ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70

ข้ามเวลามาเป็นแม่ค้าหลงยุค ยุค70

last updateLast Updated : 2024-12-22
By:  sanvittayamOngoing
Language: Thai
goodnovel4goodnovel
Not enough ratings
49Chapters
1.8Kviews
Read
Add to library

Share:  

Report
Overview
Catalog
SCAN CODE TO READ ON APP

เว่ยจิงจิง นักขายมือทองแห่งยุค ผู้มีชีวิตพรั่งพร้อมกลับทะลุมิติมาเกิดใหม่ในร่างของเด็กสาวอายุสิบหกปีอย่างเว่ยซิ่วอิง ซึ่งครอบครัวของเธอมีชีวิตที่ยากลำบาก นอกจากจะยากไร้และขัดสนอย่างมากแล้ว ครอบครัวบ้านเว่ยก็ตั้งแง่และใช้งานเธอกับบิดาราวกับเป็นทาส แต่โชคดีที่เมื่อมาอยู่ในยุค 70 ที่ต้องปากกัดตีนถีบ เธอไม่ได้พกแต่มันสมองอันเฉลียวฉลาดของตนในชาติก่อนมาด้วยเท่านั้น แต่ยังมีมิติร้านเครื่องสำอางติดตัวมาด้วย เด็กสาวในวัยสิบหกปีจึงตั้งหน้าตั้งตาหาเงินเพื่อสร้างฐานะของครอบครัว โดยไม่สนใจครอบครัวบ้านเว่ย แต่หลังจากที่หาช่องทางทำมาหากินได้แล้ว เธอก็ได้มาพบกับนายทหารคนหนึ่งอย่างหลันเซียงฮั่น ที่ค่อยๆ เข้ามาทลายกำแพงในหัวใจของหญิงสาวไปทีละน้อย จนทำให้ตัวเธอเริ่มหวั่นไหวเมื่อมีนายทหารคนนั้นเข้ามาชิดใกล้

View More

Chapter 1

บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่

บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่

ปิตาธิปไตยหรือการชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวนั้นมีมาตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งลูกชายได้แต้มเยอะกว่าลูกสาวเมื่อทำงานในคอมมูน หรือหน่วยการผลิตทางการเกษตร ที่สามารถนำแต้มเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร เพื่อเลี้ยงดูปากท้องตนเองและคนในครอบครัว เพราะแบบนั้นอย่างไรล่ะ จึงทำให้การมีลูกชายเป็นที่นิยมมากกว่าลูกสาว จนมีคำติดปากที่กล่าวว่า ‘ลูกสาวเสียเงินเปล่า’

และนี่ยังไม่รวมกับความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณ ที่ว่าการมีลูกสาวนั้นก็เหมือนมีกระโถนตั้งอยู่หน้าบ้าน เหมือนน้ำที่สาดออกไป เพราะเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งออกไปและกลายเป็นคนของตระกูลอื่นอยู่ดี นั่นจึงทำให้ลูกสาวไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่เป็นที่ต้องการของคนในครอบครัวที่มีความคิดหัวโบราณแบบนั้น

เช่นเดียวกับ ‘เว่ยซิ่วอิง’ เด็กสาวที่โชคร้ายผู้เกิดมาในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หากผู้คนในปัจจุบันรับรู้คงได้แต่คิดว่านั่นเป็นค่านิยมเก่า ๆ ที่ไม่ควรมีอีกแล้ว เนื่องจากชายหรือหญิง ล้วนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน!!

แต่ในตอนนี้ยุค 70 คือ ยุคปัจจุบันของเว่ยซิ่วอิง นั่นทำให้แม้จะเป็นลูกจากบุตรชายคนโต แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคนในบ้าน แถมคนเป็นย่ายังรังเกียจหลานสาวคนนี้อย่างกับอะไรดี

“อิงอิง ลูกพักหน่อยเถอะ” ผู้เป็นแม่มองลูกสาวที่เหงื่อไหลอาบหน้าด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นใบหน้าซีดเซียวของลูกก็ยิ่งกังวลใจ

เหม่ยฟางรู้สึกสงสารลูกยิ่งนัก แถมยังรู้สึกผิดเรื่องที่ตนเองไม่มีลูกชายไว้สืบทอดตระกูลตามความคาดหวังของพ่อแม่สามี ถ้าตนเองสามารถคลอดลูกชายได้สักคน ลูกสาวอย่างเว่ยซิ่วอิงคงไม่โดนกดดันและถูกใช้งานหนักถึงขนาดนี้

“ไม่เป็นไรค่ะแม่ ฉันไหว” เว่ยซิ่วอิงในปีนี้อายุสิบแปดปี เด็กสาวต้องทำงานในคอมมูนให้ได้หกแต้ม ซึ่งน้อยกว่าผู้ชายตัวโต ๆ เพียงไม่กี่แต้มเท่านั้น แล้วจะเอาแรงจากที่ไหนมามากมายเพื่อทำงานให้ได้แต้มอย่างที่ผู้เป็นย่าต้องการ

อีกทั้งครอบครัวของเธอที่ทำงานหนักกว่าใครกลับได้กินน้อยกว่าคนอื่น เนื่องจากว่าอาหารที่มีต้องจุนเจือคนทั้งครอบครัว เพราะยังมีลูกหลานที่ยังเรียนอยู่อีกหลายคน แต่นั่นก็เป็นครอบครัวของอา ไม่ใช่ครอบครัวของเธอ

หากช่วงไหนที่เว่ยซิ่วอิงอ่อนแอมาก ๆ อย่างเช่น ช่วงมีรอบเดือนเด็กสาวมีอาการแทบจะตายให้ได้ทุกครั้ง และดูเหมือนคราวนี้ก็ไม่ได้ต่างจากครั้งก่อน ๆ

“อย่าฝืนตัวเองนะลูก ถ้าไม่ไหวก็ให้รีบบอกพ่อ” เว่ยตงกล่าวกับลูกสาวอย่างเป็นห่วง แม้สายตาจะไม่ได้มองมา แต่แผ่นหลังที่ก้มหน้างก ๆ ทำงานจนไม่อยากจะพัก ก็เพื่อหวังจะแบ่งเบาความเหน็ดเหนื่อยของลูกเมียบ้าง นี่จึงทำให้เว่ยซิ่วอิงน้ำตาคลอเมื่อได้รับความห่วงใยจากคนเป็นพ่อ

ในขณะเดียวกัน เธอรู้สึกเหมือนหน้ามืดจนเซเล็กน้อย ก่อนกลับมายืนได้อย่างมั่นคง พร้อมกะพริบตาปริบ ๆ มองไปรอบ ๆ เวลานี้ดูเหมือนความวิงเวียนเมื่อครู่จะหายไปแล้ว คงเพราะวันนี้แดดแรงมากจริง ๆ

“อิงอิงไหวไหมลูก” คนเป็นแม่ยังหันไปมองลูกสาวบ่อย ๆ ด้วยความกังวล เห็นอีกฝ่ายตามความเร็วตนไม่ทันก็คอยหันไปถามอยู่เสมอ

“ไหวค่ะ ฉันไม่เป็นไรแล้ว” เว่ยซิ่วอิงตอบกลับพร้อมกับยิ้มให้เพราะไม่อยากให้แม่เป็นห่วง และพยายามตามความเร็วของพวกท่านให้ทัน จนไม่รู้เลยว่าตอนนี้เธอเวียนหัวหรือไม่เวียนหัวกันแน่

เมื่อถึงเวลาเลิกงาน สามคนพ่อแม่ลูกเก็บอุปกรณ์ทางการเกษตรไว้ในเพิงไม้ของคอมมูน ก่อนจะไปรายงานตัวเพื่อรับแต้มเหมือนเช่นทุกครั้ง

“วันนี้ได้ห้าแต้มนะซิ่วอิง” นางเจียคอยทำหน้าที่แจกจ่ายแต้มและตรวจงานเอ่ยปากขึ้น เธออดที่จะมองเด็กสาวด้วยความสงสารไม่ได้

“เอาหนึ่งแต้มของผมลงให้ลูกเถอะ” คนเป็นพ่อรีบพูดขึ้นมา เนื่องจากรู้ดีว่าหากให้ลูกสาวกลับบ้านไปทั้งแบบนี้ มีหวังแม่ของเขาต้องตีลูกเขาตายแน่ ๆ

“แต่ของเว่ยตงก็ไม่ได้เยอะ ฉันกลัวว่านางหวังซื่อจะมีปัญหาน่ะสิ”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ เอาตามที่ผมว่าเถอะ ขอบคุณป้าเจียที่เป็นห่วง เรื่องนี้ผมรับมือได้” เว่ยตงกล่าวยืนยันอีกครั้ง ที่ตนเองต้องการเอาแต้มให้ลูกสาวเพื่อที่ไม่ต้องโดนแม่เขาด่าหรือทุบตี แต่ในขณะเดียวกันกลายเป็นเว่ยซิ่วอิงยืนตัวสั่นด้วยความเสียใจ เมื่อคิดว่าพ่อต้องโดนทำโทษเพราะตัวเองอีกแล้ว

“กลับบ้านกันเถอะ”

เว่ยตงหันมายิ้มให้ภรรยาและลูกด้วยความอ่อนโยน พร้อมกับยื่นมือให้กับคนที่เขารักทั้งสอง เหม่ยฟางยื่นมือให้สามีด้วยรอยยิ้ม แม้จะไม่รู้ว่ากลับไปบ้านแล้วจะเจออะไรก็ตาม ส่วนเว่ยซิ่วอิงทำได้เพียงจับมือพ่อแม่กลับบ้านที่ไม่เหมือนและไม่ใช่บ้านสำหรับพวกเขาด้วยกัน

ในขณะที่เดินกลับบ้าน แวบหนึ่งในความรู้สึกของเว่ยซิ่วอิงอยากจะหนีไปให้ไกล เธออยากพาพ่อแม่บินหนีไปจากบ้านนี้ บ้านที่มีย่าใจร้ายคอยโขกสับ พร้อมกับเอ่ยขอร้องในใจว่าใครก็ได้ โปรดพาเธอและพ่อแม่หนีไปด้วย แต่ดูเหมือนคำขอร้องอ้อนวอนของเว่ยซิ่วอิงจะไม่เป็นผล เมื่อกลับมาถึงบ้านเสียงตะโกนที่คุ้นหูก็ดังขึ้น

“ทำไมกลับมาช้ากันนัก นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว นังเด็กเสียเงินกับสะใภ้ใหญ่ยังไม่รีบเข้าครัวไปเตรียมข้าวปลาอาหารออกมาอีก!”

เสียงโวยวายดังขึ้นมาก่อนตัว ร่างอุ้ยอ้ายของนางหวังซื่อผู้เป็นย่าเดินออกมาพร้อมกับหลานสาวคนโปรดที่สวมใส่ชุดกระโปรงตัวใหม่สวยงามพยุงออกมา ซึ่งนั่นก็คือ ‘เว่ยหนาน’ ลูกสาวของบ้านรองนั่นเอง

หากจะเปรียบเธอเป็นหลานชัง เว่ยหนานคงจะเป็นหลานรัก!!

พอเห็นทั้งสองปรากฏตัวขึ้น เว่ยซิ่วอิงก็ก้มหน้าลงแล้วขยับซ่อนตัวอยู่หลังบิดาโดยอัตโนมัติอย่างช่วยไม่ได้ เนื่องจากโดนกดข่มมานานปีย่อมรู้สึกไม่กล้าที่จะต่อต้านหญิงชราตรงหน้าที่ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าของตน

“แม่ พวกเราเพิ่งทำงานเสร็จก็รีบกลับมาทันที เวลานี้เว่ยหนานก็กลับมาจากโรงเรียนแล้ว สะใภ้รองก็น่าจะกลับมาจากรับเว่ยจุนแล้วนี่ครับ ทำไม...”

เว่ยตงกล่าวขึ้นมาเพื่อออกหน้าปกป้องภรรยาและลูกสาว ทว่ากลับโดนนางหวังซื่อสวนกลับทันที โดยที่เว่ยตงยังพูดไม่ทันจบประโยคเลยด้วยซ้ำ

“ไม่ต้องพูดมาก! แกมีปากไว้พูดแต่เรื่องไร้สาระเท่านั้นเหรอ เด็ก ๆ แค่เรียนก็เหนื่อยจะแย่แล้ว น้องสะใภ้แกยังต้องดูแลทั้งบ้าน ทั้งดูแลลูก ๆ ว่าแต่พวกแกนั่นแหละ วันนี้ทำงานได้กี่แต้มกันเชียว!”

“วันนี้ผมทำงานได้น้อยหน่อยนะ เพียงแปดแต้มเท่านั้น ส่วนเหม่ยฟางและอิงอิงทำงานได้ตามเป้าที่แม่กำหนด”

เว่ยตงเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากจะพูดอะไรมาก เลยตอบกลับไปเพียงเท่านั้น แต่นั่นกลับทำให้หญิงวัยชรากลับโมโหเลือดขึ้นหน้า เพราะรู้ดีว่าการที่เว่ยตงทำแต้มได้เพียงเท่านี้คงจะเอาแต้มแบ่งให้กับนังเด็กเสียเงินและเมียที่คลอดลูกชายไม่ได้ตามเคย จึงได้ชี้หน้าด่ากราดอย่างไม่สนใจใคร

“แกแบ่งแต้มให้พวกมันอีกแล้วใช่ไหม เลี้ยงเสียข้าวสุกจริง ๆ นังเด็กพวกนี้ แกมานี่เดี๋ยวนี้เลยนะเว่ยตง แกต้องโดนทำโทษที่ไม่รู้จักสั่งสอนลูกเมียตัวเองว่าควรจะขยันมากกว่านี้” พูดจบย่าเว่ยมองหาสิ่งที่ต้องการ เมื่อเจอไม้กวาดก็หยิบขึ้นมาฟาดใส่หลังเว่ยตงอย่างแรง

เหม่ยฟางและซิ่วอิงยืนอยู่ไม่ไกลก็ได้แต่ตกใจจนตัวสั่น แม้จะพบเจอเรื่องแบบนี้แทบวันเว้นวัน แต่ก็ยังไม่เคยชินและไม่เคยทำใจได้เลยสักครั้งเดียว

ทั้งสองไม่คิดว่าย่าเว่ยจะกล้าทำร้ายลูกชายตนเองที่โตขนาดนี้ไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ทำผิด

“หน็อย ไอ้คนไม่รักดี ไอ้ลูกอกตัญญู ส่วนพวกแกยังไม่รีบเข้าครัวไปทำกับข้าวอีก!”

“แม่อย่าตีลูกกับเมียผมเลย ผมผิดเองที่รู้สึกไม่สบายเลยทำงานไม่ได้ตามที่แม่หวัง ผมขอโทษครับ” เว่ยตงรีบร้องห้ามพร้อมกับเข้าไปกอดปกป้องภรรยา เมื่อเห็นแม่พยายามจะเข้าไปตีเหม่ยฟาง ทำให้ชายหนุ่มโดนตีจนเสียงดังอั้ก

เพียงแค่คิดว่าภรรยาที่รูปร่างบอบบางอาจโดนตีด้วยไม้กวาดที่ใหญ่เกือบเท่าแขน เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาแล้ว เว่ยตงคอยปกป้องลูกเมียมาหลายสิบปีย่อมว่องไวในการช่วยป้องกันไม่ให้ทั้งสองคนโดนตี แต่ก็ใช่ว่าจะป้องกันได้ทุกครั้ง อย่างเช่นในครั้งนี้

นางหวังซื่อตวาดลั่นเมื่อไม่ได้ดั่งใจ “แกปกป้องนังจิ้งจอกนี่อีกแล้ว รีบให้มันเข้าครัวเลยนะ ยังยืนบื้ออะไรอยู่อีก!” เห็นว่าตีคนหนึ่งไม่ได้ มองไปอีกด้านเห็นเว่ยซิ่วอิงยืนอยู่เพียงลำพัง นางหวังซื่อก็หันไปฟาดลงตรงหน้าหล่อนทันที

เว่ยซิ่วอิงไม่ทันได้ตั้งตัว คิดว่าตัวเองยืนอยู่หน้าครัวไม่น่าจะมีปัญหา คาดไม่ถึงว่าผู้เป็นย่าจะฟาดไม้กวาดมาทำให้หลบไม่ทัน แม้เบี่ยงตัวหลบก็ไม่อาจหนีพ้นจากไม้กวาดของย่าได้

“แม่อย่า!”

ปั้ก! เสียงไม้กวาดฟาดเข้าที่หัวของซิ่วอิงเข้าเต็มแรง เด็กสาวซวนเซตามแรงที่ฟาดมาจนร่างล้มลงกับพื้น รู้สึกเหมือนสมองอื้ออึงไปชั่วขณะหนึ่ง

“อิงอิง!!” เว่ยตงและเหม่ยฟางรีบวิ่งเข้าไปกอดลูกสาวด้วยท่าทีร้อนรน ไม่คิดว่าผู้เป็นย่าของเด็กสาวจะกล้าทำเช่นนี้

นางหวังเห็นอย่างนั้นก็พึงพอใจ ในที่สุดก็ทำให้พวกครอบครัวเว่ยตงกลัวได้จริง ๆ คิดแล้วก็กอดอกมองอย่างพอใจ และสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา

Expand
Next Chapter
Download

Latest chapter

More Chapters

Comments

No Comments
49 Chapters
บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่
บทที่ 1 ไม่เป็นที่รักใคร่ปิตาธิปไตยหรือการชอบลูกชายมากกว่าลูกสาวนั้นมีมาตั้งแต่ในอดีต โดยเฉพาะในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง ซึ่งลูกชายได้แต้มเยอะกว่าลูกสาวเมื่อทำงานในคอมมูน หรือหน่วยการผลิตทางการเกษตร ที่สามารถนำแต้มเหล่านั้นมาแลกเปลี่ยนเป็นอาหาร เพื่อเลี้ยงดูปากท้องตนเองและคนในครอบครัว เพราะแบบนั้นอย่างไรล่ะ จึงทำให้การมีลูกชายเป็นที่นิยมมากกว่าลูกสาว จนมีคำติดปากที่กล่าวว่า ‘ลูกสาวเสียเงินเปล่า’และนี่ยังไม่รวมกับความเชื่อที่มีมาตั้งแต่โบราณ ที่ว่าการมีลูกสาวนั้นก็เหมือนมีกระโถนตั้งอยู่หน้าบ้าน เหมือนน้ำที่สาดออกไป เพราะเมื่อโตขึ้นก็ต้องแต่งออกไปและกลายเป็นคนของตระกูลอื่นอยู่ดี นั่นจึงทำให้ลูกสาวไม่เป็นที่พอใจ หรือไม่เป็นที่ต้องการของคนในครอบครัวที่มีความคิดหัวโบราณแบบนั้นเช่นเดียวกับ ‘เว่ยซิ่วอิง’ เด็กสาวที่โชคร้ายผู้เกิดมาในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง หากผู้คนในปัจจุบันรับรู้คงได้แต่คิดว่านั่นเป็นค่านิยมเก่า ๆ ที่ไม่ควรมีอีกแล้ว เนื่องจากชายหรือหญิง ล้วนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน!!แต่ในตอนนี้ยุค 70 คือ ยุคปัจจุบันของเว่ยซิ่วอิง นั่นทำให้แม้จะเป็นลูกจากบุตรชายคนโต แต่กลับไม่เป็นที่พอใจของคนในบ้า
last updateLast Updated : 2024-12-17
Read more
บทที่ 2 โดนทำร้าย
บทที่ 2 โดนทำร้าย“สำออยอะไรกัน โดนไม้กวาดแค่นี้ ยังไม่รีบเข้าไปทำอาหารเย็นอีก คนรอกินข้าวอยู่ทั้งบ้านไม่รู้หรือยังไง” ไม่พูดเปล่า ยังใช้ไม้ตีเข้าไปที่ผนังห้องครัวหลายครั้งจนฝุ่นกระจายฟุ้งไปทั่ว“อืดอาดยืดยาดไม่รู้จักเวล่ำเวลา หรือจะให้ฉันต้องตีพวกแกกระตุ้นอีกฮะ! เป็นวัวเป็นควายหรือยังไง”คำขู่ของหญิงชราทำให้เว่ยตงพร้อมทั้งลูกและภรรยาอึ้งไปเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าแม่ของตนหรือย่าแท้ ๆ ของตนจะคิดเช่นนั้น วัวควายกินหญ้าและมีไว้ให้คนจูงจมูกไปทั่ว ยังไม่ถูกตีหนักเท่าพวกเขาสามคนพ่อแม่ลูกเลยด้วยซ้ำแต่พอมีคนมาตอกย้ำแบบนี้ก็ยิ่งทำให้นึกย้อนกลับไป ดูเหมือนพวกตนมีชีวิตที่แย่ยิ่งกว่าวัวควายเสียอีก“ย่าใจเย็น ๆ ก่อนนะคะ อย่าโมโหเลยค่ะจะกระทบต่อสุขภาพนะ” เว่ยหนานหลานรักที่ยืนนิ่งมาตลอดเอ่ยปากขึ้น คล้ายรู้ว่าย่ารอคอยที่จะปล่อยให้ตัวเองเดินเข้าไปประคองด้วยคำพูดออดอ้อนเอาใจ “หึ! ไม่มีใครห่วงฉันเท่าอาหนานแล้ว พวกแกมันไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันโมโหได้ทุกวี่ทุกวัน คิดจะให้ยายแก่เช่นฉันอกแตกตายหรืออย่างไร!” นางหวังซื่อยังไม่หายโมโห ฟาดไม้กวาดลงหลังลูกชายคนโตเบา ๆ อย่างเคยชินเวลาที่โมโหหรืออารมณ์ไม่ดี ก็มีเพียง
last updateLast Updated : 2024-12-17
Read more
บทที่ 3 ล้มป่วย
บทที่ 3 ล้มป่วย“สำออย! นอนกินบ้านกินเมือง ให้มันได้อย่างนี้สิ ไม่สู้ให้นังเด็กไร้ประโยชน์นี่แต่งงานออกไปยังทำประโยชน์ได้กว่านี้อีกมาก”“แม่คะ อย่าตีเลยค่ะ อิงอิงลูก ตื่นเร็วเข้า” คนเป็นแม่พยายามปลุกลูกสาวให้ตื่นขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือสีหน้าเป็นกังวลของคนเป็นแม่ ถัดไปด้านหลังหน้าประตูห้องเล็ก ๆ มีร่างท้วมของผู้เป็นย่ายืนอยู่“แม่ครับ อิงอิงไม่สบายจริง ๆ สาเหตุที่เป็นแบบนี้ก็เพราะโดนตีเข้าที่หัวเมื่อวาน ให้แกพักผ่อนหน่อยเถอะครับ” เว่ยตงพยายามพูดกับแม่ดี ๆ แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่ฟังแม้แต่น้อย ซ้ำยังจับคำพูดเขาไปบิดเบือนได้อีกเป็นกระบุง“หน็อย! นี่แกพูดว่าที่มันไม่ยอมลุกมาทำงานทำการแบบนี้ เป็นเพราะฉันงั้นเหรอ ฉันคิดว่านังเด็กเสียเงินนี่ขี้เกียจตัวเป็นขน เลยสำออยไม่อยากลุกเองนั่นแหละ”“แม่ครับ!” เว่ยตงขวางมารดาตนเองไว้ เมื่อโดนลูกชายที่ตัวใหญ่กว่าขวางไว้ทำให้นางหวังซื่อเข้ามาในห้องไม่ได้ จึงฮึดฮัดอยู่หน้าห้องอย่างขัดใจ“ยังไม่เตรียมตัวไปทำงานกันอีก! จะมากเกินไปแล้วนะ ถ้าจะไม่ทำอะไรแบบนี้ก็ให้มันแต่งออกจากบ้านไปเดี๋ยวนี้เลย บ้านหลังนี้ไม่ต้องการตัวขี้เกียจ”เว่ยซิ่วอิงมองทะลุผ่านช่องเล็กระห
last updateLast Updated : 2024-12-17
Read more
บทที่ 4 นักขายมือทอง
บทที่ 4 นักขายมือทอง“แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นให้อาเหม่ยหยุดงานดูลูกที่บ้านสักวันนะครับ จนกว่าซิ่วอิงจะดีขึ้น ผมจะได้วางใจ”“ไม่มีทาง ลูกแกก็คนหนึ่งแล้ว จะให้เมียแกหยุดอีกเหรอ แล้วแบบนี้บ้านเราจะเอาอะไรกินกันล่ะ”“ก็ให้น้องรอง…” เว่ยตงกำลังจะสวนกลับบอกให้น้องรองทำงานเพิ่มสักหน่อย ส่วนเขาก็จะทำเพิ่มเหมือนกัน แต่กลับโดนมารดาหยุดเอาไว้“ไม่รู้แหละ อย่างไรเมียแกก็ต้องไปทำงานในทุ่ง พักเที่ยงค่อยกลับมาดูแลก็ได้ เรื่องมากจริง ๆ เลย”“...” เว่ยตงได้แต่ก้มหน้ายอมรับ ก่อนจะเดินกลับห้องโดยไม่พูดอะไรอีก เมื่อเขากลับมาถึงห้องเห็นภรรยาที่เพิ่งกลับมาถึงเหมือนกันได้ส่ายหน้าให้ บ่งบอกว่าขอยืมเงินญาติไม่ได้เช่นกัน เวลานี้สองสามีภรรยาเป็นทุกข์ยิ่งนัก ที่ไม่สามารถพาลูกไปหาหมอในเมืองได้อย่างที่ต้องการ“อิงอิง แม่กับพ่อขอโทษที่ช่วยลูกไม่ได้”“อือ พ่อ…แม่”สองคนพ่อแม่ทำได้เพียงอดกลั้นน้ำตาเอาไว้ มองดูลูกสาวทรมานเพราะพิษไข้อยู่อย่างนั้นจากนั้นจึงกล้ำกลืนฝืนใจตนเองออกไปทำงานในทุ่ง เพราะเกรงว่าคนเป็นย่าจะโทษหลานสาวที่น่าชังคนนี้อีกครั้ง เมื่อกลับมาถึงบ้านเห็นลูกสาวตัวเย็นลงก็เบาใจ ให้ดื่มยาสมุนไพรเพิ่มเข้าไปอีก
last updateLast Updated : 2024-12-17
Read more
บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง
บทที่ 5 วิญญาณเข้าร่าง“พี่ไม่ได้จะขโมยผลงานของเราหรอกใช่ไหมคะ” แต่แล้วอยู่ ๆ เด็กสาวคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นกลางวงสนทนาและต้อนรับผู้จัดการคนใหม่ ดูเหมือนเธอมีแผลในใจ เนื่องจากผู้จัดการคนเก่านอกจากโดนข้อหาฉ้อโกงแล้ว เขายังขโมยผลงานของเด็ก ๆ ในร้านไปด้วย“เรื่องนี้ขอให้ทุกคนวางใจได้เลยค่ะ ฉันไม่จำเป็นต้องขโมยผลงานของใคร เพราะโดยปกติเงินเดือนและคอมมิชชันของผู้จัดการ ก็ได้รับส่วนแบ่งจากผลงานยอดขายในร้านอยู่แล้ว” เว่ยจิงจิงกล่าวอย่างจริงจัง พร้อมกวาดตามองไปรอบ ๆ“อีกอย่างฉันขอเอาฐานะของยอดนักขายแห่งปีที่ได้สองปีซ้อนเป็นประกัน นอกจากจะไม่แย่งผลงานใครแล้ว ฉันยังจะช่วยเทรนด์ทุกคนและแบ่งปันวิธีขายของฉันให้กับทุกคนได้เรียนรู้โดยไม่หวงเลยแม้แต่น้อย พวกเราจะทำให้ยอดขายของร้านเติบโตไปด้วยกัน!” ว่าแล้วก็กำมือแล้วชูขึ้น ส่งผลให้คนในร้านรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย จึงส่งเสียงร้องเฮ่! แล้วชูมือขึ้นตาม ๆ กัน ในร้านใหม่นี้มีหลายอย่างที่ต้องเรียนรู้ เนื่องจากห้างสรรพสินค้ากงโม่นอกจากรองรับลูกค้ามีเงินแล้ว ยังมีส่วนร้านใหญ่ที่รองรับลูกค้าทั่วไป สินค้าหลากหลายกว่ามาก ด้วยเหตุนี้จึงมีสองส่วนแยกจากกัน และมีผู้จัดก
last updateLast Updated : 2024-12-19
Read more
บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน
บทที่ 6 ไม่ใช่ความฝัน“ซิ่วอิง ลูกกินอาหารให้หมดก่อน ดื่มยา แล้วนอน พ่อสัญญาว่าตื่นขึ้นมาลูกจะมีของกินเยอะกว่านี้”จิงจิงเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นพ่อด้วยสายตาสับสน ทำไมพ่อในความฝันช่างใจดีเหลือเกิน เธอเองก็อยากมีครอบครัวที่อบอุ่นแบบนี้น่าเสียดายที่ครอบครัวแสนอบอุ่นนี้กลับมีมารผจญเป็นย่าแท้ ๆ ของเจ้าของร่างถ้าหากนี่เป็นความฝันและทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมา จิงจิงคงรู้สึกดีจนไม่อยากจะตื่นเลย ยิ่งหากกำจัดครอบครัวชั่วร้ายของเจ้าของร่างเดิมได้ ก็จะยิ่งดี“ไม่ต้องห่วงนะอิงอิงลูกรัก พ่อกับแม่จะไปหาข้าวมาให้ลูกกินเพิ่ม”“แค่นี้…ก็กินได้ค่ะ” จิงจิงก้มหน้าลงขณะพูดความฝันนี้เหมือนจริงเหลือเกินกระทั่งน้ำข้าวในช้อนยังจืดเย็นชืดจนแทบกลืนไม่ลง เธอยอมกินสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าข้าวด้วยความกล้ำกลืนหากตนมาอยู่ในร่างของเด็กสาวคนนี้ ซึ่งอยู่ในยุค 70 ยุคแห่งการเปลี่ยนแปลงจริง ๆ เช่นนั้นก็แสดงว่าต้องใช้ชีวิตไปก่อนจนกว่าจะตื่นจากฝันอย่างนั้นเหรอทั้ง ๆ ที่กำลังจะซื้อบ้านได้แล้วแท้ ๆไม่รู้ว่าเจ้าโจรที่ขโมยไปจะถูกตามตัวพบหรือไม่จิงจิงรู้ดีว่าเคสที่โจรขโมยเงินสดแบบนี้เอากลับคืนมายากมาก ดูเหมือนเมื่อฟื้นขึ้นสิ่งแรกที
last updateLast Updated : 2024-12-19
Read more
บทที่ 7 ย่ามหาภัย
บทที่ 7 ย่ามหาภัย“นังเด็กเสียเงินคนนี้ นอกจากสำออยทำเป็นป่วยมาหลายวัน ในที่สุดก็หางโผล่ออกมาแล้วใช่ไหม หายดีแล้วทำไมหล่อนไม่ตามนังเหม่ยฟางไปทำงานที่ทุ่งฮะ! แล้วไหนเมื่อวานยังทำให้เจ้าเว่ยตงไม่ไปช่วยงานจนเสียคะแนนอีก นังเด็กเสียเงิน แกมันคนไร้ประโยชน์จริง ๆ”“พ่อไปหาข้าวมาให้ฉัน เพราะที่บ้านไม่มีข้าวให้ครอบครัวเรากิน ส่วนแม่ก็ทำงานงก ๆ อยู่ในทุ่งเพื่อให้บ้านมีแต้มแลกข้าวมาเยอะ ๆ แต่เราไม่เคยกินกันจนอิ่มเลย”“นังเด็กคนนี้ นี่กล้าขึ้นเสียงกับผู้ใหญ่งั้นเหรอ ดี! นังสะใภ้คนนี้เลี้ยงไม่เชื่องอย่างที่ฉันคิดจริง ๆ ถึงขนาดเสี้ยมสอนลูกสาวเลว ๆ แบบนี้ออกมาได้”นางหวังซื่อโมโหจนตัวสั่นไปหมด ชี้หน้าด่าเว่ยซิ่วอิงจนนิ้วแทบทิ่มตา“แล้วที่ฉันพูดมันผิดตรงไหน เราทั้งสามคนทำงานงก ๆ เลี้ยงคนทั้งครอบครัว นี่มันมีความยุติธรรมตรงไหนกัน นอกจากนี้พอพ่อไม่ยอมให้ฉันแต่งงานกับคนที่คุณหามา ก็มาว่าเราไร้ประโยชน์ มันก็แค่คุณไม่ได้อย่างใจเท่านั้นแหละ”“นัง! นังเด็กเสียของ” หวังซื่อไม่คิดว่าจะโดนเด็กรุ่นหลังพูดถอนหงอกตนขนาดนี้ รีบยกมือขึ้นหวังใช้ไม้ทุบเด็กสาวตรงหน้าให้ตาย ๆ ไปเสียอย่างไรมันก็ไร้ประโยชน์ พ่อแม่ไม่ยอ
last updateLast Updated : 2024-12-19
Read more
บทที่ 8 ทำใจยอมรับวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนัก
บทที่ 8 ทำใจยอมรับวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนักหลังจากพ่อแม่ทำแผลให้ด้วยความรู้สึกผิดแล้วก็ปล่อยให้เด็กสาวนั่งทื่ออยู่บนเตียงเพียงลำพัง เพราะพวกเขาต้องรีบไปขออาหารแบ่งมาให้บุตรสาวอีกครั้งจิงจิงจึงได้อยู่ในห้องเพียงลำพัง แต่ก็ดีเพราะตอนนี้หญิงสาวสับสนเหลือเกิน เธอยกมือขึ้นแตะที่หน้าผากก่อนจะร้องซี้ดออกมาด้วยความเจ็บปวด“โอ๊ย นี่มันเจ็บจริง ๆ แปลว่าเราไม่ได้ฝันไป แต่นี่คือความจริงงั้นเหรอ” จิงจิงไม่อยากจะเชื่อว่าทุกอย่างนี้จะเป็นความจริงโลกใบนี้ ยุค 70 ที่แสนแร้นแค้น ชาวบ้านต้องทำงานในกลุ่มคอมมูนเพื่อแลกแต้ม หากแต้มไม่พอก็ไม่มีข้าวให้กินหญิงสาวจากยุคที่เทคโนโลยีเจริญรุ่งเรืองจะอดทนอยู่ในสภาพไร้เครื่องใช้ไฟฟ้าว่าแย่แล้ว แต่นี่ยังอยู่ในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลง ผู้คนอดอยากหิวโหย แล้วเธอจะทนอยู่ได้อย่างไรนอกจากนี้ร่างเด็กสาว ‘เว่ยซิ่วอิง’ ยังมีวาสนาชีวิตที่อาภัพยิ่งนักหากจะให้เปรียบก็ราวกับว่าเว่ยซิ่วอิงเป็นนางเอกที่ต้องโดนกดขี่ข่มเหงจนผงาดขึ้นในช่วงท้ายนั่นแหละ บังเอิญว่าจิงจิงผู้มาใหม่ต้องรับบทบาทนั้นแทนเสียแล้ว เพราะเว่ยซิ่วอิงคนเดิมทนแรงข่มเหงไม่ไหวจนจากไป ทิ้งไว้เพียงร่างให้อยู่กับ
last updateLast Updated : 2024-12-22
Read more
บทที่ 9 มิติที่ตามมา
บทที่ 9 มิติที่ตามมา“นี่ฉัน…นี่ฉันทะลุมิติมาทั้งร่างซิ่วอิงงั้นเหรอ” จิงจิงใช้มือลูบใบหน้าตัวเองอย่างไม่อยากเชื่อ เธอแทบจะกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจแต่หลังจากสังเกตรอบร้านดี ๆ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติ เธอเดินไปทางเคาน์เตอร์คิดเงินซึ่งควรจะเป็นประตูหน้าร้าน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นผนังสีขาวพร้อมบรรยากาศที่คุ้นตาเป็นภาพฉายอยู่บนนั้น“นี่มัน…ห้องนอนของซิ่วอิงและพ่อแม่นี่นา”สมองของจิงจิงเต็มไปด้วยความมึนงง ตอนนี้เธอคิดอะไรไม่ออกทั้งนั้น ทำได้เพียงหมุนตัวรอบ ๆ เพื่อมองร้านนี้ให้ชัดอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งเข้าไปหยุดยืนหน้ากระจกเต็มตัวตรงหน้า“ปวดหัวจริง ๆ…ดูสิหัวโนปูดใหญ่แบบนี้ เว่ยซิ่วอิงอาจตายเพราะเลือดคั่งในสมอง อาจเป็นอาการเลือดออกในสมองอย่างช้า ๆ”จิงจิงจับจุดที่ยังปูดออกมาราวกับลูกมะนาว เธอหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพยายามสังเกตอาการตัวเอง ตอนนี้เธออยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง หากทุกอย่างนี้ไม่ใช่ความฝันแต่เป็นความจริง จิงจิงก็ยังต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป!“ไม่มีทางเลือกแล้ว ฉันน่าจะทะลุมิติมาอยู่ในร่างของเว่ยซิ่วอิง ฉันต้องดูแลร่างกายนี้ให้ดีถ้ายังอยากมีชีวิตอยู่” ว่าแล้วก็รีบหาทางตรวจสอบทันใดนั้
last updateLast Updated : 2024-12-22
Read more
บทที่ 10 สำรวจมิติอีกครั้ง
บทที่ 10 สำรวจมิติอีกครั้งจิงจิงลองอีกครั้งด้วยการเทแอลกอฮอล์ล้างแผลทิ้งขยะข้างเคาน์เตอร์ วางขวดไว้บนโต๊ะ แล้วจึงออกไปจากที่นี่ โดยการคิดว่าอยากออกไปที่โลกภายนอกทันใดนั้นก็รู้สึกวูบโหวงอีกครั้งแต่อาการไม่ได้แย่เหมือนช่วงแรก ๆ นี่ทำให้หญิงสาวตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ จากนั้นก็ลองคิดเข้าไปด้านในอีก คราวนี้มาโผล่ตรงหน้าเคาน์เตอร์ยาทันทีขวดแอลกอฮอล์ล้างแผลหายไปแล้ว บนชั้นมีเติมจนเต็มไม่มีขวดที่เหลือครึ่งหนึ่งอยู่ตรงไหนเลย บ่งบอกว่าของบนชั้นจะใช้ไปเท่าไรก็ถูกเติมจนเต็มเมื่อเข้ามาใหม่อยู่ดี“แบบนี้ถ้าเอาออกไปข้างนอกล่ะ” เว่ยอิงเริ่มพบปัญหาเล็กน้อย เมื่อบรรจุภัณฑ์ของบริษัทค่อนข้างทันสมัย โดยเฉพาะในเครื่องสำอางเคาน์เตอร์แบรนด์ทั้งหลายหญิงสาวหยิบตลับแป้งที่ถือติดมือไปแล้วเดินกลับไปที่ชั้นวางที่หยิบมา ก่อนจะพบว่าบนชั้นมีตลับแป้งวางเต็มอีกครั้ง“นี่มัน…แล้วที่อยู่ในมือฉันล่ะ” จิงจิงรู้สึกว่ามิติของเธอน่าอัศจรรย์อย่างมาก สามารถเติมของที่ถูกนำออกจากมิติไปได้ด้วย“ทำไมในร้านยังมีคอมพิวเตอร์คิดเงิน คงต้องลองดูก่อนเผื่อจะใช้งานได้” ซิ่วอิงเดินไปที่เคาน์เตอร์ พบว่ามีระบบจัดการร้านค้าเพิ่มเข้ามา ซึ่ง
last updateLast Updated : 2024-12-22
Read more
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status