LOGINเสิ่นเฉิงแฝดผู้พี่หายตัวไประหว่างเดินทางไปเจียงซี เสิ่นต้าเหนิงแฝดน้อง จำต้องปลอมตัวใช้ชีวิตแทนพี่ชาย จนกว่าจะหาตัวพี่ชายพบ
View Moreเฮือก!!!
เสิ่นต้าเหนิง บุตรสาวฝาแฝดของเสนาบดีเสิ่น เสิ่นจื่อหานกับหลัวจินเหริน บุตรีแม่ทัพใหญ่หลิว ต้าเหนิงลูบหน้าอกที่ยังสั่นสะท้านไม่เลิก หวังว่าจะปลอบประโลมให้มันสงบลงได้บ้าง
เมื่อครู่ก่อนที่นางจะสะดุ้งตกใจจนตื่น นางฝันเห็นพี่ชายฝาแฝด เสิ่นเฉิง รถม้าของเขาตกลงไปในหน้าผา นางได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่นางฝันมันคงไม่เกิดขึ้น
ตัวพี่ชายของนางเพียงเดินทางไปไปเยี่ยมท่านปู่ ท่านย่าที่เมืองซีเจียง ทางทิศตะวันตกของแคว้นต้าหลี่ บ้านเดิมของเสิ่นจื่อหานผู้เป็นบิดา มิได้เดินทางไปเสี่ยงอันตรายอันใดเสียหน่อย
เมื่อคิดได้เช่นนั้น จิตใจที่ฟุ้งซ่านก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างดี นางจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าทำเช่นใดก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ ได้แต่นอนเหม่อมองเพดานห้องอย่างกังวล
สองพี่น้อง นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็ไม่เคยจะห่างกันเลยสักครั้ง ต่อให้นางหรือเสิ่นเฉิงจะป่วยหนักเพียงใด ด้านข้างของสองพี่น้องก็จะมีอีกคนอยู่ด้วยเสมอ นางจึงได้เป็นห่วงเขามากยิ่งนัก
ต้าเหนิง ไม่อาจสงบใจให้นอนต่อได้ นางจึงได้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เสี่ยวเหยาสาวใช้ข้างกาย เมื่อได้ยินเสียงภายในห้องเคลื่อนไหว นางก็เดินเข้ามาดู
“คุณหนู เหตุใดถึงตื่นเล่าเจ้าคะ” เสี่ยวเหยาเดินเข้ามาดูด้วยความเป็นห่วง
“ข้าฝันร้าย เจ้าจุดเทียนเถิด ข้าอยากจะเขียนจดหมายหาท่านพี่เสียหน่อย” นางไม่รู้ว่าเสิ่นเฉิงเดินทางไปถึงเมืองซีเจียงแล้วหรือยัง
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหยารับคำก่อน จะเดินไปจุดเทียนแล้วเตรียมสี่สิ่งล้ำค่าให้เสิ่นต้าเหนิง
พอนางเขียนเสร็จ เป่าจนแห้งยังไม่ทันได้พับจดหมายให้ดี เสียงวุ่นวายด้านนอกก็ดังขึ้น พอต้าเหนิงหันไปมองหน้าต่างก็เห็นว่าฟ้าสว่างเสียแล้ว
“ไปดู ว่าเกิดสิ่งใด” เสี่ยวเหยารับคำแล้วรีบออกไปตามคำสั่ง
แม่นมถิง แม่นมที่เลี้ยงดูสองพี่น้องมา เดินเข้ามาภายในห้องของต้าเหนิงอย่างไร้เรี่ยวแรง นางทรุดตัวลงไปกองกับพื้น พร้อมร่ำไห้อย่างปวดใจ
“แม่นม ท่านเป็นอันใดเจ้าคะ” เสี่ยวเหยาเข้าไปประคองนาง
“เจ้า เจ้าออกไปก่อน” แม่นมถิงดันตัวเสี่ยวเหยาให้ออกไป นางเช็ดน้ำตาทิ้งอย่างลวกๆ ก่อนจะคลานเข้าไปหาต้าเหนิงที่ยังตกใจกับท่าทางของแม่นมถิงไม่หาย
“คุณหนู ฮือออออ” นางสวมกอดต้าเหนิงเอาไว้แน่น แล้วร้องไห้ออกมาเสียงดัง
ต้าเหนิง ใบหน้าของนางซีดขาวไปแล้ว แม้ยังไม่รู้จากปากของแม่นมถิงว่าเกิดสิ่งใดขึ้น แต่นางเป็นมากเพียงนี้คงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ภายในอกของนางจมดิ่งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากพี่ชายแล้วตอนนี้ยังจะมีเรื่องใดให้นางนึกถึงได้อีก
“แม่นม เกิดเรื่องใดขึ้นกันแน่” นางเอ่ยถามอย่างใจเย็น ภาวนาว่าขอไม่ให้เป็นเช่นที่นางคิด
“คุณ คุณชาย ฮึก...คุณชาย หายตัวไปเจ้าค่ะ องครักษ์กลับมาแจ้งเมื่อชั่วยามที่แล้ว รถม้าของคุณชายตกเขา ยามนี้ยังหาตัวไม่พบ” เสียงร้องไห้ของแม่นมถิงบาดเข้าไปในจิตใจของต้าเหนิง จนนางเจ็บปวดเกินจะบรรยายออกมาได้
ดวงตาคู่งามเบิกกว้างขึ้นอย่างตื่นตกใจ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับห้ามเอาไว้ไม่อยู่ แม้จะไม่ได้ส่งเสียงร้องออกมา แต่ร่างกายของนางก็สั่นเทาจนแม่นมถิงรู้สึกได้
“จริงหรือ” เสียงของนางเบาราวกับยุงบินผ่าน หากหูของแม่นมถิงมิได้อยู่ใกล้ปากของนางก็อาจจะไม่ได้ยินเช่นกัน
“ตอนนี้นายท่านกับฮูหยินรอพบท่านอยู่ที่เรือน ท่านรีบไปเถิดเจ้าค่ะ” แม่นมถิงปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะช่วยต้าเหนิงที่นั่งอย่างไร้สติเปลี่ยนเสื้อผ้า แล้วประคองนางออกไปที่เรือนหลักด้วยตนเอง
เสี่ยวเหยามิได้ตามไปด้วย สาวใช้คนอื่นที่เรือนต่างก็ถูกไล่ให้ออกไปห่างเรือนหลักจนหมด ที่เรือนหลักยังมีองครักษ์เฝ้าอย่างแน่นหนา เพื่อกันไม่ให้บ่าวไพร่ที่ไม่รู้ความเข้ามาแอบฟัง
ภายในจวนตระกูลเสิ่น มีเพียงสี่คนพ่อแม่ลูกเท่านั้น ผู้เฒ่าทั้งสองอยู่ที่เมืองซีเจียงไม่ยอมย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองหลวง ยังดีที่มีท่านลุงรองกับลุงสามอยู่ดูแลทางนั้น ท่านพ่อของนางมักจะให้พี่ชายกับนางไปเที่ยวหาทุกครึ่งปีเพื่อแสดงความกตัญญู
“ท่านพ่อ ท่านแม่” ต้าเหนิงทรุดนั่งลงข้างมารดาที่เอาแต่ร่ำไห้แทบจะขาดใจ
“เหนิงเออร์ จะทำเช่นใดดี จะทำเช่นใด” หลิวจินเหรินกอดบุตรสาวแน่น นางพูดไม่รู้เรื่อง ทั้งยังร้องไห้ไม่หยุด
“รอฟังอีกหน่อยเถิด” จื่อหานเหม่อมองไปยังด้านนอก สายตาของเขาขุ่นมัว ไม่รู้กำลังรอคอยสิ่งใดอยู่
ด้านข้างของเต๋อซิ่วยังมีหลี่มู่เฉียงองค์ชายสี่ และหลี่ตงฟู่ซื่อจื่อ เดินมาหยุดอยู่ไม่ห่างจากนางอีกด้วย ต้าเหนิงทำได้เพียงก้มหน้าเม้มปากไว้แน่น ท่าทางของนางราวกับลูกกระต่ายที่กำลังถูกหมาป่าฝูงใหญ่ล้อมเอาไว้อย่างหมดหนทางหนี แม้แต่จะเก็บอารมณ์ให้สุขุมเช่นเดิมนางก็ทำไม่ได้“มิได้พ่ะย่ะค่ะ หะ หากไม่มีสิ่งใดแล้ว ขะ ข้า ข้าขอตัวก่อน” นางรีบหันหนีเพื่อจะเดินออกจากตรงนี้ไปให้เร็วที่สุด“ช้าก่อน จะรีบไปไหน ข้าเองก็อยากจะสนทนากับเจ้า” เต๋อซิ่วดึงคอเสื้อของต้าเหนิงเอาไว้จนนางเสียหลักจะล้มไปใส่ตัวเขา ยังดีที่เสี่ยวชุนเข้ามารับตัวนางเอาไว้ได้เสียก่อน ร่างของต้าเหนิงจึงตกไปอยู่ที่ตัวของเสี่ยวชุนแทนเสี่ยวชุนประคองร่างของต้าเหนิงให้ลุกขึ้นทรงตัวดีแล้ว จึงได้คุกเข่าลงตรงหน้าของเต๋อซิ่ว“องค์ชายห้าโปรดยั้งมือ คุณชายของบ่าวเพิ่งจะเดินทางกลับมาจากเมืองซีเจียง ร่างกายผ่ายผอมลงไปไม่น้อย หากล้มลงจนได้รับบาดเจ็บ บ่าวเกรงว่าอาการของคุณชายจะยิ่งแย่ไปกว่าเดิมพ่ะย่ะค่ะ”“หึ เจ้าเป็นเพียงบ่าว แต่กล้าเข้ามาขวางหน้าข้าไว้ คุณชายเสิ่นช่างบอบบางเสียจริง มิรู้ว่าชั้นเรียนกระบี่ยามบ่ายนี้จะทนรับการฝึกได้หรือไม่” มุมปาก
ต้าเหนิงลุกขึ้นไปดึงชายเสื้อของซูกวนเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาต่อปากต่อคำกับกลุ่มของเว่ยซีหมิ่น“พวกท่านกล่าวไม่ผิด ข้าเดินทางไปแสดงความกตัญญูต่อท่านปู่ ท่านย่าครั้งนี้ลำบากไม่น้อยเลย ร่างกายจะผ่านผอมลงไปก็เห็นจะไม่แปลก ที่แปลกคงเห็นจะเป็นความคิดของพวกเจ้า ที่ไม่เอาเวลาไปสนใจอ่านตำรา แต่กลับสนใจเรือนร่างของผู้อื่น” แววตาของนางเรียบเฉยเสียงที่ปรับให้ทุ่มต่ำ กังวานไพเราะกว่าเสียงของเสิ่นเฉิงมากนักใบหน้าของทุกคนที่ได้ยินเริ่มบิดเบี้ยวอย่างไม่น่าดู เป็นจริงที่เสิ่นต้าเหนิงพูด นางกำลังพูดว่าพวกเขา เอาแต่เวลามายุ่งเรื่องของผู้อื่นไม่สนใจอ่านตำรา เพื่อเตรียมตัวสอบ“หึหึ วาจาของคุณชายเสิ่นช่างเฉียบขาดนัก ตัวข้าซื่อจื่อ ก็เพิ่งเคยได้ฟังเป็นคราแรกเช่นกัน” เสียงตบมือของหลี่ตงฟู่ ซื่อจื่อตำหนักสู่อ๋องดังขึ้นทันทีที่ต้าเหนิงพูดจบตงฟู่ ยืนฟังอยู่นานแล้ว เขาเองก็อยากจะเห็นว่าเสิ่นเฉิงที่สูงส่งไม่สนใจผู้ใด คิดจะตอบโต้เว่ยซีหมิ่นกลับหรือไม่ ยามที่อ้าปากตำหนิเว่ยซีหมิ่นออกมา ตงฟู่ที่ไม่ค่อยเห็นเสิ่นเฉิง แสดงอารมณ์มากนักก็แปลกใจมากเช่นกันหากพิจารณาตามที่เว่ยซีหมิ่นว่า ร่างกายของเสิ่นเฉิงก็ดูจะเปลี่ยนแปลงไ
เสิ่นต้าเหนิงยังต้องคัดตำราและทบทวนตำราก่อนนอนอีกสองชั่วยาม ไม่ว่าอย่างไรตัวอักษรของนางก็ไม่อาจสู้เสิ่นเฉิงได้ ทำได้เพียงแค่คล้ายคลึงสามส่วนเท่านั้นสองมือของนางเท้าอยู่ที่แก้ม แววตาของนางเหม่อลอยออกไปนอกหน้าต่างจากไร้จุดหมาย นางคัดตัวอักษรโดยมีตำราที่เสิ่นเฉิงเคยคัดลอกเอาไว้วางอยู่บนโต๊ะ มาได้เกือบชั่วยามแล้ว“หากเหนื่อยแล้ว เข้านอนดีหรือไม่เจ้าคะ” แม่นมถิงเอ่ยถามอย่างเห็นใจ แม้คุณหนูจะต้องเรียนคู่กับคุณชายมาตั้งแต่เล็ก แต่นางก็ไม่เคยต้องทนคัดตำรา อ่านตำรามากเพียงนี้มาก่อน“ไม่ได้ ข้ายังไม่อาจเขียนได้เหมือนท่านพี่จะหยุดมือมิได้ แม่นม...ข้ากลัว กลัวว่าข้าไม่อาจสุขุมได้เหมือนท่านพี่ แล้วจะถูกจับได้” นางอดที่จะสั่นสะท้านออกมาไม่ได้ เมื่อนึกถึงความลับของพวกนางสองพี่น้องถูกเปิดเผยออกไป“อย่าเพิ่งกังวลไปเลยเจ้าค่ะ เรื่องราวยังไม่เกิดขึ้น คุณแม่ของบ่าวรู้ดีว่าควรทำเช่นไร” ฝ่ามือที่อบอุ่นของแม่นมถิงปลอบประโลมนางไปด้วย“แต่ข้าไม่คุ้นชินกับสหายของท่านพี่เลยสักคน”“สหายของคุณชายที่สนิทก็มี คุณชายเหอ คุณชายโจว ท่านเพิ่งแค่พูดคุยกับทั้งสองเล็กน้อยเท่านั้นก็พอ”เสิ่นต้าเหนิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เ
ต้าเหนิงเดินกลับเรือนพักว่าด้วยหัวใจที่ว่างเปล่า ตอนหลังนางไม่ได้ฟังสิ่งที่บิดามารดา และแม่นมถิงหารือกันแม้แต่น้อย นางได้แต่ใคร่ครวญว่าเรื่องราวเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร เหตุใดรถม้าของพี่ชายน้องถึงได้ตกเขาไปได้จื่อหานยังไม่ได้เร่งให้ต้าเหนิงนางเตรียมตัว เขาปล่อยให้นางได้ใคร่ครวญให้ดีเสียก่อน ถึงอย่างไรเรื่องที่เกิดขึ้นมันก็กะทันหันเกินไป เขาได้แต่ปลอบใจภรรยาอยู่ภายในเรือนบ่าวไพร่ ในจวนไม่รู้ว่าเกิดเรื่องใดขึ้นกับเจ้านาย แต่เมื่อเห็นเรือนหลักถูกปิดล้อมด้วยองครักษ์อย่างแน่นหนา ทั้งสีหน้าของพ่อบ้าน แม่นมถิงต่างก็ไม่มีผู้ใดดี ก็ได้แต่ก้มหน้าทำงานอย่างเงียบๆยังดีที่บ่าวส่วนใหญ่รู้ความด้วยจื่อหานเป็นคนที่น่าเกรงขาม บ่าวไพร่ล้วนแต่หวาดกลัวเขา อีกทั้งผู้เป็นนายก็ไม่เคยข่มเหงรังแกบ่าวไพร่ ผู้ใดจะสิ้นคิดขนาดทำให้ตนเองถูกขายออกไป หรือขัดคำสั่งจนถูกโบยจนตายเล่าตอนที่ต้าเหนิงเดินกลับมาถึงเรือนพัก นางยังคงไร้สติ แม่นมถิงกับเสี่ยวเหยาช่วยจัดการล้างหน้าให้นาง นางยังดูไร้ชีวิตชีวาตกอยู่ในความคิดของตนเองไม่มีที่สิ้นสุด“คุณหนู เข้านอนเถิดเจ้าค่ะ หากยังเป็นเช่นนี้ ท่านจะล้มป่วยไปด้วยอีกคน”“แม่นม ท่านให
เพียงไม่นาน พ่อบ้านก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบร้อน เขาคุกเข่าลงตรงหน้าของจื่อหาน เนื้อตัวสั่นเทาหวาดกลัวยิ่งนัก“นายท่าน เจอรถม้าขอรับ แต่ไม่พบร่างของคุณชาย”“ฮือออออ” เสียงร้องของมารดากับแม่นมถิงดังขึ้นมาพร้อมกัน“ท่านแม่!!!” ต้าเหนิงประคองมารดาเอาไว้ ยามนี้นางตกใจจนหมดสติไปแล้ว“ไปตามหมอมา!!!” เขาเสียบุตรชายไปแล้ว จะเสียภรรยาอีกไม่ได้“แล้ว...จะให้ข้าน้อยจัดการเช่นใด” ตอนนี้เรื่องที่เกิดขึ้นยังไม่มีผู้ใดรู้ แม้ชาวบ้านที่เห็นรถม้าของเสิ่นเฉิงตกลงไปก็ไม่รู้ว่าเป็นรถม้าของผู้สูงศักดิ์ท่านใด“ปิดข่าวไว้ จัดการให้เรียบร้อย ทิ้งคนให้ออกตามหาโดยรอบ หากตายต้องเห็นศพ หากเป็นต้องเห็นคน” จื่อหานถอนหายใจออกมา ในเมื่อไม่เห็นร่างของบุตรชายในรถม้า ย่อมต้องมีความหวัง ไม่แน่อาจจะมีคนช่วยเหลือบุตรชายเอาไว้ก็ได้“เหนิงเออร์ เรื่องนี้อย่าเพิ่งพูดออกไป เจ้าอยู่ดูแลท่านแม่ของเจ้า พ่อจะออกไปจัดการเรื่องพี่ชายของเจ้าก่อน”“ท่านพ่อ พี่ชาย...ท่านจะพาพี่ชายกลับมาใช่หรือไม่เจ้าคะ” ดวงตาของนางเอ่อคลอไปด้วยน้ำ ก่อนจะไหลออกมาราวกับไข่มุกเม็ดงามที่ร่วงหล่นไม่ขาดสาย“ใช่ พ่อจะพาพี่ชายเจ้ากลับมา” จื่อหานลูบหัวบุตรสาวอย่างร
เฮือก!!!เสิ่นต้าเหนิง บุตรสาวฝาแฝดของเสนาบดีเสิ่น เสิ่นจื่อหานกับหลัวจินเหริน บุตรีแม่ทัพใหญ่หลิว ต้าเหนิงลูบหน้าอกที่ยังสั่นสะท้านไม่เลิก หวังว่าจะปลอบประโลมให้มันสงบลงได้บ้างเมื่อครู่ก่อนที่นางจะสะดุ้งตกใจจนตื่น นางฝันเห็นพี่ชายฝาแฝด เสิ่นเฉิง รถม้าของเขาตกลงไปในหน้าผา นางได้แต่ภาวนาว่าสิ่งที่นางฝันมันคงไม่เกิดขึ้นตัวพี่ชายของนางเพียงเดินทางไปไปเยี่ยมท่านปู่ ท่านย่าที่เมืองซีเจียง ทางทิศตะวันตกของแคว้นต้าหลี่ บ้านเดิมของเสิ่นจื่อหานผู้เป็นบิดา มิได้เดินทางไปเสี่ยงอันตรายอันใดเสียหน่อยเมื่อคิดได้เช่นนั้น จิตใจที่ฟุ้งซ่านก็สงบลงอย่างรวดเร็ว ฟ้าด้านนอกยังไม่สว่างดี นางจึงล้มตัวลงนอนอีกครั้ง แต่ไม่ว่าทำเช่นใดก็ไม่อาจข่มตาหลับได้ ได้แต่นอนเหม่อมองเพดานห้องอย่างกังวลสองพี่น้อง นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็ไม่เคยจะห่างกันเลยสักครั้ง ต่อให้นางหรือเสิ่นเฉิงจะป่วยหนักเพียงใด ด้านข้างของสองพี่น้องก็จะมีอีกคนอยู่ด้วยเสมอ นางจึงได้เป็นห่วงเขามากยิ่งนักต้าเหนิง ไม่อาจสงบใจให้นอนต่อได้ นางจึงได้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง เสี่ยวเหยาสาวใช้ข้างกาย เมื่อได้ยินเสียงภายในห้องเคลื่อนไหว นางก็เดินเข้ามาดู“คุณหน
Comments