ฉันเงียบไปครู่หนึ่งเพื่อคิดถึงสิ่งที่ตัวเองทำลงไปก่อนหน้า ใครบอกว่าฉันหันหนี เพื่อนฉันบังคับต่างหาก
“ดรีมไม่เห็นพี่ จะหันหน้าหนีตอนไหน” ฉันแกล้งโกหกออกไปเพราะตรงที่ฉันอยู่นั้นมืดพอสมควร เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันเห็นหรือเปล่า
“รู้ไหมว่าการโกหกมันไม่น่ารัก” เขาไม่พูดเปล่าแต่เชยคางฉันขึ้นก่อนจะบีบเบา ๆ แล้วเลื่อนริมฝีปากลงมาดูดริมฝีปากฉันจนเกิดเสียงน่าอายแล้วผละออก
“อยากให้ฉันลงโทษเธอมากกว่านี้เหรอ”
ทั้งที่รู้ว่าคำพูดของเขามันฟังดูเอาแต่ใจแต่มันกลับรู้สึกชวนให้ใจสั่นเหลือเกิน จนฉันต้องเก็บอาการนั้นด้วยการเม้มริมฝีปากแน่น
ครืด~
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือของฉันดังขึ้นมาขัดจังหวะ เหมือนมันช่วยชีวิตฉันเอาไว้เพราะกำลังรู้สึกหายใจติดขัด
“ปล่อยได้แล้วค่ะ” ฉันดันตัวเขาออกก่อนจะล้วงเอาโทรศัพท์มือถือออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นยัยธัญญ่าจึงกดปิดเสียงแล้วหันมาบอกพี่คีตะ
“ขอตัว”
พูดจบฉันก็หันหลังให้เขาแล้วเดินออกมาจากมุมมืดนั้น เจอกับเพื่อนสาวคนสนิทพอดี แต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเสียงจากคนด้านหลังดังขึ้นมา
“รออยู่หน้าห้อง” เขาเอ่ยขึ้นมาแบบนั้นทำให้ฉันต้องหันไปมองด้วยความสงสัย ก็เห็นกุญแจห้องของตัวเองที่คล้องอยู่กับนิ้วเรียวของเขา แถมยังควงเล่นอย่างท้าทาย ที่จำได้เพราะพวงกุญแจนั่นมีตุ๊กตาน้องหมีเน่าห้อยอยู่
“เดี๋ยวจะไปเปิดให้”
“เดี๋ยว ! นี่ !…” ฉันกำลังจะเดินตามไปแต่กลับถูกธัญญ่าคว้าข้อมือเอาไว้แล้วออกแรงดึงให้ตามมันไปในห้องน้ำ
“ฉันบอกแกแล้วใช่ไหมว่าอย่าไปสนใจ ดูมันทำดิ เดินหนีแกขนาดนั้น” เพื่อนสาวคนสนิทดุฉันพร้อมสีหน้าตำหนิ ก่อนจะมองตามพี่คีตะไป จากตอนแรกที่มันไม่ค่อยจะถูกใจเขาอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งไม่ชอบเข้าไปใหญ่
“เมาแล้วใช่ไหม อย่าให้ฉันเห็นว่าจะโดนหิ้วไปอีก”
ฉันหัวเราะตามหลังมันเบา ๆ เข้าใจนะว่ามันเป็นห่วงถึงได้บ่นแบบนี้ แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อฉันชอบเขาจนถอนตัวไม่ขึ้นเลย ถ้าเขายังเล่นด้วยแบบนี้ คนแอบชอบมาหกปีอย่างฉันมีหวังได้ยอมถูกหลอกแน่ ๆ
พอเข้าห้องน้ำเสร็จเราก็กลับมาที่โต๊ะ ฉันคิดจะไปเอากุญแจจากพี่คีตะคืนมาก็ไม่รู้จะไปหาเขาตรงไหน เพราะมองขึ้นไปจุดเดิมเขาก็ไม่อยู่ที่นั่นแล้ว ถ้าบอกให้ธัญญ่ารู้มันก็ต้องโวยวายแน่ ๆ
ค่อยไปขอกุญแจสำรองเอาก็ได้
“แกขึ้นไปไหวนะ” วาวากับธัญญ่ามาส่งฉันที่หอ ฉันไม่ได้ดื่มเยอะขึ้นเลยหลังจากเจอพี่คีตะ เพราะกลัวตัวเองจะเมาไม่ได้สติแล้วไปทำอะไรเสียหายอีก
“ไหว”
“ให้ไปส่งก่อนไหม หน้าแกเหมือนจะไม่ไหว” ธัญญ่ามองฉันด้วยความเป็นห่วงแต่ฉันรีบปัดมือบอกมัน เพราะที่หน้าฉันเปลี่ยนไปตอนนี้เป็นเพราะกำลังรู้สึกกังวลกับอย่างอื่นอยู่ต่างหาก
“ไม่ ไม่ต้อง แกรีบกลับเถอะดึกแล้ว” ฉันบอกมันแล้วโบกมือให้ก่อนจะรีบเดินเข้าหอและกดลิฟต์ขึ้นไปยังชั้นสี่ ฉันชั่งใจอยู่ว่าเขาจะมาจริง ๆ หรือแค่แกล้งหลอกให้ฉันไปเอากุญแจคืน มองดูเวลาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือตอนนี้ก็เกือบตีหนึ่งแล้วถ้าเขาไม่เอามาคืนก็คงต้องลงไปขอกุญแจสำรอง
ติ๊ง !
เสียงลิฟต์ที่ตั้งขึ้นมาเหมือนเสียงที่เตือนให้ฉันตื่นขึ้นจากความคิดเรื่อยเปื่อย แต่หลังจากนั้นหัวใจกลับเต้นแรงอย่างไม่มีสาเหตุ ค่อย ๆ ก้าวเท้าออกมาจากลิฟต์ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก
ฉันมองตรงทางเดินที่ไปยังห้องของตัวเองก็พบกับความว่างเปล่า เขาไม่ได้มาอย่างที่พูด ฉันจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่ง แต่อีกใจกลับรู้สึกผิดหวังแปลก ๆ
นี่ฉันหวังอะไรอยู่กันนะ คิดไม่เข้าท่าเลยนะยัยดรีม
“พี่จูนคะ ดรีมขอยืมกุญแจสำรองหน่อยค่ะ พอดีลืมไว้ที่บ้าน” ฉันลงมาขอกุญแจสำรองอีกครั้งกับพี่จูน คนงานกะดึกที่ทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อย เพราะหอพักแห่งนี้มีร้อยกว่าห้อง แถมยังราคาค่าเช่าค่อนข้างสูงจึงต้องได้รับการบริการที่ดีพอสมควร
ฉันอยู่ที่นี่มาปีกว่าจึงพอจะสนิทกับพนักงานที่นี่อยู่บ้าง ตั้งแต่คนดูแลหอ ยันแม่บ้าน และลุงคนสวน เพราะทุกคนที่นี่ค่อนข้างอัธยาศัยดีด้วย
“ตอนเช้าค่อยเอามาคืนพี่ก็ได้ ดึกแล้ว” พี่จูนส่งกุญแจสำรองมาให้ฉันแล้วยิ้มกว้าง จากนั้นก็กลับไปล็อกกุญแจตู้ที่เก็บของ ฉันจึงกล่าวขอบคุณแล้วรีบขึ้นมาบนห้อง
พอใช้กุญแจสำรองเปิดห้องของตัวเอง แสงไฟภายในห้องที่สว่างไสวก็ทำเอาฉันขมวดคิ้วแน่น เพราะฉันจำได้ว่าก่อนออกไปฉันปิดมันไปแล้ว แต่ทำไมถึง…
“มาช้า…” เสียงเข้มของใครบางคนดังขึ้น ก่อนที่เขาจะโผล่มาจากอีกฝั่งของประตูจนฉันต้องเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เขาจับประตูให้เปิดกว้างแล้วยิ้มมุมปาก ก่อนจะตวัดแขนรวบเอวของฉันเข้าไปใกล้จนชิดตัวของเขา แล้วใช้เท้าถีบประตูปิดเสียงดัง
“ฉันรอเธอจนจะหลับอยู่แล้ว”
“เดี๋ยวก่อน อื้อ !!”
พูดจบ เขาก็ไม่เปิดโอกาสให้ฉันเป็นฝ่ายถามต่อ มือใหญ่ดันฉันชิดติดกับประตู ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากของฉันที่กำลังจะอ้าปากถามเขา จนกลายเป็นการเปิดทางให้เข้าแทรกเรียวลิ้นเข้ามาอย่างง่ายดาย
เสียงล็อกประตูดังขึ้นในเวลาถัดมาขณะที่ฉันกำลังถูกเขาดึงความสนใจไปที่ริมฝีปากที่กำลังบดจูบลงมาอย่างหนักหน่วง ฝ่ามือหนาก็ขยับขึ้นมาที่ไหล่เปลือยเปล่า มีเพียงสายเสื้อที่เป็นอะไหล่เส้นเล็ก ๆ พาดไว้ แต่มันกลับถูกเขากระชากออกในเวลาต่อมาจนมันขาดออกจากชุดด้านล่าง
แคว่ก !
“อื้อ !”
“แต่งตัวไปยั่วใคร”
ตอนพิเศษความลับที่ถูกเฉลยสามปีก่อน“กำไรแบ่งครึ่งแต่มึงมาเดือนละครั้งเนี่ยนะ” เสียงไอ้เจไดที่ดังออกมายังไม่น่าเตะเท่าหน้ากวน ๆ ของมันตอนมองผมเหมือนคนเอือมระอา“เออ แล้วไง” “ชั่วมาก ถ้ากูเป็นแคทกูขอเหนื่อยคนเดียวดีกว่าลากมึงมาแล้วเหนื่อยกว่าเดิม”ตอนนี้ผมอยู่ที่ผับ สถานบันเทิงที่กำลังเป็นแหล่งทำเงินแห่งใหม่ของผมกับแคทซึ่งเป็นลูกของลุงแท้ ๆ แต่ผมเรียกท่านว่าพ่อเพราะท่านเลี้ยงปมมาตั้งแต่เด็กเราสองคนตกลงกันว่าจะลงทุนกันคนละครึ่งและหารกำไรกันคนละครึ่งแต่เพราะบางครั้งผมต้องทำงานให้พ่อเลยไม่ได้เข้ามาที่นี่บ่อย ๆ หรือจะเรียกว่าไม่มาเลยก็ว่าได้“กูงานยุ่ง” ผมตอบแล้วเลื่อนหน้าจอโทรศัพท์มือถือไปมา หลายดือนแล้วที่ไม่มีข้อความจากผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าแฟนส่งมาหา และผมเองก็ไม่ได้ทักทายเธอไปเพราะไม่อยากเป็นคนโง่หรือแกล้งโง่ จะให้ไปอาละวาดแย่งผู้หญิงมักมากคนหนึ่งก็คงจะไม่ใช่นิสัย ไม่รักก็ไปนอกใจก็เลิกแค่นั้นทว่าตอนนี้คนคนนั้นยังไม่บอกเลิกผมด้วยซ้ำ แต่กลับไปมีความสุขกับผู้ชายคนอื่นอย่างออกนอกหน้าเพราะคิดว่าผมไม่รู้หรือมัวเมาจนลืมผมไปแล้วก็ไม่แน่ใจ ไม่อยากจะเดาให้เสียเวลา “เฟิร์สรู้ยังมึงกลับมา”
EP.47My baby (ตอนจบ) สองปีต่อมา“พอร์ช มาหาพี่ดรีมเร็ว”“ป้าดรีมจ้าลูก”เสียงของยัยธัญญ่าดังขึ้นด้านหลังตอนที่ฉันกำลังจะฟัดเจ้าตัวอ้วนกลมที่ดูน่ารักน่าเอ็นดูตรงหน้า“อายุเท่าไรแล้วนะลูกแก”“สี่ขวบครึ่ง”เวลาผ่านไปไวมาก รู้ตัวอีกทีลูกของยัยพราวเพื่อนสนิทสมัยมัธยมอีกคนก็โตจนพูดกับฉันรู้เรื่อง และอีกหลาย ๆ อย่างที่เปลี่ยนไปจากเดิม โดยเฉพาะ…ตัวฉัน“ลูกฉันจะอายุน้อยกว่าลูกแกเกือบห้าปีสินะ” ฉันว่าพลางลูบท้องของตัวเองที่โตขึ้นทุกวันจนไม่เหลือหน้าท้องแบนราบอย่างก่อนหน้า มันโตขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มรู้สึกกังวล“ทำไม จะจองลูกชายฉันเหรอ”“พอร์ชหมั้นกับน้องเลยไหมลูก” ฉันไม่ตอบเพื่อนหันไปคุยกับเด็กน้อยที่เอามือลูบท้องป่อง ๆ อย่างสนใจ“ถามพ่อเขาหรือยัง รายนั้นคงไม่ปล่อยให้มดมาไต่มาตอมเลยมั้ง ขนาดแม่ยังหวงเป็นกระดูกเลย” ยัยธัญญ่าพูดติดตลกแล้วเอื้อมมือไปหยิบมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายรูปน้องพอร์ชที่กำลังเอาหูแนบกับท้องของฉัน“น้อง…”“พอร์ชอยากเจอน้องไหมครับ”“ครับ” เด็กชายตัวน้อยตอบด้วยรอยยิ้ม“น้องจะออกมาตอนไหน”“รออีกไม่นานก็จะได้เจอแล้วนะ ถ้าน้องออกมาจากท้องป้าเมื่อไหร่ ป้าจะให้เราอุ้มทุกวันเ
EP.46งานแต่งฉันกับพี่ไคคบกันได้เกือบปีแล้ว เรื่องของยัยเฟิร์สอะไรนั่นก็จบไปตั้งแต่ตอนนั้นโดยพี่ไครับปากอย่างมั่นใจว่ามีฉันเป็นตัวจริงเพียงแค่คนเดียวเราสองคนไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้ทะเลาะกันใหญ่โตจะมีก็แต่ปัญหาทั่วไปที่บางทีมันคิดต่างกันบ้าง แต่สุดท้ายเราก็เข้าใจกันได้เสมอ จะมีเรื่องที่เศร้าที่สุดก็คงจะเป็นเมื่อต้นเดือนที่แล้วพี่ไคเสียแม่ของเขาไปอย่างไม่มีวันกลับ ถึงแม้ว่าเขาไม่ได้ร้องไห้ฟูมฟายแต่ฉันก็รับรู้ได้ว่าเขาเองก็เศร้าเสียใจไม่ต่างจาก คนไหนที่เจอกับเหตุการณ์แบบเดียวกันนี้“นมอุ่น ๆ ค่ะ” ฉันวางแก้วไว้บนโต๊ะทำงาน เป็นค่ำคืนที่เราต้องพักโรงแรมเพราะช่วงสิ้นเดือนพี่ไคจะมีงานต้องตรวจสอบค่อนข้างเยอะ ทั้งเรื่องผลประกอบการและเรื่องพนักงานช่วงนี้พี่แคทก็ยุ่งอยู่กับเรื่องงานแต่งของตัวเอง เลยไม่มีเวลาเข้ามาช่วยทางนี้เท่าไรนัก ส่วนฉันก็ช่วยเขาได้แค่เรื่องการเงินกับทำบัญชีเพราะเรื่องใหญ่ ๆ ฉันจัดการไม่เป็น“ง่วงไหม ถ้าง่วงก็เข้านอนก่อนเลยนะ” พี่ไคเงยหน้าขึ้นมาบอกยิ้ม ๆ เขาในตอนนี้ต่างจากก่อนหน้านั้นลิบลับ เมื่อก่อนมองยังไงก็ดูเหมือนพวกเสเพล ที่ไหนได้บ้างานใช่เล่น“พี่ไคนั่นแหละ ไปนอนกันได
EP.45เจ้าหมีKai talks. หลังจากส่งดรีมกลับบ้านผมก็กลับมานอนที่คอนโดมิเนียม เป็นคอนโดมิเนียมที่ผมซื้อให้น้องนั่นแหละเพราะมันอยู่ระหว่างบ้านและมหาวิทยาลัยพอดีเธอจะได้สะดวกเวลาไปเรียนและกลับบ้านด้วยพอกลับมาถึงห้องมันก็รู้สึกเหงาแปลก ๆ เพราะทุกทีเวลามาที่นี่จะต้องมีดรีมอยู่ด้วย แต่วันนี้เธอดันงอนผมเรื่องแฟนเก่าจึงต้องกลับมานอนคนเดียวเรื่องของเฟิร์สก็เหมือนกับที่ผมเล่าให้ดรีมฟัง แต่…ผมเล่าไม่หมด เพราะบางเรื่องมันก็ไม่สมควรจะเล่าให้ใครฟัง เพราะถึงแม้เขาจะเป็นแฟนเก่าไปแล้ว แต่ผมก็เป็นลูกผู้ชายพอที่จะไม่ขายผู้หญิงไม่ว่าจะคบกันมานานหรือรู้จักกันไม่กี่ชั่วโมงเราสองคนคบกับตั้งแต่ตอนที่เรียนอยู่มหาวิทยาลัยที่ญี่ปุ่น เฟิร์สเป็นเพื่อนในกลุ่มเด็กเรียนนอกกลุ่มเดียวกับแคท ซึ่งผมก็รู้จักกับเธอเพราะได้เจอกันบ่อย ๆ และเราคบกันจนเรียนจบ มีทะเลาะกันบ้างตามประสาแต่จุดเปลี่ยนมันอยู่ที่ตอนเฟิร์สกลับมาอยู่ไทย แต่ผมยังเรียนอยู่ที่นู่น ผมเริ่มสงสัยในตัวของเธอเพราะเธอเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ค่อยติดต่อมาหา บางทีก็หายไปหลายวัน จนกระทั่งผมให้คนตามสืบถึงรู้ว่าเธอแอบคบกับผู้ชายอีกคนที่อายุห่างกันเกือบสิบปี และเธอยังไ
EP.44อยู่ห่าง ๆฉันพยายามแสดงออกไปแล้วว่าไม่ได้ล้อเล่นกับเรื่องที่เกิดขึ้น สำหรับความรักการมีคนที่สามเข้ามาเกี่ยวข้องมันไม่ใช่เรื่องตลกเลยยิ่งคนคนนั้นเป็นแฟนเก่าด้วยแล้ว…“ขอโทษ…” น้ำเสียงของคนตรงหน้าฟังดูอ่อนลง ก่อนจะขยับตัวมาใกล้แล้วดึงฉันลงไปนั่งบนตักของเขา“จะเล่าอยู่นี่ไง แต่สัญญาก่อนว่าจะไม่คิดมาก”“พูดมาเลย ดรีมยังไม่รู้อะไรเลยจะตอบได้ยังไงว่ามันจะไม่ทำให้คิด”แล้วพี่ไคก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มอธิบาย ทีอย่างนี้ล่ะเสียงอ่อน ทีตัวเองหึงเรากับผู้ชายคนอื่นอย่างกับเป็นฟืนเป็นไฟ“ก่อนหน้านี้พี่คบกับเฟิร์ส คบกันเกือบสี่ปี แต่ตอนนั้นเราอยู่ไกลกันเลยทำให้เริ่มห่างเหินกันไปเรื่อย ๆ”“แล้วพี่ไคกับเขาก็ไม่ได้เลิกกันอย่างที่ว่าจริง ๆ เหรอ”“อืม”อยู่ ๆ หัวใจของฉันมันก็เต้นแรงขึ้นมาดื้อ ๆ ทันทีที่ได้ยินคำตอบของเขา แบบนี้ก็แปลว่าเขามาคบกับฉันทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วน่ะเหรอ“แต่มันก็เหมือนกับเลิกกันนั่นแหละ เพราะตอนนั้นพี่รู้มาว่าเขาแอบมีคนอื่น ตอนนั้นก็ไม่ค่อยคุยกันอยู่แล้ว เขาก็หายไปอยู่ ๆ ก็กลับมาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น” ถึงเขาจะอธิบายยังไงเหตุผลมันก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี“แล้วทำไมไม่บ
EP.43เมียน้อยฉันกับพี่ไคปลีกตัวออกมาจากงานแล้วกลับมาอยู่ที่ห้องส่วนตัวของเราซึ่งอยู่ชั้นล่างถัดลงมาจากชั้นดาดฟ้า“คบกันนานไหม แล้วเลิกกันเพราะอะไร” ฉันถามขึ้นมาตอนที่กำลังหยิบขนมชิ้นหนึ่งเข้าไปในปาก แล้วจึงกอดอกมองผู้ชายที่่เดินผ่านหน้าไปหยิบแก้วไวน์ เพื่อที่จะมานั่งดื่มกันสองคน“อยากรู้ไปทำไม เรื่องมันผ่านไปตั้งนานแล้ว” พี่ไคตอบแล้วขมวดคิ้วมองฉันอย่างหนักใจ“ผ่านไปแล้วแต่ไม่ผ่านเลยไปไง” ฟังจากสิ่งที่ยัยนั่นมาคุยกับฉันดูเหมือนอยากหาเรื่องมากกว่า คงไม่อยากจบง่าย ๆ หรอก“มาปรึกษาปัญหาครอบครัวหรืออยากมาคืนดีกันแน่”“คิดมากเกินไปแล้วครับ” พี่ไคหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ กัน ยื่นมือมาลูบศีรษะฉันอย่างอ่อนโยน สายตาของเขามองฉันอย่างกับมองลูกหมา เหมือนกำลังเอ็นดูอย่างนั้นแหละ“ไม่คิดมากได้ไง ขนาดพี่ไคยังหึงดรีมได้เลย แล้วนี่แฟนเก่านะเว้ย !” ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอารมณ์เสียแต่ความรู้สึกมันเป็นไปเองอย่างไม่รู้ตัวจนคนฟังถึงกับเลิกคิ้วมองเหมือนตกใจ“ดรีมขอได้ไหม”“…”“ดรีมไม่ชอบ ถ้ายังแคร์กันอยู่ก็อย่าไปยุ่ง” ฉันจริงจังกับคำพูดนั้นมากและไม่มีแววความล้อเล่นอยู่แน่ ๆ จนพี่ไคเองก็จริงจังไปด้วยเขาไม่ได้ตอบอะไร