แต่หลังจากหม่าหลันดื่มเหล้าไปเพียงสองแก้ว นางที่ไม่รู้ว่าในแก้วนั้นมียาพิษรุนแรงผสมกับเหล้าที่นางดื่มไปแก้วแรกอยู่จึงไม่ทันใช้พลังปราณขับพิษออกมาก่อนพิษจะแล่นเข้าสู่หัวใจ
อั่ก!!! พรวด!
หม่าหลันกระอักเลือดออกมาจำนวนมาก ตอนนี้ร่างกายของนางไม่สามารถใช้พลังปราณได้เลยแม้แต่น้อย นับว่าพิษนี้ช่างร้ายแรงนัก หม่าหลันได้แต่ยอมรับความตายแต่โดยดี เพราะนางไม่สามารถช่วยตนเองได้แล้ว ในมโนสำนึกสุดท้ายก่อนที่วิญญาณนางจะออกจากร่าง นางได้แต่สงสัยว่าใครกล้าวางยานางในคืนเข้าหอเช่นนี้ จนทำให้นางต้องอดมีความสุขตามที่คาดคิดเอาไว้อย่างสวยหรู
ไม่นานนักวิญญาณของนางก็หลุดออกจากร่าง หม่าหลันได้แต่มองร่างกายตนเองที่นอนคว่ำหน้าเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมดอย่างสุดแสนจะคับแค้นใจ
“เหตุใดสวรรค์ช่างใจร้ายกับข้านัก ท่านจะให้ข้าตายตอนใดก็ได้ข้าไม่ว่า แต่กลับให้ข้าตายก่อนที่จะได้ลิ้มรสความสุขเหมือนหญิงสาวคนอื่นเสียนี่ พวกท่านเป็นเทพได้เช่นไร หรือพวกท่านมีความสุขกับความทุกข์ของข้ากัน บัดซบ!!! ข้าขอให้พวกท่านได้รับกรรมอย่างข้าบ้าง อย่าได้คิดจะมีความสุขกันอีกเลยหลังจากนี้ ข้าจะคอยด่าทอต่อว่าพวกท่านจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม”
เหล่าเทพที่เห็นเหตุการณ์เช่นนี้ได้แต่ปาดเหงื่อกันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ใครจะไปรู้เล่าว่าพวกเขาคลาดสายตาจากนางเพียงนิดเดียว เสิ่นหลิงจะลงมือไวปานนี้ ความจริงหม่าหลันยังไม่สิ้นอายุขัย เป็นพวกเขาที่ประมาทเกินไปจริง ๆ พวกเขาจึงไม่กล้าโต้เถียงหม่าหลันกลับและฟังคำก่นด่าอีกยาวเหยียดที่นางนึกออก
“เทพไร้ประโยชน์เช่นพวกท่านไม่สมควรที่จะถูกใครกราบไหว้จริง ๆ ขนาดหมาตัวหนึ่งที่มันได้รับอาหาร มันก็ยังรู้จักกตัญญู แต่พวกท่านเป็นเทพที่ข้ากราบไหว้มาตั้งแต่เด็ก กลับไม่คิดจะช่วยข้าเลยสักนิด คอยดูนะ หากข้าได้ขึ้นสวรรค์ไปเมื่อใด ข้าจะถล่มพวกท่านให้เละกันเลยทีเดียว ฮึ่ย! คืนเข้าหอของข้า ฮือ…”
เหล่าเทพที่ทนฟังคำก่นด่าไม่ไหวรีบทำให้หม่าหลันหมดสติไปก่อนที่จะปรึกษาหารือกันและส่งนางข้ามไปยังอีกภพภูมิหนึ่งซึ่งมีไป๋เหลียนที่วิญญาณกำลังจะหลุดออกจากร่างอยู่มะรอมมะร่อเพื่อแก้ไขความผิดพลาดในครั้งนี้ พวกเขายังปล่อยให้วิญญาณของหม่าหลันมีพลังปราณติดตัวไปด้วยเพื่อไม่ให้นางก่นด่าพวกเขาอีกระลอกหลังจากฟื้นตื่นขึ้นมาในภพใหม่
หลังเสร็จสิ้นการใช้พลังเทพอย่างเหน็ดเหนื่อย เหล่าเทพได้แต่ปาดเหงื่อและขอให้หม่าหลันอย่าได้โกรธเคืองพวกเขาอีกเลย
หวังฮัวโต๋ที่กำลังมีความสุขกับงานเลี้ยงแต่งงาน เขายังไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฮูหยินของตนเองนั้นได้เสียชีวิตไปเสียแล้ว กว่าเขาจะรู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นก็เป็นตอนที่เปิดประตูเข้าไปแล้วเห็นหม่าหลันฟุบอยู่บนโต๊ะอาหารที่เต็มไปด้วยเลือด
อ๊าก!!!! ฮูหยิน!
หวังฮัวโต๋รีบเข้าไปตรวจสอบหม่าหลันก่อนจะพบว่านางไม่หายใจแล้ว เขารีบเรียกบ่าวให้ไปตามท่านพ่อท่านแม่มาโดยเร็ว ตอนนี้แม่ทัพหม่ากับครอบครัวกลับไปได้พักใหญ่แล้ว หากพวกเขารู้ว่าบุตรสาวคนเดียวต้องมาตายในคืนแต่งงานเช่นนี้ พวกเขาจะต้องเดือดร้อนหนักแน่
หวังเฉากวงกับฮูหยินใหญ่พอทราบเรื่องก็รีบเร่งเดินไปยังเรือนของบุตรชายในทันใด หวังเฉากวงมองบุตรชายที่กำลังหน้าซีดเผือด มือเต็มไปด้วยเลือดที่ยังกองอยู่เต็มโต๊ะที่หม่าหลันนอนคว่ำหน้าอยู่
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ฮัวโต๋ บอกพ่อมาให้หมด!!!”
“ข้า… ข้าก็ไม่รู้ขอรับท่านพ่อ พอข้าเปิดประตูเข้ามาก็เห็นนางนอนคว่ำหน้าจมกองเลือดเช่นนี้แล้ว ข้าจึงรีบเข้าไปตรวจดูนาง.. แต่นาง.. ไม่หายใจแล้วขอรับ ฮือ..”
หวังฮัวโต๋ทนความกดดันไม่ไหวอีกต่อไป เขาร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น หากแม่ทัพหม่ารู้เรื่องนี้เข้า เขาจะต้องถูกตราหน้าว่าเป็นคนฆ่าบุตรสาวของแม่ทัพหม่าเป็นแน่
“เจ้าเป็นผู้ชาย จะมาร้องไห้อะไรเอาตอนนี้ รีบคิดดีกว่าว่าเราจะให้คำตอบกับแม่ทัพหม่าและครอบครัวอย่างไร”
“ท่านพี่เจ้าคะ ข้าจะให้คนไปเรียกบ่าวที่นำอาหารเข้ามามาสอบถามดูนะเจ้าคะ”
“อืม… เรื่องนี้ต้องมีคนในเป็นผู้ลงมือแน่ หากข้าจับได้ว่าใครกล้าล้วงคองูเห่าล่ะก็ ข้าไม่ปล่อยมันเอาไว้แน่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ”
กว่าที่การสอบสวนของจวนเสนาบดีกรมอาญาจะเสร็จสิ้นลง เวลาก็ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว พวกเขาไม่พบตัวการที่วางยาฆ่าหม่าหลันเพราะเมื่อวานนี้บ่าวไพร่ต่างช่วยกันดูแลแขกด้านนอกทั้งหมด ส่วนบ่าวที่ยกอาหารกับสุรามงคลเข้าไปก็ไม่พบความผิดปกติของสำรับอาหารและถาดเหล้ามงคลที่พวกเขายกเข้าไป ทำให้เสนาบดีหวังได้แต่สรุปว่าเป็นฝีมือคนนอกที่มาในงานมากกว่าจะเป็นคนในจวนเขา เนื่องจากทุกคนในจวนเพิ่งพบกับฮูหยินน้อยเป็นครั้งแรก จึงไม่มีใครคิดร้ายต่อนางอย่างแน่นอน เขาคิดว่าน่าจะเป็นขุนนางที่ไม่ชอบใจที่ตระกูลเขากับตระกูลหม่าเกี่ยวดองกัน จึงได้ส่งคนร้ายเข้ามาวางยานางถึงจวนเขาเช่นนี้
“พ่อบ้าน ส่งคนไปแจ้งข่าวร้ายที่จวนตระกูลหม่า ข้าจะนำฎีกาไปถวายฝ่าบาทเรื่องการสืบสวนคดีในครั้งนี้ก่อน บอกแม่ทัพหม่าว่าข้าพยายามหาตัวคนร้ายอย่างเต็มที่แล้ว เพียงแต่เมื่อวานมีผู้คนมากหน้าหลายตา ทำให้ไม่สามารถจับตัวคนร้ายเอาไว้ได้ อีกทั้งยังไม่มีร่องรอยให้สืบสาวใด ๆ”
“ขอรับนายท่าน” พ่อบ้านรีบรับคำก่อนจะออกไปบอกบ่าวในเรือนให้รีบไป
“ท่านพี่จะไม่พักผ่อนสักหน่อยหรือเจ้าคะ” ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงสุขภาพสามีรีบกล่าวรั้งเขาเอาไว้ให้นอนพักสักหน่อย
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ข้าเสร็จเรื่องค่อยกลับมาพักผ่อนก็ยังไม่สาย เจ้าเองก็รีบไปพักผ่อนเสียก่อนเถอะ เจ้าเหนื่อยมาทั้งคืนแล้วเช่นกัน”
“ได้เจ้าค่ะ ท่านพี่เดินทางระวังด้วยนะเจ้าคะ ได้เรื่องอย่างไรอย่าลืมส่งคนมาบอกข้าด้วยก็แล้วกันเจ้าค่ะ”
“ตกลง เจ้ารีบเข้าไปพักเถอะ ข้าจะนำฎีกาเข้าวังแล้ว”
ฮูหยินใหญ่ย่อกายคารวะเสนาบดีหวังก่อนจะเดินไปตามแรงพยุงของบุตรชายที่หายจากอาการเสียขวัญเมื่อคืนแล้ว ระหว่างทางเขายังพร่ำบ่นว่าสวรรค์ใจร้ายกับเขานัก ทั้งที่เขาอุตส่าห์ได้แต่งกับภรรยาที่คู่ควรแล้ว แต่นางกลับมาตายในคืนเข้าหอเสียก่อนเช่นนี้ ถึงแม้เสิ่นหลิงจะคอยเอาอกเอาใจสองแม่ลูกอย่างไร วันนี้พวกเขาก็ไม่มีอารมณ์คล้อยตามนางแม้สักนิด เสิ่นหลิงได้แต่หงุดหงิดอารมณ์เสียกลับไปยังเรือนของตนเอง ทั้งที่นางกำจัดหม่าหลันไปแล้วแท้ ๆ แต่นางกลับยังไม่ได้รับความสนใจจากพวกเขาอีก นางคิดจะรออีกสักวันสองวันก่อนจะประกาศข่าวการตั้งครรภ์
ณ จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวง
บ่าวจากจวนเสนาบดีหวังถึงกับกลัวจนตัวสั่นเมื่อเขาแจ้งข่าวการเสียชีวิตอย่างคาดไม่ถึงของฮูหยินน้อยที่เพิ่งแต่งเข้าจวนไปหมาด ๆ
ปัง!!! เปรี๊ยะ!!! โครม!
เสียงฝ่ามือกระทบกับโต๊ะจนพังลงไปแทบไม่เหลือชิ้นดีที่หม่าเทียนกำลังโกรธจัดกับข่าวการเสียชีวิตของบุตรสาวสุดที่รักไป ดังขึ้นทันทีที่ฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลง ส่วนฮูหยินหม่าตอนนี้นางเป็นลมไปเรียบร้อยแล้ว บ่าวคนสนิทรีบสั่งคนไปนำยาลมมาให้นายหญิงอย่างเร่งด่วน ก่อนที่อาการของฮูหยินหม่าจะหนักมากไปกว่านี้ หม่าเหว่ยได้แต่หลั่งน้ำตากำหมัดแน่นอย่างไม่อยากจะเชื่อ พี่สาวที่เขาเพิ่งจะพาขึ้นเกี้ยวเมื่อวานนี้ วันนี้กลับกลายเป็นร่างไร้วิญญาณเสียแล้ว
พักใหญ่กว่าที่หม่าเทียนจะกล่าวตอบบ่าวของจวนเสนาบดีหวังให้เขากลับไปก่อนได้ และเขาจะเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อขอสืบหาความจริงเกี่ยวกับการตายของบุตรีคนเดียวของเขาด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่ง ถึงแม้เขาจะทราบแล้วว่าเสนาบดีหวังรีบสืบหาตัวคนร้ายมาทั้งคืนแล้วก็ตามที
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป
เมื่อตระกูลหวังทั้งสามเดินเข้าไปในงานเลี้ยง เหล่านักธุรกิจไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ต่างมองที่หวังจุนเหยาผู้หล่อเหลาและร่ำรวยเป็นตาเดียวกัน ยิ่งกับไป่หลิงที่เคยเจอเขามานานมากแล้ว เธอยังคงหลงใหลในตัวของหวังจุนเหยาเช่นเดิม หญิงสาวในงานต่างอิจฉาหวังเหลียนที่เดินคล้องแขนหวังจุนเหยาเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ส่วนหนุ่ม ๆ บางคนที่เพิ่งเคยเห็นหวังเหลียนนั้นก็ตกตะลึงกับความน่ารักสดใสของเธอซึ่งแตกต่างกับคุณหนูตระกูลใหญ่พวกนั้นราวฟ้ากับเหวหวังซูหุย หวังจุนเหยาและหวังเหลียนไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้น ทั้งสามเดินไปยังกลุ่มที่ตระกูลเกากับตระกูลโอวหยางกำลังยืนคุยกันอยู่อย่างออกรสกลุ่มของไป่หลิง ม่านถิงและซือฉีซึ่งยืนรวมกลุ่มกับคุณหนูตระกูลอื่นต่างก็พูดถึงความโชคดีของหวังเหลียนที่ได้แต่งงานกับหวังจุนเหยา“น่าอิจฉาชะมัด คุณชายหวังทั้งหล่อ ทั้งรวยแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงสบายไปทั้งชาติ”“เฮอะ คนอย่างคุณชายหวังน่ะ ทั้งที่มีสิทธิเลือกคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างพวกเรากลับไม
“จริงเหรอครับหมอ?” หวังจุนเหยาแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ลูกแฝด“จริงครับ ท่านประธาน รอเดือนหน้าเราค่อยอัลตร้าซาวด์ดูเด็ก ๆ กันครับ”หวังเหลียนก้มลงมองท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ครั้งก่อนเจ้าอ้วนน้อยก็ตัวใหญ่จนคลอดยากแล้ว ครั้งนี้เธอถึงกับท้องลูกแฝด หวังเหลียนไม่อยากจะคิดเลยว่าวันคลอดเธอจะเป็นยังไง“ที่รัก ขอบคุณมากนะครับที่ท้องลูกของเราถึงสองคน จุ๊บ” หวังจุนเหยาจูบขมับ“อื้อ คุณคะ อายหมอบ้างเถอะน่า” หวังเหลียนเขินที่อยู่ ๆ สามีก็มาจูบ“อายทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น หมอไม่เห็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เห็นอะไรเลยครับ ท่านประธาน” หมอยิ้มแป้นตอบหวังเหลียนได้แต่หน้าแดงก่ำอย่างเขิน ๆ เธอทุบไหล่สามีไปหนึ่งตุ้บ ทำเอาหวังจุนเหยาถึงกับร้องซี๊ดเสียงหลง ภรรยาเขาลืมออมแรงอีกแล้วหลังจากคุยเรื่องการด
ป้าหลางสังเกตอาการของหวังเหลียนไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา เธอรีบไปเปลี่ยนอาหารใหม่เป็นข้าวต้มปลามาให้หวังเหลียนแทน กว่าที่หวังเหลียนจะออกมาจากห้องน้ำได้ เธอก็อ้วกจนแทบจะหมดแรง“ที่รัก คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ผมว่าเราไป รพ. เลยดีไหม?”“ไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว น่าจะเพราะกลิ่นอาหารเลยทำให้เป็นแบบนี้”“อ่า ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกินอะไร? ผมจะให้ป้าหลางทำใหม่ให้”“เราไปดูที่โต๊ะกันอีกรอบก่อนเถอะนะคะ ฉันเกรงใจป้าหลางน่ะ”“ตกลงครับ ถ้าอาหารจานไหนคุณไม่ชอบก็บอกนะครับ”หวังจุนเหยาพยุงหวังเหลียนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนที่หวังเหลียนจะก้มไปดมกลิ่นอาหารแต่ละจานอย่างตั้งใจ ครั้งนี้เธอกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้แล้วชี้ไปที่จานอาหารซึ่งมีแต่เมนูผัดน้ำมันทั้งนั้น“ป้าหลางครับ รบกวนเอาจานอาหารพวกนี้ออกหน่อยนะครับ&rdquo
หวังเหลียนกับคนของตระกูลหม่าที่ติดตามมา พาจ้าวหลงจาง ภรรยาและลูกเดินทางถึงชายแดนตะวันตกในเวลาเกือบครึ่งเดือน นั่นเพราะมีเด็กและผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตามมา ทำให้การเดินทางต้องพักอยู่บ่อยครั้งระหว่างการเดินทาง ภรรยาของจ้าวหลงจางคอยพูดคุยสอบถามวิธีการเลี้ยงลูกกับหวังเหลียนจนทั้งสองเริ่มสนิทสนมกัน หวังเหลียนสั่งคนให้โทรแจ้งหลินซินให้เธอเพื่อที่เขาจะได้เตรียมเอกสารและส่งครอบครัวของจ้าวหลงจางไปยังประเทศ S อย่างปลอดภัยตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้คนของหม่าเฉียงเจ๋อที่ได้รับคำสั่งให้รอรับคุณหนูต่างรอกันอยู่ที่ตีนเขาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นขบวนของหวังเหลียนมาถึง พวกเขาต่างรีบนำน้ำและอาหารไปให้ทุกคนกินเสียก่อน ด้วยทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ลำบากไม่น้อยหวังเหลียนไม่ปฏิเสธความหวังดีเหล่านี้ เธอปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนและทานอาหารได้ตามสบาย คนทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะออกเดินทางไปโดยรถตู้หลายคันที่หม่าเฉียงเจ๋อให้คนเตรียมเอาไว้ให้เพื่อไปยังสนามบิน ตอนนี้หลินซินส่งเครื่องบินเจ็ทและผู้ช่วยของ