“หากเจ้ากล่าวเช่นนี้ แม่จะให้พ่อของเจ้าหาบุตรีขุนนางดี ๆ สักคนให้ก็แล้วกัน”
“ขอรับ ตามใจท่านแม่กับท่านพ่อจะจัดการ ตอนนี้ข้าขอตัวไปพักผ่อนก่อนขอรับ”
“อืม ๆ เจ้ารีบไปเถอะ แม่ก็ลืมไปว่าเจ้าเพิ่งกลับมาถึง”
หวังจุนเหยาลุกขึ้นคำนับมารดาก่อนจะเดินกลับเรือนที่อยู่ติดกันไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว เขาได้แต่คิดเสียดายที่ไม่เคยพบกับบุตรีแม่ทัพหม่ามาก่อน เคยได้ยินเพียงข่าวว่านางมักถูกรังแกในงานเลี้ยงบ่อย ๆ ผู้ชายเช่นเขาจึงรู้สึกอยากปกป้องนางขึ้นมาเสียเฉย ๆ แต่นางกลับถูกฆ่าในงานแต่งงานกับพี่ชายเขาเสียก่อน
เสนาบดีหวังหลังทราบจากฮูหยินรองว่าบุตรชายคนรองอยากให้เขาหาสตรีดีๆ มาเป็นสะใภ้ให้สักคนหนึ่ง เสนาบดีหวังจึงรีบจัดการให้ก่อนที่บุตรชายเขาจะต้องเดินทางออกไปตรวจราชการอีกในปีหน้าทันที ซึ่งสตรีที่ได้รับเกียรติให้แต่งกับหวังจุนเหยาเป็นถึงบุตรีเสนาบดีกรมโยธาที่หลงรักเขามานานแล้ว
หวังจุนเหยาที่ทำหน้าที่เจ้าบ่าวไม่ได้สนใจว่าใครคือฮูหยินของเขาแม้แต่น้อย เขาเพียงแต่ต้องการให้นางคลอดบุตรชายให้สักคนเท่านั้น ส่วนฮูหยินรองและอนุที่ท่านพ่อต้องการให้เขาแต่งเข้ามา หวังจุนเหยารีบปฏิเสธทันที เขาไม่อยากให้เรือนหลังของเขาต้องวุ่นวายเหมือนพ่อกับพี่ชายเขา เขาจึงยินดีที่จะมีฮูหยินเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิตนี้เท่านั้น
ฮูหยินของหวังจุนเหยาพยามยามทำให้สามีรักนาง แต่จนใจที่หวังจุนเหยาไม่เคยแตะต้องนางอีกเลยตั้งแต่นางตั้งครรภ์และคลอดบุตรชายคนเดียวให้เขา เขาเอาแต่อ้างว่าไม่มีเวลา เพราะหลังแต่งงานกันมาเกือบสิบปี เขาก็ได้ขึ้นเป็นถึงเสนาบดีฝ่ายซ้าย มีหน้าที่ตรวจราชการทั่วแผ่นดินให้กับฮ่องเต้ ทำให้เขาไม่สามารถอยู่จวนตระกูลหวังเป็นเวลานาน ๆ ได้ นางได้แต่ทำใจว่าตลอดชีวิตนี้ นางคงได้เพียงตำแหน่งฮูหยินของเขา แต่ไม่ได้ใจของเขาจริง ๆ เวลามีงานเลี้ยง นางก็ได้แต่หน้าชื่นอกตรมเพื่อไม่ให้เสียหน้าสามี ทั้งที่ข่าวลือของนางกับสามีนั้นแพร่ออกไปเพราะปากของบ่าวไพร่ซึ่งเป็นคนของคุณชายใหญ่ฮัวโต๋ที่หลายสิบปีแล้วแต่ก็ยังเป็นเพียงขุนนางขั้น 5 เท่านั้น
ใช่ว่าหวังจุนเหยาไม่รู้ว่าพี่ชายคิดจะทำสิ่งใด เพียงแต่เขาไม่ได้สนใจว่าตนจะได้สืบทอดตระกูลต่อจากท่านพ่อหรือไม่ เขาตั้งใจทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อตนเองและท่านแม่เท่านั้น กระทั่งลูกชายคนเดียวของเขา เขายังไม่ค่อยได้พบเจอกันสักเท่าไหร่นัก ยิ่งกับฮูหยินที่อยู่ในเรือนหลังของเขาด้วยแล้ว หวังจุนเหยากลับไม่คิดจะเข้าไปเยี่ยมเยียนนางแม้แต่น้อย หากไม่มีเรื่องงานเลี้ยงที่บางคราต้องเดินทางไปด้วยกันแล้ว หวังจุนเหยาจะไม่ส่งคนไปแจ้งนางเลยแม้แต่น้อย
ด้านตระกูลหม่าหลังจากเสียหม่าหลันไป สองปีต่อมา หม่าเหว่ยก็แต่งงานกับคู่หมั้นและมีหลานให้ท่านพ่อ ท่านแม่ชื่นใจ เพราะเขาได้ลูกสาวคนโตมาทดแทนความคิดถึงที่มีต่อพี่สาวของเขาที่จากไป อีกสองปีต่อมา เขายังได้ลูกชายเพิ่มมาอีกคน ทำให้ตระกูลหม่าพอจะมีความสุขขึ้นมาบ้างหลังจากสูญเสียคนที่พวกเขารักไปอย่างไม่มีวันกลับ นับว่าหลาน ๆ ช่วยทำให้ท่านปู่ ท่านย่ากลับมามีชีวิตชีวาได้ดีมากจริง ๆ หม่าเหว่ยยังทั้งรักและเกรงใจฮูหยินที่เข้าอกเข้าใจครอบครัวเขาเป็นอย่างดีอีกด้วย ทำให้ครอบครัวหม่ากลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง
ณ อีกภพภูมิหนึ่ง
ไป๋เหลียน เด็กสาวที่กำลังเข้าเรียนในโรงเรียนแพทย์ในเครือ รพ.หวังที่มีชื่อเสียง เธอไม่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวเรื่องการเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ตลอดมาตั้งแต่เธอโตพอที่จะทำงานได้ ไป๋เหลียนต้องเป็นคนออกไปทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนเพื่อหาเงินค่าเทอมและนำมาใช้จ่ายในครอบครัว ทั้งที่แม่ของเธอไม่ได้ทำงานอะไรแม้แต่น้อยเพื่อเลี้ยงดูเธอและน้องชาย ไป๋เหลียนจึงได้แต่ต้องอดทนมาโดยตลอด กระทั่งฟางเส้นสุดท้ายของเธอขาดผึง เพราะแม่ของเธอไป๋จินไม่ยอมให้เธอเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัยทั้งที่เธอสอบเข้าได้อย่างยากลำบาก
ไป๋จินต้องการให้ไป๋เหลียนแต่งงานกับหลิวต้าเฉียง พ่อหม้ายลูกติดที่หลงรักไป๋เหลียนมานาน เขาเตรียมเงินสินสอดเอาไว้ถึงสองแสนหยวน ทำให้ไป๋จินกับลูกชายอย่างไป๋เฉิงเกิดความโลภ พวกเขาพยายามเกลี้ยกล่อมให้ไป๋เหลียนแต่งงานมานานแต่กลับไม่เป็นผล จนทำเอาพวกเขาหัวเสียอยู่ตลอด
ไป๋เหลียนเองก็ยังคงแอบไปทำงานพิเศษหลายงาน กว่าจะกลับก็ค่ำมืดจนพวกเขาสองคนนอนกันหมดแล้ว ไม่เช่นนั้นไป๋เหลียนคงต้องทะเลาะเบาะแว้งกับพวกเขาเรื่องเดิม ๆ ซึ่งเธอไม่ต้องการรับรู้เรื่องนี้อีกต่อไป ตอนนี้เธอเร่งทำงานพิเศษหลายงานเพื่อหาค่าเทอมที่มากถึงห้าพันหยวนอยู่ เธอจึงอยากพักผ่อนมากกว่า
คืนหนึ่งระหว่างที่เธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟอยู่ที่ร้านอาหารในห้องส่วนตัววีไอพีของร้าน แขกคนหนึ่งสวมแว่นหน้าตาเคร่งขรึมกำลังดื่มและคุยงานกับชายร่างท้วมที่เอาแต่จะหาจังหวะลวนลามเธอจนเธออยากเปลี่ยนห้องทำงาน เสียดายที่นี่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่ผู้จัดการบอกว่าอาจจะได้ทิปจำนวนมาก เธอจึงได้แต่ฝืนใจบริการลูกค้าทั้งสองคนจนกระทั่งชายสวมแว่นไล่ชายร่างท้วมออกไปหลังจากพูดคุยกันเสร็จ
“เธอมานี่สิ”
ไป๋เหลียนไม่กล้าขัดคำสั่งจึงได้แต่เดินเข้าไปหาลูกค้าหน้าตาดีตรงหน้าอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร
“คุณลูกค้าต้องการรับอะไรเพิ่มหรือเปล่าคะ”
พรึ่บ!!! ว้าย!!
ไป๋เหลียนเสียหลักเพราะถูกลูกค้าหน้าหล่อดึงลงไปนั่งตักของเขาอย่างหน้าไม่อาย เธอได้แต่เอามือผลักอกเขาเอาไว้ไม่ให้เขาเข้ามาใกล้เธอมากนัก ทั้งที่ตอนนี้ใจดวงน้อย ๆ ของเธอเต้นตุบ ๆ อย่างตกอกตกใจ
“ถ้าผมต้องการคุณล่ะ คุณต้องการเงินเท่าไหร่”
พอได้ยินคำถามของคนตรงหน้า ไป๋เหลียนถึงกับเบิกตาโตขึ้นมาอย่างตกใจ เธอมาทำงานพิเศษ ไม่ได้ต้องการจะขายตัว แต่ว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันจ่ายค่าเทอมแล้ว เธอยังเก็บเงินได้เพียงแค่หนึ่งพันหยวนเท่านั้น กว่าเงินเดือนจะออกก็เลยวันที่มหาวิทยาลัยให้จ่ายค่าเทอมเสียแล้ว หลังจากมองหน้าเขาได้พักใหญ่ ไป๋เหลียนจึงกัดฟันพยักหน้าตกลง เพียงแต่เธอไม่ได้บอกว่าต้องการเงินเท่าไหร่
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ตามผมไปที่ห้องชั้นบน”
หวังจุนเหยาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาถามเล่น ๆ ผู้หญิงตรงหน้าที่ดูซื่อ ๆ กลับกล้ารับปากเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอพยายามหลบเลี่ยงคู่ค้าของเขาไม่ให้ลวนลามเธออยู่แท้ ๆ เขาได้แต่คิดในใจว่า ผู้หญิงทุกคนคงจะเป็นเหมือนกันหมดที่เห็นเงินก็ตาโตแบบเธอคนนี้ แต่ในเมื่อนี่เป็นความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา หวังจุนเหยาจึงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าการร่วมรักกับผู้หญิงที่กำลังเดินตามเขาต้อย ๆ อย่างเชื่อฟัง
เมื่อถึงห้องที่หวังจุนเหยาเปิดออก ไป๋เหลียนได้แต่กลั้นใจเดินเข้าไปอย่างจำใจ เธอต้องการเงินเพียงห้าพันหยวนสำหรับค่าเทอมเท่านั้น ในเมื่อตัวเธอยังพอจะมีค่าอยู่บ้าง แทนที่เธอจะต้องแต่งงานกับพ่อหม้ายคนนั้นและไม่ได้เรียนต่อ เธอเลือกที่จะยอมเสียตัวให้คนแปลกหน้าแทน
ค่ำคืนนั้น หวังจุนเหยาที่คิดว่าเธอคงช่ำชองเรื่องแบบนี้ไม่ได้นึกมาก่อนว่านี่เป็นครั้งแรกของเธอ พอเขารู้เข้าจึงได้แต่ต้องเบาแรงลงและทำต่อไปจนกว่าเขาจะพอใจ เขาคิดว่าผู้หญิงอย่างเธอน่าจะรู้จักวิธีป้องกันหลังจากนี้ดี เขาจึงไม่ได้เป็นฝ่ายป้องกันตามปกติ เพราะอย่างไรผู้หญิงที่เขากำลังมีอะไรด้วยนั้นก็บริสุทธิ์และสะอาดอยู่ตามที่เขาเห็นเองกับตา กว่าที่หวังจุนเหยาจะปล่อยให้ไป๋เหลียนได้นอนพักผ่อน เวลาก็ล่วงเข้าสู่เช้าวันใหม่แล้ว
สายวันต่อมา หวังจุนเหยาลุกขึ้นมาแต่งตัวเพื่อที่จะเข้าบริษัท วันนี้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าไปที่ รพ.ของเขา เมื่อคืนเขาถึงได้มีความสุขกับผู้หญิงที่กำลังหลับอยู่อย่างไม่สนใจเวลาสักเท่าไหร่ กระทั่งเห็นว่าหากไม่ปลุกเธอคงไม่ตื่นง่าย ๆ เขาที่ต้องการรีบจ่ายค่าตัวให้เธอแล้วรีบไปจึงได้ปลุกเธอขึ้นมาไป๋เหลียนที่ถูกเรียกและผลักเบา ๆ สะดุ้งตื่นขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน เธอรีบเอาผ้าห่มปกปิดหน้าอกหน้าใจและเรือนร่างที่ยังเปลือยเปล่าเอาไว้แล้วเงยหน้าถามชายหน้าตาดีที่เธอเพิ่งเห็นชัด ๆ ในตอนนี้“คุณปลุกฉัน มีอะไรหรือคะ”“ค่าตัวเธอที่ฉันจะต้องจ่ายให้ เธอต้องการเท่าไหร่”“เอ่อ… ห้าพันค่ะ” ไป๋เหลียนก้มหน้าบอกเสียงเบาหวังจุนเหยาได้ยินว่าเป็นเงินห้าล้านถึงกับนึกในใจว่าแค่เสียความบริสุทธิ์ให้เขา ผู้หญิงคนนี้เรียกเงินถึงห้าล้านหยวนเลยทีเดียว แต่เงินแค่นี้ไม่ทำให้เขารู้สึกอะไรอยู่แล้ว ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลหวังที่ร่ำรวย“อ่ะ เธอใส่ยอดเงินเอาเองแล้วกดโอนได้เลย”หวังจุนเหยายื่นโทรศัพท์ที่เขาพิมพ์เลขบัญชีของเธอที่บอกก่อนหน้านี้ให้เธอกดตัวเลขเอาเอง โดยไม่สนใจว่าเธอจะให้เขาเสียเงินไปเท่าไหร่
หลังจากคิดอยู่คนเดียวมาได้หนึ่งสัปดาห์ ไป๋เหลียนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เรื่องที่เธอกำลังท้องนั้นตอนนี้ถูกพูดคุยกันอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลหวังอย่างมีความสุข ขณะที่เธอกำลังพักผ่อนที่หอพักในมหาวิทยาลัย เสียงโทรศัพท์มือถือเครื่องเก่าของเธอก็ดังขึ้นตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด…ไป๋เหลียนมองชื่อในโทรศัพท์ที่เป็นคนโทรมา พอเห็นว่าเป็นแม่ของเธอโทรมาในตอนนี้ เธอได้แต่คิดว่าสงสัยเงินพวกเขาจะหมดอีก ถึงได้โทรมาหาเธอในช่วงวันหยุดแบบนี้ หลังจากคิดสักพัก เธอจึงกดรับสายอย่างเสียไม่ได้[ สวัสดีค่ะแม่ ][ แกไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่เลย รีบไสหัวกลับมาบ้านเดี๋ยวนี้ อย่าคิดว่าหายหัวไปหลายเดือนแล้วโอนแค่เงินมา ฉันจะปล่อยแกไปง่าย ๆ นะ กลับมาคุยกันให้รู้เรื่อง ][ เรื่องอะไรอีกล่ะคะแม่ วันนี้หนูยังต้องไปทำงานช่วงบ่ายอีกนะคะ ][ แกไม่ต้องมาถามฉัน รีบกลับมาเดี๋ยวนี้เลย ไม่อย่างนั้นฉันจะไปลากแกมาเอง ][ ตกลงค่ะแม่ เดี๋ยวหนูกลับบ้านเอง ][ ฮึ รีบมาเร็ว ๆ เข้า แค่นี้แหละ ]ตู๊ด.ตู๊ด.ไป๋เหลียนได้แต่มองโทรศัพท์พร้อมขมวดคิ้วมุ่นอย่างยุ่งยากใจ เธอเดาไม่ถูกว่าทำไมแม่ถึงต้องรีบให้เธอกลับบ้านแบบนี้ หลังจากถอนหายใจอยู่ไม่นานนัก ไป๋เหลียนก็เ
ชาวบ้านที่มามุงดูได้แต่สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ พอได้ยินเรื่องที่สองแม่ลูกพูดกันแล้ว พวกเขาก็เข้าใจทันทีว่าเด็กผู้หญิงที่นอนอยู่และกำลังถูกตีเป็นลูกสาวที่ท้องก่อนแต่งนั่นเอง ชาวบ้านต่างไม่มีใครนึกสงสารไป๋เหลียนเลยแม้แต่น้อย พวกเขาคิดว่าสมควรแล้วที่ลูกสาวไม่รักดีจะถูกสั่งสอนเสียบ้างหลิวต้าเฉียงกับไป๋เฉิงไม่คิดจะเข้าไปห้ามไป๋จินเลยแม้แต่น้อย พวกเขาโมโหมากจริง ๆ ที่รู้ว่าไป๋เหลียนกำลังท้องลูกของใครอยู่ก็ไม่รู้ไป๋เหลียนพยายามอ้อนวอนไป๋จินทั้งน้ำตา แต่ไป๋จินกลับไม่สนใจ เธอเอาแต่ตีไป๋เหลียนจนตอนนี้หัวและหลังเต็มไปด้วยเลือดจากแผลแตกขนาดใหญ่ ไป๋เหลียนตอนนี้ไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงพอที่จะต่อต้านแม่ของเธอ เธอได้แต่ปกป้องท้องน้อยของตัวเองเอาไว้เท่านั้น ถึงแม้ตอนนี้ทั้งเนื้อทั้งตัวเธอจะเจ็บร้าวไปหมดก็ตามที แต่เด็กคนนี้คือลูกของเธอ เธอจะปกป้องเขาให้ถึงที่สุด ตอนนี้ไป๋เหลียนไม่กล้าคาดหวังว่าพ่อของลูกเธอจะมาช่วยเธอจริง ๆ เพราะถึงตอนนี้แล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะมาถึงเสียที เธอแทบจะทนความเจ็บปวดไม่ไหวอยู่แล้ว
หวังจุนเหยาที่พาไป๋เหลียนมายัง รพ.หวัง ในเครือที่อยู่ใกล้ที่สุด เขาส่งไป๋เหลียนเข้าห้องฉุกเฉินไปเรียบร้อยแล้ว เหล่าแพทย์ระดมกำลังกันมาช่วยเหลือว่าที่นายหญิงน้อยของพวกเขากันยกใหญ่กว่าสามชั่วโมงที่หมอจะออกมารายงานอาการของไป๋เหลียนให้กับหวังจุนเหยาทราบ เขาได้แต่นั่งไม่ติดเก้าอี้ตั้งแต่ส่งตัวเธอเข้าห้องฉุกเฉินไปก่อนหน้านี้“เรียนคุณชาย อาการของนายหญิงน้อยหนักมากจริง ๆ ครับ พวกเราทำได้เพียงเชื่อมต่อกระดูกที่หักบางส่วนและรักษาแผลภายนอกภายในได้เท่านั้น ตอนนี้ต้องขึ้นอยู่กับสวรรค์แล้วว่านายหญิงน้อยจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ครับ”หวังจุนเหยาฟังแล้วถึงกับทรุดลงนั่งกับเก้าอี้หน้าห้องอย่างหมดอาลัยตายอยาก เขาไม่คิดว่าเพราะความเข้าใจผิดของเขา จะทำให้ภรรยาตัวน้อยกับลูกเขาต้องอาการหนักมากถึงขนาดนี้“คุณแน่ใจนะว่ารักษาเธอกับลูกผมเต็มที่แล้ว”“พวกเราทำเต็มที่แล้วจริง ๆ ครับคุณชาย ยังโชคดีที่เด็กรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์
สามวันต่อมาคืนนั้นหม่าหลันใช้พลังปราณรักษาร่างกายของไป๋เหลียนจนหายดี ตอนนี้เธอสามารถลืมตาขึ้นมาได้แล้ว ระหว่างที่รักษาตัวอยู่ หม่าหลันได้ยินทุกอย่างที่หวังจุนเหยาพูดคุย เธอจึงรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีมากจริง ๆ ถึงแม้ไป๋เหลียนจะตั้งท้องลูกของเขาก็จริงอยู่ แต่นี่เป็นเพียงอุบัติเหตุ ขนาดไป๋เหลียนเองยังไม่เคยคิดว่าหวังจุนเหยาจะต้องมารับผิดชอบตัวเธอกับลูก หม่าหลันที่อยู่ในร่างกลับคิดว่าเขาเป็นสามีที่ดี สมกับที่ตอนนี้เธออยู่ในร่างไป๋เหลียนและลูกในท้องของเธอก็แข็งแรงดี ตอนนี้หม่าหลันเริ่มเคยชินกับคำพูดคำจาในภพภูมินี้แล้วหลังจากซ้อมมาหลายวันในขณะที่ยังไม่ฟื้นตื่นขึ้นมา ในเมื่อตอนนี้ร่างกายไป๋เหลียนหายดีแล้ว หม่าหลันก็อยากออเซาะสามีสุดหล่อสักหน่อยให้กระชุ่มกระชวย ไหน ๆ เธอก็ได้มายังภพนี้โดยไม่รู้สาเหตุแล้ว เธอก็จะใช้ชีวิตใหม่ให้มีความสุข และสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมทำตัวอ่อนแอเหมือนในชาติก่อนให้คนอื่นรังแกอีกเป็นแน่ รวมทั้งพวกที่เคยรังแกไป๋เหลียนในความทรงจำ หม่าหลันจะเอาคืนพวกมันให้เจ็บแสบเลยทีเดียว
หลังกินอาหารเช้าค่อนไปทางเที่ยงเสร็จ หวังจุนเหยาก็อุ้มภรรยาตัวน้อยที่ตัวเบาหวิวทั้งที่กำลังท้องไปนอนบนเตียงเพื่อให้เธอนอนพักผ่อนต่อ“ต่อไปคุณต้องกินให้เยอะ ๆ หน่อยนะไป๋เหลียน ตอนนี้คุณไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ ลูกของเราต้องให้คุณดูแลแล้ว” หวังจุนเหยาหอมแก้มไป๋เหลียนอย่างอดไม่ได้“ฉันก็พยายามกินเยอะแล้วนะคะ แต่มันกินได้แค่นี้นี่คะ คุณก็อย่าดุนักเลย ฉันกับลูกสบายดีแน่นอน คุณไม่ต้องกังวล”ไป๋เหลียนรีบอธิบายว่าเธอกินเต็มที่แล้วจริง ๆ นี่ต้องโทษร่างเดิมที่กินน้อยเสียจนหม่าหลันต้องพยายามยัดอาหารเข้าไปให้มากกว่าปกติที่ร่างเดิมเคยกิน ทำให้เธอแทบจะอาเจียนออกมาเพราะกินมากเกินไป“ตกลง ๆ ผมไม่ดุคุณแล้ว คุณนอนพักผ่อนก่อนนะ ผมขอตัวไปทำงานสักหน่อย”“ค่ะ สามี คุณก็หาเวลาพักบ้างนะคะ ฉันเป็นห่วง”จุ๊บ!!!“ขอบคุณครับ ภรรยา ที่เป็นห่วง คุณร
หวังจุนเหยาเข็นรถที่มีไป๋เหลียนนั่งอยู่ไปยังโต๊ะอาหารพร้อมรอยยิ้มบางที่หวังซูหุยไม่เคยเห็นหลานชายอารมณ์ดีแบบนี้มานานมากแล้ว เธออดยิ้มออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าเด็กทั้งสองคนดูเหมาะสมกันมากจริง ๆ“มา ๆ มาให้ย่าดูหน่อยสิว่าหลานสะใภ้ย่าน่ารักแค่ไหน” หวังซูหุยยิ้มให้ไป๋เหลียนอย่างเมตตา“สวัสดีค่ะ คุณย่า ขอบคุณที่มาเยี่ยมหนูนะคะ” ไป๋เหลียนรักษามารยาทกับญาติผู้ใหญ่ของสามีเป็นอย่างดี ยิ่งทำให้หวังซูหุยเอ็นดูไป๋เหลียนไม่น้อย“นี่เป็นซุปบำรุงร่างกายที่ย่าให้คนใช้ส่วนผสมที่ดีที่สุดปรุงขึ้นมาเชียวนะ จุนเหยา ป้อนหลานสะใภ้ย่าดี ๆ”“อ้าว แล้วคุณย่าไม่ทานด้วยกันเหรอครับ”“ย่ายังไม่หิวน่ะ อีกสักพักย่าก็จะกลับไปกินข้าวที่บ้านแล้ว พวกหลานจะได้พักผ่อนให้ดี ๆ เอาไว้ย่าจะเตรียมของไว้รอหลานสะใภ้กลับไปอยู่ที่บ้านด้วยกันนะ”ไป๋เหลียนได้แต่งุนงงว่าเธอจะต้องไปอยู่บ้านไ
หลังจากนั่งคุยกันได้ไม่นาน ไป๋เหลียนก็ง่วงนอนขึ้นมาอีกครั้ง นี่คงเพราะลูกในท้องของเธออยากพักผ่อนแล้วนั่นเอง“จุนเหยา พาน้องขึ้นไปพักผ่อนก่อนเถอะ ย่าจะให้คนไปตามตอนถึงเวลาอาหารก็แล้วกันนะ” หวังซูหุยเห็นอาการง่วงของหลานสะใภ้ก็นึกสงสาร“ครับ คุณย่า ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”“อืม.. ไปเถอะ ย่าก็จะไปพักผ่อนสักหน่อยเหมือนกัน”หวังจุนเหยาเห็นภรรยาตัวน้อยแทบจะหลับคาโซฟาอยู่มะรอมมะร่อ เขาจึงอุ้มเธอขึ้นไปที่ห้องชั้นสองแทนที่จะให้เธอเดินเอง ไป๋เหลียนรีบกอดคอหวังจุนเหยาเอาไว้เพราะกลัวตก พอนึกได้ว่าสามีกำลังอุ้มเธออยู่ ไป๋เหลียนก็ยิ้มหวานแล้วซบหน้าลงกับแผงอกใหญ่ของเขา นับว่าการมีสามีสุดหล่อแบบนี้เป็นกำไรในชีวิตใหม่ของเธอเสียจริง ๆ ถ้าเธอไม่ง่วงนอนมากนัก เธอคงไม่ปล่อยสามีไปง่าย ๆ แน่หลังวางภรรยาตัวน้อยลงบนเตียงแล้ว หวังจุนเหยาที่กำลังจะออกจากห้องนอนไปทำงานอีกห้องหนึ่งต้องหยุดชะงัก เมื่อไป๋เหลียนคว้า
ไป๋เหลียนนำกล่องเครื่องประดับออกมาให้หวังซูหุยดูพร้อมรอยยิ้ม แต่กลับถูกหวังซูหุยบ่นเสียอย่างนั้น“ของแค่นี้ยังกล้าซื้อให้หลานสะใภ้ฉันนะ ไม่ได้ ๆ ย่าคิดว่ามันไม่เหมาะกับหลานสะใภ้ตระกูลหวังสักเท่าไหร่ วันหลังไป๋เหลียนไปกับย่านะลูก ย่าจะเลือกให้เอง”“โธ่ คุณย่าครับ ของพวกนี้ผมให้น้องเป็นคนเลือกเองนะครับ ถ้าคุณย่าเลือกให้ใหม่แล้วน้องจะใส่ไปเรียนได้ยังไงกันล่ะครับ เครื่องเพชรแต่ละชุดของคุณย่ามันเล็กเสียเมื่อไหร่กันเล่า”“อ้าว นี่แกหาว่าย่าจะเลือกของไม่ถูกใจไป๋เหลียนหรือยังไง ฮึ!” หวังซูหุยหันหนีเจ้าหลานชายที่พูดไม่เข้าหูอย่างงอน ๆ“เอ่อ… คุณย่าคะ หนูคิดว่าแหวนกับกำไลที่พี่จุนเหยาช่วยเลือกด้วยมันใส่สะดวกดีนะคะคุณย่า ถ้าใส่ชิ้นใหญ่เกินไป หนูกลัวว่าคนอื่นจะหมั่นไส้เอาน่ะค่ะ”“ชิ เห็นแก่ไป๋เหลียนหรอกนะ ถ้าอย่างนั้นย่าจะไม่บังคับก็ได้ แต่งานประมูลเครื่องประดับและของเก่าโบราณ
ไป๋เหลียนมองดูแหวนทั้ง 10 คู่ที่วางอยู่ในถาดอย่างละเอียด เธอเห็นว่ารูปแบบของแหวนไม่เหมือนกับแบบอื่น ๆ ในถาดอีกด้านหนึ่ง ดูแล้วหรูหรามากกว่าแบบเทียบกันไม่ติดเลยทีเดียวระหว่างที่กำลังดูอยู่นั้น ไป๋เหลียนสะดุดตากับแหวนคู่ที่มีเพชรสีดำประดับอยู่บนตัวเรือนสีทองอร่าม เธอคิดว่าแหวนผู้ชายเหมาะกับสามีเธอมาก ส่วนแหวนผู้หญิงก็ไม่ได้ดูใหญ่โตมากเกินไปจนไม่สามารถใส่ออกข้างนอกได้“สามี~ คุณคิดว่าแหวนคู่นั้นเป็นยังไงบ้างคะ” ไป๋เหลียนชี้ให้หวังจุนเหยาดู“หืม? คุณชอบเพชรสีดำนี่เหรอครับ” หวังจุนเหยาหันมองไป๋เหลียน“ฉันคิดว่าแหวนนี้เข้ากับคุณมากน่ะค่ะ อีกอย่างแหวนผู้หญิงก็เหมาะที่จะใส่ไปเรียนได้ด้วย ถ้าเป็นวงอื่นฉันกลัวว่าจะทำหายน่ะสิคะ”“อืม… ถ้าคุณชอบก็เอาแหวนคู่นั้นก็ได้ครับ แต่ผมว่าเพชรสีชมพูคู่นั้นก็ดูเหมาะกับมือคุณมากนะครับ” หวังจุนเหยาชี้นิ้วให้ไป๋เหลียนดู
“สามี!!! หยุด!” ไป๋เหลียนรีบเข้าไปกอดหวังจุนเหยาทางด้านหลัง ขณะที่เขากำลังจะเข้าไปซ้ำพวกเจิ้งซินอี๋อีกครั้งหวังจุนเหยาพอได้รับอ้อมกอดอุ่นของภรรยา เขาก็กลับมาเป็นปกติในทันทีแล้วรีบสำรวจร่างกายไป๋เหลียนจนเธอเวียนหัวแทบแย่ หลังจากเห็นว่าภรรยาตัวน้อยของเขาไม่เป็นอะไร หวังจุนเหยาค่อยผ่อนลมหายใจออกอย่างโล่งอกได้เสียที ตอนนี้เหล่าผู้หญิงในห้างที่คิดจะเข้าห้องน้ำเห็นสถานการณ์ด้านในก็ไม่มีใครกล้าเข้าห้องน้ำ จึงได้แต่ยืนมองกันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร“ภรรยา ผมเป็นห่วงคุณมากรู้ไหม” หวังจุนเหยากอดไป๋เหลียนเอาไว้ในอ้อมแขนอย่างหวงแหน“ฉันรู้ค่ะ ขอโทษที่ทำให้คุณเป็นห่วงนะคะ ฉันไม่เป็นอะไรมาก แค่พวกเธอคิดจะรังแกฉันกับลูกเท่านั้นเอง ดีที่ฉันยังไหวตัวทันตอบโต้ไปบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ”เหล่าคนที่ได้ยินเช่นนั้นแล้วมองสภาพของพวกเจิ้งซินอี๋ต่างไม่อยากจะเชื่อว่านี่แค่เป็นการตอบโต้เล็ก ๆ น้อย ๆ หวังจุนเหยาที่เข้าข้างเมียรักกลับไม่สนใจ เขายังคาดโทษ
สองสามีภรรยาไม่รู้เลยว่าผู้จัดการห้างกำลังคิดอะไรอยู่ พวกเขาเหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวกันสองคนเสียอย่างนั้น เรื่องนี้บอดี้การ์ดทุกคนต่างเริ่มคุ้นชินแล้วในเวลาที่เจ้านายอยู่กับนายหญิงน้อย พวกเขาจึงไม่รู้สึกอะไรมากนัก แตกต่างจากผู้จัดการห้างที่คอยกระซิบถามจ้าวเฟยอย่างอยากรู้อยากเห็น“ก็อย่างที่คุณเห็นนั่นแหละ ท่านประธานรักนายหญิงน้อยมาก”“โอ้ แบบนี้ผมต้องดูแลนายหญิงน้อยให้ดีสินะครับ ไม่อย่างนั้นท่านประธานจะต้องกลายร่างเป็นปีศาจอีกแน่”“คุณรู้ก็ดีแล้ว พวกเราเองยังต้องคอยเอาใจนายหญิงน้อยเช่นเดียวกัน เพราะนายหญิงผู้เฒ่าเองก็รักนายหญิงน้อยมากไม่แพ้ท่านประธานเลย”“ขอบคุณคุณจ้าวที่แนะนำนะครับ วันนี้ผมเป็นเจ้ามือเอง พวกคุณทานชาบูให้อร่อยนะครับ” ผู้จัดการห้างรีบบอกจ้าวเฟยเมื่อเข้าไปในร้านผู้จัดการร้านพาพนักงานต้อนรับมารออีกสองคน ก่อนที่เขาจะเดินนำทางให้กับหวังจุนเหยาและคนอื่น ๆ ไปยังโต๊ะด้าน
วันนี้ไป๋เหลียนไม่ได้ให้บอดี้การ์ดตามมาด้วย เธอไม่ชอบคนเดินตามจนไม่เป็นส่วนตัวนัก เธออยากเล่าให้เพื่อนฟังเรื่องการมีสามีว่ามันดียังไง เผื่อว่าสาวโสดอย่างเพื่อนทั้งสองของเธอจะอยากมีแฟนสักคนบ้าง พวกเธอจะได้มีเรื่องเล่าสู่กันฟังมากขึ้นนอกจากเรื่องเรียนที่น่าเบื่อ“นี่ ฉันบอกเรื่องที่พวกเธอจะไปอ่านหนังสือด้วยกันที่บ้านให้คุณย่ากับสามีฉันฟังแล้วนะ พวกเขาบอกว่ายินดีต้อนรับพวกเธอล่ะ ฮิ ฮิ”“ว้าว พวกเขาใจดีกับเธอมากเลยนะไป๋เหลียน”“นั่นน่ะสิ หายากนะที่ครอบครัวฝ่ายสามีจะใจดีแบบนี้น่ะ”“ใช่แล้ว พวกเขาดีกับฉันมากเลยล่ะ คุณย่ายังบอกว่าจะให้คนเตรียมขนมเอาไว้ให้พวกเธอกินด้วย”ทั้งสามคุยกันเสียงเจื้อยแจ้วโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองพวกเธอยังไง จนทั้งสามคนไปหาที่นั่งในห้องเสร็จก่อนเวลาเริ่มเรียน 15 นาที พวกเธอยังคงคุยกันอย่างสนุกสนาน แตกต่างจากนักศึกษาคนอื่น ๆ ที่ไม่กล้าเอ่ยปากแขวะกลุ่มของไป๋เหลียน
รุ่งเช้าวันต่อมา ไป๋เหลียนตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น เธอเดินลมปราณปรับร่างกายที่เหนื่อยล้าจากกิจกรรมเข้าจังหวะเมื่อคืนกับสามีคนดีจึงไม่มีผลกระทบกับร่างกายที่กำลังตั้งครรภ์ของเธอ แตกต่างจากหวังจุนเหยาที่ถูกภรรยาเคี่ยวกรำมาเสียครึ่งค่อนคืน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ตื่นขึ้นมาจากความเหนื่อยล้าเลยไป๋เหลียนกลัวว่าคุณย่าจะรอทานอาหารเช้า เธอรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อเตรียมไปเรียนในวันนี้ ก่อนจะออกมาปลุกสามีขี้เซาที่ไม่ยอมลุกขึ้นมาอาบน้ำเสียทีอย่างหมั่นไส้“สามี~ ตื่นได้แล้วค่ะ คุณย่ารอทานข้าวเช้าอยู่นะคะ ฉันมีเรียนตอนเช้าด้วยวันนี้”“อืม… ภรรยา ผมยังง่วงอยู่เลย ขอจูบหวาน ๆ สักทีก่อนได้ไหมครับ หืม…”เพี๊ยะ!!! โอ้ย!!“ฮือ… ภรรยาใจร้าย ปลุกกันดี ๆ ก็ได้นี่นา จุ๊บ” หวังจุนเหยายังแอบจุ๊บแก้มไป๋เหลียนก่อนจะรีบลุกจากที่นอนไปอาบน้ำตามคำสั่งภรรยาไป๋เหลียนได
หลังจากกินอาหารเย็นกันเสร็จแล้ว ไป๋เหลียนก็ง่วงนอนอีกแล้ว อาจเพราะเธอใช้พลังปราณมากเกินไปในวันนี้ ทำให้ง่วงเร็วกว่าปกติ หวังจุนเหยาที่ยังมีงานกองอยู่ไม่น้อยได้แต่พาไป๋เหลียนเข้าไปนอนพักในห้องด้านใน ก่อนที่เขาจะออกมานั่งทำงานจนลืมเวลา“เอ่อ… เจ้านายครับ ตอนนี้สี่ทุ่มแล้วนะครับ เจ้านายไม่พานายหญิงน้อยกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเหรอครับ เหลืองานอีกนิดหน่อย พรุ่งนี้เจ้านายค่อยมาทำต่อก็ได้นะครับ” หลินซินรีบเตือนหวังจุนเหยาที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่จนลืมเวลา“ห๊ะ! สี่ทุ่มแล้วเหรอ?” หวังจุนเหยาเงยหน้าขึ้นมองหลินซินอย่างต้องการคำตอบ“ใช่ครับ เจ้านาย” หลินซินตอบอย่างระอา“เฮ้อ… ขอบใจที่เตือนฉันนะ ฉันลืมไปว่าไป๋เหลียนนอนรออยู่ในห้อง”หวังจุนเหยารีบเก็บเอกสารส่งให้หลินซินก่อนที่จะลุกจากเก้าอี้เดินกลับเข้าไปในห้องด้านในเพื่อปลุกภรรยาตัวน้อย“อื้อ&h
“เย่ปิง โทรบอกหลินซินให้พาคนมาจัดการเธอซะ อย่าให้ฉันเห็นหน้าเธอที่ร้านนี้อีก เรื่องอื่นฉันจะคุยกับสามีเอง”เสียงเย็นชาของไป๋เหลียนทำเอาเย่ปิงรีบหยิบโทรศัพท์ออกมาทั้งที่มือยังสั่นอยู่ด้วยความหวาดกลัว เขาพูดเสียงสั่นตามคำสั่งของไป๋เหลียนโดยไม่รู้ตัว กระทั่งไป๋เหลียนเดินผ่านเขาไปแล้วเข้าไปนั่งบนรถด้านหลังที่ตอนนี้เหอเปียวเป็นคนเดินไปปิดประตูแทนเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ กว่าที่เขาจะตั้งสติได้ ก็ตอนที่ได้ยินเสียงแตรที่เหอเปียวกดเรียกหลังจากเขาวางสายจากหลินซินแล้วนั่นเองไป๋เหลียนไม่สนใจว่าเย่ปิงตอนนี้จะรู้สึกอย่างไรกับเธอ ถ้าเธอยังเห็นยัยผู้จัดการนี่อีกครั้งที่ร้านนี้ล่ะก็ เธอจะอาละวาดจนร้านสามีพังไปเลย คอยดูสิ! คิดจะมายุ่งกับสามีเธอเหรอ? ชาติหน้าตอนบ่าย ๆ เถอะ!!!ด้วยรังสีอำมหิตที่ไป๋เหลียนเผลอปล่อยออกมา ทำเอาเย่ปิงกับเหอเปียวเหงื่อแตกเต็มแผ่นหลังด้วยความหวาดกลัวไปหมด กว่าที่พวกเขาจะหายหวาดกลัวก็เป็นตอนที่ขับรถเข้าไปยังตึกบริษัทแล้วนั่นแหละ เพราะไป๋เหลียนเริ่มมีรอยยิ้มบ
ผู้จัดการร้านหันไปพบกับเย่ปิงเดินมาพร้อมไป๋เหลียนพอดี เธอขมวดคิ้วมุ่นอย่างไม่แน่ใจว่าทำไมบอดี้การ์ดของท่านประธานถึงได้มากับผู้หญิงแปลกหน้าได้“เย่ปิง คุณพาใครมาที่ร้านน่ะ ถ้าท่านประธานรู้เข้าว่าคุณพาผู้หญิงมากินฟรี คุณก็รู้ว่าจะถูกลงโทษยังไง” เสี่ยวชิงเหอมองไป๋เหลียนอย่างไม่พอใจนัก เธอคิดว่าไป๋เหลียนเป็นแฟนของเย่ปิงและเขาอาจพาเธอมาอวดว่าสามารถเข้าร้านอาหารระดับนี้ได้ไป๋เหลียนที่ได้ยินเข้าก็เปลี่ยนสีหน้าจากอ่อนโยนเป็นเย็นชาในทันที เธอมองหญิงสาวที่เย่ปิงบอกว่าเป็นผู้จัดการร้านตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะปล่อยพลังปราณกดดันจนเสี่ยวชิงเหอเหงื่อตก“คุณพูดบ้าอะไรของคุณกัน! นี่ภรรยาท่านประธาน ผมพามาซื้ออาหารชุดไปให้ท่านประธานก่อนเข้าบริษัท คุณรีบขอโทษนายหญิงน้อยเดี๋ยวนี้เลยนะ ไม่อย่างนั้นตำแหน่งของคุณอาจถูกเปลี่ยนมือได้” เย่ปิงตวาดว่าอย่างอดไม่ได้ เขาพอจะรู้อยู่ว่าผู้หญิงคนนี้ใฝ่สูงขนาดไหน เพียงแต่ท่านประธานไม่เคยชายตามองเธอเท่านั้น พวกเขาจึงไม่ได้ลงมืออะไร