เพชรพร้อมนอนกลอกตามองเพดานไปมา กลิ่นหอมอ่อนๆ จากกายสาวยังอบอวลอยู่ภายในห้อง ทำเอาหัวใจเต้นรัว
ในจังหวะที่พินทุอรประคองเขากลับขึ้นไปนอนบนเตียงกว้าง เนื้อตัวของเธอบดเบียดกับเขา รู้หรอกว่าอีกฝ่ายไม่ได้คิดอะไร แต่ไอ้เขามันก็พวกจิตอกุศลเสียด้วย
ทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดพินทุอร อวัยวะในร่างกายมีเพียงสองส่วนเท่านั้นที่ทำงานหนักหน่วง หนึ่งคือหัวใจที่เต้นตึกตักเหมือนรัวกลอง สองคืออวัยวะเบื้องล่างที่คอยแต่จะกลายร่างพองเอาๆ ส่วนอวัยวะที่ได้ตายไปแล้วก็คือสมอง เพราะสมองของเขาไม่เคยประมวลผลอะไรที่สูงกว่าใต้สะดือได้เลย
พินทุอรเป็นผู้หญิงที่น่า ‘รัก’ น่า ‘กิน’ จนเขาอยากจะรักและกินเธอไปชั่วชีวิต
พอคิดมาถึงตรงนี้ จู่ๆ อะไรบางอย่างก็ตื่นจากการหลับใหล ผงาดง้ำค้ำโลกขึ้นมาอย่างไม่อายฟ้าดิน
อีกแล้วเหรอวะ ไอ้เพชรเอ๊ย...ขนาดไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกไปขี้รอบที่หก แต่ยังแข็งโด่เด่ได้อีกนะ เวรแท้ๆ
ชายหนุ่มคว้าหมอนหนุนมากอด พลิกตัวนอนตะแคงเพราะไม่อยากให้หญิงสาวสงสัย มันคงจะแปลกๆ ถ้าเธอเข้ามาแล้วเห็นหมอนใบใหญ่วางเด่นเป็นสง่าอยู่ที่กึ่งกลางกายเขา
พินทุอรกลับมาหลังจากหายไปราวสิบนาที เข้ามาปุ๊บก็ถามปั๊บ “หลับหรือยัง”
“ยัง”
“แล้วนั่นเอากระบอกไฟฉายเข้าไปซุกไว้ใต้ผ้าห่มทำไมกัน ที่นี่ไฟดับบ่อยเหรอ”
เพชรพร้อมเลิ่กลั่ก นี่เธอเห็นอาวุธคู่กายที่เขาพยายามซ่อนแล้วหรือ
“ผมเป็นคนรอบคอบน่ะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ ไม่ได้สนใจกระบอกไฟฉายของเขาอีก เธอขยับเก้าอี้มาใกล้เตียง บอกเหมือนสั่ง “ลุกขึ้นมาดื่มเกลือแร่หน่อยนะ ฉันมีข้าวต้มมาให้คุณด้วย แต่ไม่ต้องห่วงนะ ฉันไม่ได้ทำเอง ขอให้แม่ครัวของคุณทำให้”
“ผมอยากกินข้าวต้มที่คุณทำมากกว่า เบื่อฝีมือสายบัวแล้ว” เพชรพร้อมหยอดแบบหน้าตาย
“จะได้หามส่งโรงพยาบาลได้เลยน่ะสิ” พินทุอรพูดเสียงดุแต่แววตาห่วงใยจริงจังจนชายหนุ่มหวั่นไหวเป็นรอบที่ล้าน ก็อย่างว่าละนะ เธอเป็นหมอ เรื่องสุขภาพคนป่วยย่อมเป็นเรื่องสำคัญ แม้จะเป็นสุขภาพของคนที่เพิ่งรู้จักกันอย่างเขาก็เถอะ
เพชรพร้อมมองจิตแพทย์สาวหยิบจับข้าวของต่างๆ อย่างคล่องแคล่วแล้วอมยิ้ม
นี่ถ้าได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ดูแลกันไปชั่วชีวิต จะดีแค่ไหนนะ
“ผมยังไม่ค่อยมีแรง” ชายหนุ่มบอกพร้อมขยับตัวขึ้นนั่งอย่างช้าๆ ให้สมบทบาทผู้ป่วยที่อ่อนแรง ก่อนจะยกมือที่สั่นเทาเกินปกติขึ้นมาทำท่าจะรับชามข้าวต้ม
พินทุอรมองอาการของเขาแล้วรีบบอก “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันป้อนคุณเอง”
บิงโก! เพชรพร้อมฉลองกับตัวเองในใจ อยากจะยกกำปั้นขึ้นชกอากาศแต่ก็กลัวว่าอีกฝ่ายจะจับได้ เลยต้องลดมือที่แกล้งสั่นทั้งสองข้างซุกเข้าไปในผ้าห่มแทน
ชายหนุ่มอ้าปากรับข้าวต้มของเธอไปเรื่อยๆ อย่างมีความสุข ลิ้นไม่รู้รสอะไรทั้งนั้นนอกจากรสหวานในหัวใจ จนข้าวต้มชามใหญ่หมดลงโดยไม่รู้ตัว นึกอยากจะให้สายบัวต้มมาทั้งหม้อเสียด้วยซ้ำ
จิตแพทย์สาวยกชามข้าวต้มเก็บบนถาด ส่งยาฆ่าเชื้อและเลื่อนน้ำมาให้ดื่ม พร้อมวางขวดเกลือแร่ที่ผสมมาแล้วไว้ข้างหัวนอน
“ความจริงถ้าคุณกินข้าวดื่มน้ำได้ปกติแบบนี้ เกลือแร่อาจจะไม่จำเป็น แต่ไม่เป็นไร ฉันชงมาแล้ว คุณก็จิบไปเรื่อยๆ ก็แล้วกันนะ ส่วนยาต้องกินให้ครบ พรุ่งนี้ก็น่าจะดีขึ้นแล้วละ คุณดูเป็นคนแข็งแรง”
“ผมแข็งแรง” แข็งแล้วก็แรงมากด้วย ตอนนี้ก็แข็งอยู่...เขาต่อประโยคในใจ
“ดีแล้ว งั้นนอนพักซะ บ่ายๆ ฉันมาดูคุณอีกทีนะ นี่โทร. ไปบอกอารำพึงแล้วว่าคุณไม่สบาย ฉันเลยไม่ไปสาลี่โฮมสเตย์หนึ่งวัน”
“แล้ววันนี้คุณจะทำอะไร”
“อ่านหนังสือ เล่นโทรศัพท์อยู่ในบ้านคุณนี่แหละ นานๆ ทีได้นอนเล่นแบบไม่ต้องทำอะไรก็ดีเหมือนกัน” เธอบอกก่อนจะออกจากห้องไป
หลังจากหลับไปหนึ่งตื่น เพชรพร้อมก็กลับมาสดชื่นจนเกือบจะเป็นปกติ จะให้ออกไปวิ่งรอบสวนสามรอบก็ยังไหว โอดกับสมิงแวะเข้ามาดูอาการเขาตอนช่วงสาย อาจเพราะสายบัวไปขยายข่าวเรื่องเขาไม่สบายให้พวกคนงานฟัง ชายหนุ่มเลยตัดสินใจว่าจะนอนเล่นให้พินทุอรดูแลจนถึงเย็น ส่วนเรื่องงานในสวนก็ให้โอดจัดการไป
เพชรพร้อมจะลุกขึ้นไปอาบน้ำ พอพินทุอรเข้ามาเยี่ยมตอนบ่าย เนื้อตัวเขาจะได้สะอาดหอมฟุ้งน่าใกล้ชิด แต่จู่ๆ ความคิดชั่วร้ายก็ผุดขึ้นในหัว
อ้อนให้พินทุอรเช็ดตัวให้ดีไหมนะ
ชายหนุ่มลุกจากเตียง ก้าวยาวๆ ไปที่ห้องน้ำ เอามือรองน้ำมาสะบัดแถวไรผม แผงอก แถมยังลามไปเปียกเสื้อเป็นหย่อมๆ ทำให้เหมือนเหงื่อออกจนนอนไม่สบายตัว จากนั้นก็รีบกลับไปนอนรอคุณหมอคนสวยเข้ามาเยี่ยม ภาวนาให้น้ำที่เปียกไม่แห้งก่อนเป็นพอ
เด็กที่โตมาแบบใกล้วัดอย่างเขารู้แหละว่าการหลอกลวงมันไม่ดี แถมเขายังเคยสอนเด็กๆ ว่าโกหกต้องตกนรก แต่นาทีนี้เขาอยากหาโอกาสใกล้ชิดกับพินทุอรจริงๆ นรกมันก็แค่ชื่อน้ำพริกละวะ
และแล้วสวรรค์ก็เป็นใจ พินทุอรกลับมาที่ห้องเขาหลังจากนั้นไม่นาน เธอสังเกตเห็นเหงื่อปลอมๆ กับหยดน้ำตามตัวเขาด้วย
“มีไข้เหรอ ขอดูหน่อยนะ”
หญิงสาวพูดขออนุญาตแล้วปัดผมของเขาออกไปด้านข้างก่อนจะอังมือลงมา วินาทีที่หลังมือของเธอทาบลงบนหน้าผาก เพชรพร้อมรู้สึกเหมือนวิญญาณกำลังออกจากร่าง เป็นความรู้สึกที่นุ่มฟู ล่องลอยเหมือนกำลังเต้นบัลเลย์อยู่บนปุยเมฆขาว
ตกหลุมรักรอบที่ล้าน...เขาฮัมเพลงฮิตในใจ
“ตัวคุณไม่ร้อน แต่ตาคุณเยิ้มแปลกๆ” เธอบอก
“คงนอนมากไป” เขารีบแก้ตัวแล้วบอกสิ่งที่เตรียมการ “ผมรู้สึกเหนียวตัวมากเลย อยากลุกไปอาบน้ำแต่ยังไม่ค่อยมีแรง”
“อยากเช็ดตัวหน่อยไหม” จิตแพทย์สาวหลงกล
“ถ้าไม่ลำบาก”
“ได้สิ เดี๋ยวฉันไปเรียกสายบัวให้”
“เรียกสายบัวไม่ได้นะ คือ...ผัวของสายบัวมันขี้หึงมาก ถ้ารู้ว่าเมียมันขึ้นมาเช็ดตัวให้ผมถึงห้องนอน มันหึงหน้ามืดแน่ เผลอๆ ทะเลาะกันบ้านแตก”
“งั้นก็ต้องเป็นคนอื่นสินะ”
“ใช่ๆ ต้องรบกวนคนอื่น” ชายหนุ่มมองสบตาเธอตรงๆ พยายามเชื่อมจิตให้พินทุอรรู้ว่า ‘คนอื่น’ นั้นหมายถึงเธอ
“อ้อ...เข้าใจแล้ว”
“เข้าใจแล้วเหรอ ขอบคุณนะ”
“อืม เดี๋ยวจัดการให้” หญิงสาวบอกพลางตบไหล่เขาเบาๆ ราวกับส่งกำลังใจ จากนั้นก็ลุกออกไป
เพชรพร้อมนอนยิ้ม ยกแขนขึ้นหนุน ผิวปากเป็นเพลงหวานอย่างอารมณ์ดี แค่หลังมืออังลงบนหน้าผาก เขายังเคลิ้มขนาดนั้น ถ้าหญิงสาวมาเช็ดตัวให้ มันจะฟินขนาดไหนนะ
ชายหนุ่มนอนเพ้อ รอคอยการกลับมาของพินทุอร เพียงไม่นานเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามา” เขาอนุญาตเสียงนุ่มแสนละมุนละไมที่สุดเท่าที่จะทำได้ แถมยังคลี่ยิ้มน้อยๆ ในแบบละลายใจสาวให้คนที่เข้ามาอีกด้วย
สมิงกับโอดชะงักกึก หันมองหน้ากันงงๆ คงคิดว่าพี่เพชรป่วยจนหลอนแล้ว ถึงได้ส่งยิ้มให้พวกเขาเสียหวานจ๋อย
เพชรพร้อมหุบยิ้ม ลุกพรวดพราดขึ้นนั่ง ชี้หน้าคนมาใหม่ “พวกมึงเข้ามาทำอะไร แล้วนั่นเอาผ้าขนหนูกับกะละมังเข้ามาด้วยทำไม”
สมิงทรุดตัวลงนั่งข้างเตียง “พี่อิงไปเรียกพวกผม บอกว่าพี่เพชรอยากเช็ดตัว ให้ใครก็ได้มาช่วยเช็ดตัวพี่หน่อย”
“ผมรีบลงจากต้นมะพร้าวมาดูแลพี่เลยนะ” โอดรีบประจบ
“ใครบอกว่ากูอยากให้พวกมึงมาทำให้”
“อ้าว แล้วพี่อยากให้ใครมาทำให้ล่ะ ไอ้นุ่มเหรอ ให้ผมไปเรียกให้ไหม” สมิงถามเสียงซื่อ
“นั่นสิ หรือจะเอาสเตฟาน” โอดงงตาม
เพชรพร้อมถอนหายใจยืดยาว การเชื่อมจิตของเขากับพินทุอรไม่เป็นผลสินะ ชายหนุ่มมองลูกน้องสองคนที่ยังถือกะละมังกับผ้าขนหนูค้างอยู่
“ไม่ต้องโว้ย ไม่ต้องตามใครแล้ว มึงสองคนนั่นแหละ ทำๆ ไปเถอะ ใครอยากจะทำอะไรก็ทำไป”
“งั้นผมจัดการให้นะพี่” โอดกุลีกุจอ
“เออ” เพชรพร้อมพิงตัวลงบนหมอนพลางกลอกตามองเพดานไปมา ปล่อยให้ลูกน้องซื่อบื้อทั้งสองคนจัดการเนื้อตัวเขาไปตามเรื่องตามราว ในหัวพยายามคิดหาแผนการใกล้ชิดหญิงสาวต่อ
ให้มันรู้ไปสิ ว่าไอ้เพชรจะสอยดอกฟ้าไม่ถึง
เด็กชายมองหน้าเด็กหญิงพริสาเหมือนจะขอโทษ หันมาหาพินทุอร แล้วถามขึ้น“ผมขอเล่นกับน้องอีกได้ไหมครับ”“ได้สิลูก ชวนน้องดีๆ นะคะถ้าอยากเล่นด้วยกัน” พินทุอรยิ้มจากนั้นเพชรพร้อมก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มองหน้าลูกสาวสุดแสบ“ส่วนเรา...เด็กหญิงพริสา เพียงดินดี...” เขาเรียกชื่อลูกสาวเสียเต็มยศเป็นการบอกเด็กหญิงอ้อมๆ ว่าคราวนี้เธอทำผิด “วันนี้หนูพรีมผิดตรงไหน บอกพ่อซิคะ”“หนูใช้กำลังทำร้ายพี่”“ผิดไหมคะ”“ผิดค่ะ”“แล้วต้องทำยังไง”เด็กหญิงพริสาหันไปหาเด็กชายคู่กรณี ยกมือป้อมๆ ขึ้นไหว้เด็กชายรุ่นพี่ จากนั้นก็พูดด้วยเสียงดังฟังชัด“หนูพรีมผิดเองค่ะที่ดึงผมพี่พัตเตอร์ หนูพรีมขอโทษค่ะ หนูพรีมจะไม่ทำอีกแล้ว วันหลังเราค่อยเล่นกันใหม่นะคะ”“เก่งมาก” เพชรพร้อมชม “นอกจากพี่พัตเตอร์แล้วหนูพรีมต้องขอโทษใครอีกไหมคะ”ฟังจบเด็กน้อยก็หันไปทางคุณครูดาว กระพุ่มมือน้อยๆ ไหว้ “หนูพรีมขอโทษคุณครูดาวค่ะที่ทำให้คุณครูเสียเวลา หนูพรีมจะไม่ทำอีก”คุณครูดาวรับไหว้ ลูบศีรษะเด็กหญิงตัวน้อยอย่างเอ็นดูจากนั้นเด็กหญิงก็หันไปหามารดาครู่กรณีที่อยากจะดึงผมเธอ “หนูพรีมขอโทษคุณน้าคนสวยด้วยค่ะที่หนูพรีมไปรังแกพี่พัตเตอร์ หนูพรีมจ
โทรศัพท์มือถือของพินทุอรสั่นระรัวเมื่อเวลาเลยบ่ายโมงมาเล็กน้อยจิตแพทย์สาวเลื่อนแฟ้มคนไข้ออกห่างตัว หมุนเก้าอี้ไปทางหน้าต่าง พยายามปรับน้ำเสียงให้เยือกเย็น แล้วจึงกดรับสายจากครูฝ่ายปกครอง“สวัสดีค่ะคุณครูดาว”“คุณแม่คะ ครูต้องโทร. มารบกวนคุณแม่อีกแล้วค่ะ”“วันนี้ใครคะ พอร์ชหรือพราม” พินทุอรถามด้วยความเคยชินเป็นอันรู้กันว่าลูกชายฝาแฝดของเธอ พอร์ชและพราม อายุแค่แปดขวบ แต่ทำให้เพื่อนร่วมห้องร้องไห้กระจองงองแงและไปฟ้องครูประจำชั้นแทบทุกวันมาตั้งแต่เข้าชั้นประถมแล้วสาเหตุที่เพื่อนๆ ร้องไห้ก็ไม่ใช่ว่าลูกชายเธอจะไปรังแกเด็กที่ไหนหรอกนะ แต่สองแฝดนั่นชอบทำหน้าบึ้ง ไม่ยอมยิ้ม แล้วก็ชอบมองคนอื่นด้วยสายตาดุๆ แค่นั้นเองได้พ่อมาแท้ๆ...ปลายสายอึกอักอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะตอบมาเหมือนเกรงใจ“วันนี้ไม่ใช่แฝดค่ะ สองหนุ่มนั่นพอขึ้นป.สองแล้วก็พอจะพูดรู้เรื่อง ไม่ค่อยทำหน้าบึ้งหรือตาขวางจนเพื่อนกลัวแล้ว แถมยังมีเพื่อนที่กล้าเข้าไปเล่นด้วยสองสามคนแล้วนะคะ ถือว่ามีพัฒนาการอย่างก้าวกระโดดค่ะ เพราะตอนป.หนึ่ง สองแฝดไม่มีใครกล้าเข้าไปเล่นด้วยเลย”“ถ้างั้นวันนี้ใครคะ” พินทุอรถามแล้วก็ได้แต่ภาวนาในใจ อย่าให้เป็นอย
งานแต่งงานและทริปฮันนีมูนผ่านไปอย่างราบรื่น และพินทุอรก็ย้ายไปทำงานที่ต่างจังหวัดได้เดือนเศษแล้ววันนี้เป็นวันแรกในรอบหนึ่งเดือนที่เธอกลับมากรุงเทพฯ เพราะเพชรพร้อมต้องมาทำธุระที่มหาวิทยาลัยชื่อดัง เขาจึงพาพินทุอรมาเดินซื้อของที่ห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองระหว่างที่ภัคจิรากำลังเดินเลือกร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าใกล้กับมหาวิทยาลัยที่จะต้องมาฟังงานบรรยายวิชาการ หญิงสาวก็เห็นพินทุอรกำลังจูงมือสามีหนุ่มเลือกร้านอาหารอยู่เช่นกันหลังจากมีเรื่องกันคราวก่อน หญิงสาวก็ไม่ได้เจอพินทุอรอีกเลย เธอตามหึง ตามคุมรัชตะไม่ห่าง จนได้ข่าวว่าอีกฝ่ายแต่งงานไป เธอจึงไม่ได้ใส่ใจผู้หญิงคนนี้อีกแม้แฟนหนุ่มจะไม่เคยพูดถึงพินทุอรอีกเลยไม่ว่าเรื่องอะไร ทว่าภัคจิรารับรู้จากท่าทางของรัชตะว่ายังคิดถึงแฟนเก่าคนนี้ไม่เลิก ความอิจฉาแล่นขึ้นมาเป็นริ้ว เธอจึงหันไปหาเพื่อนร่วมงานรุ่นน้องแล้วบอก“พี่เจอคนรู้จัก ขอเข้าไปทักแป๊บนึงนะ”“ใครคะพี่ภัค”“แฟนเก่าพี่หมอโอ๊ตน่ะ มากับผัวใหม่” ภัคจิราแสร้งยิ้มหยันรุ่นน้องสาวมองตามแล้วสูดปาก “หูย...คนใหม่ของเขาแซ่บระดับพริกร้อยสวนเลยนะพี่ ทั้งสูง ทั้งหุ่นเพอร์เฟกต์ แถมยังผิวสีแทนดูกร้าว
มีเพียงหาดทราย ทะเล สายลม กับสองเรา...ในขณะที่พินทุอรก้าวเข้าไปเช็กอินในรีสอร์ตสุดหรูที่เพชรพร้อมบรรจงเลือกแล้วเลือกอีกเพื่อมาฮันนีมูน เพลงที่มารดาของพินทุอรชอบเปิดให้ฟังในวัยเด็กก็แว่วมาในความทรงจำมองจากตรงล็อบบียังสามารถเห็นหาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลสีฟ้าเข้มสะท้อนแสงแดดทอประกายระยิบระยับ ส่วนท้องฟ้าสีฟ้าจางๆ ก็ดูสดใสเมื่อถูกแต่งแต้มด้วยปุยเมฆขาวสวยเหมือนรูปในโปสการ์ดเลย...สามวันสองคืนต่อจากนี้เธอจะสวมแต่บิกินีสุดเซ็กซี่ แล้วทอดกายไปกับหาดทรายขาว หยอกเย้ากับเกลียวคลื่นที่ซัดสาด ปล่อยให้ผิวกายดื่มด่ำวิตามินดีจากแสงแดดเสียให้พอ จากนั้นก็กลับมาอาบน้ำเย็นๆ ให้สดชื่น เพื่อเตรียมตัวลงไปจัดการบุฟเฟต์อาหารทะเล เบียร์และไวน์แบบฟรีโฟลว์หรือที่เรียกว่าดื่มได้ไม่อั้นแค่คิด...พินทุอรก็แทบจะล่องลอยไปสรวงสวรรค์แล้ว“ชอบห้องพักไหมอิง” เพชรพร้อมถามเมื่อก้าวเข้ามาอยู่ในพูลวิลลาหลังใหญ่ แบบที่เปิดออกไปแล้วมีสระว่ายน้ำส่วนตัวแยกจากสระหลัก มีรั้วสูงกั้นไว้อย่างมิดชิดเป็นสัดส่วน เพื่อให้คู่รักที่มาพักได้ใช้เวลาทำ ‘กิจกรรม’ ได้อย่างเต็มที่สมกับชื่อห้องฮันนีมูนสวีต แถมยังมองเห็นทะเลกับหาดทรายได้แบบพาโน
เสียงบรรเลงเพลงไทยเดิมดังก้องไปทั่วบริเวณบ้านสวนเพียงดินดีบรรยากาศในวันนี้สวยงามและหวานชื่นไม่ต่างจากภาพในงานแต่งงานที่เห็นในละครมากนัก จะแตกต่างก็เพียงมวลความสุขและความสนุกสนานที่โอบล้อมงานในวันนี้ล้นเอ่อจนทุกคนในงานสัมผัสได้เพชรพร้อมสวมชุดสูทสากลสีชมพูอ่อนนั่งพนมมือวางบนหมอนสำหรับรดน้ำสังข์ โดยมีพินทุอรซึ่งสวมชุดไทยสีชมพูอย่างที่เพชรพร้อมชอบคาดทับด้วยสไบสีทองนั่งอยู่เคียงกันทางซ้ายมือ รอบคอของทั้งคู่มีพวงมาลัยสองชายห้อยอุบะที่ชายมาลัย ซึ่งพวงมาลัยนี้ร้อยอย่างวิจิตรบรรจงด้วยฝีมือของนางรำพึงผู้เป็นแม่งานบ่าวสาวยิ้มให้กันด้วยความชื่นมื่นในระหว่างรอทำพิธีรดน้ำสังข์ ก่อนจะเป็นเพชรพร้อมที่ก้มลงไปหยิบกระดาษเช็ดหน้าแผ่นบางขึ้นมาซับเบาๆ ไล่ไปตามไรผมที่ล้อมกรอบหน้าของเจ้าสวยคนสวย“เหนื่อยไหมอิง”“ไม่เหนื่อย”“ร้อนหรือเปล่า” ถามเสร็จก็ยิ้มให้“เปิดแอร์ขนาดนี้ อิงจะเอาอะไรมาร้อน”“หนาวเกินไปไหม”“ไม่เลย กำลังดีแล้ว”เพชรพร้อมฟังแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง เอื้อมมือไปกุมมือพินทุอร มองตากันแล้วก็ยิ้มให้กันอีกหนคะนึงรักชะงักกึก พานใส่มงคลแฝดหรือมงคลที่ใช้สวมศีรษะบ่าวสาวแทบร่วง เธอวางพานใส่มงคลลง แล้
การ์ดแต่งงานถูกส่งไปทั่วโรงพยาบาลนรินทร์รัตน์ ยกเว้นก็แต่ใครคนหนึ่งที่แผนกศัลยกรรมกลับไม่ได้รับการ์ดเชิญนี้“เป็นไงบ้างไอ้โอ๊ต พักนี้ชีวิตดีไหม”รัชตะเงยหน้าขึ้นจากโต๊ะทำงานเมื่อได้ยินเสียงคุ้นหู เขาขมวดคิ้วตอนที่คนมาใหม่เดินเข้ามาหาในห้องทำงานพร้อมรอยยิ้มแบบแปลกๆนายแพทย์อรัญอยู่แผนกสูตินารีเวช เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันแต่ไม่ค่อยลงรอยกันนัก ศัลยแพทย์หนุ่มจึงแปลกใจไม่น้อยเมื่อเพื่อนที่แทบไม่ได้คุยกันเข้ามาทักทาย“มีอะไร” เขาถามตรงๆ“รู้ข่าวหรือยังวะ แฟนเก่าของมึงกำลังจะแต่งงาน”รัชตะชะงัก “หมายถึงใคร อิงน่ะเหรอ”“ใช่ หมออิงจะแต่งงาน แล้วก็ย้ายไปต่างจังหวัดด้วย”อรัญโบกการ์ดแต่งงานที่เพิ่งได้รับเมื่อเช้ากลางอากาศ พลางทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามรัชตะปรายตามองการ์ดแต่งงานสีน้ำเงินขลิบทองในมือเพื่อนร่วมงาน แล้วเบ้หน้าเหมือนไม่แคร์ แต่มือข้างที่อยู่ใต้โต๊ะกำแน่นจนเจ็บ“ความจริงไม่ต้องแจกการ์ดก็ได้ น่าจะเป็นแค่งานเลี้ยงกระจอกที่บ้านนอกเท่านั้น”“เขาจัดงานกันที่โรงแรมในกรุงเทพฯ นี่แหละ ระดับห้าดาวเสียด้วย” อรัญบอกชื่อโรงแรมห้าดาวสุดหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง“จะจัดหรูแค่ไหน เจ้าบ่าวก็กระจอกอย