วันแต่งงาน
หม่าหลันที่วันนี้ต้องตื่นตั้งแต่ยามอิ๋น(ประมาณ03.00-05.00) เพื่อขัดสีฉวีวรรณให้สมกับเป็นวันงานมงคลของนาง ทั้งที่ปกติหม่าหลันไม่ชอบเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ นางนั้นรักสวยรักงามก็จริง แต่ไม่ถึงกับจะต้องขัดเนื้อตัวจนแทบเปื่อยเช่นนี้ เรื่องหน้าตานางก็ไม่ชอบที่จะแต่งหน้าทาปากเหมือนบุตรีขุนนางคนอื่น ปกตินางมักจะปล่อยให้คนอื่นเห็นหน้าตาตามธรรมชาติของนางมากกว่าการแต่งหน้าหนาเตอะจนแทบไม่เห็นเค้าเดิมของหน้าตาตนเอง ถึงแม้ว่าจะถูกนินทาอยู่บ่อย ๆ นางก็ไม่สนใจขี้ปากชาวบ้าน นางมั่นใจว่าหน้าตาปกติของนางนั้นดีกว่าหญิงสาวบางคนที่แต่งหน้าทาปากเสียอีก แต่ในเมื่อวันนี้เป็นวันแต่งงานของนาง นางจึงต้องจำใจให้บ่าวทำตามหน้าที่ของพวกเขา เพื่อไม่ให้เสียหน้าในฐานะเจ้าสาว
บ่าวไพร่ในจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงเองก็ต่างยุ่งวุ่นวายไม่น้อยในการจัดเตรียมขบวนสินเดิมที่ยาวเกือบสิบลี้ ด้วยว่าคุณหนูของพวกเขาเป็นบุตรีเพียงคนเดียวของจวน ทำให้สินเดิมนั้นมีมากกว่าบุตรีขุนนางคนอื่นที่มีสามภรรยา สี่อนุมากนัก อีกทั้งหม่าเทียนยังรั้งตำแหน่งแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงมาหลายสิบปี ทรัพย์สินที่มีแต่เดิมของฮูหยินเองก็ไม่น้อย นางบริหารเงินที่ได้รับมาจากสามีโดยซื้อร้านค้าเพื่อทำกำไรต่อในหลายเมือง โดยให้เถ้าแก่ของแต่ละเมืองที่นางจ้างมา ดูแลร้านค้าให้มาตลอดหลายปี พ่อบ้านใหญ่ซึ่งมีบุตรชายเป็นบัณฑิตคนหนึ่งก็ช่วยทำหน้าที่ตรวจตราร้านค้าตามเมืองต่าง ๆ แทนผู้เป็นพ่อ เขาไม่คิดจะเป็นขุนนางเหมือนบัณฑิตคนอื่น ด้วยว่าเพียงแค่นายท่านกับนายหญิงเมตตาให้เขาเล่าเรียนมาตลอดหลายปี เขาก็ชดใช้บุญคุณนี้ไม่หมดแล้ว และท่านพ่อของเขาเองยังสั่งเอาไว้ว่าให้กตัญญูต่อนายท่านทั้งสองที่มีบุญคุณชุบเลี้ยงพวกเขาพ่อลูกที่ถูกภรรยาเก่าทิ้งไปเพราะความยากจน หากไม่ได้นายท่านเห็นเข้าเสียก่อน เขากับลูกคงต้องไปเป็นขอทานนานแล้ว
หม่าเหว่ยที่วันนี้จะต้องทำหน้าที่น้องชายเจ้าสาวเพื่อส่งนางขึ้นเกี้ยวแปดคนหามตามฐานะของฮูหยินน้อยจวนเสนาบดีหวังก็ตื่นขึ้นมาเตรียมตัวตั้งแต่เช้าเช่นกันกับคนอื่น ๆ พิธีรับตัวเจ้าสาวจะเริ่มขึ้นในปลายยามเฉิน(ประมาณ07.00-09.00) ซึ่งเขาต้องแบกพี่สาวออกจากห้องตามธรรมเนียม
จวนเสนาบดีหวังเองก็วุ่นวายไม่แพ้กัน ด้วยฤกษ์ที่ขอมาเป็นช่วงเช้าตรู่ทำให้ทุกคนในจวนต้องรีบตื่นขึ้นมาเตรียมตัวสำหรับการจัดงานแต่งงานครั้งใหญ่เพื่อไม่ให้เสียหน้าจวนเสนาบดีกรมอาญาอย่างหวังเฉากวง บรรดาฮูหยินใหญ่ ฮูหยินรองและอนุทั้งหลายของเขาแบ่งหน้าที่กันดูแลการจัดงานแต่งงานในครั้งนี้โดยไม่มีใครกล้าทะเลาะเบาะแว้งกันให้เสนาบดีหวังต้องโมโห ถึงแม้ปกติพวกนางมักจะกลั่นแกล้งกันไปมา แต่วันนี้พวกนางจำเป็นต้องสามัคคีกันเพื่อหน้าตาของจวนเสนาบดีเช่นเดียวกัน ไม่เช่นนั้นพวกนางคงถูกนินทาเป็นแน่
หวังฮัวโต๋ที่มีความสุขกับเสิ่นหลิงมาทั้งคืน ตอนนี้เขากำลังให้นางแต่งตัวให้ในชุดเจ้าบ่าวสีแดงเพื่อเตรียมไปรับเจ้าสาวที่จวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงตามฤกษ์ที่ได้รับมา ถึงแม้เสิ่นหลิงจะเจ็บแค้นใจเพียงใด ภายนอกนางยังคงยิ้มแย้มและอวยพรสามีให้งานวันนี้ราบรื่น เพื่อให้เขาตายใจว่านางไม่มีความอิจฉาริษยาเหมือนกับอนุคนอื่นของพ่อสามีนาง
“ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าเป็นอย่างดี รอพรุ่งนี้หลังออกจากห้องหอแล้ว ข้าจะไปบอกท่านพ่อ ท่านแม่เรื่องของเรา” หวังฮัวโต๋ลูบหัวเสิ่นหลิงอย่างหลงใหล เพราะเมื่อคืนนี้นางบริการเขาดีจริง ๆ จนเขาแทบไม่อยากลุกจากเตียงเสียด้วยซ้ำไป
“นี่เป็นหน้าที่ของข้าอยู่แล้ว ท่านพี่วางใจเถิดเจ้าค่ะ” เสิ่นหลิงยิ้มหวานให้สามี
“เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เมื่อคืนเจ้าก็แทบไม่ได้นอนเช่นกัน”
“ขอบคุณท่านพี่เจ้าค่ะ ข้าจะไปพักผ่อนก่อน ขอให้ท่านพี่ทำพิธีผ่านพ้นไปด้วยดีนะเจ้าคะ” เสิ่นหลิงหันหลังเดินออกจากห้องของหวังฮัวโต๋ที่คืนนี้จะใช้เป็นห้องหอด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับ เพียงแต่นางไม่อยากให้หวังฮัวโต๋เห็นเท่านั้น
หลังเห็นว่าเสิ่นหลิงจากไปได้สักพักแล้ว เขาก็เรียกบ่าวให้มาทำความสะอาดห้องเพื่อเตรียมใช้เป็นห้องหอในคืนนี้ทันที ก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปยังห้องโถงรับแขกเพื่อรอขบวนเกี้ยวเจ้าสาวที่บ่าวในจวนกำลังเตรียมกันอยู่ รวมทั้งยังรอแม่สื่อที่ต้องทำหน้าที่นำขบวนไปรับเจ้าสาวในวันนี้อีกด้วย
หวังเฉากวงกับฮูหยินใหญ่ผู้เป็นมารดาของหวังฮัวโต๋ต่างนั่งคุยกับฮูหยินรองเรื่องพิธีการในวันนี้ เมื่อเห็นหวังฮัวโต๋ก้าวเข้ามานั่งฟังด้วย พวกเขาจึงเลือกที่จะกำชับเรื่องพิธีการไปรับเจ้าสาวในวันนี้กับเขา
“เจ้าทำหน้าที่ให้ดี รู้หรือไม่ฮัวโต๋ อย่าทำให้ข้าขายหน้าเล่า”
“ข้าทราบแล้วขอรับท่านพ่อ ท่านอย่ากังวลไปเลย รับรองว่าเราจะได้เจ้าสาวมาจากจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงตรงเวลาแน่นอนขอรับ”
“เป็นเช่นนั้นก็ดีแล้ว กว่าพ่อจะกล่อมแม่ทัพหม่าจนเขาตอบตกลงให้เจ้าแต่งงานกับนางได้ไม่ใช่เรื่องง่าย เจ้าอย่าทำให้เสียเรื่องเล่า หลังจากนี้เจ้าจะได้มีพ่อตาช่วยสนับสนุนเรื่องหน้าที่การงานในภายหน้า”
“ขอรับ ท่านพ่อ นี่ก็ใกล้ถึงเวลาแล้วนะขอรับ ข้ายังไม่เห็นแม่สื่อมาถึงเลย”
“นางรออยู่ที่หน้าขบวนเกี้ยวที่จะออกไปรับเจ้าสาวแล้ว ประเดี๋ยวเจ้าก็รีบออกไปได้แล้วล่ะ พวกเรายังต้องอยู่รอต้อนรับแขกเหรื่อที่น่าจะกำลังเดินทางมากันอีกมาก”
“ขอรับ ท่านแม่ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ” หวังฮัวโต๋คำนับลาทุกคนก่อนเดินจากไปขึ้นม้าที่หน้าเรือนหลัก แล้วสั่งขบวนให้ออกเดินทางไปยังจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงในทันที
หวังเฉากวงที่เห็นว่าวันนี้บุตรชายคนโตช่างเชื่อฟังนักก็พอใจไม่น้อย งานแต่งงานครั้งนี้เขาตั้งใจจะอวดให้เหล่าขุนนางคนอื่นรู้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับแม่ทัพหม่าจะยิ่งใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะใคร ๆ ต่างรู้ดีว่าแม่ทัพหม่านั้นไม่ค่อยสนิทกับขุนนางคนใดมากนัก เขาทำหน้าที่ของตนเองอย่างตรงไปตรงมามาโดยตลอดหลายสิบปี เสียดายที่บุตรชายเขามีคู่หมั้นแล้ว ไม่เช่นนั้นเขาก็คงให้บุตรสาวสักคนแต่งเข้าจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงไปสักคน
หวังฮัวโต๋พร้อมขบวนรับเจ้าสาวต่างมีบ่าวร้องเพลงแสดงความยินดีไปตลอดทางตามธรรมเนียมจนกระทั่งพวกเขาไปถึงหน้าจวนแม่ทัพพิทักษ์เมืองหลวงก่อนถึงฤกษ์รับเจ้าสาวเพียงหนึ่งเค่อเท่านั้น หวังฮัวโต๋รีบลงจากหลังม้าไปคารวะพ่อตากับแม่ยายที่รอขบวนของเขาอยู่ที่หน้าจวนอย่างนอบน้อม
“คารวะท่านพ่อตา แม่ยายขอรับ ข้ามารับฮูหยินของข้าขอรับ ขอท่านพ่อท่านแม่โปรดอนุญาตด้วย” หวังฮัวโต๋กล่าวตามธรรมเนียมที่แม่สื่อกระซิบบอก
“อืม… เจ้ารอสักครู่ ข้าสั่งบ่าวไปตามพวกเขาแล้ว” แม่ทัพหม่าพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ
“ขอบคุณท่านพ่อตาขอรับ” หวังฮัวโต๋ที่เกรงกลัวแม่ทัพหม่าอยู่แล้วไม่อยากพูดอะไรมากนักเช่นกัน ด้วยกลัวว่าที่พ่อตาจะพังงานแต่งของเขาเสียก่อน
บ่าวที่ได้รับคำสั่งให้ไปตามสองพี่น้องรวมทั้งขบวนสินเดิมและบ่าวสองคนที่จะติดตามนางไปยังจวนเสนาบดีหวังใช้เวลาไม่นานก็ไปถึงหน้าเรือน
“เรียนคุณหนู นายน้อย ตอนนี้ขบวนรับเจ้าสาวมาถึงแล้วขอรับ”
“อืม… ข้ารู้แล้ว เจ้าสั่งคนในขบวนสินเดิมให้เตรียมตัวได้ ข้าจะแบกพี่ใหญ่ออกไปด้วยตัวเอง”
“ขอรับนายน้อย”
หม่าหลันที่ได้ยินทุกอย่างได้แต่ยิ้มผ่านผ้าปิดหน้าเจ้าสาว นางยังบอกน้องชายให้แบกนางให้ดี ไม่เช่นนั้นนางจะลงโทษเขาอย่างหนักในวันกลับมาเยี่ยมบ้านเจ้าสาวในอีกสามวันข้างหน้า
“โธ่ พี่ใหญ่ ข้าจะกล้ากลั่นแกล้งท่านได้อย่างไร หากท่านตกลงไป ข้ามิต้องถูกท่านเฆี่ยนตีเอาหรือ ข้ามิกล้า ๆ”
“ฮ่า ฮ่า พี่ใหญ่รู้แล้ว ข้าแค่แกล้งเจ้าก่อนจากกันเท่านั้นเอง หลังจากนี้ฝากเจ้าดูแลท่านพ่อท่านแม่ด้วยนะ หากพี่ใหญ่สามารถออกมาเยี่ยมบ้านได้ พี่ใหญ่จะมาบ่อย ๆ”
“ขอรับ พี่ใหญ่ เราไปกันเถอะขอรับ ประเดี๋ยวพวกข้าจะต้องตามไปที่จวนเสนาบดีหวังเพื่อทำพิธีของท่านต่ออีก”
“ตกลง ไปกันเถอะ” หม่าหลันปีนขึ้นหลังน้องชายอย่างสบาย ๆ ก่อนที่หม่าเหว่ยจะแบกพี่สาวที่ตัวเบาหวิวของเขาออกจากเรือนไปและเดินนำขบวนสินเดิมอันยาวเหยียดไปยังหน้าจวน
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป
เมื่อตระกูลหวังทั้งสามเดินเข้าไปในงานเลี้ยง เหล่านักธุรกิจไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ต่างมองที่หวังจุนเหยาผู้หล่อเหลาและร่ำรวยเป็นตาเดียวกัน ยิ่งกับไป่หลิงที่เคยเจอเขามานานมากแล้ว เธอยังคงหลงใหลในตัวของหวังจุนเหยาเช่นเดิม หญิงสาวในงานต่างอิจฉาหวังเหลียนที่เดินคล้องแขนหวังจุนเหยาเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ส่วนหนุ่ม ๆ บางคนที่เพิ่งเคยเห็นหวังเหลียนนั้นก็ตกตะลึงกับความน่ารักสดใสของเธอซึ่งแตกต่างกับคุณหนูตระกูลใหญ่พวกนั้นราวฟ้ากับเหวหวังซูหุย หวังจุนเหยาและหวังเหลียนไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้น ทั้งสามเดินไปยังกลุ่มที่ตระกูลเกากับตระกูลโอวหยางกำลังยืนคุยกันอยู่อย่างออกรสกลุ่มของไป่หลิง ม่านถิงและซือฉีซึ่งยืนรวมกลุ่มกับคุณหนูตระกูลอื่นต่างก็พูดถึงความโชคดีของหวังเหลียนที่ได้แต่งงานกับหวังจุนเหยา“น่าอิจฉาชะมัด คุณชายหวังทั้งหล่อ ทั้งรวยแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงสบายไปทั้งชาติ”“เฮอะ คนอย่างคุณชายหวังน่ะ ทั้งที่มีสิทธิเลือกคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างพวกเรากลับไม
“จริงเหรอครับหมอ?” หวังจุนเหยาแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ลูกแฝด“จริงครับ ท่านประธาน รอเดือนหน้าเราค่อยอัลตร้าซาวด์ดูเด็ก ๆ กันครับ”หวังเหลียนก้มลงมองท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ครั้งก่อนเจ้าอ้วนน้อยก็ตัวใหญ่จนคลอดยากแล้ว ครั้งนี้เธอถึงกับท้องลูกแฝด หวังเหลียนไม่อยากจะคิดเลยว่าวันคลอดเธอจะเป็นยังไง“ที่รัก ขอบคุณมากนะครับที่ท้องลูกของเราถึงสองคน จุ๊บ” หวังจุนเหยาจูบขมับ“อื้อ คุณคะ อายหมอบ้างเถอะน่า” หวังเหลียนเขินที่อยู่ ๆ สามีก็มาจูบ“อายทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น หมอไม่เห็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เห็นอะไรเลยครับ ท่านประธาน” หมอยิ้มแป้นตอบหวังเหลียนได้แต่หน้าแดงก่ำอย่างเขิน ๆ เธอทุบไหล่สามีไปหนึ่งตุ้บ ทำเอาหวังจุนเหยาถึงกับร้องซี๊ดเสียงหลง ภรรยาเขาลืมออมแรงอีกแล้วหลังจากคุยเรื่องการด
ป้าหลางสังเกตอาการของหวังเหลียนไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา เธอรีบไปเปลี่ยนอาหารใหม่เป็นข้าวต้มปลามาให้หวังเหลียนแทน กว่าที่หวังเหลียนจะออกมาจากห้องน้ำได้ เธอก็อ้วกจนแทบจะหมดแรง“ที่รัก คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ผมว่าเราไป รพ. เลยดีไหม?”“ไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว น่าจะเพราะกลิ่นอาหารเลยทำให้เป็นแบบนี้”“อ่า ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกินอะไร? ผมจะให้ป้าหลางทำใหม่ให้”“เราไปดูที่โต๊ะกันอีกรอบก่อนเถอะนะคะ ฉันเกรงใจป้าหลางน่ะ”“ตกลงครับ ถ้าอาหารจานไหนคุณไม่ชอบก็บอกนะครับ”หวังจุนเหยาพยุงหวังเหลียนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนที่หวังเหลียนจะก้มไปดมกลิ่นอาหารแต่ละจานอย่างตั้งใจ ครั้งนี้เธอกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้แล้วชี้ไปที่จานอาหารซึ่งมีแต่เมนูผัดน้ำมันทั้งนั้น“ป้าหลางครับ รบกวนเอาจานอาหารพวกนี้ออกหน่อยนะครับ&rdquo
หวังเหลียนกับคนของตระกูลหม่าที่ติดตามมา พาจ้าวหลงจาง ภรรยาและลูกเดินทางถึงชายแดนตะวันตกในเวลาเกือบครึ่งเดือน นั่นเพราะมีเด็กและผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตามมา ทำให้การเดินทางต้องพักอยู่บ่อยครั้งระหว่างการเดินทาง ภรรยาของจ้าวหลงจางคอยพูดคุยสอบถามวิธีการเลี้ยงลูกกับหวังเหลียนจนทั้งสองเริ่มสนิทสนมกัน หวังเหลียนสั่งคนให้โทรแจ้งหลินซินให้เธอเพื่อที่เขาจะได้เตรียมเอกสารและส่งครอบครัวของจ้าวหลงจางไปยังประเทศ S อย่างปลอดภัยตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้คนของหม่าเฉียงเจ๋อที่ได้รับคำสั่งให้รอรับคุณหนูต่างรอกันอยู่ที่ตีนเขาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นขบวนของหวังเหลียนมาถึง พวกเขาต่างรีบนำน้ำและอาหารไปให้ทุกคนกินเสียก่อน ด้วยทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ลำบากไม่น้อยหวังเหลียนไม่ปฏิเสธความหวังดีเหล่านี้ เธอปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนและทานอาหารได้ตามสบาย คนทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะออกเดินทางไปโดยรถตู้หลายคันที่หม่าเฉียงเจ๋อให้คนเตรียมเอาไว้ให้เพื่อไปยังสนามบิน ตอนนี้หลินซินส่งเครื่องบินเจ็ทและผู้ช่วยของ