อรณิชาเดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิจากนั้นก็ไปติดต่อกับบริษัทเช่ารถที่ตนเองจองไว้ตั้งแต่ก่อนขึ้นเครื่อง หญิงสาวขับรถญี่ปุ่นคันเล็กไปยังบ้านที่ตนเองเคยอาศัยอยู่เมื่อแปดปีก่อน ถนนหนทางในกรุงเทพเปลี่ยนไปมาก กว่าอรณิชาจะขับรถมาถึงบ้านได้ก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน แต่เมื่อมาถึงบ้านหลังเล็กก็รู้สึกหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเพราะตอนนี้บ้านนั้นสวยเหมือนกับบ้านในฝันที่เธออยากได้
หญิงสาวยอมรับเลยว่าคนออกแบบทำได้ออกมาถูกใจเธอมากที่สุด แม้จะใช้โครงสร้างของบ้านเดิมแต่เธอก็แทบจะจำไม่ได้เลยเพราะมันเปลี่ยนไปทั้งด้านนอกและด้านใน
อรณิชาส่งข้อความไปบอกบิดามารดาว่าตนเองมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย พร้อมกับส่งรูปเซลฟี่ตัวเองกับบ้านหลังใหม่ซึ่งรีโนเวทจนแทบจะไม่รู้เหลือเค้าโครงเดิม ก่อนจะจะเอากระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้ามาเก็บในห้องที่เคยนอนมาตั้งแต่ตอนเป็นเด็ก
ทั่วบริเวณบ้านสะอาดสะอ้านเพราะก่อนหน้านี้เธอได้ติดต่อบริษัททำความสะอาดให้เข้ามาจัดการทุกอย่างเรียบร้อยก่อนที่ตนเองจะเดินทางมาถึง
เมื่อจัดการกับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เสร็จแล้วอรณิชาก็ล้มตัวลงนอนเพราะความเหนื่อยกับการเดินทางหลายสิบชั่วโมงหญิงสาวหลับไปนานจนกระทั่งรู้สึกตัวตื่นอีกทีในเวลาเกือบจะสองทุ่ม
เธอรู้สึกหิวจึงขับรถออกจากบ้านหลังเล็กตรงไปยังร้านสะดวกซื้อที่อยู่หน้าปากซอยซื้อของใช้ที่จำเป็นขนมน้ำดื่มมาสองถุงใหญ่ ก่อนจะเดินไปยังร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ด้านหน้า
“บะหมี่เกี๊ยวต้มยำชามหนึ่งค่ะ” หญิงสาวสั่งกับเจ้าของร้านก่อนจะเดินไปนั่งโต๊ะที่ว่างอยู่ รอไม่นานก๋วยเตี๋ยวก็มาเสิร์ฟ
นานมากแล้วที่เธอไม่ได้สัมผัสรสชาติอาหารแบบนี้แม้ว่าที่ร้านจะมีเมนูอาหารไทยอยู่มากมาย รวมถึงเมนูก๋วยเตี๋ยวและบะหมี่เกี๊ยวที่เธอกำลังนั่งทาน อยู่แต่รสชาติมันก็ต่างจากร้านต้นตำรับที่เมืองไทยมาก หญิงสาวนั่งทานก๋วยเตี๋ยวและมองบรรยากาศรอบๆ ไปด้วย
สภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปจากแปดปีก่อนอย่างชัดเจน แต่อรณิชาก็พอจะทำทางได้บ้างเพราะครั้งล่าสุดที่กลับมาเยี่ยมเมืองไทยก็เมื่อสามปีก่อนแต่ครั้งนั้นจะไม่ได้มาพักที่บ้านของตนเองแต่บิดามารดาก็ขับรถพามาดูบ้านเก่า
เช้าวันใหม่อรณิชาก็จะโทรศัพท์ไปกิ่งกาญจน์เพื่อนสนิทว่าตนเองกลับมาถึงบ้านแล้ว
ขณะที่หญิงสาวกำลังเกินสำรวจบริเวณรอบๆ บ้านยังเดินไม่ทันทั่วกิ่งกาญจน์ก็ขับรถมาจอดที่หน้าบ้าน
“อีฟเปิดประตูหน่อย” กิ่งกาญจน์เปิดประตูลงมาจากรถแล้วตะโกนเรียกเพื่อนที่กำลังเดิน
“แป๊บนะ” อรณิชารีบวิ่งไปเปิดในตัวเรารั้วจากนั้นก็สวมกอดเพื่อนด้วยความคิดถึง
“คิดถึงกิ่งจังไม่ได้เจอกันนานมากๆ”
“เลยนั่นสิเจอกันครั้งสุดท้ายก็เมื่อตอนที่กิ่งไปเที่ยวอเมริกา อีฟเป็นยังไงดีบ้างสบายดีมั้ย ผอมลงหรือเปล่า”
“ไม่ผอมเลยอีฟก็ตัวเท่าเดิมกิ่งนั่นแหละหุ่นดีขึ้นสวยขึ้นมากเลยนะ”
“แหมไม่ต้องมาแกล้งชมกันเลย”
“เข้าไปในบ้านก่อนไหมอีฟมีของฝากมาให้กิ่งเยอะแยะเลย”
“ไม่เห็นจะต้องซื้ออะไรมาฝากเลยแค่อีฟกลับมาอยู่บ้านแบบนี้กิ่งก็ดีใจมากๆ”
“เอาเถอะน่ายังไงอีฟก็ซื้อมาแล้วเข้าไปข้างในกันเถอะ” อรณิชาเดินนำเพื่อนเข้าไปในบ้าน
กิ่งกาญจน์เข้ามานั่งรอในห้องรับแขกขณะที่เจ้าของบ้านเดินหายเข้าไปในห้องนอนและกลับออกมาพร้อมถุงกระดาษอีกหลายใบใหญ่
“โอ้โหทำไมมันเยอะจังละอีฟ”
“อันนี้เป็นขนมนะ เผื่อกิ่งจะได้เอาไปฝากหลานๆ ที่บ้านด้วย ส่วนนี่เป็นน้ำหอมแล้วก็พวกเครื่องสำอาง”
“กิ่งว่ามันเยอะเกินไปนะ อีฟไม่น่าต้องเสียเงินเยอะเลย”
“ก็อีฟซื้อช่วงที่มันเซลแล้วยังอ้อ...มีกระเป๋าด้วยนะ”
“แต่กระเป๋านี่มันราคาแพงมากให้กิ่งจ่ายเงินอีฟดีไหม”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าก็บอกแล้วว่าของทุกอย่างอีฟซื้อช่วงที่มันเซล กระเป๋านี่ซื้อเมืองไทยก็ราคาเอาเรื่องอยู่แต่ซื้อที่นั่นราคามันไม่ได้แพงเลย”
“ขอบคุณมากนะอีฟ”
“อีฟต้องขอบคุณกิ่งมากกว่าที่ช่วยเรื่องบ้าน”
“แล้วเป็นยังไงบ้างล่ะบ้านสวยถูกใจมั้ย”
“สวยถูกใจมากๆ อีฟไม่คิดเลยว่าเขาจะเข้าใจสิ่งที่อีฟบอกและทำออกมาได้ดีแบบนี้”
“กิ่งก็ว่าสวยมากมันเปลี่ยนไปจากเดิมมาก ถ้าไม่เคยเห็นบ้านหลังเดิมมาก่อนก็ไม่รู้เลยว่าบ้านหลังนี้รีโนเวทมา”
“บริษัทนี้เก่งมากเลยนะ”
“กิ่งเพิ่งรู้มาว่าเป็นบริษัทเพื่อนที่โรงเรียนเก่าเรานั่นแหละ”
“จริงเหรอ อีฟชื่นชมในความเป็นมืออาชีพของคุณบาสนะ ถึงแม้อีฟจะเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่เมื่อมาจ้างงานในฐานะนายจ้างเขาก็ทำงานทุกอย่างให้อย่างเต็มที่”
“อีฟดิวงานกับคนที่บาสเหรอ”
“อือ ก็เขาเป็นคนออกแบบและดูแลทั้งหมดไม่ใช่เหรอ”
“กิ่งว่าไม่นะ”
“คุณบาสเขาคุยโทรศัพท์กับนะ แล้วจะไม่ใช่เขาได้ยังไงล่ะกิ่ง”
“กิ่งเคยแวะมาดูแต่ไม่เคยเจอคุณบาสเลยแต่เจอผู้ชายอีกคนหนึ่งนะ แต่กิ่งไม่ได้ถามชื่อ”
“เขาก็คงช่วยกันดูละมั้ง แล้วมันเป็นบังเอิญจังหวะที่กิ่งมาเจออีกคน แต่ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามอีฟว่าวันไหนว่างๆ จะนัดพวกเขาออกไปทานข้าวเพื่อเป็นการขอบคุณที่เขาทำบ้านออกมาได้สวยถูกใจ กิ่งว่างวันไหนล่ะเราจะได้ไปพร้อมกัน”
“ถ้าเป็นช่วงเย็นกิ่งว่างทุกวันแหละ อีฟนัดมาได้เลย”
“ถ้างั้นพรุ่งนี้อีฟจะลองโทรศัพท์ไปหาคุณบาสนะว่าเขาจะว่างออกมาทานข้าวกับเราวันไหน”
“ได้สิ”
“แล้ววันนี้กิ่งจะไปไหนต่อหรือเปล่า”
“กิ่งว่างถึงเย็นเลย อีฟอยากออกไปเที่ยวที่ไหนไหมล่ะเดี๋ยวกิ่งขับรถไปให้”
“อยากไปหาส้มตำแซบๆ กินน่ะ กิ่งพาไปหน่อยได้ไหม”
“ได้สิกิ่งก็อยากกินเหมือนกัน”
กิ่งกาญจน์พาอรณิชามายังร้านอาหารอีสานที่เธอมักจะมาทานเป็นประจำทั้งสองทานไปด้วยคุยไปด้วยเกือบสองชั่วโมงจากนั้นกิ่งกาญจน์ก็ขับรถมาส่งอรณิชาที่บ้าน
“อยู่คนเดียวได้นะ”
“นี่มันบ้านของอีฟนะอยู่ได้สบายมาก”
“ถ้างั้นกิ่งไปก่อนนะ อย่าลืมโทรบอกล่ะว่านัดกินข้าววันไหน”
“ได้จ้ะ ขับรถดีๆ นะ” อรณิชารอจนรถของเพื่อนเลี้ยวตรงหัวมุมก็เดินกลับเข้ามาในบ้าน
พรุ่งนี้ก็จะครบหนึ่งปีตามที่น่านนทีในสัญญาไว้กับกษิดิศแล้ววันนี้ชายหนุ่มเลยเข้ามาที่บ้านของอรณิชาอีกครั้งในเวลาค่ำเขาคิดว่าคืนนี้จะนอนค้างที่นี่หนึ่งคืนจากนั้นก็จะไม่กลับมาเหยียบที่นี่อีกเขาจะตัดใจเพราะคิดแล้วว่ายื้อต่อไปหรือรอต่อไปหญิงสาวก็คงไม่มีทางกลับมาหาชายหนุ่มถึงบ้านในเวลาหกโมงเย็นแต่เขายังไม่เปิดประตูเข้าไป ในบ้านเพราะคิดว่าจะรดน้ำต้นไม้บริเวณรอบๆ ก่อนที่มันจะมืดไปกว่านี้ใช้เวลารดน้ำต้นไม้ไม่นานก็เรียบร้อยน่านนทีเปิดประตูเข้าไปด้านในและใช้ห้องน้ำเล็กอาบน้ำก่อนจะมานอนอยู่บนโซฟากลางห้องรับแขก คืนนี้จะเป็นคืนสุดท้ายที่เขาจะมานอนค้างที่นี่ปกติแล้วก็จะมานอนบนโซฟาอยู่บ่อยครั้งตั้งแต่อรณิชากลับไปเพราะเขาคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ ที่เคยได้ใช้ชีวิตกับหญิงสาวในบ้านหลังนี้เนื่องจากทำงานหนักมาตลอดทั้งอาทิตย์ พอนอนไปสักพักน่านนทีก็เลยหลับลงด้วยความเหนื่อยแล้วน่านนทีก็รู้สึกตัวตื่นอีกทีเมื่อได้ยินเสียงเหมือนมีคนเปิดประตูชายหนุ่มลืมตาขึ้นท่ามกลางความมืด หัวใจเขาเต้นแรงเมื่อเห็นแสงไฟออกมาจากห้องนอนของอรณิชา เขาไม่รู้ว่านี่เป็นความฝันหรือความจริงกันแน่ชายหนุ่มพยายามรวบรวมสติและเพ่งมองไปรอบๆ บ้า
ผ่านมาสามเดือนแล้วหลังจากอรณิชากลับไปอเมริกา ตั้งแต่นั้นน่านนทีไม่ได้ข่าวคราวของเธออีกเลย แต่เขาก็เข้าไปที่บ้านของหญิงสาวอาทิตย์ละครั้งเพื่อเข้าไปทำความสะอาดบ้านรดน้ำต้นไม้และดูแลความเรียบร้อยต่างๆ แม้ว่าอรณิชาจะไม่ได้สั่งไว้แต่เขาก็อยากทำให้บ้านมันน่าอยู่เผื่อวันในวันหนึ่งเธอกลับมาแล้วจะได้มีความสุขกับบ้านที่เขาตั้งใจดูแลให้เธอเป็นอย่างดีน่านนทีอยากจะโทรศัพท์ไปคุยกับเธออยากจะถามว่าเธอสบายดีไหมแต่ชายหนุ่มก็ไม่กล้าเพราะกลัวหญิงสาวจะโกรธ แต่ถ้าจะส่งข้อความหรือไลน์ไปก็รู้สึกเกรงใจ เขากลัวว่าการติดต่อไปของตนเองจะทำให้หญิงสาวมีปัญหากับสามี น่านนทีจึงได้แค่เฝ้ารอคอยให้เธอติดต่อมา แต่ก็ไม่มีวี่แววคงเธอเลยสักนิดชายหนุ่มคิดว่าตอนนี้อรณิชาแล้วจะลืมเรื่องระหว่างเธอกับเขาไปหมดแล้วแต่สำหรับเขามันทำใจให้ลืมเรื่องราวเรานั้นไม่ได้เลยสักนิดเขาคิดถึงใบหน้าหวานเวลาส่งยิ้มมาให้มันก็ทำให้เขาลืมเธอไม่ลงวันนี้น่านนทีมาทานข้าวกับลูกค้าที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งหลังจากท่านเสร็จแล้วก็เดินมาที่ลานจอดรถชายหนุ่มดีใจมากเมื่อบังเอิญเห็นกิ่งกาญจน์กำลังเดินมาพอดี“สวัสดีครับกิ่ง”“สวัสดีน่าน มากินข้าวที่นี่เหมือนกันเหร
หญิงสาวมองหน้าบิดามารดาสลับกันไปมาก่อนจะตัดสินใจเล่าเรื่องที่ตนเองแอบไปมีความสัมพันธ์กับน่านนทีที่เมืองไทยด้วยความรู้สึกผิดคุณอลิษามองหน้าลูกสาวแล้วถอนหายใจอย่างหนักเพราะไม่คิดว่าลูกสาวคนเดียวของเธอจะทำเรื่องแบบนี้ขึ้นมาได้ เธออยากต่อว่าลูกสาวที่ทำตัวไร้ค่ามากแต่พอนึกถึงเรื่องที่อรณิชาเพิ่งเจอมาในวันนี้ก็เปลี่ยนใจเพราะฟังดูแล้วทั้งอรณิชาและอเล็กซ์ก็ผิดด้วยกันทั้งคู่ เธอไม่ได้เข้าข้างลูกสาวจนเกินไปแต่เรื่องที่อรณิชานอกใจอเล็กซ์มันเกิดขึ้นไม่นานผิดกับอเล็กซ์ที่ทำเรื่องแบบนั้นมานานถึงหนึ่งปีครึ่ง“แม่คะหนูรู้ว่าสิ่งที่หนูทำมันผิดต่อเล็กมากๆ แต่หนูก็ยอมรับอย่างไม่อายเลยค่ะว่าช่วงเวลาที่หนูใช้ชีวิตอยู่กับเขาที่เมืองไทยมันเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขมากๆ” อรณิชาสารภาพทุกอย่างออกมาเพราะถ้าทนเก็บไว้คนเดียวก็คงจะอึดอัดมาก“ที่หนูบอกว่ากลับมาจะหย่ากับอเล็กซ์เพราะหนูคิดว่าจะกลับใช้ชีวิตกับเขาที่นั่นเหรอลูก”“เปล่าค่ะแม่หนูบอกเขาแล้วว่าไม่ต้องรอหนู ให้เขาเดินหน้าใช้ชีวิตของเขาต่อไปและมองหาผู้หญิงที่เหมาะสมกับเขา”“อ้าว ในเมื่อหนูบอกว่าหนูรักเขาแล้วเขารักหนูทำไมหนูถึงไม่คิดจะกลับไปหาเขาล่ะ แม่ไม่ว่าอ
อรณิชาเช็ดน้ำตาออกจนแห้งสนิทก่อนจะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านอาหารไทยซึ่งตอนนี้พนักงานกำลังทยอยกันกลับบ้านหญิงสาวกล่าวทักทายกับทุกคนและยิ้มให้เล็กน้อย เธอรอจนกระทั่งทุกคนกลับไปหมดก็เดินเข้าไปหาบิดามารดาที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คิดเงิน“พ่อคะแม่คะหนูกลับมาแล้วค่ะ” หญิงสาวโผกอดบิดามารดาพร้อมทั้งสะอื้นเล็กๆ ทำให้มารดาของเธอรู้สึกแปลกใจมาก“อีฟหนูเป็นอะไรหรือเปล่าทำไมร้องไห้แบบนี้ล่ะลูก”“หนูคิดถึงพ่อกับแม่นี่คะ ไม่ได้เจอกันตั้งหนึ่งเดือน”“แต่แม่ว่ามันผิดปกติมากๆ นะหนูไม่เคยร้องไห้เพราะคิดถึงแม่แบบนี้มาก่อนเลยนะลูก หนูเป็นอะไรหรือเปล่า”“หนูไม่ได้เป็นอะไรค่ะก็แค่คิดถึงพ่อกับแม่จริงๆ ค่ะ”“แต่แม่ว่าไม่น่าจะใช่นะลูก”“หนูไปเมืองไทยนานตั้งหนึ่งเดือนก็เลยคิดถึงมากกว่าทุกครั้ง แล้วพ่อกับแม่คิดถึงหนูมั้ยคะ”“คิดถึงสิแต่แม่ว่าหนูนั่นแหละไม่เคยคิดถึงพ่อแม่เลย ตั้งแต่ไปเมืองไม่ค่อยโทรหาแม่มัวแต่เที่ยวจนสนุกเลยใช่ไหม”“หนูยอมรับเลยค่ะแม่ว่ากันกลับไปเมืองไทยครั้งนี้หนูมีความสุขมากๆ จนแทบจะไม่อยากกลับมาที่นี่อีกเลย” หญิงสาวพูดด้วยเสียงสั่นเครือเมื่อนึกถึงความสุขที่ตัวเองมีร่วมกับน่านนทีตอนที่อยู่เมือง
บรรยากาศในห้องรับแขกเงียบสนิทเพราะอเล็กซ์ไม่ยอมพูดอะไรส่วนอรณิชาก็จ้องหน้าเขาด้วยความโกรธเพราะไม่คิดว่าเรื่องที่เคยได้ยินในร้านซักผ้าตอนอยู่เมืองไทยจะเกิดขึ้นกับตนเอง“ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มต้นเล่ายังไงรีน่าจะเป็นคนเล่าให้คุณอีฟฟังเองก็ได้ค่ะ ว่าแต่คุณพร้อมที่จะฟังจริงๆ แล้วใช่ไหมคะ” มารีน่าคิดว่าถ้าหากอเล็กซ์ยังเอาแต่นั่งเงียบแบบนี้เรื่องก็คงไม่จบง่ายๆ และคนที่เสียหายจะต้องเป็นตัวเองที่ท้องเริ่มโตมากขึ้นทุกวัน“อีฟก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”แล้วมารีน่าก็เล่าเรื่องของตนเองกับอเล็กซ์ให้อรณิชาฟังอย่างละเอียดว่าเริ่มคบกันตั้งแต่ตอนไหนและใช้ชีวิตอยู่กันยังไงในเวลาหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมา รวมไปถึงเรื่องที่ตอนนี้เธอกำลังท้องและก่อนหน้าที่อรณิชาจะกลับมาอเล็กซ์ได้สัญญาว่าจะหย่ากับอรณิชาและจะมาสร้างครอบครัวกับมารีน่า“เป็นอย่างที่คุณรีน่าพูดใช่ไหมอเล็กซ์” อรณิชาหันไปถามชายหนุ่มที่เอาแต่นั่งเงียบอเล็กซ์พยักหน้าแต่ไม่กล้าสบตากับอรณิชาเพราะตอนนี้เขาเองรู้สึกผิดมากๆ ที่นอกใจภรรยาหลังจากแต่งงานได้เพียงครึ่งปีเท่านั้น“ทำไมคุณไม่พูดกับฉันตรงๆ ล่ะคะอเล็กซ์ ทำไมคุณไม่บอกฉันว่าคุณหมดรักฉันแ
อรณิชามาถึงสนามบินในเวลาบ่าย เมื่อรับกระเป๋าก็รีบเปลี่ยนซิมโทรศัพท์จากนั้นก็ไลน์ไปบอกน่านนทีและกิ่งกาญจน์ว่าเธอมาถึงอเมริกาอย่างปลอดภัยแล้วจากนั้นหญิงสาวก็เรียกรถให้ไปส่งที่บ้านและอดแปลกใจไม่ได้ว่าที่เห็นรถยนต์ของอเล็กซ์จอดอยู่ในบ้านซึ่งปกติเวลานี้ชายหนุ่มน่าจะอยู่ที่บริษัทมากกว่า หญิงสาวบอกเขาแล้วบอกเขาว่าเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้เพราะจำวันที่ผิด แต่ก็รู้สึกดีใจที่กลับมาแล้วเจอเขาอยู่ที่บ้านเธอหยิบมือถือขึ้นมาเปิดโหมดวิดีโอเพื่อจะถ่ายสีหน้าของเขาเมื่อเห็นเธอมาถึงบ้านก่อนเวลา เธอเปิดประตูพร้อมกับลากกระเป๋าใบใหญ่เข้ามาในบ้านแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าตอนนี้ในห้องรับแขกมีเสื้อผ้ากระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมดมีทั้งเสื้อผ้าผู้หญิงผู้ชาย หญิงสาวตัวชาหน้าซีดและก้าวขาแทบไม่ออกเมื่อคิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นในห้องรับแขกเธอยังคงถือกล้องถ่ายไว้ขณะที่เดินเข้ามาใกล้ห้องนอนของตนเองจนได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ด้านใน เธอจำเสียงนั้นได้เป็นอย่างดีเพราะมันเป็นเสียงของอเล็กซ์ส่วนอีกเสียงนั้นเธอไม่ค่อยแน่ใจเท่าไหร่แต่ก็รู้สึกคุ้นเหมือนเคยได้ยินที่ไหนใจหนึ่งอยากจะหนีออกไปจากที่นี่เพราะไม่อยากรับรู้ว่าภายในห้องนอนนั้นเ