เช้าวันอาทิตย์หลังจากทานอาหารเช้าแล้วมินตราเห็นว่ากวินภพกำลังจะออกไปข้างนอกซึ่งเธอรู้ว่าเขากำลังจะออกไปพบใครสักคน ส่วนเธอเองก็อยากจะออกไปหาลุงสันติ แต่ถ้าจะแอบออกไปหลังจากที่กวินภพออกไปแล้วก็คงทำให้เขาสงสัยในตัวของเธอมากขึ้นไปอีก
“คุณภพค่ะ วันนี้มิ้นต์ขอไปหาคุณพ่อที่บ้านได้ไหมคะ”
“รอผมไปทำธุระก่อนได้ไหมจะได้ไปหาท่านพร้อมกัน”
“แต่มิ้นต์ไม่อยากรบกวนคุณภพค่ะ มิ้นต์ไปเองก็ได้”
“คุณขับรถในเมืองคล่องหรือยังล่ะ ถ้าพอจำทางได้แล้วผมว่าจะซื้อรถให้คุณสักคัน”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ มิ้นต์ไม่ได้ออกไปข้างนอกบ่อยนั่งแท็กซี่ไปก็ได้”
“ถ้างั้นผมไปส่งคุณก่อนเสร็จธุระแล้วคุณก็โทรบอกนะ”
“ค่ะ คุณภพรอแป๊บนะคะมิ้นต์ขอขึ้นไปเปลี่ยนชุดก่อน” มินตราอยากปฏิเสธมันคงดูไม่ใช่มันตราที่รักความสะดวกสบาย ถ้าเป็นมันตราคงไม่ยอมนั่งแท็กซี่ไปเองแน่
หญิงสาวมองชุดที่อยู่ในตู้แล้วเลือกหยิบเดรสสีดำรัดรูปของมันตรามาสวมและแต่งหน้าให้เข้มขึ้นเพราะไม่อยากให้ลุงสันติเห็นการแต่งตัวที่ต่างจากมันตรา
“ไปกันเถอะค่ะ” เธอบอกวินภพเมื่อเดินลงมาจากชั้นสอง
“ครับ” กวินภพค่อนข้างแปลกใจที่เห็นเธอเปลี่ยนการแต่งตัวให้เหมือนกันมันตราก่อนหน้าที่จะแต่งงานแต่เขาเลือกที่จะเงียบเพราะอยากจะสังเกตเธอไปก่อน ถ้าหากถามว่าเขาชอบเธอแบบไหน เขาตอบอย่างไม่ลังเลเลยว่าชอบเธอหลังแต่งงานมากกว่า
กวินภพขับรถมาส่งหญิงสาวที่หน้าบ้านก่อนตัวเองจะไปทำธุระต่อ
“ถ้าจะกลับโทรบอกผมนะ”
“ค่ะ” เธอยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านซึ่งแม่บ้านมายืนรอรับเธอที่หน้าประตูรั้วพร้อมกับถือร่มคันใหญ่มาด้วย
มินตราเดินเข้ามายังห้องรับแขกที่ คุณสันตินั่งรออยู่แล้ว
“มาแล้วเหรอหนูมินตรา” คุณสันติยิ้มทักทาย
“สวัสดีค่ะลุงสันติ” มินตรายกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม สีหน้าของเธอฉายแววกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“ดูท่าทางไม่สบายใจนะ มีอะไรหรือเปล่า”
มินตรานั่งลงตรงข้ามกับคุณสันติ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
“เมื่อวานคุณภพพาไปทานข้าวที่บ้านใหญ่ค่ะ แล้วก็มีเรื่องให้คิดเยอะเลยค่ะ”
“เรื่องอะไรล่ะ” สันติพอจะเดาออกอยู่บ้างเพราะเขาเป็นคนไปพูดเรื่องการจดทะเบียนสมรสกับคุณธีระไปเมื่อวันก่อน เขาอยากให้มินตราจดทะเบียนสมรสในชื่อของมันตราให้เร็วที่สุด
“เดือนหน้าคุณภพต้องไปยุโรป แล้วคุณแม่ของเขาเสนอให้หนูไปด้วย แถมยังให้หนูไปเรียนรู้งานที่บริษัทอีกด้วยค่ะ เขาเริ่มสังเกตแล้วว่าหนูไม่ใช่คนเดิม แม้ว่าหนูจะทำตามที่เรียนไปแล้วก็ตาม”
“ใจเย็นๆ ก่อนหนูมินตรา ทุกอย่างอยู่ในแผนของลุง”
“แต่ว่าหนูไม่เคยทำงานแบบนั้นมาก่อนเลยนะคะ แล้วหนูก็กลัวว่าเขาจะจับได้ว่าไม่ใช่มันตราคนเดิม” มินตรายังคงกังวล
“ฟังลุงนะหนูมินตรา เรื่องที่คุณภพสงสัยเป็นเรื่องปกติเพราะมันตราคนเดิมกับหนูแตกต่างกันมาก แต่ยิ่งเขาจับผิดได้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้เขามั่นใจว่ามันตราคนเดิมเปลี่ยนไป เพราะการแต่งงานไงล่ะ”
“หมายความว่ายังไงคะลุง” มินตราไม่เข้าใจ
“เราจะใช้เรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นข้ออ้างไงล่ะ พอแต่งงานแล้ว หนูสามารถอ้างได้ว่าการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะหนูอยากจะเป็นภรรยาที่ดี อยากดูแลสามี อยากเป็นแม่บ้านที่ดี” เขาอธิบายอย่างใจเย็นเพราะเรื่องนี้ก็เคยบอกกับมินตราไปแล้ว
“แต่เรื่องงานล่ะคะลุง หนูไม่เคยทำงานบริษัทเลยนะคะ แล้วยิ่งเป็นบริษัทใหญ่ขนาดนั้น หนูคงทำอะไรไม่ถูกแน่ๆ”
“ไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นเลย มันตราคนเดิมน่ะ ไม่เคยทำงานเลยแม้แต่วันเดียว เธอแค่เรียนจบมาแบบผ่านๆ แล้วก็ใช้ชีวิตไปวันๆ ด้วยเงินที่ลุงให้ ดังนั้นการที่หนูเข้าไปทำงานแล้วไม่เป็นอะไรเลยน่ะ มันคือเรื่องปกติที่สุดแล้ว”
“จริงเหรอคะลุง”
“จริงสิ ยิ่งหนูทำอะไรไม่เป็น เขาก็ยิ่งเชื่อว่าหนูคือมันตราคนเดิมที่เปลี่ยนไปเพราะอยากเรียนรู้งานเพื่อสามีไงล่ะ”
“แล้วเรื่องไปยุโรปล่ะคะ”
“ก็เหมือนกันนั่นแหละ มันตราคนเดิมน่ะเดินทางไปต่างประเทศบ่อยจะตาย แต่ส่วนใหญ่ก็ไปเที่ยว ไปปาร์ตี้ ไม่เคยสนใจเรื่องธุรกิจอะไรหรอก การที่หนูไปกับภพในฐานะภรรยาที่อยากไปเรียนรู้งาน ถือเป็นเรื่องที่ยิ่งตอกย้ำให้เขาเชื่อว่าหนูเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น”
“แต่หนูไม่มีวีซ่าและพาสปอร์ต”
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะของมันตรามีอยู่แล้ว เดี๋ยวลุงจะเอาให้หนูไปนะ ทั้งวีซ่าพาสปอร์ตและก็บัตรประชาชนของมันตราด้วย”
“เธอไม่ได้เอาไปด้วยเหรอคะ”
“เธอไม่เอาอะไรไปสักอย่าง” เมื่อพูดถึงลูกสาวคุณสันติก็มีสีหน้าเครียดขึ้นมาทันที
“ลุงได้ข่าวเธอบ้างไหมคะ”
“ไม่เลย ลุงให้คนตามสืบอยู่แต่ไม่มีวี่แววเลย ลุงเช็กตามโรงพยาบาลแล้วแต่ก็ไม่ได้ข่าว”
“หนูว่าอีกเดี๋ยวเธอก็คงกลับมาค่ะ ไม่มีใครหลบซ่อนได้นานๆ หรอกค่ะ”
“ลุงก็คิดอย่างนั้น” เขาคิดว่าถ้าเงินหมดก็คงกลับมาแต่อาจจะใช้เวลาสักหน่อยเพราะเงินที่มันตราเอาไปจากเซฟก็มากถึงสองล้านและทองอีกยี่สิบบาทถ้าใช้ชีวิตไม่ติดหรูมากก็คงอยู่ได้นานเป็นปี
“แต่ยังไงคนเราก็กลับบ้านค่ะ” มินตราปลอบใจแต่ไม่รู้จะเป็นแบบที่เธอพูดไหมเพราะเธอไม่รู้จักน้องสาวฝาแฝดคนนี้เลย
“เรื่องแอปธนาคารไม่มีปัญหาใช่ไหม” คุณสันติเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะไม่อยากพูดถึงเรื่องเครียดๆ
“ค่ะ คนของลุงจัดการให้ก่อนแต่งแล้ว”
“ลุงคะคุณภพเขาให้เงินเดือนหนูด้วย หนูจะทำยังไงกับเงินนั้นคะ”
“แล้วแต่หนูเลยเรื่องนี้ลุงไม่ยุ่งหรอก เรื่องที่น่ากังวลที่สุดตอนนี้คือเรื่องจดทะเบียนสมรสต่างหาก”
“เขาบอกว่าไม่มีเวลาค่ะ”
“ไม่ต้องห่วง ลุงจะเร่งให้เขาไปจดทะเบียนสมรสให้เร็วที่สุดเพราะถ้าเขาจดทะเบียนสมรสแล้ว การถ่ายโอนหุ้นก็จะเป็นไปตามขั้นตอน แล้วหนูจะได้เงินก้อนที่สองให้ป้าจันทร์ได้เร็วขึ้น”
“ค่ะ”
มินตราพยักหน้าเล็กน้อย แม้จะยังคงกังวล แต่คำอธิบายของคุณสันติก็ทำให้เธอรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
“เอาล่ะ ตอนนี้หนูต้องไปเรียนรู้งานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ลุงจะให้คนรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของคุณภพมาให้หนูอ่าน หนูจะได้พอรู้เรื่องบ้าง เวลาไปทำงานจริงจะได้ไม่ดูเงอะงะจนเกินไป”
“ขอบคุณค่ะลุงสันติ” มินตรายิ้มอย่างโล่งใจ
“แล้วก็จำไว้นะหนูมินตรา ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่ว่าเขาจะจับผิดได้มากแค่ไหน หนูต้องยึดมั่นในเหตุผลที่ว่าหนูเปลี่ยนไปเพราะการแต่งงาน เพราะอยากเป็นภรรยาที่ดี และอยากดูแลสามีให้ดีที่สุด” คุณสันติกำชับ
มินตราพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น เธอรู้ว่าภารกิจนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่เพื่อป้าจันทร์และลุงชิด เธอจะต้องทำให้สำเร็จให้ได้
หลังจากนั้น มินตราก็ใช้เวลาที่เหลืออยู่ที่บ้านคุณสันติ ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของกวินภพอย่างละเอียด แม้จะรู้สึกว่าข้อมูลมากมายนั้นยากเกินกว่าที่เธอจะทำความเข้าใจได้ทั้งหมด
แต่เธอก็พยายามอย่างเต็มที่ เธอรู้ว่านี่คือโอกาสเดียวที่เธอจะสามารถรักษาบทบาทของมันตราไว้ได้ และทำให้แผนการของคุณสันติสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี
หญิงสาวอยู่ที่บ้านของลุงสันติหลายชั่วโมงก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น
“เขาโทรมาตามใช่ไหม ให้เขาเข้ามารับในบ้านก็ได้นะ เพราะมันตราคงไม่ออกไปยื่นรอแน่”
หญิงสาวกดรับสายจากสามีแต่เข้าไม่ได้โทรมาตามเพียงแต่บอกว่าธุระของเขายังไม่เสร็จและถ้าเธออยากกลับบ้านก็ให้โทรไปที่บ้านเพราะเขาจะให้คนขับรถมารับ
“ว่าไงเขาจะเขามาใช่ไหม”
“ไม่ค่ะ คุณภพบอกว่ายังทำธุระไม่เสร็จ ถ้าหนูจะกลับเขาให้โทรไปบอกที่บ้านค่ะ เขาจะให้คนขับรถมารับค่ะ”
“ถ้าเขาไม่มาเดี๋ยวลุงให้คนขับรถที่บ้านไปส่ง หนูมินตรารอลุงอยู่ตรงนี้ก่อนนะลุงจะขึ้นไปเอาเอกสารของมันตราให้”
แม้จะเหนื่อยแค่ไหนแต่หน้าที่ก็ต้องมาก่อน เช้านี้มินตราก็ตื่นนอนแต่เช้ามาช่วยป้ากัลยาทำอาหารระหว่างที่กวินภพวิ่งออกกำลังกายรอบๆ บ้านเมื่อเตรียมอาหารเสร็จเธอก็ขึ้นไปอาบน้ำ ขณะนั่งแต่งหน้ากวินภพก็อาบน้ำแต่วตัวเสร็จพอดี เขาเดินถือเนกไทมาให้มินตราผูกเหมือนกับทุกวัน มินตราชอบหน้าที่นี่มากเพราะหญิงสาวเคยดูละครตอนตัวเองยังเป็นเด็กแล้วเห็นฉากที่นางเอกผูกเนกไทให้พระเอกก่อนไปทำงาน พอเข้ามหาวิทยาลัยเธอเลยให้เพื่อนผู้ชายช่วยสอนและจำวิธีผูกมาจนถึงทุกวันนี้“เป็นอะไรหรือเปล่าครับมิน” กวินภพถามเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ภรรยาก็นิ่งไปขณะกำลังผูกเนกไทให้“มินกำลังนึกถึงตัวเองตอนเด็กค่ะ”“มีอะไรเหรอครับ”“ก็มินเคยดูละครแล้วเห็นนางเอกในละครผูกเนกไทให้พระเอกก่อนที่พระเอกจะไปทำงาน มินก็เลยฝันว่าโตขึ้นมินอยากจะเป็นแบบนั้นบ้าง”“ตอนนี้มินก็เป็นแบบนั้นแล้วนะ หน้าที่ผูกเทกไทที่พี่ยกให้มินทำให้คนเดียวเลยนะครับ แล้วมินไปฝึกทำมาจากไหน”“มินให้เพื่อนผู้ชายที่มหาวิทยาลัยสอนจากนั้นก็จำวิธีการผูกมาเรื่อยๆ ไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งจะได้ทำเหมือนในละครจริงๆ เหมือนเป็นการเติมเต็มความฝันค่ะ ถึงจะเป็นความฝันเล็กๆ แต่มันก็ทำให้มินมีความส
มินตรากรีดเสียงร้องลั่นห้องร่างกายหญิงสาวสั่นสะท้าน เมื่อกวินภพส่งเธอแตะขอบสวรรค์ น้ำหวานจากกุหลาบดอกสวนล้นทะลักจนชุ่มไปทั่วปลายลิ้น ชายหนุ่มกวินภพไม่พลาดที่จะดูดกิน รสชาติหอมหวานจากภรรยาสาว มันทำให้เขาหลงใหลเธอมากขึ้น กินเท่าไหร่ก็ไม่เคยเบื่อ กินแล้วก็อยากจะกินอยู่แบบนั้นเมื่อส่งคนรักไปพบกับความสุขแล้ว เขาก็ดึงให้เธอมาอยู่ริมขอบโต๊ะ กดจูบลงไปอย่างเร่าร้อนเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำ ริมฝีปากลากมายังอกอิ่มดูดกินเม็ดเชอร์รี่เข้าปากร้อน มือใหญ่ท่อนเอ็นกดนวดบนเกสรสวาทเป็นจังหวะเบาๆ“อื้อ...พี่ภพขา รักมินนะคะ อย่าทรมานกันเลยนะคะ”หญิงสาวเสียวซ่านและต้องการแท่งร้อนของเขาเข้ามาเติมเต็มจนต้องร้องขออย่างน่าอาย“ใจเย็นนะเมียจ๋า”กวินภพลากไล้ปลายแท่งร้อนขึ้นลงกลางกลีบกุหลาบจนมันชุ่มไปด้วยน้ำหวานที่เธอยังคงผลิตออกมาอย่างไม่ขาดสาย ก่อนจะสอดท่อนเอ็นร้อนเข้าไปในช่องทางรักที่คับแน่นทีละนิดเข้าไปเพียงนิดร่องสวาทก็ตอดรัดแรงกวินภพไม่อาจจะรอช้าได้เขาดันแท่งร้อนเข้าไปทีเดียวจนลึกสุด มินตราสะดุ้งสุดตัว“อ๊ะ!.....”สองมือจิกบนท่อนแขนของสามีไว้แน่น ชายหนุ่มนิ่งค้างเพราะอยากเธอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเขาจะคิด
“ทนอะไรคะ” มินตราถามสามีแต่แล้วใบหน้าเธอก็แดงซ่านขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกถึงความแข็งร้อนที่บดเบียดอยู่บริเวณท้องน้อย“คืนนี้พี่อยากเปลี่ยนบรรยากาศได้ไหมที่รัก” เขากระซิบข้างหูด้วยเสียงแหบพร่า เธอรู้ว่าเวลานี้กวินภพอยู่ในอารมณ์ไหน เสียงแบบนี้ลมหายใจไม่สม่ำเสมอกันแบบนี้หญิงสาวนึกออกเพียงอย่างเดียวว่าสิ่งที่เขาต้องการมันคืออะไร“แต่นี่ห้องทำงาน คงไม่เหมาะนะคะถ้าใครรู้พี่ภพจะเสียชื่อเสียงเอานะคะ” มินตรารีบห้ามเมื่อรู้สึกว่าอารมณ์ของกวินภพน่าจะห้ามได้ยาก แต่เธอก็ต้องเตือนสติ“ถ้ากลับตอนนี้พี่อาจจะทนไม่ไหวแล้วมีอะไรกับมินในรถและตรงที่รถของเราจอดอยู่มีกล้องด้วยนะ พี่ให้มินเลือกว่าเราจะมีความสุขกันตรงนี้หรือที่รถดีล่ะ” กวินภพทั้งอ้อนทั้งขู่ด้วยเสียงแหบพร่าความต้องการมันทำให้เขาไม่สนใจว่าตอนนี้จะอยู่ที่ไหน“อย่าใจร้อนสิคะพี่ภพ”“ทำไมล่ะครับ หรือมินไม่ต้องการพี่” กวินภพพูดออกไปแบบนั้นและก็หวังว่าเธอจะไม่ปฏิเสธ“มินกลัวคนอื่นมาเจอ”“จะมีใครกันล่ะครับที่รัก นะมินนะ”“พี่ภพล็อกประตูแล้วใช่ไหมคะ” มินตราเสียงถามเบาหวิวเพราะความเขินอาย“ล็อกแล้วครับมิน ให้พี่นะครับ”เขากระซิบแหบพร่าที่ใบห
หลังจากที่การเซ็นสัญญาร่วมทุนโครงการโรงแรมฉบับใหม่เสร็จสิ้นลงด้วยดีและปัญหาเรื่องคุณสันติกับมันตราคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น กวินภพก็รู้ดีว่าถึงเวลาแล้วที่จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับมินตราจะต้องบอกกับผู้ใหญ่ของเธอให้รับรู้“มินครับ” กวินภพเรียกมินตราที่กำลังอ่านทำอาหารเย็นอยู่ในครัวเพราะป้ากัลยาไม่สบายและไปนอนโรงพยาบาลโดยมีเหมียวเด็กรับใช้ไปเฝ้า“กลับมาแล้วเหรอคะพี่ภพ” เธอยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“พี่มีเรื่องดีๆ จะบอกมินด้วยนะ” กวินภพเดินเข้าไปหาเธอ โอบกอดเอวบางไว้จากด้านหลัง“เรื่องอะไรคะ” มินตราหันมาถามพร้อมกับยิ้มหวาน“พรุ่งนี้พ่อกับแม่จะไปขอมินกับป้าจันทร์และลุงชิด”“จริงเหรอคะ” มินตราทั้งตกใจและดีใจเพราะคิดว่ากวินภพลืมเรื่องนี้ไปแล้วเพราะช่วงนี้ชายหนุ่มยุ่งกับงานมากๆ“แล้วพี่ภพจะอธิบายกับป้ากับลุงยังไงคะ” มินตราถามด้วยความกังวลเธอไม่อยากให้ญาติผู้ใหญ่ต้องเป็นห่วงหรือคิดมาก“ไม่ต้องห่วงเรื่องนั้น พี่เตรียมคำพูดไว้แล้ว เราจะบอกว่ามินมาทำงานแทนมันตราและได้เจอกับพี่จากนั้นเราก็ได้ทำความรู้จักและรักกันในที่สุด”มินตราพยักหน้า เธอรู้ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่จะไม่ทำให้ป้ากับลุงต้องกังวลใจ
หลังจากจัดการเรื่องการซื้อที่ดินจากคุณสันติได้สำเร็จ กวินภพก็รู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง แต่ยังมีเรื่องสำคัญอีกอย่างที่เขาต้องจัดการนั่นคือการเผชิญหน้าระหว่างมินตราและมันตราสองพี่น้องฝาแฝดที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานที่ชายหนุ่มต้องนัดให้สองพี่น้องมาเจอกันเพราะอยากให้มินตราอยู่ด้วยความสบายใจว่าจากนี้ชีวิตที่สวมรอยเป็นมันตราของเธอนั้นได้จบลงแล้วจริงๆวันนี้กวินภพนัดหมายให้มันตรามาพบที่คาเฟ่แห่งหนึ่งในย่านใจกลางเมือง เป็นคาเฟ่เล็กๆ ที่มีบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพูดคุยเรื่องสำคัญ เขาโทรศัพท์ไปบอกมินตราให้เตรียมตัวมาด้วย โดยไม่ได้บอกรายละเอียดอะไรมากนัก เพียงแค่บอกว่าอยากให้เธอมาเจอใครบางคนเมื่อถึงเวลากวินภพกับมินตราก็เดินทางมาถึงคาเฟ่ มินตราสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่าง หันหลังให้พวกเขา รูปร่างคล้ายกับเธอจนน่าตกใจ หญิงสาวพอจะรู้แล้วว่าคนที่กวินภพพาเธอออกมาเจอคือใครกวินภพเดินนำเข้าไปและเมื่อผู้หญิงคนนั้นหันหน้ามา มินตราก็ถึงกับยืนนิ่งราวกับถูกสาป ภาพตรงหน้าคือผู้หญิงที่เหมือนเธอราวกับแกะ ทุกรายละเอียดบนใบหน้าเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว เว้นแต่แววตาที่ดูเฉี่ยวค
หลังจากกลับจากปราณบุรีได้ไม่กี่วัน กวินภพก็เรียกประชุมผู้ร่วมทุนโครงการโรงแรมทุกคน รวมถึงคุณสันติด้วย การประชุมจัดขึ้นที่ห้องประชุมใหญ่ของบริษัท บรรยากาศในห้องค่อนข้างตึงเครียด เพราะครั้งนี้นอกจากจะมีเจ้าสัวประเสริฐคนที่จะร่วมทุนด้วยแล้วยังมีผู้สนใจในโครงการนี้อีกสองคนจากยุโรปคือ มิสเตอร์จอห์นและมิสเตอร์เดวิด นั่งอยู่ร่วมกับคุณธีระกวินภพและผู้ร่วมทุนรายย่อยอื่นๆ ส่วนคุณสันตินั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสีหน้าเคร่งขรึมกวินภพเริ่มต้นการประชุมด้วยการกล่าวถึงภาพรวมของโครงการก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับมิสเตอร์จอห์น“เรียนท่านผู้บริหารทุกท่านครับ หลังจากที่ผมและมิสเตอร์เดวิดได้ศึกษาข้อมูลโครงการอย่างละเอียด รวมถึงประวัติของหุ้นส่วนทุกท่าน เรามีความกังวลบางประการเกี่ยวกับข้อเสนอของคุณสันติที่ต้องการใช้ที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่จ่ายเงินสดครับ” มิสเตอร์จอห์นกล่าวด้วยสำเนียงอังกฤษที่ชัดเจนคุณสันติขมวดคิ้วเขาเริ่มรู้สึกไม่พอใจตั้งแต่คำพูดแรกของมิสเตอร์จอห์น“เรามองว่าการนำที่ดินมาร่วมทุนโดยไม่มีการตีมูลค่าที่ชัดเจน หรือแปลงเป็นเงินสดเข้ามา จะสร้างปัญหาในระยะยาว หากเกิดความขัดแย้งในอนาคต เราจึงขอเสนอให้คุณสันติขายท