สองเดือนต่อมา
วันนี้จวนเสนาบดีหวังกำลังจัดงานมงคลอีกครั้งหลังจากผ่านพ้นเรื่องราวมาได้ถึงสองเดือน โดยครั้งนี้ผู้ที่กำลังจะแต่งเข้ามาเป็นฮูหยินน้อยนั้นเป็นเพียงบุตรีขุนนางขั้นห้าเท่านั้น เนื่องจากไม่มีสตรีใดกล้าแต่งงานกับหวังฮัวโต๋อีก เพียงแต่สตรีนางนี้เป็นบุตรีของอนุที่ถูกคนในจวนรังเกียจ พวกเขาจึงขับไสไล่ส่งนางมาเป็นฮูหยินน้อยที่จวนเสนาบดีหวัง หากโชคดีนางไม่ตาย พวกเขาก็ยังพอจะได้พึ่งใบบุญจากจวนเสนาบดีหวังอยู่บ้าง
เสิ่นหลิงที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมากได้แต่เจ็บแค้นใจอย่างที่สุด จนบ่าวคนสนิทของนางที่รู้ดีถึงอารมณ์เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายของนางไม่กล้าเข้าใกล้
“ฮึ! ในเมื่อท่านพ่อ ท่านแม่ไม่คิดจะไว้หน้าข้าที่กำลังท้องทายาทของพวกเขาอยู่ เราก็มาดูกันว่าฮูหยินน้อยคนใหม่นี้จะมีชีวิตรอดอยู่ในจวนได้กี่วันกัน” เสิ่นหลิงสบทออกมาอย่างอดไม่ได้ ตอนนี้นางไม่กลัวแล้วว่าใครจะได้ยินเข้า เพราะบ่าวของนางเฝ้าอยู่นอกเรือนเป็นอย่างดี ไม่มีใครเข้ามาวุ่นวายกับนางตอนกำลังท้องอยู่ รวมถึงสามีของนางด้วยที่ไม่ยอมมาพบหน้านางตั้งแต่นางบอกว่าตั้งครรภ์แล้ว
เสียดายที่วันนี้นางไม่อาจทำเหมือนคราวก่อนได้ เพราะวันนี้บ่าวไพร่ต่างคอยดูแลงานแต่งงานครั้งนี้อย่างเข้มงวดกว่าครั้งก่อน ทำให้นางที่กำลังท้องโตไม่สามารถออกไปนอกเรือนจนคนอื่นสังเกตเห็นได้ ถึงแม้นางจะเจ็บใจมากแค่ไหน แต่เสิ่นหลิงก็ไม่ใช่คนผลีผลามเช่นกัน
หลังผ่านงานแต่งงานไปได้เพียงไม่ถึงสามวัน จู่ ๆ ที่จวนเสนาบดีก็จับได้ว่าเสิ่นหลิงแอบวางยาพิษฮูหยินน้อยคนใหม่ นี่ต้องขอบคุณคนของแม่ทัพหม่าที่แอบดูว่าเสิ่นหลิงทำสิ่งใดบ้าง จนสามารถพิสูจน์ได้ว่านางกำลังวางยาในอาหารของฮูหยินน้อยที่เพิ่งแต่งงานเข้ามาได้ไม่ถึงสามวัน
เสนาบดีหวังพอทราบเรื่องก็ให้บ่าวลากตัวเสิ่นหลิงมายังโถงลงทัณฑ์ เพื่อสอบสวนเรื่องราวที่ผ่านมา ส่วนยาพิษนั้น เขาเรียกหมอมาตรวจสอบก่อนแล้วและพบว่าเป็นพิษชนิดเดียวกับที่ใช้วางยาหม่าหลันเมื่อหลายเดือนก่อน
“เจ้าเป็นคนวางยาคุณหนูหม่าใช่หรือไม่ ตอบ!!!” เสนาบดีหวังถามอย่างโกรธจัด
“ฮือ… ข้าเปล่านะเจ้าคะท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่ ช่วยข้าด้วยเจ้าค่ะ ข้าถูกใส่ร้าย” เสิ่นหลิงพยายามใช้น้ำตาของนางให้เป็นประโยชน์ แต่น่าเสียดายที่พยานและหลักฐานนั้นไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ฮูหยินใหญ่และหวังฮัวโต๋ได้แต่ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง ทั้งที่พวกเขากำลังจะมีทายาทแท้ ๆ พวกเขาไม่นึกว่านางจะโหดร้ายถึงเพียงนี้จริง ๆ
“ฮึ! พยาน หลักฐานที่คนของแม่ทัพหม่านำมา ล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับเจ้า อีกทั้งหมอที่จ่ายยาพิษนี้ให้เจ้ายังรับสารภาพแล้วว่าเจ้าซื้อยานี้มาตั้งแต่เมื่อสามเดือนก่อน เจ้ายังไม่ยอมรับความผิดที่สังหารคุณหนูหม่าอีกหรือ?”
“ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ฮือ…” เสิ่นหลิงยังคงปากแข็งต่อไป
“เจ้าไม่ต้องปฏิเสธ เรื่องนี้ข้ามีพยานและหลักฐานครบถ้วน รอแค่เจ้าคลอดเด็กออกมาเสียก่อน ข้าจะส่งเจ้าไปลงโทษตามกฎหมาย และจะได้ให้คำตอบกับแม่ทัพหม่าได้เสียทีว่าเป็นเจ้าที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมกับบุตรสาวเขา ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะทนทุกข์ทรมานมากเพียงใดหลังจากนั้น ใครก็ได้ ลากตัวนางไปขังเอาไว้ที่เรือน รอจนกว่านางจะคลอดออกมา ค่อยส่งนางไปยังศาลอาญา ข้าจะตัดสินโทษนางเอง”
“ขอรับ นายท่าน” บ่าวชายสองคนรีบเข้ามาลากตัวเสิ่นหลิงที่ร้องโวยวายออกไป
“พ่อบ้าน ส่งคนไปแจ้งข่าวแม่ทัพหม่า ข้าจะเขียนฎีกาแล้วจะเข้าวังหลวงไปรายงานฝ่าบาทเสียก่อน รอจนกว่านางจะคลอด ข้าจะคืนความยุติธรรมให้กับครอบครัวแม่ทัพหม่าให้ได้”
เสนาบดีหวังเข้าวังในเวลาต่อมา ฮ่องเต้เห็นด้วยกับความคิดของเสนาบดีหวังที่ยังไม่ลงโทษเสิ่นหลิง เพราะเด็กที่อยู่ในท้องนั้นไม่รู้เรื่องด้วย พระองค์จึงอนุญาตให้เสนาบดีหวังรอจนกว่านางจะคลอดค่อยลงโทษ
ส่วนที่จวนแม่ทัพหม่านั้น เขาได้รับรายงานจากคนของเขาก่อนหน้าแล้ว พอคนจากจวนเสนาบดีหวังมาถึง เขาจึงรับฟังเรื่องราวอีกครั้งเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วหากเขาต้องการแก้แค้นให้บุตรสาว เขายังคงต้องรอจนกว่านางจะคลอดเด็กออกมา อย่างน้อยเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายถึงขนาดทำร้ายเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่
หลังคนของเสนาบดีหวังจากไป ฮูหยินหม่ากับหม่าเหว่ยต่างร้องไห้ออกมาอย่างสุดจะกลั้น ในที่สุดพวกเขาก็รู้ตัวคนร้ายที่ฆ่าหม่าหลันกันเสียที หลังจากที่ต้องอดทนรอมาเป็นเวลาหลายเดือน นับว่าสวรรค์ยังเมตตาตระกูลหม่า ไม่ให้สูญเสียคนสำคัญไปอย่างจับมือใครดมไม่ได้
สี่เดือนต่อมา
จวนเสนาบดีหวังวุ่นวายเพราะเสิ่นหลิงปวดท้องคลอดลูกในวันนี้พอดี หมอตำแยที่ได้รับการว่าจ้างรีบเข้ามาทำคลอดให้กับนางโดยไม่รู้ว่าหลังคลอดแล้วนางจะต้องไปรับโทษทัณฑ์ที่ก่อเอาไว้ อีกทั้งตอนนี้ฮูหยินน้อยที่แต่งเข้าจวนเมื่อสี่เดือนก่อนนั้นก็กำลังตั้งครรภ์ได้สามเดือนแล้วเช่นกัน
กว่าที่เสิ่นหลิงจะคลอดออกมาได้ก็ใช้เวลาเกือบสองชั่วยาม ปรากฏว่านางคลอดบุตรชายออกมาให้กับจวนเสนาบดี แต่เมื่อนางอยากขออุ้มลูกกลับถูกบ่าวแย่งไปส่งให้กับฮูหยินใหญ่เป็นคนอบรมสั่งสอนแทนนางที่จะต้องไปรับโทษต่อ
“ฮือ… ขอข้าอุ้มลูกสักครั้งไม่ได้หรือเจ้าคะท่านแม่”
“ฮึ! ข้าไม่ใช่แม่ของเจ้า ลูกของข้าไม่มีใครใจร้ายเหมือนเจ้าเสิ่นหลิง หลังจากนี้เจ้าจงเตรียมตัวรับโทษตามที่เจ้ากระทำเถิด” ฮูหยินใหญ่เดินหันหลังจากไปโดยไม่สนใจเสียงร่ำร้องคร่ำครวญของเสิ่นหลิงเลยแม้แต่น้อย
หมอตำแยทำความสะอาดบาดแผลให้เสิ่นหลิงเสร็จ บ่าวชายก็พากันเข้ามาพาตัวนางไปยังศาลอาญาเพื่อตัดสินโทษทันทีโดยไม่ยอมให้นางได้พักแม้สักนิด
เสนาบดีหวัง แม่ทัพหม่าและครอบครัว ต่างรอกันอยู่ที่ศาลอาญาเพื่อดูว่าหน้าตาคนร้ายที่ฆ่าหม่าหลันนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ พวกเขาไม่เคยพบหน้านางมาก่อนจนกระทั่งวันนี้ที่กำลังจะได้เห็นหน้านางที่ใจร้ายใจดำทำร้ายคนที่พวกเขารักได้ลงคอเช่นนี้
ไม่นานนักบ่าวชายที่พาตัวเสิ่นหลิงมาถึงศาลอาญาก็โยนนางไปคุกเข่าต่อหน้าบัลลังก์ของเสนาบดีหวัง
“เรียนนายท่าน เสิ่นหลิงคลอดบุตรชายออกมาแล้วขอรับ พวกเราจึงนำนางมายังที่นี่ตามคำสั่งขอรับ”
“อืม… พวกเจ้าถอยไปรอคำสั่งด้านข้าง รอข้าตัดสินโทษนางเสร็จเสียก่อน แล้วค่อยว่ากันทีหลังเรื่องเด็กคนนั้น”
“ขอรับ นายท่าน”
แม่ทัพหม่า ฮูหยินหม่าและหม่าเหว่ยต่างมองสตรีผมเผ้ารุงรัง แถมยังมีเลือดไหลออกมาตามหว่างขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ พวกเขาเห็นนางดูอ่อนแอและร้องไห้อยู่ตลอดเวลาก็นึกเวทนานัก เพียงแต่หน้าตาอันใสซื่อของนางนั้นกลับแฝงไปด้วยความโหดเหี้ยมอำมหิต ถึงขนาดกล้าวางยาคนในครอบครัวที่พวกเขารัก จึงทำให้ทั้งสามคนได้แต่กัดฟันทนรอว่านางจะพูดอย่างไรต่อหน้าศาลแห่งนี้
“เสิ่นหลิง ตอนนี้ถึงเวลาที่เจ้าจะต้องรับโทษทัณฑ์แล้ว ก่อนจะรับโทษ เจ้ายังมีสิ่งใดจะกล่าวอีกหรือไม่”
“ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ทำจริง ๆ นะเจ้าคะ ขอท่านพ่อโปรดเมตตาที่ข้าคลอดหลานชายให้ท่าน ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเพื่อเลี้ยงดูบุตรต่อไปด้วยเจ้าค่ะ ฮือ…”
ปัง!!!
หวังจุนเหยาเห็นเลือดหวังเหลียนออกเยอะก็ยิ่งกังวล เขาจูบหน้าผากเธอเพื่อให้กำลังใจ ก่อนที่จะเอ่ยปลอบไปตามทาง“ที่รัก อดทนหน่อยนะครับ อีกไม่นานก็ถึง รพ. แล้ว”“อืม… ฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่ง่วงนอน”“คุณอย่านอนนะที่รัก อย่าทำให้ผมเป็นห่วงสิ”หวังจุนเหยาคอยคุยกับหวังเหลียนเพื่อไม่ให้เธอหลับ เขากลัวว่าบาดแผลจะร้ายแรงจนเธอทนไม่ไหว แถมตอนนี้เธอยังกำลังตั้งท้องอยู่ด้วย ความกังวลของเขาจึงยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัวที่ รพ.S หมอกับพยาบาลเตรียมพร้อมรับคนไข้ฉุกเฉินที่คนของหวังจุนเหยาโทรบอกล่วงหน้าอยู่ก่อนแล้ว เมื่อรถของหวังจุนเหยาหยุดนิ่ง เขาก็อุ้มหวังเหลียนขึ้นเตียงที่พยาบาลกับหมอรออยู่ทันทีหวังจุนเหยาวิ่งตามเตียงของหวังเหลียนไปด้านหลัง ก่อนที่จะถูกกันไม่ให้เข้าไปในห้องผ่าตัด หวังเหลียนเห็นสายตาเป็นห่วงของสามีก็ได้แต่ถอนหายใจ ความจริงเธอคิดว่าตัวเองไม่น่าจะเป
เมื่อไปถึงสวนสนุกขนาดใหญ่ของเมืองหลวงแล้ว ทั้งห้าคนก็ซื้อบัตรรวมเครื่องเล่นเพื่อความสะดวก พวกเขาต่างเล่นเครื่องเล่นไล่ไปทีละอย่างอย่างสนุกสนาน ถึงแม้หวังเหลียนจะไม่มีสามีมาด้วย แต่เพราะความแปลกใหม่ของสวนสนุกในภพชาตินี้ ทำให้เธอลืมแม้กระทั่งสามีตัวเองไปเลยนักฆ่ายังคงติดตามกลุ่มของหวังเหลียนอยู่ห่าง ๆ พวกเขากระจายกำลังกันเพื่อหาจังหวะที่หวังเหลียนอยู่คนเดียว แต่น่าเสียดายที่แม้กระทั่งการไปห้องน้ำ เพื่อนทั้งสองของเธอก็ตามไปด้วยพร้อมบอดี้การ์ด ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสลงมือเสียทีทั้งห้าคนยังคงเที่ยวสวนสนุกกันจนกระทั่งถึงช่วงเย็น ก่อนที่หวังจุนเหยาที่ทนคิดถึงภรรยาไม่ไหวจะโทรไปตามเธอให้กลับบ้าน หวังเหลียนซึ่งเล่นสนุกมาตลอดทั้งวันเริ่มเหนื่อยแล้วเหมือนกัน เธอจึงชวนทุกคนกลับก่อนที่จะค่ำไปมากกว่านี้เหล่านักฆ่าเห็นว่าพวกเขากำลังจะเดินทางกลับจึงติดตามไปห่าง ๆ หวังเหลียนที่ง่วงนอนหลังจากกินอาหารเย็นพร้อมเพื่อน ๆ หลับไประหว่างทางไปส่งจางเหยากับหลี่ซิน ทั้งสองรู้ว่าเพื่อนกำลังท้องอยู่จึงไม่อยากป
เมื่อตระกูลหวังทั้งสามเดินเข้าไปในงานเลี้ยง เหล่านักธุรกิจไม่เว้นแม้แต่สาวๆ ต่างมองที่หวังจุนเหยาผู้หล่อเหลาและร่ำรวยเป็นตาเดียวกัน ยิ่งกับไป่หลิงที่เคยเจอเขามานานมากแล้ว เธอยังคงหลงใหลในตัวของหวังจุนเหยาเช่นเดิม หญิงสาวในงานต่างอิจฉาหวังเหลียนที่เดินคล้องแขนหวังจุนเหยาเข้ามาพร้อมรอยยิ้มบาง ส่วนหนุ่ม ๆ บางคนที่เพิ่งเคยเห็นหวังเหลียนนั้นก็ตกตะลึงกับความน่ารักสดใสของเธอซึ่งแตกต่างกับคุณหนูตระกูลใหญ่พวกนั้นราวฟ้ากับเหวหวังซูหุย หวังจุนเหยาและหวังเหลียนไม่ได้สนใจสายตาของคนเหล่านั้น ทั้งสามเดินไปยังกลุ่มที่ตระกูลเกากับตระกูลโอวหยางกำลังยืนคุยกันอยู่อย่างออกรสกลุ่มของไป่หลิง ม่านถิงและซือฉีซึ่งยืนรวมกลุ่มกับคุณหนูตระกูลอื่นต่างก็พูดถึงความโชคดีของหวังเหลียนที่ได้แต่งงานกับหวังจุนเหยา“น่าอิจฉาชะมัด คุณชายหวังทั้งหล่อ ทั้งรวยแบบนี้ ผู้หญิงคนนั้นคงสบายไปทั้งชาติ”“เฮอะ คนอย่างคุณชายหวังน่ะ ทั้งที่มีสิทธิเลือกคุณหนูตระกูลใหญ่อย่างพวกเรากลับไม
“จริงเหรอครับหมอ?” หวังจุนเหยาแทบไม่อยากเชื่อว่าจะได้ลูกแฝด“จริงครับ ท่านประธาน รอเดือนหน้าเราค่อยอัลตร้าซาวด์ดูเด็ก ๆ กันครับ”หวังเหลียนก้มลงมองท้องน้อย ๆ ของตัวเอง ครั้งก่อนเจ้าอ้วนน้อยก็ตัวใหญ่จนคลอดยากแล้ว ครั้งนี้เธอถึงกับท้องลูกแฝด หวังเหลียนไม่อยากจะคิดเลยว่าวันคลอดเธอจะเป็นยังไง“ที่รัก ขอบคุณมากนะครับที่ท้องลูกของเราถึงสองคน จุ๊บ” หวังจุนเหยาจูบขมับ“อื้อ คุณคะ อายหมอบ้างเถอะน่า” หวังเหลียนเขินที่อยู่ ๆ สามีก็มาจูบ“อายทำไมล่ะครับ คนกันเองทั้งนั้น หมอไม่เห็นอะไรใช่ไหม?”“ไม่เห็นอะไรเลยครับ ท่านประธาน” หมอยิ้มแป้นตอบหวังเหลียนได้แต่หน้าแดงก่ำอย่างเขิน ๆ เธอทุบไหล่สามีไปหนึ่งตุ้บ ทำเอาหวังจุนเหยาถึงกับร้องซี๊ดเสียงหลง ภรรยาเขาลืมออมแรงอีกแล้วหลังจากคุยเรื่องการด
ป้าหลางสังเกตอาการของหวังเหลียนไม่นานก็ยิ้มกว้างออกมา เธอรีบไปเปลี่ยนอาหารใหม่เป็นข้าวต้มปลามาให้หวังเหลียนแทน กว่าที่หวังเหลียนจะออกมาจากห้องน้ำได้ เธอก็อ้วกจนแทบจะหมดแรง“ที่รัก คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า? ผมว่าเราไป รพ. เลยดีไหม?”“ไม่เป็นอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันดีขึ้นแล้ว น่าจะเพราะกลิ่นอาหารเลยทำให้เป็นแบบนี้”“อ่า ถ้าอย่างนั้นคุณอยากกินอะไร? ผมจะให้ป้าหลางทำใหม่ให้”“เราไปดูที่โต๊ะกันอีกรอบก่อนเถอะนะคะ ฉันเกรงใจป้าหลางน่ะ”“ตกลงครับ ถ้าอาหารจานไหนคุณไม่ชอบก็บอกนะครับ”หวังจุนเหยาพยุงหวังเหลียนไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม ก่อนที่หวังเหลียนจะก้มไปดมกลิ่นอาหารแต่ละจานอย่างตั้งใจ ครั้งนี้เธอกลั้นความพะอืดพะอมเอาไว้แล้วชี้ไปที่จานอาหารซึ่งมีแต่เมนูผัดน้ำมันทั้งนั้น“ป้าหลางครับ รบกวนเอาจานอาหารพวกนี้ออกหน่อยนะครับ&rdquo
หวังเหลียนกับคนของตระกูลหม่าที่ติดตามมา พาจ้าวหลงจาง ภรรยาและลูกเดินทางถึงชายแดนตะวันตกในเวลาเกือบครึ่งเดือน นั่นเพราะมีเด็กและผู้หญิงที่ไม่มีวรยุทธ์ติดตามมา ทำให้การเดินทางต้องพักอยู่บ่อยครั้งระหว่างการเดินทาง ภรรยาของจ้าวหลงจางคอยพูดคุยสอบถามวิธีการเลี้ยงลูกกับหวังเหลียนจนทั้งสองเริ่มสนิทสนมกัน หวังเหลียนสั่งคนให้โทรแจ้งหลินซินให้เธอเพื่อที่เขาจะได้เตรียมเอกสารและส่งครอบครัวของจ้าวหลงจางไปยังประเทศ S อย่างปลอดภัยตามที่เธอได้ให้สัญญาเอาไว้คนของหม่าเฉียงเจ๋อที่ได้รับคำสั่งให้รอรับคุณหนูต่างรอกันอยู่ที่ตีนเขาหลายวันแล้ว เมื่อเห็นขบวนของหวังเหลียนมาถึง พวกเขาต่างรีบนำน้ำและอาหารไปให้ทุกคนกินเสียก่อน ด้วยทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้ลำบากไม่น้อยหวังเหลียนไม่ปฏิเสธความหวังดีเหล่านี้ เธอปล่อยให้ทุกคนพักผ่อนและทานอาหารได้ตามสบาย คนทั้งหมดใช้เวลาไม่นานก่อนที่จะออกเดินทางไปโดยรถตู้หลายคันที่หม่าเฉียงเจ๋อให้คนเตรียมเอาไว้ให้เพื่อไปยังสนามบิน ตอนนี้หลินซินส่งเครื่องบินเจ็ทและผู้ช่วยของ