เว่ยซิ่วอิงหยิบผ้าคลุมผืนใหญ่ที่พ่อแม่ซ่อนไว้ให้เธอใช้ในยามฤดูหนาวเพื่อนำมาห่มคลุมกายไม่ให้ใครเห็น เธอเดินเนียน ๆ ไม่ได้ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ แม้จะสวมผ้าคลุมกันแดดไว้ก็ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าใครที่เดินผ่านไป
จนกระทั่งมาถึงจุดขึ้นรถหรือเกวียน มีรถเข้าเมืองแค่วันละสองเที่ยวไปและกลับซึ่งไม่ทันแล้ว แต่เกวียนจากหมู่บ้านใกล้ ๆ ขับอยู่ทั้งวันรอไม่นานก็มาถึง
“ไปเมืองค่ะลุง”
“สามเฟิน” คนขับเกวียนเหลือบมองแล้วบอกราคาเมื่อเห็นว่าเป็นเพียงเด็กสาวตัวน้อย
เม่ยซิ่วอิงคนเดิมไม่กล้าแอบเก็บเงินมีหรือจะมีเงินจ่าย โชคยังดีที่พ่อมอบเงินให้เป็นของขวัญอยู่ไม่กี่เฟินในช่วงหลายปี และเว่ยซิ่วอิงก็ยืมมาใช้ทั้งหมด
แม้จะมีคุณค่าทางจิตใจจนอยากเก็บเอาไว้ แต่ความเป็นอยู่ของบ้านขึ้นอยู่กับการเดินทางครั้งนี้ ถึงอย่างไรก็ต้องจ่ายไปก่อน
ซิ่วอิงขอโทษผีเจ้าของร่างเดิมอยู่ในใจ
นั่งเกวียนไม่นานก็มาถึงเมือง แต่กระโดดลงจากเกวียนก็เซแทบล้ม ก้นก็เหน็บกิน อีกทั้งยังวิงเวียนกลิ่นข้าวของผสมกลิ่นเหงื่อชาวบ้านบนเกวียนอีกด้วย
“ไหวไหมเนี่ยนังอิงอิง” ป้าที่นั่งข้าง ๆ มาตลอดเอ่ยถาม
“ไหวค่ะ ขอบคุณป้า”
“ไหวก็ดีแล้ว” เห็นเด็กสาวสบายดีแกก็เดินจากไป ไม่ได้รั้งรออีก
เว่ยซิ่วอิงมองหน้าคนใจดีจดจำไว้ในใจ ก่อนจะเดินเข้าเมืองมุ่งหน้าไปยังตลาดมืดโดยปิดหน้าปิดตาเอาไว้
กว่าจะเดินมาถึงตลาดมืดต้องผ่านร้านอาหารมากมาย มีทั้งหมั่นโถว ซาลาเปา บะหมี่ อาหารมากมายส่งกลิ่นหอมยั่วยวน ราวกับต้องฝ่าด่านอันแสนอันตรายเพื่อหักห้ามใจไม่แวะแล้วมุ่งตรงไปยังเป้าหมาย
เว่ยซิ่วอิงแทบเป็นลมเมื่อมาต่อแถวเข้าตลาดมืด เพราะไม่ได้กินของอร่อยนานแล้วร่างกายจึงประท้วงขึ้นมา ช่วยไม่ได้ร่างนี้ช่างน่าสงสารจริง ๆ แทบไม่เคยลิ้มรสของอร่อยเลยด้วยซ้ำ
“รหัส!” เสียงเข้มของคนเฝ้าดังขึ้น ทำให้ซิ่วอิงได้สติ รีบกล่าวรหัสออกมาทันทีตามคนหน้า
“เข้าไปได้ ระวังตัวเอาเอง เกิดอะไรขึ้นเราไม่รับผิดชอบ” นี่เป็นกฎของตลาดมืดอยู่แล้ว หญิงสาวเพียงพยักหน้ารับ
จากนั้นก็เริ่มเดินดูตลาดไม่ได้รีบร้อนเอาของออกมาขาย เห็นมีคนเอาครีมของสหกรณ์ออกมาขายเป็นครีมทาหน้าขาวตลับเล็ก ขายอยู่สิบหยวน มีอยู่สิบตลับเท่านั้น
ทีแรกก็มีคนมุงแล้วยืนลังเลไม่กล้าซื้อ แต่เมื่อมีคนหนึ่งซื้อ คนต่อไปก็เริ่มซื้อเพราะกลัวว่าของจะหมด และสุดท้ายมันก็หมดจริง ๆ ขณะที่หลายคนมีท่าทางเสียดายที่ไม่ได้ของ
ซิ่วอิงเห็นอย่างนั้นก็ตาเป็นประกาย ถือโอกาสตอนที่ไม่มีใครสังเกตหยิบกล่องลังไม้แถวนั้นมาตั้งเป็นชั้น เปิดถุงสะพายออกมา นำครีมของตนออกมาวางเรียงไว้บนนั้น
“แม่อิงอิง ขายครีมทาหน้าขาวเหมือนกันหรือ ไม่เห็นเหมือนของทางการเลย”
“ก็นี่เป็นสูตรใหม่ ของบริษัทใหม่น่ะสิ” เว่ยซิ่วอิงหันไปตอบกลับคุณป้าคนนั้น
“โอ๊ย แล้วจะเชื่อถือได้หรือ ไม่ใช่ใช้แล้วหน้าพังหรอกนะ”
“เพราะอย่างนั้นฉันเลยมีให้ทุกคนทดลองก่อนนี่ไง เอา ๆ ใครอยากลองก็เข้ามาลอง ลองไปป้ายที่ข้อพับแขนดูก่อน รอสักพักถ้ายังไม่มีผื่น แสบร้อน หรือคันก็แปลว่าไม่แพ้ ใช้ได้”
เว่ยซิ่วอิงเอ่ยปากห้วน ๆ เหมือนคนในยุคนี้ ทำให้คนที่พลาดจากครีมของสหกรณ์เมื่อครู่เริ่มหันมาสนใจ
“ฮึ” เจ้าของร้านที่ขายครีมสหกรณ์ยังไม่จากไปไหน แต่เฝ้ารอดูความสนุกที่ด้านข้าง
เว่ยซิ่วอิงไม่ยอมแพ้ เมื่อเห็นคุณป้าคนนั้นจะจากไปก็เริ่มโฆษณาสรรพคุณ
“ครีมนี้ใช้แล้วหน้าขาวใสไร้สิว เนียนนุ่มขึ้นหลังใช้ในเจ็ดวันเลยนะ เหมาะกับทุกเพศทุกวัย ฉันยังมีให้ทดลองได้ ใครที่อยากลองทาหน้าก็ได้แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นฉันไม่รับประกันนะ”
ซิ่วอิงเห็นคนยังไม่สนใจก็เริ่มกังวล เลยหันไปคุยกับป้าคนแรกที่มาถาม
“คุณป้าลองใช้ทาที่แขนพับดูก่อนสิ ไม่ซื้อฉันไม่ว่า” ว่าแล้วก็ใช้ไม้ไผ่ควักครีมออกมาใส่มือของป้าคนนั้น นางเลยต้องทาครีมอย่างช่วยไม่ได้
สักพักก็เริ่มมีคนเข้ามาขอลองบ้าง แต่เพราะรอดูผลเลยจากไปเพื่อซื้อของที่ตนต้องการจริง ๆ ก่อน เว่ยซิ่วอิงจึงยังไม่ได้ลูกค้าสักคน
“เธอบอกว่าลองใช้กับหน้าได้ใช่ไหม” หญิงสาวคนหนึ่งถามขึ้น เดินเข้ามาใกล้แล้วยื่นมือให้
“ใช่แล้ว พี่สาวหน้ามีรอยสิวถ้าใช้อาจจะรู้สึกแสบ ๆ เย็น ๆ หน่อย แต่ไม่เป็นไร ถ้าแสบร้อนถึงจะเป็นอาการแพ้”
“ฉันรู้ เพราะฉันเคยแพ้ครีมปลอมที่คนคนนั้นขายยังไงล่ะ” ว่าแล้วหญิงสาวก็หันไปชี้ทางคนที่ขายครีมจากสหกรณ์เมื่อครู่
“จริงเหรอ!” หลายคนที่เฝ้ารอดูความสนุก คือลูกค้าที่เพิ่งซื้อครีมของคนนั้นไป
“จริงสิ ดูหน้าฉันสิ” ตอนแรกหญิงสาวคนนั้นสวมผ้าคลุมหน้าเลยดูไม่ออก แต่ตอนนี้เมื่อถอดผ้าคลุมหน้าออกก็เผยให้เห็นใบหน้าเป็นตุ่มเป็นรอยสิวจริง ๆ
“จับมันไว้!” สิ้นคำสั่งของเธอ ผู้ชายสองคนก็เข้าไปจับคนขายคนนั้นเอาไว้โดยที่เจ้าตัวไม่ทันได้หนีหรือร้องขอความเมตตาด้วยซ้ำ
คนที่ซื้อของแล้วรีบเอาของไปคืนแล้วมาขอลองของที่ร้านซิ่วอิงแทน ขณะที่หญิงสาวคนนั้นมองซิ่วอิงตาแข็ง
“แน่ใจนะว่าลองที่หน้าได้ ถ้าฉันแพ้ ชะตากรรมของเธอก็เหมือนคนนั้น”
ซิ่วอิงมองตามมือที่หญิงสาวชี้ และเห็นเพียงคนคนนั้นถูกชายสองคนกดลงกับพื้น หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ แต่ยังมั่นใจในสินค้าของตัวเอง
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าลองสร้างสูตรครีมหลายสูตร ไม่แน่ถ้าผูกมิตรกับคนแบบนี้ไว้อาจจะดี คิดแล้วก็หยิบเอาตัวยาที่ช่วยเรื่องแพ้สารในครีม และครีมที่ช่วยลดรอยสิว ลดสิวโดยตรงออกมาด้วย
“พี่สาวลองครีมนี้ก่อนได้เลย ไม่แพ้แน่นอน แล้วถ้าพี่สาวซื้อครีมนี้ฉันยินดีแถมสามตัวนี้ให้ไปทดลองใช้ฟรีด้วย ตัวนี้ช่วยลดอาการแพ้ของคุณ ส่วนนี่ช่วยเรื่องลดรอยสิวที่เป็นอยู่”
“ดี!” ผู้คนร้องเฮเช่นเดียวกับหญิงสาวคนนั้น เธอรับครีมที่ซิ่วอิงป้ายให้ไปลองทาที่คางก่อน เมื่อพบว่ามันไม่แสบร้อนจึงเริ่มทาทั่วหน้า
แม้หน้าจะไม่ขาวขึ้นทันทีแต่ก็รู้สึกสบายหน้าแตกต่างจากครีมก่อนหน้านี้ หญิงสาวมองซิ่วอิงอย่างขอบใจ ก่อนจะก้มลงมองของที่จะได้แถมมาอย่างคาดหวัง
“ฉันเอาสองตลับ ไม่สิ ห้าตลับไปเลย ขายยังไง”
“ตลับละ…สิบหยวน” ขนาดตลับพอ ๆ กับครีมของทางการแถมไม่ต้องใช้ตั๋ว “แต่ถ้ามีตั๋วมาแลกลดให้ได้ตามราคาตั๋วในตลาด” ซิ่วอิงกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ฉันเอา” หญิงสาวจ่ายเงินแล้วรีบรับของแถมทั้งสาม ถามวิธีใช้และขอการติดต่อไว้เรียบร้อย
แน่นอนว่าซิ่วอิงยังไม่ได้ให้แต่ขอการติดต่อของอีกฝ่ายแทน และเป็นอย่างที่คาดเอาไว้ ผู้หญิงคนนี้ถึงกับให้เบอร์โทรศัพท์ พร้อมบอกชื่อแซ่เรียบร้อย กล่าวว่าหากมีของใหม่ ๆ ก็สามารถโทร.ไปแนะนำได้
ซิ่วอิงขายครีมเพียงสี่สิบตลับ โดยเหลือจากที่ขายให้ผู้หญิงคนนั้น เพียงพอขายให้อีกห้าคนเท่านั้น ทำให้ผู้คนที่เดินซื้อของขณะรอดูอาการแพ้ต้องพลาดจนร้องโอดครวญด้วยความเสียดาย
หญิงสาวจึงนัดวันที่จะมาขายอีกครั้งเป็นเจ็ดวันหลังจากนี้ขอให้ทุกคนมารอได้ จากนั้นก็กลับบ้านไป เธอคิดจะนำเงินนี้ไปเก็บไว้เพื่อใช้เป็นต้นทุนสำหรับทำหลาย ๆ อย่าง
โดยเฉพาะแผนการหลักที่จะต้องหาทางนำครอบครัวสามคนของเว่ยซิ่วอิงออกจากบ้านสกุลเว่ยให้ได้
ซิ่วอิงเก็บเงินไว้ในมิติไม่ต้องกลัวว่าจะโดนค้นเจอ จากนั้นก็นำเงินส่วนเล็ก ๆ สองสามหยวนมาซื้อพวกอาหารแห้ง เครื่องปรุงเล็ก ๆ น้อย ๆ รวมถึงอาหารต่าง ๆ เอาไว้ไปแบ่งพ่อแม่กินในตอนเย็น
ตอนพิเศษ 4 ตลอดไปชีวิตของซิ่วอิงตอนนี้มีความสุขมาก ความจริงเธอก็มีความสุขตลอดมาอยู่แล้ว แต่เมื่อคิดว่ามีเด็กตัวเล็ก ๆ กำลังอาศัยอยู่ภายในร่างกายตัวเองและเจริญเติบโตขึ้นทุกวัน มันเป็นความสุขที่แตกต่างออกไปจริง ๆ“อีกสิบวันก็จะได้เจอหน้ากันแล้วนะลูก” หญิงสาวใช้มือลูบหน้าท้องที่ใหญ่ไม่ต่างจากลูกแตงโมของตนเอง นี่ก็ใกล้คลอดเต็มทีแล้ว ทำให้เมื่อสามีออกไปทำงาน หลันถังกับเหม่ยฟางผู้เป็นแม่ก็จะแบ่งเวลามาอยู่เป็นเพื่อนเสมอถึงตอนนี้หลันเซียงฮั่นจะย้ายมาประจำการอยู่ใกล้ ๆ แต่เขายังคงต้องเดินทางไปทำงานต่างเมืองเมื่อได้รับมอบหมายภารกิจ และคราวนี้ก็เช่นกันในตอนแรกเซียงฮั่นไม่คิดจากภรรยาไปจนกว่าเธอจะคลอดลูกและปลอดภัย เขากลัวว่าซิ่วอิงจะหวาดกลัวหากตนเองไม่ได้อยู่เคียงข้างตอนคลอดลูก จึงคิดปฏิเสธภารกิจในครั้งนี้และขอลาหยุดสักเดือนแต่เป็นซิ่วอิงที่คะยั้นคะยอให้ชายหนุ่มไปทำงานเพราะเหลือเวลาอีกสองอาทิตย์ก่อนถึงกำหนดคลอด อย่างไรเขาก็กลับมาทันอยู่แล้วเธอจึงนั่งอยู่ในสวนสวยเฝ้ามองหน้าประตูเป็นระยะด้วยใจคิดถึงสามีบ้างเป็นบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะนึกคิดทำผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกมาเล่นเสียมากกว่า ไม่ได้อยู่บ้า
ตอนพิเศษ 3 ภรรยาท้องแล้ว“อิงอิง ลุกมากินของอร่อยเถอะลูก วันนี้แม่ของอิงอิงเอาอาหารอร่อยมาฝากแม่ไว้ตั้งเยอะ”“อิงอิงยังเพลีย ๆ อยู่เลยค่ะ สงสัยเพราะช่วงนี้ทำงานหนักเกินไป ขอนอนอีกหน่อยนะคะแม่” ซิ่วอิงบอกกับแม่สามีเนื่องจากสองบ้านปรองดองกันดีมาก ซิ่วอิงใช้เงินเพื่อซื้อบ้านที่อยู่ตรงข้ามให้กับพ่อแม่ ขณะที่ตนเองเลือกจะมาอยู่บ้านแม่สามีเวลาที่คุณพ่อสามีและหลันเซียงฮั่นที่เป็นสามีไปทำงานต่างจังหวัดพร้อมกันโดยมีบ้านของตัวเองที่ใช้อยู่กับสามีต่างหากอีกหลังหนึ่ง และใช้อยู่เมื่อสามีกลับมาหาเท่านั้น แต่ปกติแล้วซิ่วอิงจะสลับไปมาระหว่างบ้านพ่อแม่ตัวเองและพ่อแม่สามีเสียมากกว่าตอนนี้เธอก็มาอยู่บ้านหลัน เพราะทั้งคุณพ่อและสามีล้วนออกไปทำงาน ส่วนเซียงฮั่นนั้นจะกลับมาในวันพรุ่งนี้“อิงอิงไม่ต้องทนนะ ไปหาหมอเลยดีกว่า บ้านเราขาดเงินทองซะที่ไหนกัน หรือแม่ซื้อโรงพยาบาลไว้ให้ก็ได้” หลันถังยังคงใจป้ำเหมือนเดิม เมื่อได้ลูกสะใภ้คนนี้มาชีวิตเธอก็มีความสุขขึ้น จนรู้สึกรักเอ็นดูซิ่วอิงเหมือนเป็นลูกของตัวเองไปอีกคน เผลอ ๆ รักมากกว่าลูกตัวเองเสียอีก“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ อิงอิงไปหาหมอเฉย ๆ ดีกว่า” ซิ่วอิงยิ้มแหยให้
ตอนพิเศษ 2 สามีที่ดีแม้ว่าทุกอย่างจะดำเนินไปด้วยดี แต่อย่างไรในชีวิตก็ต้องมีบางสิ่งมากระทบกระทั่ง สุดท้ายแล้วซิ่วอิงและครอบครัวก็ยังเป็นมนุษย์ธรรมดาที่ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมมนุษย์ช่วงนี้ซิ่วอิงรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย หลังสามีกลับมาจากทำงานครั้งล่าสุด เธอได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงติดมาเพิ่งแต่งงานได้ไม่นาน เขาจะเบื่อเธอและหาเรื่องเข้าบ้านแล้วจริง ๆ อย่างนั้นเหรอ?มีหรือหลันเซียงฮั่นจะไม่รู้ว่าภรรยามีความกังวลอะไรบางอย่างในใจ เขาหันมองไปรอบตัวก่อนจะจับลูกน้องที่มีภรรยาแล้วมาสอบถาม“ภรรยาฉันเป็นอะไรไป” เซียงฮั่นเป็นผู้บัญชาการที่เก่งกาจ เขายังดูแลเอาใจใส่ภรรยาจนลูกน้องแอบเรียกลับหลังว่าสามีแห่งชาติ แต่เมื่อเกิดปัญหาขึ้นมาชายหนุ่มก็ยังเป็นเพียงคนที่เพิ่งเคยมีความรัก“คุณผู้หญิงมีท่าทางยังไงครับ”“ช่วงนี้ไม่ค่อยให้ฉันเข้าใกล้ เวลานอนก็หันหลังให้” เซียงฮั่นนึกถึงท่าทางของภรรยาแล้วก็ปวดใจ เขาไปทำอะไรให้เธอไม่พอใจหรือเปล่า แต่พอถามแล้วเธอก็บอกว่าเปล่าและฝืนยิ้ม เก็บเรื่องราวไว้ในใจคนเดียว คิดว่าเขามองไม่เห็นอย่างนั้นเหรอ“ถ้าอย่างนั้นนายท่านไปทำอะไรมาหรือเปล่าครับ” ทหารคนสนิทมองหน้าเจ้านายอายุน
ตอนพิเศษ 1 ชีวิตที่ใฝ่หามานานตอนนี้ชีวิตใหม่ของเว่ยซิ่วอิงลงตัวอย่างมาก ได้ก่อตั้งธุรกิจในยุคแรกเริ่ม อนาคตมีแต่จะรุ่งเรืองขึ้นเรื่อย ๆ แม้ไม่ต้องพึ่งพามิติร้านเครื่องสำอางก็ตามนอกจากนี้ยังมีสามีคอยเอาอกเอาใจ แม่สามีแสนดีที่ไม่มีการกดขี่ลูกสะใภ้เลยสักนิด ครอบครัวของเธอก็คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังเสมอซิ่วอิงคิดว่าแค่นี้เธอก็ประสบความสำเร็จมากแล้วในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ลำพังเกิดมามีแม่สามีดีอย่างหลันถัง ก็คงมีคนสงสัยว่าเธอทำบุญกู้ชาติมาในชาติก่อนแน่ ๆ ถึงได้มีชีวิตที่ดีขนาดนี้แค่ถึงอย่างไรคนเก่งก็มีปัญหาของคนเก่ง เพราะสามีต้องไปทำงานต่างเมืองบ่อย ๆ เธอเลยใช้เวลาว่างส่วนใหญ่ไปกับงานในร้านกระทั่งสามีกลับมาอยู่ด้วยกันแล้ว เธอก็ยังวุ่นวายอยู่กับร้านค้าโชคดีที่เซียงฮั่นเข้าใจแล้วยังสนับสนุนภรรยาให้ทำตามใจปรารถนาได้เต็มที่ เมื่อเขาได้พักเพิ่มสักหนึ่งหรือสองวัน ก็มักจะพาซิ่วอิงไปที่ร้านเสมอเพื่อเอาอกเอาใจหากพาไปร้านอาหารแบบคนหนุ่มสาวก็แล้วไป เขากลับพาเธอเข้าร้านตัวเองเพื่อให้หญิงสาวหาเงินที่เธอชอบนักหนา และแน่นอนว่าซิ่วอิงชอบการแสดงความรักของสามีแบบนี้มากกว่า“มีอะไรหรือเปล่า” ขณะที่นั่งก
บทส่งท้าย คุณคือคนที่อยากอยู่ด้วยไปตลอดชีวิตรถยนต์สีดำขับไปตามทางที่คุ้นเคยไม่นานก็มาถึงกำแพงบ้านหลัน ทหารเฝ้ายามเปิดประตูต้อนรับด้วยความยินดี เมื่อรถจอดเทียบขาเรียวก็ก้าวออกมา“อิงอิง มาแล้วเหรอจ๊ะ” ที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้คือป้าหลัน พร้อมทั้งเหม่ยฟางผู้เป็นมารดาของตนเอง ซิ่วอิงไม่ได้รู้สึกผิดสังเกตอะไรเพียงยื่นมือไปหาพวกท่านอย่างเป็นธรรมชาติ“ป้าหลันสบายดีไหมคะ วันนี้แอบเข้าครัวกับแม่อีกแล้วหรือเปล่า” ซิ่วอิงสนอกสนใจดูมือของผู้ใหญ่ตรงหน้า ขณะที่ท่านจับจูงเธอเดินทะลุตัวบ้านไปยังสวนด้านหลัง“ป้าเข้าครัวไปก็รกครัวเปล่า ๆ ไม่เข้าไปรบกวนเหม่ยฟางหรอกนะ”“อิงอิงลูกเงยหน้าขึ้นก่อน” เสียงอ่อนโยนของผู้เป็นแม่ดังขึ้น เมื่อรู้ตัวซิ่วอิงก็มาอยู่ในสวนหลังบ้านของสกุลหลันแล้วหญิงสาวเงยหน้าขึ้นด้วยความสงสัย สิ่งแรกที่เห็นคือร่างสูงของชายหนุ่มที่เธอคิดถึงมาตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาและติดต่อกันทางโทรศัพท์ไม่กี่นาทีต่อเดือนเท่านั้นตอนนี้เขายังสวมชุดทหารเต็มยศ ในมือมีช่อดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ ล้อมรอบไปด้วยแสงเทียนและซุ้มดอกไม้ที่ถูกตั้งใจตกแต่งเอาไว้อย่างดีจนทั่วทั้งสวน“พี่เซียงฮั่น” ซิ่วอิงยิ้มออกมาด้วย
บทที่ 44 หาเรื่องใส่ตัว“แม่คะ เราไป…” ก่อนที่คุณหนูลู่จะพูดจบ มารดาของหล่อนก็เดินลิ่ว ๆ เข้าไปในวงสนทนาที่เว่ยซิ่วอิงอยู่ก่อนแล้ว เห็นอย่างนั้นก็ยิ่งทำให้คุณหนูลู่พึงพอใจที่ไม่ต้องทำอะไรเอง“นี่มันแม่ค้าขายเครื่องสำอางนี่นา มาตรฐานงานเลี้ยงของกองทัพตกต่ำลงถึงขนาดเชิญพ่อค้าแม่ค้าข้างถนนมาร่วมงานแล้วอย่างนั้นเหรอเนี่ย” คุณนายลู่ไม่พอใจเว่ยซิ่วอิงอยู่แล้วจากงานเลี้ยงน้ำชาที่บ้านของคุณนายหลัน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังไปได้ดีก็รู้สึกว่าต้องเข้ามาทำลายและลากคนคนนี้ลงมาให้ได้“สวัสดีค่ะ คุณนายลู่” เว่ยซิ่วอิงไม่ดิ้นเต้นไปตามอารมณ์ของคน เธอทักทายอีกฝ่ายด้วยความเคารพและมีมารยาทเพียงเท่านี้สายตาที่ทุกคนมองมาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย อย่างน้อย ๆ พวกเขาก็มองซิ่วอิงอย่างชื่นชม ขณะที่มองคุณนายลู่เหมือนนางร้ายเกรดต่ำคนหนึ่ง“โอ้ นี่ใครกัน ไม่ใช่คุณชายหลันเซียงฮั่นลูกรักของคุณนายหลันถังหรอกเหรอคะ”“สวัสดี คุณนายลู่” เซียงฮั่นจำต้องทักทายด้วยสีหน้าไม่ดีนัก เขารู้ว่าใครไม่ถูกกับมารดา และต้องหลีกหนีเสมอเมื่อเข้าสังคม แต่คราวนี้ดูเหมือนคนข้างกายจะไม่ยอมหลีกหนีง่าย ๆ ชายหนุ่มทำได้เพียงยืนปักหลักและเป็น