“เจ้าช่างบังอาจนัก! ถึงกับกล้าต่อรองเรื่องร้ายแรงที่เจ้ากระทำอย่างนั้นหรือ เป็นเพราะเจ้าโหดเหี้ยมอำมหิต ฆ่าคนอย่างไม่กระพริบตา คุณหนูหม่าแทนที่จะได้เป็นฮูหยินน้อยของจวนข้า แต่กลับถูกเจ้าลงมือฆ่าเสียก่อน พอข้าจะมีฮูหยินน้อยคนใหม่ได้เพียงไม่กี่วัน เจ้าก็ยังจะลงมืออีกครั้ง เช่นนี้แล้ว เจ้ายังจะแก้ตัวสิ่งใดอีก หากปล่อยเจ้าเอาไว้ต่อไป ความยุติธรรมของตระกูลหม่าที่ต้องสูญเสียคุณหนูใหญ่ไปใครจะรับผิดชอบเล่า อีกทั้งเรื่องนี้ข้ากราบทูลต่อฝ่าบาทแล้ว โทษของเจ้าคือประหารไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่สตรีอื่นอีกต่อไป ทหาร! นำตัวนางไปขังก่อนจะประหารในอีกสามวันข้างหน้า”
“ขอรับ!! ท่านเสนาบดี” ทหารสองคนรีบเข้ามาพาตัวเสิ่นหลิงที่ตกใจกับโทษของนางจนสลบไปจากร่างกายที่อ่อนเพลียหลังคลอดลูก
แม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยเมื่อเห็นว่าเสนาบดีหวังตัดสินให้ความเป็นธรรมกับหม่าหลันแล้ว พวกเขาจึงขอตัวกลับจวนและรอวันที่เสิ่นหลิงจะถูกนำตัวไปประหารตามการตัดสินคดีก่อนหน้านี้
หลังตัดสินคดีเสร็จ เสนาบดีหวังเดินทางกลับจวนเพื่อคุยกับฮูหยินใหญ่เรื่องการเลี้ยงดูเด็กที่เพิ่งเกิดในวันนี้ทันที
“ฮูหยินใหญ่ เรื่องการเลี้ยงดูเด็กคนนี้ ข้าคงต้องรบกวนเจ้าแล้วนะ ข้าไม่ไว้ใจใครนอกจากเจ้าจริง ๆ”
“ขอบคุณท่านพี่ที่มอบเขาให้ข้าเลี้ยงดูเจ้าค่ะ ข้ารับรองว่าจะสั่งสอนเขาให้เป็นเด็กดีไม่เหมือนกับแม่ของเขาเด็ดขาด ส่วนเรื่องแม่นมนั้น ข้าก็เตรียมคนเอาไว้แล้วเจ้าค่ะ ขอท่านพี่โปรดวางใจ”
“ขอบใจเจ้ามากที่ช่วยแบ่งเบาภาระของข้า อีกสามวันเสิ่นหลิงจะถูกประหารแล้ว เจ้าจะต้องแจ้งไปยังครอบครัวนางหรือไม่ฮูหยิน”
“นั่นไม่จำเป็นหรอกเจ้าค่ะ ในเมื่อครอบครัวนางขายนางมาให้ข้าตั้งแต่เด็ก”
“แล้วฮัวโต๋เล่าไปอยู่ที่ใด นี่เขาไม่คิดจะมาดูดำดูดีบุตรชายสักหน่อยหรือ”
“เฮ้อ เขาจะไปอยู่ที่ใดได้เจ้าคะ นอกจากเรือนอนุคนใหม่ที่เขาไปหามาจากที่ใดก็ไม่รู้ตั้งแต่ฮูหยินน้อยของเขาตั้งครรภ์ ฮัวโต๋ก็เอาแต่ขลุกตัวอยู่ที่เรือนอนุคนใหม่มาตลอดเลยเจ้าค่ะ ข้าเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร”
“เช่นนั้นก็แล้วแต่ลูกเถอะ เขาไม่มาวุ่นวายกับเด็กคนนี้ก็ดีแล้ว ส่วนหน้าที่การงานของเขานั้นก็คงต้องปล่อยให้เขารับผิดชอบเอาเอง ข้าไม่อยากยุ่งมากนัก”
“แต่… ท่านพี่เจ้าคะ ลูกทำงานมาหลายปี ยังเป็นเพียงขุนนางขั้น 6 เท่านั้น ท่านพี่ไม่คิดจะช่วยลูกสักหน่อยหรือเจ้าคะ”
“เรื่องนี้ข้าไม่สามารถช่วยเขาได้จริง ๆ หน่วยงานของเขาเคร่งครัดมาก หากเขายังคงทำงานเช้าชามเย็นชามเช่นนี้ อีก 10 ปี เขาก็ไม่มีทางเจริญก้าวหน้าเหมือนน้องชายของเขาหรอกนะ เอาล่ะ ข้าเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ข้าไปพักผ่อนก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันวันหลังก็แล้วกันนะฮูหยิน”
“เจ้าค่ะ ท่านพี่เดินดี ๆ นะเจ้าคะ ประเดี๋ยวข้าจะให้บ่าวนำซุปไก่ดำไปให้เจ้าค่ะ”
เสนาบดีหวังพยักหน้ารับคำก่อนจะหันหลังเดินออกจากเรือนของฮูหยินใหญ่ไป เขาเหนื่อยล้ากับเรื่องบุตรชายคนโตมากจริง ๆ ครั้นจะให้เขาบีบบังคับลูกให้ตั้งใจทำงาน เขาก็เคยทำมาหลายครั้งแล้วแต่ก็ไม่ได้ผล เขาจึงไม่สนใจลูกชายคนโตที่ไม่เอาไหนสักเท่าไหร่ อย่างไรเขาก็มีหวังจุนเหยาที่ดูมีอนาคตมากกว่าอยู่อีกทั้งคน เขาจึงไม่เดือดร้อนหากบุตรชายคนโตทำตัวเช่นนี้
สามวันต่อมา
เสนาบดีหวัง แม่ทัพหม่าและครอบครัว รวมทั้งเหล่าขุนนางหลายคนที่มาดูการประหารเสิ่นหลิงตามรับสั่งของฝ่าบาทว่าไม่ให้ขุนนางคนใดมีอนุที่โหดร้ายเช่นนี้เป็นเยี่ยงอย่างต่างนั่งประจำตำแหน่งที่คนของศาลอาญาจัดไว้ให้
ไม่นานนัก ทหารก็นำตัวเสิ่นหลิงที่ตอนนี้ซูบผอมจนแทบไม่เหลือเค้าเดิมจากการตรอมใจ เสื้อผ้าที่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนจนเหมือนขอทานคนหนึ่ง อีกทั้งผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงจนมองไม่เห็นหน้าตาของนางว่าเป็นอย่างไร หลังจากมัดนางเข้ากับหลักประหารเรียบร้อยแล้ว เสนาบดีหวังก็อ่านความผิดของนางให้ชาวเมืองที่มารอดูรวมทั้งคนอื่น ๆ รับฟังด้วยเสียงอันดัง ก่อนที่เขาจะโยนป้ายประหารลงบนพื้น
ปัง!!! ประหาร!
เพชฌฆาตไม่รีรอ เขาใช้ดาบฟันคอนางเพียงครั้งเดียว หัวของนางก็หลุดออกจากบ่าทันที เลือดจำนวนมากพุ่งออกมา เป็นอันจบสิ้นชีวิตในชาตินี้ของเสิ่นหลิงผู้โหดเหี้ยม ชาวเมืองต่างพากันหวาดกลัวแต่ก็อดไม่ได้ที่อยากดูจุดจบของนาง
แม่ทัพหม่ากับครอบครัวเมื่อเห็นว่าคนร้ายได้รับโทษทัณฑ์ที่เหมาะสมแล้ว พวกเขาก็ได้แต่อธิษฐานในใจว่าให้วิญญาณของหม่าหลันไปสู่ภพภูมิที่ดี พวกเขาได้แก้แค้นแทนนางแล้วในชาตินี้
กว่าที่หวังจุนเหยาจะกลับมาจากตรวจการตามเมืองต่าง ๆ เขาก็รู้เรื่องทั้งหมดจากท่านแม่ที่เล่าให้ฟังอย่างออกรสเพราะไม่ได้พบหน้าบุตรชายนับปีแล้ว
“พูดไปก็น่าสงสารบุตรสาวแม่ทัพหม่านัก แม่เองยังไม่คิดว่าเสิ่นหลิงจะโหดร้ายได้ปานนี้เลยจริง ๆ เห็นนางหน้าตาซื่อ ๆ คอยแต่เอาใจฮูหยินใหญ่มาตลอดหลายปี ไม่นึกว่านางจะทำเช่นนี้ได้”
“คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะขอรับ ท่านแม่ก็ระวังตัวเอาไว้บ้าง ข้าไม่ค่อยได้อยู่จวน หากใครรังแกท่านแม่เข้าจะทำเช่นไรเล่าขอรับ”
“ไฮ้! เรื่องนี้เจ้าอย่ากังวลไปเลย พ่อของเจ้าไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายแม่ได้ง่าย ๆ หรอก ในเมื่อเจ้าเป็นถึงขุนนางขั้นสามในวัยเพียงเท่านี้ เขายังต้องพึ่งพาเจ้าอีกมาก”
“ถ้าท่านพ่อทำได้เช่นนี้ข้าก็วางใจขอรับ แล้วพี่ใหญ่ตอนนี้เป็นอย่างไรเล่าขอรับ”
“เฮอะ! ฮัวโต๋จะเป็นอย่างไร นอกจากวัน ๆ หาแต่อนุเข้าจวนเป็นว่าเล่น พอคนนึงตั้งครรภ์ เขาก็จะหาอนุคนใหม่เข้ามาแทน จนตอนนี้เรือนหลังแทบจะไม่มีที่ให้อนุเขาอยู่กันแล้ว ไม่รู้เหตุใดพ่อของเจ้าจึงไม่คิดจะห้ามปรามเขาบ้าง สงสารก็แต่ฮูหยินใหญ่ที่ต้องคอยเลี้ยงดูเด็กที่เกิดจากเสิ่นหลิงในยามชราเช่นนี้”
“น่าแปลกที่ท่านพ่อไม่คิดจะช่วยพี่ใหญ่ในเรื่องการงานของเขานะขอรับ”
“แม่ได้ยินมาว่า ท่านพ่อของเจ้าเคยบอกเขาหลายครั้งแล้ว แต่เขายังคงทำตัวเช่นนี้ไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย ทำให้ท่านพ่อของเจ้าเลิกสนใจเขาแล้วว่างานของเขาจะก้าวหน้าหรือไม่น่ะสิ”
“เช่นนั้นก็นับว่าพี่ใหญ่ทำเกินไปนะขอรับ เขารับราชการก่อนข้าเสียหลายปี แต่กลับยังอยู่เพียงตำแหน่งขุนนางขั้น 6 เช่นเดิม แบบนี้ท่านพ่อไม่เสียหน้าแย่หรือ”
“ทำอย่างไรได้เล่า เขาไม่มีหัวคิดเหมือนเจ้านี่นา วัน ๆ เอาแต่ขลุกอยู่กับอนุ ลูกที่เกิดจากฮูหยินน้อยและอนุคนอื่น ๆ ที่กำลังท้อง เขาก็ไม่คิดจะสนใจแม้สักนิด ยิ่งเรื่องงานก็ไปบ้างไม่ไปบ้างอยู่เช่นนี้ แล้วเจ้าคิดว่าเขาจะมีอนาคตที่ดีได้อย่างไร ว่าแต่เจ้าเถอะ พบคนที่เหมาะสมจะเป็นฮูหยินหรือยัง แม่อยากมีหลานแล้วนะ”
“ข้ายังไม่พบคนที่เหมาะสมเลยขอรับท่านแม่ หากไม่มีจริง ๆ ข้าคงอยู่เป็นโสดเช่นนี้ไปตลอดท่าจะดีกว่า”
“เพ้ย!!! นั่นจะได้อย่างไร หากเจ้าไม่มีทายาทให้พ่อของเจ้าล่ะก็ จวนนี้ใครจะดูแลต่อกันเล่า ข้าได้ยินว่าพ่อของเจ้าหวังให้เจ้าสืบทอดจวนแทนคุณชายใหญ่นะ”
“โธ่ แล้วท่านแม่จะให้ข้าทำเช่นไรเล่าขอรับ การงานข้าต้องเดินทางแทบทั้งปี ข้าจะเอาเวลาที่ใดมาดูแลฮูหยินเล่าขอรับ”
“เรื่องนั้นแม่ดูแลแทนเจ้าเอง ขอเพียงเจ้าหาใครสักคนมาแต่งงานให้ได้เสียก่อน”
“เฮ้อ เช่นนั้นข้าว่าเรื่องนี้ให้ท่านพ่อหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนมาแต่งก็น่าจะได้แล้วขอรับ ข้าแต่งกับใครก็ได้ทั้งนั้นถ้าแค่เพื่อสืบทอดตระกูล”
“อ่า เป็นนายหญิงหวังนี่เอง พวกเราขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ เดี๋ยวพวกผมต้องขอตัวไปดูแลญาติผู้ใหญ่ต่อก่อนนะครับ”“ขอบคุณมากครับ เด็ก ๆ บอกลาคุณลุง คุณป้าก่อนลูก”“สวัสดีฮับ/สวัสดีค่ะ คุณลุง คุณป้า”สามจอมซนของตระกูลหวังส่งเสียงดังอย่างร่าเริงไปยังพวกเขา ทำเอาสามีภรรยาตระกูลอ้ายเอ็นดูพวกเขาไม่น้อย ระหว่างเดินกลับไปยังกลุ่มญาติของตัวเอง พวกเขายังคุยกันว่าหวังจุนเหยาเปลี่ยนไปมากตั้งแต่มีภรรยา เขาไม่ได้น่ากลัวเหมือนสมัยก่อนที่ได้ชื่อว่าราชาปีศาจในเรื่องธุรกิจอีก การทำธุรกิจของเขาช่วงหลังมานี้ก็ไม่ได้กดดันกลุ่มบริษัทเล็ก ๆ เหมือนเมื่อก่อน ทำให้มีเด็กรุ่นใหม่ที่เริ่มต้นทำธุรกิจสามารถอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน หากเป็นเมื่อก่อนนั้น ตระกูลหวังจะผูกขาดธุรกิจแทบทุกด้านมาตลอด นี่จึงถือเป็นเรื่องดี ๆ ที่นักธุรกิจจำนวนมากต่างก็ขอบคุณความเมตตาจากตระกูลหวังหวังเหลียนออกมาอีกครั้งหลังจากรับใบประกาศแล้ว เธอชวนเพื่อนสนิททั้งสองพร้อมกับญาต
หลังจากนัดหมายวันออกเดินทางกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนที่ต้องการไปเยี่ยมตระกูลหม่าบนเขาต่างจัดเตรียมข้าวของก่อนถึงวันเดินทาง หวังเหลียนให้พี่เลี้ยงเตรียมของลูก ๆ เอาไว้ให้เธอ ครั้งนี้เธอจะไม่พาพี่เลี้ยงไปด้วย เพราะกำหนดการไปครั้งนี้จะไปกันเพียงแค่ไม่กี่วัน หากไปนานเกินไป งานของหวังจุนเหยาอาจจะมีปัญหาได้สัปดาห์ต่อมา กลุ่มคนตระกูลหม่าพร้อมด้วยหวังจุนเหยา หวังเหลียน หวังจื่อฮุย หวังจื่อจินและหวังจื่อหลินต่างเดินทางขึ้นเขากันอย่างไม่ลำบาก เด็ก ๆ ทั้งสามมีหม่าว่านหลง หม่าหยูเม่ยและหม่าเฉียงเจ๋อที่รับอาสาอุ้มตั้งแต่ลงจากรถที่ตีนเขา หวังจุนเหยาเห็นทุกคนอยากอุ้มจึงไม่ได้คัดค้านอะไร เขาทำเพียงจูงมือหวังเหลียนและใช้วิชาตัวเบาเดินทางติดตามหลังไปเท่านั้น สัมภาระต่าง ๆ ก็ไม่ได้มีอะไรมากมายนัก โดยผู้คุ้มกันของตระกูลหม่าเป็นคนยกสัมภาระทั้งหมดกลุ่มของพวกเขาใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงครึ่งจึงถึงยอดเขาที่มีจวนของตระกูลหม่าขนาดใหญ่ตั้งอยู่ หวังเหลียนมองไปเห็นจวนที่คุ้นตาก็คิดย้อนกลับไปยังภพชาติก่อนในทันใด เธอถึงกั
หวังเหลียนที่ไม่ทราบเรื่องว่าที่บริษัทสามีงอแงมากแค่ไหน ช่วงนี้อาการของเธอหายดีแล้ว หวังเหลียนยังใช้เวลาว่างสอนวิชาต่าง ๆ ให้กับบอดี้การ์ดและคนของตระกูลหม่าเหมือนเดิม อีกทั้งเธอยังเขียนตำราวิชาฝ่ามือ วิชากระบี่และวิชารวบรวมลมปราณเพื่อให้ครอบครัวของเธอนำไปสั่งสอนคนในตระกูลต่อไปเจ็ดเดือนต่อมากิจวัตรประจำวันของหวังเหลียนระหว่างรอคลอดไม่ได้น่าเบื่อมากนัก บางวันเธอก็ไปนั่งเล่นที่บริษัทกับสามีเวลาที่เขางอแง ทำให้ทุกคนในบริษัทต่างอยากให้นายหญิงมาที่บริษัททุกวัน ไม่อย่างนั้นท่านประธานของพวกเขาจะต้องหงุดหงิดและอาละวาดไม่เว้นแต่ละวันเป็นแน่ เรื่องนี้หวังเหลียนรู้จากหลินซินที่แอบกระซิบบอกเธอถึงพฤติกรรมสามีเวลาที่เธอไม่มาด้วย พนักงานคนอื่น ๆ เองก็ขอร้องเธอเช่นเดียวกันว่าให้มาบ่อย ๆ ตอนนี้หวังจื่อฮุยอายุหนึ่งขวบแล้ว หวังเหลียนจึงพาเขามาด้วยเพื่อดูว่าพ่อของเขาต้องทำงานหนักแค่ไหน ถึงแม้ลูกชายเธอจะอายุยังน้อย แต่เขากลับรู้ความเป็นอย่างมากวันนี้ก็เช่นเดียวกัน หวังเหลียนพาลูกชาย
ด้านหลินซินที่ได้รับคำสั่งมาก็จัดกำลังผู้ช่วยของเขาให้แยกตัวไปเล่นงานตระกูลไป่ไม่ให้ได้ผุดได้เกิดทันที เขาสั่งการให้ตัดความสัมพันธ์ในทุกบริษัทและยังขึ้นแบล็คลิสต์ตระกูลไป่ด้วย ก่อนที่จะทำให้ราคาหุ้นของตระกูลไป่ตกต่ำแล้วกว้านซื้อหุ้นไปจนหมดภายในเวลาแค่สามวันตระกูลอื่นต่างงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลไป่ แม้แต่ไป่เจิ้งหนานก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาทำอะไรผิด ทำไมตระกูลหวังจึงเล่นงานเขาเช่นนี้ กว่าที่ไป่เจิ้งหนานจะรู้ความจริงก็เป็นตอนที่ลูกสาวถูกตำรวจจับข้อหาจ้างวานฆ่านายหญิงตระกูลหวัง ไป่จินซิงไม่อยากจะเชื่อว่าลูกสาวเธอจะกล้าทำแบบนี้ เธอร้องไห้ขอให้สามีช่วยลูกสาวของเธอ แต่กลับถูกเขาด่ากลับมาอย่างไม่ไว้หน้า“หุบปาก! คุณยังกล้าให้ผมช่วยเด็กสารเลวนั่นอีกเหรอ? คุณรู้ไหมว่าตอนนี้บริษัทกำลังจะล้มละลายแล้ว แถมหุ้นทั้งหมดในตลาดก็ถูกเทขายในราคาต่ำ เป็นเพราะลูกสาวคุณนั่นแหละที่กล้าทำเรื่องร้ายกาจแบบนี้จนกระทบมาถึงผมน่ะ”“ฮือ… แต่ไป่หลิงเป็นลูกสาวของเรานะคะ”
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป