“แม่คะบ้านที่เมืองไทยของเรารีโนเวทเสร็จแล้วนะคะ” อรณิชาเดินมาบอกกับมากคุณอลิษาผู้เป็นมารดาที่เคาน์เตอร์คิดเงินในร้านอาหารไทยซึ่งเธอเป็นเจ้าของ
“ไหนขอแม่ดูรูปหน่อยสิว่าสวยไหม”
“นี่ค่ะแม่” อรณิชาส่งโทรศัพท์ของตนเองที่บริษัทรับรีโนเวทบ้านส่งมาให้เธอเมื่อตอนเย็นให้กับมารดาดู
“สวยมากเลยนะอีฟ”
“ใช่ค่ะแม่หนูก็ว่ามันสวยมาก บริษัทนี้ทำงานได้ถูกใจหนูจริงๆ ตอนเขาส่งแบบมาให้ดูลูกหนูก็ยังดูไม่ออกหรอกแต่พอเสร็จแล้วทุกอย่างมันสวยและเพอร์เฟคมากๆ กลับไปเมืองไทยครั้งนี้เห็นทีหนูจะต้องไปขอบคุณเขาด้วยตัวเองแล้วล่ะคะ”
“หนูจะไปเมืองไทยเมื่อไหร่ล่ะลูก”
“อีกสามวันค่ะแม่”
“หนูคุยกับอเล็กซ์แล้วใช่ไหม”
“ใช่ค่ะหนูคุยกับเขาแล้ว”
“เขาว่าอะไรบ้างล่ะ”
“เขาไม่ว่าอะไรหรอกค่ะเขาน่าจะดีใจด้วยซ้ำนะคะแม่ที่หนูไม่อยู่”
“ทำไมหนูพูดแบบนั้นล่ะอีฟทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ”
“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เขาเอาแต่ทำงานไม่มีเวลาให้หนูเลย”
“แล้วอีฟล่ะลูกมีเวลาให้เขาหรือเปล่า”
“มีสิคะอีฟทำงานเลิกงานแค่ 5 โมงเย็นเองแต่เขาน่ะ ขลุกอยู่แต่ที่ทำงานกว่าจะกลับบ้านก็ดึกดื่น เราแทบไม่ค่อยได้คุยกันเลย”
“แต่ก็มีวันหยุดเสาร์อาทิตย์นี้ลูกหาเวลาอยู่ด้วยกันใช้ชีวิตด้วยกันบ้างไม่ใช่เอาแต่ทำงานด้วยกันทั้งคู่”
“เสาร์อาทิตย์บางครั้งเขาก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน”
“แล้วทำไมหนูไม่ไปกับเขาล่ะ”
“อีฟเบื่อค่ะแม่ ไปกับพวกเขาก็คุยกันแต่เรื่องการเงินเรื่องหุ้นเรื่องธุรกิจอีฟไม่ชอบแบบนั้นเลย ก่อนแต่งงานกับหลังแต่งงานเขาเปลี่ยนไปมากเลยนะคะแม่ แต่ก่อนวันหยุดเขาจะพาหนูออกไปเที่ยวนอกเมืองพาไปดูหนังพาไปช้อปปิ้งแต่หลังแต่งงานมาเขาเอาแต่ทำงาน หนูคิดว่าไม่มีเขาหนูก็อยู่ได้ค่ะแม่”
“พูดอะไรยังงั้นละอีฟไม่ว่าลูกกับอเล็กซ์ต้องจับเขาคุยกันมีปัญหาอะไรก็คุยกันดี ที่เขาทำงานหนักก็เพราะครอบครัวนะ”
“แต่หนูว่าเขาบางอย่างมันก็ยากที่จะเข้าใจ บางทีหนูก็อยากจะออกมาอยู่คนเดียว”
“อย่าให้ถึงขั้นต้องออกมาอยู่คนเดียวเลยนะลูกลองปรับตัวเข้าหากันก่อนดีไหม ลูกกับเขาแต่งงานมายังไม่ทันถึงสองปีด้วยอาจมีอีกหลายหอย่างที่ต้องปรับเข้าหากันนะ” คุณอลิษาเริ่มเป็นกังวลเพราะกลัวว่าลูกสาวจะเลิกกับสามี
“เพราะแต่งมายังไม่ถึงสองปีไงคะแม่ หนูถึงคิดว่าอยากจะออกมาอยู่คนเดียว”
“แม่ไม่อยากให้หนูเลิกกับเขาเลยนะลูก ลองหาโอกาสคุยกันก่อน”
“หนูกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูจะลองคิดทบทวนความรู้สึกของตัวเองดูค่ะแม่ว่ายังรักเขาอยู่ไหม”
“แต่แม่ไม่อยากให้หนูทะเลาะกันก่อนไปเลย”
“เราไม่ได้ทะเลาะกันหรอกค่ะแม่ เพียงแต่เราไม่ค่อยได้คุยกันเท่านั้นเอง”
“หนูคงไม่คิดจะไปอยู่ที่เมืองไทยถาวรหรอกใช่ไหมลูก”
“ไม่หรอกค่ะ หนูลาพักร้อนได้แค่เดือนเดียว ระหว่างนี้อเล็กซ์เขาก็จะได้ทบทวนความรู้สึกของตัวเองด้วยค่ะว่ายังต้องการหนูอยู่หรือเปล่า ครบหนึ่งเดือนแล้วหนูจะกลับมาหาเขาค่ะ ถึงตอนนั้นเราสองคนคงมีคำตอบให้กับตัวเอง”
“แม่อยากให้หนูใจเย็นๆ นะลูก คิดถึงอดีตที่ผ่านมาว่าลูกกับเขารักกันมากแค่ไหนก่อนที่จะตกลงแต่งงานกัน บางทีเขาก็อาจจะทำงานมาเหนื่อยก็เลยไม่เอาใจใส่เหมือนเดิม”
“เขาเหนื่อยคนเดียวที่ไหนคะแม่ หนูก็ทำงานเหนื่อยเหมือนกัน ถึงแม้ว่างานของหนูจะทำเงินได้น้อยกว่าบริษัทของเขามาก แต่หนูก็ภูมิใจที่สามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ หนูไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ไปหลงเสน่ห์และตกลงแต่งงานกับเขาได้ยังไง อเล็กซ์ในอดีตกับปัจจุบันเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเลยค่ะแม่”
“แม่ก็ไม่รู้จะพูดยังไงนะ เรื่องของความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนถ้าหนูกับเขาจะเลิกกันจริงๆ แม่เขาคงไม่ห้ามเพราะเป็นคนที่เป็นทุกข์ไม่ใช่แม่ แม่แค่อยากให้หนูทบทวนความรู้สึกของตัวเองให้ดี เวลาหนึ่งเดือนที่เมืองไทยมันอาจจะทำให้หนูคิดอะไรได้มากขึ้นและกลับมาคุยกันอีกครั้งแม่หวังให้หนูกับเขาจะหาคำตอบให้ตัวเองเอง”
“ค่ะแม่ หนูคิดว่าถ้าได้ห่างกันสักพักความรู้สึกระหว่างเราสองคนคงจะชัดเจนขึ้นค่ะ”
“แล้วกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูจะเข้าไปอยู่ที่บ้านเลยหรือเปล่า”
“เข้าไปอยู่เลยค่ะแม่ ตอนนี้บ้านเสร็จแล้วและหนูก็ให้คนมาทำความสะอาดแล้วพร้อมเข้าอยู่ได้ทันทีเลยค่ะ”
“ไม่ได้กลับไปเมืองไทยตั้งหลายปีคงมีอะไรเปลี่ยนไปเยอะมากหนูคิดว่าจะอยู่คนเดียวได้ไหมลูก”
“สบายมากค่ะแม่”
“แล้วเพื่อนที่เมืองไทยล่ะได้ติดต่อใครไปหรือเปล่า”
“หนูติดต่อกับเพื่อนคนหนึ่งค่ะ เรากันอยู่บ่อยๆ บ้านเขาก็อยู่ละแวกเดียวกับบ้านเรา และเขาก็เป็นคนประสานงานกับบริษัทรีโนเวทบ้างให้ค่ะแม่”
“ไปอยู่ที่นั่นจะสะดวกไหมล่ะ แม่ว่าเช่าโรงแรมหรือคอนโดที่ใกล้รถไฟฟ้าดีไหม เวลาไปไหนจะได้เดินทางสะดวก”
“หนูว่าอยู่บ้านเราดีกว่าหนูเช่ารถไว้แล้วคงเดินทางสะดวก”
“ขับรถที่เมืองไทยก็ระวังด้วยนะ พวงมาลัยอยู่คนละฝั่งกับที่นี่ หนูอย่าขับเร็วนะ”
“ไม่เร็วหรอกค่ะแม่ อีกอย่างหนูก็ได้ยินว่าเมืองไทยรถติดมากคงขับเร็วไม่ได้หรอก”
“แม่รู้ แต่ถ้าจะออกไปเที่ยวทะเลก็ขับช้าๆ”
“ถ้าเดินทางไปกลแบบนั้นหนูคงให้เพื่อนคนไทยเป็นคนขับค่ะ แม่ไม่ต้องห่วงนะคะแล้วหนูจะเที่ยวเผื่อค่ะ”
“จ้ะลูก ก่อนไปหนูจะมาหาแม่ที่นี่อีกไหม”
“คงไม่แล้วล่ะค่ะ แม่วันนี้ก็เลยคิดว่าจะมาลาแม่ไว้ล่วงหน้า”
“แม่ขออวยพรให้หนูเดินทางปลอดภัยนะลูก ใช้เวลากับตัวเองให้เต็มที่แล้วกลับมาเผชิญกับปัญหาและแก้ปัญหา”
“ค่ะแม่หนูไปก่อนนะคะฝากพ่อด้วยว่าตอนกลับหนูซื้อยาหม่องไทยมาฝากค่ะ”
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ