปยังกลุ่มญาติของตัวเอง พวกเขายังคุยกันว่าหวังจุนเหยาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีภรรยา เขาไม่ได้น่ากลัวเหมือนสมัยก่อนที่ได้ชื่อว่าราชาปีศาจในเรื่องธุรกิจอีก การทำธุรกิจของเขาช่วงหลังมานี้ก็ไม่ได้กดดันกลุ่มบริษัทเล็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน หากเป็นเมื่อก่อนนั้น ตระกูลหวังจะผูกขาดธุรกิจแทบทุกด้านมาตลอด นี่จึงถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่นักธุรกิจจำนวนมากต่างก็ขอบคุณความเมตตาจากตระกูลหวังหวังเหลียนออกมาอีกครั้งหลังจากรับใบประกาศแล้ว เธอชวนเพื่อนสนิททั้งสองพร้อมกับญาต
หลังจากนัดหมายวันออกเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ต้องการไปเยี่ยมตระกูลหม่าบนเขาต่างจัดเตรียมข้าวของก่อนถึงวันเดินทาง หวังเหลียนให้พี่เลี้ยงเตรียมของลูก ๆ เอาไว้ให้เธอ ครั้งนี้เธอจะไม่พาพี่เลี้ยงไปด้วย เพราะกำหนดการไปครั้งนี้จะไปกันเพียงแค่ไม่กี่วัน หากไปนานเกินไป งานของหวังจุนเหยาอาจจะมีปัญหาได้สัปดาห์ต่อมา กลุ่มคนตระกูลหม่าพร้อมด้วยหวังจุนเหยา หวังเหลียน หวังจื่อฮุย หวังจื่อจินและหวังจื่อหลินต่างเดินทางขึ้นเขากันอย่างไม่ลำบาก เด็ก ๆ ทั้งสามมีหม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อที่รับอาสาอุ้มตั้งแต่ลงจากรถที่ตีนเขา หวังจุนเหยาเห็นทุกคนอยากอุ้มจึงไม่ได้คัดค้านอะไร เขาทำเพียงจูงมือหวังเหลียนและใช้วิชาตัวเบาเดินทางติดตามหลังไปเท่านั้น สัมภาระต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก โดยผู้คุ้มกันของตระกูลหม่าเป็นคนยกสัมภาระทั้งหมดกลุ่มของพวกเขาใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงถึงยอดเขาที่มีจวนของตระกูลหม่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หวังเหลียนมองไปเห็นจวนที่คุ้นตาก็คิดย้อนกลับไปยังภพชาติก่อนในทันใด เธอถึงกั
หวังเหลียนที่ไม่ทราบเรื่องว่าที่บริษัทสามีงอแงมากแค่ไหน ช่วงนี้อาการของเธอหายดีแล้ว หวังเหลียนยังใช้เวลาว่างสอนวิชาต่าง ๆ ให้กับบอดี้การ์ดและคนของตระกูลหม่าเหมือนเดิม อีกทั้งเธอยังเขียนตำราวิชาฝ่ามือ วิชากระบี่และวิชารวบรวมลมปราณเพื่อให้ครอบครัวของเธอนำไปสั่งสอนคนในตระกูลต่อไปเจ็ดเดือนต่อมากิจวัตรประจำวันของหวังเหลียนระหว่างรอคลอดไม่ได้น่าเบื่อมากนัก บางวันเธอก็ไปนั่งเล่นที่บริษัทกับสามีเวลาที่เขางอแง ทำให้ทุกคนในบริษัทต่างอยากให้นายหญิงมาที่บริษัททุกวัน ไม่อย่างนั้นท่านประธานของพวกเขาจะต้องหงุดหงิดและอาละวาดไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่ เรื่องนี้หวังเหลียนรู้จากหลินซินที่แอบกระซิบบอกเธอถึงพฤติกรรมสามีเวลาที่เธอไม่มาด้วย พนักงานคนอื่น ๆ เองก็ขอร้องเธอเช่นเดียวกันว่าให้มาบ่อย ๆ ตอนนี้หวังจื่อฮุยอายุหนึ่งขวบแล้ว หวังเหลียนจึงพาเขามาด้วยเพื่อดูว่าพ่อของเขาต้องทำงานหนักแค่ไหน ถึงแม้ลูกชายเธอจะอายุยังน้อย แต่เขากลับรู้ความเป็นอย่างมากวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หวังเหลียนพาลูกชาย
ด้านหลินซินที่ได้รับคำสั่งมาก็จัดกำลังผู้ช่วยของเขาให้แยกตัวไปเล่นงานตระกูลไป่ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดทันที เขาสั่งการให้ตัดความสัมพันธ์ในทุกบริษัทและยังขึ้นแบล็คลิสต์ตระกูลไป่ด้วย ก่อนที่จะทำให้ราคาหุ้นของตระกูลไป่ตกต่ำแล้วกว้านซื้อหุ้นไปจนหมดภายในเวลาแค่สามวันตระกูลอื่นต่างงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลไป่ แม้แต่ไป่เจิ้งหนานก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมตระกูลหวังจึงเล่นงานเขาเช่นนี้ กว่าที่ไป่เจิ้งหนานจะรู้ความจริงก็เป็นตอนที่ลูกสาวถูกตำรวจจับข้อหาจ้างวานฆ่านายหญิงตระกูลหวัง ไป่จินซิงไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวเธอจะกล้าทำแบบนี้ เธอร้องไห้ขอให้สามีช่วยลูกสาวของเธอ แต่กลับถูกเขาด่ากลับมาอย่างไม่ไว้หน้า“หุบปาก! คุณยังกล้าให้ผมช่วยเด็กสารเลวนั่นอีกเหรอ? คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทกำลังจะล้มละลายแล้ว แถมหุ้นทั้งหมดในตลาดก็ถูกเทขายในราคาต่ำ เป็นเพราะลูกสาวคุณนั่นแหละที่กล้าทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้จนกระทบมาถึงผมน่ะ”“ฮือ… แต่ไป่หลิงเป็นลูกสาวของเรานะคะ”
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป