“แต่งตัวไปยั่วใคร”
ฉันไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของพี่คีตะตอนนี้คืออะไร หรือเขาเห็นฉันเป็นของเล่นยามเหงา คำถามนี้เขาถามเพราะหวงหรือถามไปอย่างนั้น
“ดรีมก็แต่งแบบนี้ปกติ” ฉันตอบแล้วหลุบตาต่ำลงมองดูชุดของตัวเองที่เกือบจะร่นลงไปกลางอก ก่อนจะรีบคว้ามันเอาไว้ก่อนที่อะไรต่อมิอะไรจะโชว์หราต่อหน้าเขา
การกระทำที่ดูป่าเถื่อนของเขาทำให้ฉันตกใจไม่น้อย ไม่คิดว่าความเมาจะทำให้เขาเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแบบนี้ เขาไม่เหมือนพี่คีตะที่ฉันรู้จักเลย
“อ๊ะ”
พี่คีตะกระชากข้อมือข้างที่ฉันจับชุดเดรสออกมากดลงกับประตู มืออีกข้างก็มีชะตากรรมไม่ต่างกัน ชุดเดรสสีดำตัวจิ๋วที่ถูกเขากระชากเมื่อกี้ทำให้สายของมันขาดออกจากส่วนชุด ค่อย ๆ เลื่อนหลุดไปตามร่างกายจนเผยให้เห็นเรือนร่างที่มีเพียงบราและชั้นในตัวบางปกปิดอยู่แต่มันแทบจะไม่ช่วยอะไรเลย
“ต่อไปใส่ให้ฉันดูคนเดียวก็พอ” เขาเอ่ยเสียงพร่า เลื่อนใบหน้าลงมาที่ซอกคอ ก่อนจะใช้ปลายจมูกคลอเคลียไปตามผิวเนื้อบอบบางจนฉันรู้สึกสยิว ริมฝีปากหนากดจูบและดูดเม้มลงมาตามซอกคอขาวเนียนดมดอมกลิ่นกายหอมอ่อน ๆ จากกลิ่นน้ำหอมและครีมอาบน้ำจาง ๆ
“อ๊า พะ…พี่คีตะ” ฉันร้องท้วงเมื่อเขาดูดลงมาที่ผิวเนื้อแรงขึ้นจนรู้สึกเจ็บและคิดว่ามันคงเป็นรอยแดงแน่ ๆ
คนร่างสูงหยุดการกระทำเหมือนเขากำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง ก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นมามองฉันด้วยสายตาดุดัน
ฉันทำอะไรผิด ?
“เธออยากตายใช่ไหม ถึงเรียกแบบนี้” เขาเอ่ยแล้วบีบข้อมือของฉันจนรู้สึกเจ็บ ก่อนจะกระแทกริมฝีปากลงมาที่ริมฝีปากบางของฉันแรง ๆ จนฉันตกใจและเจ็บจนต้องนิ่วหน้า ก่อนที่เขาจะบดขยี้ริมฝีปากหนาลงมาอย่างรุนแรงและเอาแต่ใจ
ทั้ง ๆ ที่ฉันยังไม่รู้ว่าตัวเองผิดอะไรแต่กลับถูกเขาทำโทษแบบนี้แค่เรียกชื่อเขานะเหรอ
“อื้อ ! จะ…เจ็บ อึก อื้อออ” ฉันเบือนหน้าหนีใบหน้าหล่อเหลามาอีกทางแต่เขากลับตามมาจูบซ้ำ ครอบครองริมฝีปากของฉันไม่ให้ขยับหนีและแทรกเรียวลิ้นร้อนเข้ามาในโพรงปาก ก่อนจะดูดลิ้นเล็กของฉันด้วยสัมผัสที่รุนแรงและหนักหน่วง
เขาไม่ฟังเสียงร้องท้วงที่ฉันบอกว่าทรมานและเจ็บจากการกระทำนั้น กลิ่นคาวเลือดที่ไม่รู้ว่ามันมาจากฉันหรือเขาคละคลุ้งไปทั่วโพรงจมูก น้ำตาของฉันไหลลงมาจากหางตาทั้งสองข้างก่อนที่เสียงสะอื้นจะดังตามออกมา แต่เขาก็ไม่มีทีท่าจะหยุดการกระทำที่แสนป่าเถื่อนนั้นเลย
“พะ…พอ อื้อ !” ฉันหันหน้าหนีรสจูบที่เค็มไปด้วยเลือดจากริมฝีปากเพื่อคว้าเอาอากาศเข้ามาหายใจ แต่เขากลับตามมาครอบครองริมฝีปากของฉันอีกครั้ง ตวัดดูดดึงลิ้นเล็ก ทั้งฉกชิมความหวานในโพรงปากจนฉันเหมือนจะขาดใจตายให้ได้
“อะ อื้อ !!”
ฝ่ามือหนาเลื่อนลงไปคว้าหมับตรงหว่างขาโดยไม่ให้ได้ตั้งตัว ฉันจับข้อมือของเขาตามสัญชาตญาณของความตกใจแต่กลับเขารวบแขนสองข้างเอาไว้เหนือศีรษะด้วยมือข้างเดียวแล้วกดไว้กับประตู
“อย่าทำแบบนี้…” ฉันพูดออกมาทันทีที่เขาเปิดโอกาสด้วยการถอนริมฝีปากออกมา แต่กลับพบกับแววตาดุดันและแข็งกร้าว
“คืนนั้นฉันบอกเธอแล้ว” เขาเอ่ยก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกี่ยวเอาแพนตี้ตัวบางออกไปด้านข้างแล้วปาดนิ้วเรียวไปตามรอยแยกจนร่างกายที่ไม่รักดีของฉันมันหลั่งเอาน้ำหวานสีใสออกมา คนใจร้ายแสยะยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะพูดขึ้น
“ถ้าไม่รู้จักจำเธอก็จะโดนลงโทษ ที่รัก”
“แล้วจะให้ดรีมเรียกพี่ว่าอะไร อ๊า… ยะ อย่า” ฉันส่ายหน้าพรืด เมื่อความเสียวซ่านเริ่มแผ่ขยายไปทั่วร่างกาย นิ้วเรียวค่อย ๆ แทรกเข้าไปในช่องทางรักที่คับแคบก่อนที่จังหวะเคลื่อนไหวเนิบนาบจะเริ่มขึ้น
“อึก หยุดได้แล้ว อ๊าา”
เสียงของฉันมันเบาจนเขาไม่ได้ยินหรือเป็นเพราะเขาไม่สนใจกันแน่ เพราะคนร่างสูงนอกจากจะไม่หยุด เขายังเร่งจังหวะสอดแทรกนิ้วเรียวเข้าออกภายในช่องทางรักที่อุ่นชื้น จนความเปียกแฉะชโลมทั่วฝ่ามือของเขา เกิดเป็นเสียงลามกเมื่อมันกระทบเข้ากับเนินเนื้อของฉันที่เริ่มบวมเป่งจากจังหวะจ้วงแทงที่เริ่มรุนแรงขึ้น
“อ๊าา มะ…ไม่ไหวแล้ว พะ…พอเถอะ อื้ออ”
“หึ ไม่ไหวแบบไหน” เขาหัวเราะในลำคอก่อนจะถอนนิ้วออกจากกลางกาย
“เธอไวกับฉันมาก”
“ฉันชอบเธอก็ตรงนี้”
เขาใช้มือเดียวปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงยีนสีเข้มที่มีบางอย่างดุนดันอยากจะออกมาจากตรงนั้น แล้วจึงดึงกลับมากระชากชั้นในตัวบางของชั้นจนขาดออกจากตัว
แคว่ก !
“เจ็บค่ะ !” ฉันเผลอเสียงดังเพราะความตกใจ แต่เขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย เพียงปรายตามองสบตาฉันก่อนจะเลื่อนสายตาคู่นั้นลงไปสนใจบราชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดร่างกาย
คืนนั้นฉันไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง เขาบ้าแบบนี้หรือเปล่า แต่ตอนนี้ฉันมีสติเหลือพอที่จะอับอาย ถึงแม้เราจะเคยมีอะไรกันแต่การที่ต้องมายืนเปลือยเปล่าต่อหน้าเขาแบบนี้มันไม่น่าดูเลย
“ได้โปรด อย่าทำแบบนี้เลย ฮึก” ฉันเบือนหน้าไปอีกทางเมื่อเขาดึงเอาปราการชิ้นสุดท้ายออกจากตัว ก่อนจะเลื่อนข้างที่ว่างนั้นมากอบกุมความอวบอิ่มเบื้องหน้า
“ร้องไห้เหมือนเราไม่เคยเอากัน”
“แต่แบบนี้ดรีมไม่ชอบ ฮึก” ฉันหลับตาลงไล่น้ำตาที่เอ่อนองจนแทบมองไม่เห็นอะไรให้มันไหล
“อย่าคิดว่าร้องไห้แล้วฉันจะใจดี” เขาเอ่ยเสียงเรียบก่อนจะโน้มหน้าลงไปครอบครองปลายยอดสีแดงระเรื่อที่ถูกเขาเคล้นคลึงก่อนหน้าอย่างมูมมาม
“อึก จะ…เจ็บ” ฉันร้องท้วงดิ้นหลบหลีกสัมผัสจาบจ้วงที่เขามอบให้ แต่กลับถูกเขาตวัดแขนรวบเอวยกขึ้นจนตัวลอย ต้องรีบตวัดเรียวขาและแขนเกาะเกี่ยวตัวเขาเอาไว้
“ทำบ้าอะไรเนี่ย”
“มองฉัน” เขาสั่งเสียงเรียบแต่เมื่อฉันยังหลบตาน้ำเสียงของเขาจึงเปลี่ยนเป็นดุ
“มอง !”
ฉันค่อย ๆ หันมามองตามคำสั่งด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ มีแค่ฉันที่เปลือยเปล่าแต่ตัวเขายังมีเสื้อผ้าอยู่ทุกชิ้น แถมตอนนี้ยังถูกอุ้มขึ้นในท่าล่อแหลมอีกต่างหาก
“เชื่อฟังฉัน” เขาเอ่ยแล้วมองสบตาฉัน ทั้งที่กลัวแต่สายตาคู่นั้นกลับทำฉันใจสั่น ฉันเงียบแล้วมองสบตากับดวงตาคมที่ตอนนี้ความแข็งกร้าวนั้นเริ่มอ่อนลง
“แล้วอย่าเรียกฉันว่าคีตะอีก”
ตอนพิเศษความลับที่ถูกเฉลยสามปีก่อน“กำไรแบ่งครึ่งแต่มึงมาเดือนละครั้งเนี่ยนะ” เสียงไอ้เจไดที่ดังออกมายังไม่น่าเตะเท่าหน้ากวน ๆ ของมันตอนมองผมเหมือนคนเอือมระอา“เออ แล้วไง” “ชั่วมาก ถ้ากูเป็นแคทกูขอเหนื่อยคนเดียวดีกว่าลากมึงมาแล้วเหนื่อยกว่าเดิม”ตอนนี้ผมอยู่ที่ผับ สถานบันเทิงที่กำลังเป็นแหล่งทำเงินแห่งใหม่ของผมกับแคทซึ่งเป็นลูกของลุงแท้ ๆ แต่ผมเรียกท่านว่าพ่อเพราะท่านเลี้ยงปมมาตั้งแต่เด็กเราสองคนตกลงกันว่าจะลงทุนกันคนละครึ่งและหารกำไรกันคนละครึ่งแต่เพราะบางครั้งผมต้องทำงานให้พ่อเลยไม่ได้เข้ามาที่นี่บ่อย ๆ หรือจะเรียกว่าไม่มาเลยก็ว่าได้“กูงานยุ่ง” ผมตอบแล้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปมา หลายดือนแล้วที่ไม่มีข้อความจากผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแฟนส่งมาหา และผมเองก็ไม่ได้ทักทายเธอไปเพราะไม่อยากเป็นคนโง่หรือแกล้งโง่ จะให้ไปอาละวาดแย่งผู้หญิงมักมากคนหนึ่งก็คงจะไม่ใช่นิสัย ไม่รักก็ไปนอกใจก็เลิกแค่นั้นทว่าตอนนี้คนคนนั้นยังไม่บอกเลิกผมด้วยซ้ำ แต่กลับไปมีความสุขกับผู้ชายคนอื่นอย่างออกนอกหน้าเพราะคิดว่าผมไม่รู้หรือมัวเมาจนลืมผมไปแล้วก็ไม่แน่ใจ ไม่อยากจะเดาให้เสียเวลา “เฟิร์สรู้ยังมึงกลับมา”
EP.47My baby (ตอนจบ) สองปีต่อมา“พอร์ช มาหาพี่ดรีมเร็ว”“ป้าดรีมจ้าลูก”เสียงของยัยธัญญ่าดังขึ้นด้านหลังตอนที่ฉันกำลังจะฟัดเจ้าตัวอ้วนกลมที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูตรงหน้า“อายุเท่าไรแล้วนะลูกแก”“สี่ขวบครึ่ง”เวลาผ่านไปไวมาก รู้ตัวอีกทีลูกของยัยพราวเพื่อนสนิทสมัยมัธยมอีกคนก็โตจนพูดกับฉันรู้เรื่อง และอีกหลาย ๆ อย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะ…ตัวฉัน“ลูกฉันจะอายุน้อยกว่าลูกแกเกือบห้าปีสินะ” ฉันว่าพลางลูบท้องของตัวเองที่โตขึ้นทุกวันจนไม่เหลือหน้าท้องแบนราบอย่างก่อนหน้า มันโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกกังวล“ทำไม จะจองลูกชายฉันเหรอ”“พอร์ชหมั้นกับน้องเลยไหมลูก” ฉันไม่ตอบเพื่อนหันไปคุยกับเด็กน้อยที่เอามือลูบท้องป่อง ๆ อย่างสนใจ“ถามพ่อเขาหรือยัง รายนั้นคงไม่ปล่อยให้มดมาไต่มาตอมเลยมั้ง ขนาดแม่ยังหวงเป็นกระดูกเลย” ยัยธัญญ่าพูดติดตลกแล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปน้องพอร์ชที่กำลังเอาหูแนบกับท้องของฉัน“น้อง…”“พอร์ชอยากเจอน้องไหมครับ”“ครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบด้วยรอยยิ้ม“น้องจะออกมาตอนไหน”“รออีกไม่นานก็จะได้เจอแล้วนะ ถ้าน้องออกมาจากท้องป้าเมื่อไหร่ ป้าจะให้เราอุ้มทุกวันเ
EP.46งานแต่งฉันกับพี่ไคคบกันได้เกือบปีแล้ว เรื่องของยัยเฟิร์สอะไรนั่นก็จบไปตั้งแต่ตอนนั้นโดยพี่ไครับปากอย่างมั่นใจว่ามีฉันเป็นตัวจริงเพียงแค่คนเดียวเราสองคนไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ทะเลาะกันใหญ่โตจะมีก็แต่ปัญหาทั่วไปที่บางทีมันคิดต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจกันได้เสมอ จะมีเรื่องที่เศร้าที่สุดก็คงจะเป็นเมื่อต้นเดือนที่แล้วพี่ไคเสียแม่ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขาเองก็เศร้าเสียใจไม่ต่างจาก คนไหนที่เจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้“นมอุ่น ๆ ค่ะ” ฉันวางแก้วไว้บนโต๊ะทำงาน เป็นค่ำคืนที่เราต้องพักโรงแรมเพราะช่วงสิ้นเดือนพี่ไคจะมีงานต้องตรวจสอบค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องผลประกอบการและเรื่องพนักงานช่วงนี้พี่แคทก็ยุ่งอยู่กับเรื่องงานแต่งของตัวเอง เลยไม่มีเวลาเข้ามาช่วยทางนี้เท่าไรนัก ส่วนฉันก็ช่วยเขาได้แค่เรื่องการเงินกับทำบัญชีเพราะเรื่องใหญ่ ๆ ฉันจัดการไม่เป็น“ง่วงไหม ถ้าง่วงก็เข้านอนก่อนเลยนะ” พี่ไคเงยหน้าขึ้นมาบอกยิ้ม ๆ เขาในตอนนี้ต่างจากก่อนหน้านั้นลิบลับ เมื่อก่อนมองยังไงก็ดูเหมือนพวกเสเพล ที่ไหนได้บ้างานใช่เล่น“พี่ไคนั่นแหละ ไปนอนกันได
EP.45เจ้าหมีKai talks. หลังจากส่งดรีมกลับบ้านผมก็กลับมานอนที่คอนโดมิเนียม เป็นคอนโดมิเนียมที่ผมซื้อให้น้องนั่นแหละเพราะมันอยู่ระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัยพอดีเธอจะได้สะดวกเวลาไปเรียนและกลับบ้านด้วยพอกลับมาถึงห้องมันก็รู้สึกเหงาแปลก ๆ เพราะทุกทีเวลามาที่นี่จะต้องมีดรีมอยู่ด้วย แต่วันนี้เธอดันงอนผมเรื่องแฟนเก่าจึงต้องกลับมานอนคนเดียวเรื่องของเฟิร์สก็เหมือนกับที่ผมเล่าให้ดรีมฟัง แต่…ผมเล่าไม่หมด เพราะบางเรื่องมันก็ไม่สมควรจะเล่าให้ใครฟัง เพราะถึงแม้เขาจะเป็นแฟนเก่าไปแล้ว แต่ผมก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ขายผู้หญิงไม่ว่าจะคบกันมานานหรือรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงเราสองคนคบกับตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น เฟิร์สเป็นเพื่อนในกลุ่มเด็กเรียนนอกกลุ่มเดียวกับแคท ซึ่งผมก็รู้จักกับเธอเพราะได้เจอกันบ่อย ๆ และเราคบกันจนเรียนจบ มีทะเลาะกันบ้างตามประสาแต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ตอนเฟิร์สกลับมาอยู่ไทย แต่ผมยังเรียนอยู่ที่นู่น ผมเริ่มสงสัยในตัวของเธอเพราะเธอเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยติดต่อมาหา บางทีก็หายไปหลายวัน จนกระทั่งผมให้คนตามสืบถึงรู้ว่าเธอแอบคบกับผู้ชายอีกคนที่อายุห่างกันเกือบสิบปี และเธอยังไ
EP.44อยู่ห่าง ๆฉันพยายามแสดงออกไปแล้วว่าไม่ได้ล้อเล่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับความรักการมีคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยยิ่งคนคนนั้นเป็นแฟนเก่าด้วยแล้ว…“ขอโทษ…” น้ำเสียงของคนตรงหน้าฟังดูอ่อนลง ก่อนจะขยับตัวมาใกล้แล้วดึงฉันลงไปนั่งบนตักของเขา“จะเล่าอยู่นี่ไง แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่คิดมาก”“พูดมาเลย ดรีมยังไม่รู้อะไรเลยจะตอบได้ยังไงว่ามันจะไม่ทำให้คิด”แล้วพี่ไคก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบาย ทีอย่างนี้ล่ะเสียงอ่อน ทีตัวเองหึงเรากับผู้ชายคนอื่นอย่างกับเป็นฟืนเป็นไฟ“ก่อนหน้านี้พี่คบกับเฟิร์ส คบกันเกือบสี่ปี แต่ตอนนั้นเราอยู่ไกลกันเลยทำให้เริ่มห่างเหินกันไปเรื่อย ๆ”“แล้วพี่ไคกับเขาก็ไม่ได้เลิกกันอย่างที่ว่าจริง ๆ เหรอ”“อืม”อยู่ ๆ หัวใจของฉันมันก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา แบบนี้ก็แปลว่าเขามาคบกับฉันทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วน่ะเหรอ“แต่มันก็เหมือนกับเลิกกันนั่นแหละ เพราะตอนนั้นพี่รู้มาว่าเขาแอบมีคนอื่น ตอนนั้นก็ไม่ค่อยคุยกันอยู่แล้ว เขาก็หายไปอยู่ ๆ ก็กลับมาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ถึงเขาจะอธิบายยังไงเหตุผลมันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี“แล้วทำไมไม่บ
EP.43เมียน้อยฉันกับพี่ไคปลีกตัวออกมาจากงานแล้วกลับมาอยู่ที่ห้องส่วนตัวของเราซึ่งอยู่ชั้นล่างถัดลงมาจากชั้นดาดฟ้า“คบกันนานไหม แล้วเลิกกันเพราะอะไร” ฉันถามขึ้นมาตอนที่กำลังหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าไปในปาก แล้วจึงกอดอกมองผู้ชายที่่เดินผ่านหน้าไปหยิบแก้วไวน์ เพื่อที่จะมานั่งดื่มกันสองคน“อยากรู้ไปทำไม เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว” พี่ไคตอบแล้วขมวดคิ้วมองฉันอย่างหนักใจ“ผ่านไปแล้วแต่ไม่ผ่านเลยไปไง” ฟังจากสิ่งที่ยัยนั่นมาคุยกับฉันดูเหมือนอยากหาเรื่องมากกว่า คงไม่อยากจบง่าย ๆ หรอก“มาปรึกษาปัญหาครอบครัวหรืออยากมาคืนดีกันแน่”“คิดมากเกินไปแล้วครับ” พี่ไคหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ กัน ยื่นมือมาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน สายตาของเขามองฉันอย่างกับมองลูกหมา เหมือนกำลังเอ็นดูอย่างนั้นแหละ“ไม่คิดมากได้ไง ขนาดพี่ไคยังหึงดรีมได้เลย แล้วนี่แฟนเก่านะเว้ย !” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียแต่ความรู้สึกมันเป็นไปเองอย่างไม่รู้ตัวจนคนฟังถึงกับเลิกคิ้วมองเหมือนตกใจ“ดรีมขอได้ไหม”“…”“ดรีมไม่ชอบ ถ้ายังแคร์กันอยู่ก็อย่าไปยุ่ง” ฉันจริงจังกับคำพูดนั้นมากและไม่มีแววความล้อเล่นอยู่แน่ ๆ จนพี่ไคเองก็จริงจังไปด้วยเขาไม่ได้ตอบอะไร