รุ่งเช้าเดินทางมาถึงอย่างรวดเร็ว อลิสาตื่นตั้งแต่หกโมงเช้า เธอคิดว่าตัวเองตื่นเช้าแล้วแต่พอเดินออกมาที่ด้านนอกกลับพบยายที่กำลังนั่งดูข่าวเช้าอยู่พร้อมกับแก้วนมอุ่นๆ
อลิสาเดินไปหายายพร้อมกับนั่งลงข้างๆ เก้าอี้แล้วโอบกอดยายเอาไว้ “ตื่นแล้วเหรอ ตื่นสายนะเราน่ะ ตื่นสายแบบนี้จะทำงานที่นี่ได้ยังไงกัน ส้มแป้นจะต้องไล่หนูออกแน่ๆ” “ยายหนูลิสาเอง ไม่ใช่คนงานใหม่สักหน่อย” “อ้าวนี่หลานเองเหรอ ไปนอนต่ออีกหน่อยเถอะลูก ตื่นเร็วไปก็ไม่มีงานอะไรให้ทำหรอก เดี๋ยวยายให้ส้มแป้นทำโจ๊กที่ชอบให้เอาไหม เอ้านี่รีโมทเอาไปดูการ์ตูนสิ..” อลิสารับรีโมทมาจากยายพร้อมกับยกยิ้มเศร้าๆ “ไม่เป็นไรค่ะ ยายดูเถอะ เดี๋ยวหนูลงไปดูพี่แป้นข้างล่างก่อนนะคะ” “งั้นก็ตามใจ เอานี่ไปสิ” ยายยัดแบงค์ยี่สิบใส่มือของเธอมา “เอาไปซื้อขนมนะ...” รอยยิ้มค่อยๆ จางหายไปจากใบหน้าของอลิสา เธอขบเม้มริมฝีปากด้วยสายตาแห่งความรู้สึกผิด “อื้อ ขอบคุณนะคะยาย” เธอกำเงินในมือเอาไว้แน่นก่อนจะเดินลงไปด้านล่างก็เห็นพี่แป้นกำลังทำงานอยู่ในห้องกระจก “มีอะไรให้หนูช่วยไหมคะ” ส้มแป้นส่งยิ้มให้กับอลิสา “เยอะเลยค่ะเพราะงานทุกอย่างต่อไปนี้คุณหนูจะต้องทำเองทั้งหมด” ส้มแป้นลุกขึ้นก่อนจะพาอลิสามานั่งบนเก้าอี้ที่เธอนั่งทำงานอยู่เมื่อครู่ “ไร่ของเรา..ไม่มีกำไรมาสองปีแล้วค่ะ” ใบหน้าของอลิสานั้นรู้สึกชาไปหมดเลย เธอเงยหน้ามองพี่แป้นด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกใจ เมื่อสองปีที่แล้วเธอยังโทรมาขอเงินยายไปลงทุนทำธุรกิจอยู่เลย หมายความว่าทั้งยายและพี่แป้นให้เงินก้อนนั้นมาทั้งๆ ที่ไร่ของเราขาดทุนอยู่งั้นเหรอ? “ลิสาไม่รู้มาก่อนเลยว่าไร่ของเราอยู่ในสภาพแบบไหน?” ส้มแป้นส่งยิ้มให้กับคุณหนูของเธอก่อนที่เธอจะตบไหล่ของอลิสาเบาๆ “ไม่ใช่ความผิดคุณหนูหรอกค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าไร่ของเราไม่ได้ทำการพัฒนามานานแล้ว ไม่เหมือนกับอีกสองไร่ข้างๆ ที่พวกเขาเริ่มปลูกองุ่นสายพันธ์ุต่างๆ เพิ่มมากขึ้น” “หนูได้รับจดหมายของยายเมื่อไม่กี่วันก่อน จดหมายนั่นพี่แป้นเป็นคนส่งให้ใช่ไหมคะ” พี่ส้มแป้นพยักหน้า “เพราะการขาดทุนสองปีทำให้ไร่เราในตอนนี้กำลังเป็นหนี้อยู่ค่ะ พี่ไปพบเจอจดหมายนั้นในห้องของคุณยายโดยบังเอิญ สารภาพตามตรงว่าพี่ไม่รู้จะทำยังไงให้งานในไร่มันเดินต่อไปได้หากว่าเราไม่มีเงินทุนมาซื้อปุ๋ยหรือว่าจ้างคนงาน เราจะไม่สามารถเก็บองุ่นที่กำลังออกช่อได้ทัน” แสดงว่าตอนนี้ เธอจะต้องหาเงินทุนเพื่อมาจ้างคนงานและซื้อปุ๋ย อีกทั้งยังต้องจ่ายดอกธนาคารและจ่ายเงินต้นคืนทุกเดือนอีกด้วย ตอนแรกเธอคิดว่าชีวิตของตัวเองจะเลิกถังแตก ตอนที่กลับมาที่ไร่ แต่นี่มันยิ่งกว่าถังแตกอีกไม่ใช่เรอะ เรียกได้ว่านี่คือวิกฤตเลยก็ว่าได้.. “อ่า..ตอนนี้เรามีปุ๋ยและยาที่จะใส่อีกกี่เดือนกันคะ” “อีกสิบวันจะครบกำหนดใส่ปุ๋ยแล้วและปุ๋ยของเราใส่ได้อีกเพียงครั้งเดียวเท่านั้น..” อลิสายกมือขึ้นมากุมขมับเบาๆ องุ่นใช่ว่าพอออกลูกแล้วจะสามารถเก็บเกี่ยวได้เลย แต่ต้องทั้งบำรุงต้นใบ และยังต้องระมัดระวังเรื่องแมลงอีก อีกสามเดือนถึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิตได้ แต่ตอนนี้จะต้องหาเงินมาซื้อปุ๋ยก่อน “เรา..มีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่คะที่เอามาหมุนเวียนภายในไร่” พี่ส้มแป้นกางสมุดบัญชีให้อลิสาดูและยอดเงินในนั้นเหลืออยู่หนึ่งแสนบาท.. เธอหลับตาลงอย่างใช้ความคิด หนึ่งแสนค่าคนงานยังไม่พอเลย แล้วจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อปุ๋ยกันฟะ “พี่ช่วยเอารายจ่ายต่อเดือนให้หนูดูหน่อยได้ไหมคะ ว่าในหนึ่งเดือนจะต้องจ่ายค่าอะไรบ้าง แล้วก็รายชื่อจำนวนคนงานทั้งหมดของเรา” “ได้ค่ะคุณหนู ตอนเย็นวันนี้พี่จัดงานเลี้ยงเล็กๆ ให้คุณหนูด้วยนะคะ เป็นงานเลี้ยงต้อนรับเพื่อให้คนงานของเรารู้จักคุณหนู” อยู่ในสภาพถังแตกแบบนี้ยังสามารถจัดงานเลี้ยงได้อีกเรอะ “ไม่เสียเงินค่ะงานนี้ พอดีคนงานของเราไปช่วยไร่พูนสุขมาทางนั้นก็เลยล้มวัวให้ตัวหนึ่ง” ล้มวัวเลยเรอะ “วัวตัวนั้นยังมีชีวิตไหมคะ ถ้าเราเลี้ยงเอาไว้..” “อ่า..ตอนนี้กระดูกของมันอยู่ในหม้อต้มซุปแล้วค่ะ ส่วนเนื้อก็กำลังนำไปหมักเพื่อรอย่างเย็นนี้” อลิสาพยักหน้าเบาๆ ไร่พูนสุขอย่างงั้นเหรอ? “จริงสิพี่แป้น แบบนี้เราก็ชวนคนที่ไร่พูนสุขและไร่เจริญรุ่งมาด้วยได้ไหมคะ หนูเองก็อยากจะทำความคุ้นเคยเอาไว้เผื่อเวลาที่ไปหาไหทองที่นั่นจะได้ไม่ต้องเป็นคนแปลกหน้ากัน” พี่ส้มแป้นดีดนิ้วดังเปราะ “ได้เลยค่ะคุณหนู เดี๋ยวพี่จะส่งคนไปชวนเจ้าของไร่ทั้งสองและคนงานมาที่นี่เอง” อลิสาพ่นลมหายใจเบาๆ “หวังว่าเจ้าของไร่จะเป็นคุณลุงที่ใจดีกับหนูนะคะ” พี่ส้มแป้นขมวดคิ้วในทันทีก่อนจะหัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณลุงอะไรกันคะคุณหนู เจ้าของไร่พูนสุขเป็นหลานชายเพียงคนเดียวของปู่สุข รายนั้นหล่อยิ่งกว่าพระเอกหนังอีก ส่วนเจ้าของไร่เจริญรุ่งพึ่งได้รับมรดกจากคุณตามาหมาดๆ อันนี้พี่ยังไม่เคยเห็นหน้าแต่คนงานสาวๆ ของเราทุกคนต่างลงความเห็นว่าเขาหล่อเหมือนดาราเกาหลี คนหนึ่งคมเข้มอีกคนหล่อแบบเกาหลี เพราะอย่างนั้นสู้เค้านะคะคุณหนูจะคนไหนก็ได้ คว้ามาให้ได้สักคน” อสิลาส่งยิ้มแห้งๆ ให้กับพี่ส้มแป้น “ในเมื่อเจ้าของไร่อื่นเขาทั้งหล่อทั้งรวยแบบนั้นเขาจะมาสนใจหนูเหรอพี่ แค่ผูกมิตรกันเอาไว้ก็พอแล้ว” บางทีส้มแป้นก็อยากจะถามคุณหนูเหมือนกันนะว่าคุณหนูของเธอเคยส่องกระจกบ้างรึเปล่า? สวยขนาดนั้นไม่เคยมีใครบอกเลยรึไง “แป้นไปบอกคนงานเรื่องงานเลี้ยงต้อนรับก่อนดีกว่า หากว่าคุณหนูอยากจะเดินออกไปตรวจงานในไร่ก็อย่าลืมสวมหมวกด้วยนะคะ แดดที่นี่ร้อนมากเลย ตอนเย็นเจอกันที่ท้ายไร่นะคะ” อลิสาปรายตามองไร่องุ่นผ่านทางหน้าต่างกระจก เธอเดินไปหยิบหมวกสานมาสวมเอาไว้บนศีรษะก่อนจะเดินออกจากห้องทำงานเพื่อเข้าไปในไร่ กลิ่นดินอ่อนๆ ที่ถูกไถคราดจนพลิกหน้าดินขึ้นมาเจอแสงแดดให้กลิ่นที่หอมสดชื่นอย่างน่าประหลาดเลย ตอนนี้เป็นเวลาเช้าที่แดดยังไม่แรงเท่าไหร่นัก คนงานส่วนมากยังไม่มาทำงานอลิสาจึงเดินไปเรื่อยๆ จนถึงท้ายไร่ เธอเจอสะพานไม้ที่กั้นขวางคลองเล็กๆ เอาไว้ รอยยิ้มปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของอลิสาอีกครั้ง ครั้งหนึ่งในตอนเด็กเธอเคยมาเล่นน้ำในคลองนี้เป็นประจำเลยมาเล่นกับพี่ชายคนหนึ่งที่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่รู้ว่าเขาชื่ออะไรและตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง แต่เธอจำได้ว่าเขามีรอยยิ้มที่สวยมากจนเธอละสายตาไปจากรอยยิ้มนั้นไม่ได้เลย“พูดก็พูดเถอะ เรื่องของแกมันเหมือนกับในละครหลังข่าวเลยวะลิสา” สกายพูดพร้อมกับหมุนตัวของลิสาเบาๆ เพราะตรวจดูความเรียบร้อย วันนี้เพื่อนของเธอสวยมากกว่าทุกวันเลย อลิสาอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่กระโปรงยาวฟูฟ่อง ที่บนเรือนผมสวมมงกุฎดอกไม้เอาไว้ ส่วนที่มือก็ถือช่อดอกไม้เล็กๆ ไว้ด้วย “นั่นสินะ บางทีเราก็คิดนะว่าเหมือนเราเกิดมาเพื่อแต่งงานกับพี่เตเลย..” โรงแรมของเธอสร้างเสร็จก่อนปีใหม่สองเดือน แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเพจของโรงแรมเปิดตัวก็มียอดจองเข้าพักยาวจนถึงปีหน้าเลย อาจจะเพราะผู้คนโหยหาธรรมชาติ อีกทั้งพี่ไคโรยังมีความสามารถในการสร้างโรงแรมของเราออกมาได้เหมือนกับอยู่ที่อิตาลีจริงๆ เลย เรื่องนั้นต้องยกความดีความชอบให้เขา และเรื่องฤกษ์แต่งงานก็เป็นพี่ไคโรเหมือนเดิมที่หาวันที่ดีที่สุดแบบที่เร็วที่สุดตามความต้องการของพี่เตลองซ์ได้ “พรหมลิขิตสุดๆ ไปเลย” สกายพูดพร้อมกับจับมือของอลิสาเอาไว้ “ขอให้แกมีความสุขมากๆ นะ” ส่วนอีกด้านเป็นพี่อาร์มที่เข้าไปแสดงความยินดีกับเตลองซ์ “ให้ตายเหอะ นี่อย่าบอกนะว่าได้แต่งงานกันเพราะกู เหลือเชื่อจริงๆ เลย” เตลองซ์หัวเราะ เขาตบไหล่ของอาร์มเบ
ร่างกายของเรากอดก่ายกันอย่างแนบชิดกระทั่งไม่มีช่องว่างของอากาศแทรกผ่าน ฝ่ามือของเขาบีบเคล้นความนุ่มนิ่มทั้งสองข้างที่ชวนให้หลงใหลจนมันปริออกมาตามง่ามนิ้ว ปลายยอดสั่นระริกถูกเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขา สลับกับการใช้ปลายนิ้วบี้ลงไป.. “อา..” ช่องทางด้านล่างร้อนผ่าวเต้นตุบๆ ดูเหมือนจะยั่วเย้าปลายนิ้วที่กำลังสอดลึกเข้าไปด้านใน ชั่วพริบตาเมื่อถูกปลุกเร้าทั้งด้านบนด้านล่างพร้อมๆ กัน ร่างกายของเธอก็สั่นกระตุกเบาๆ พร้อมกับเสียงร้องครางที่ดังสนั่น “ชอบให้ใช้นิ้วขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่า..คิดถึงพี่จนทนไม่ไหว” เขาหมุนตัวเพื่อให้เธอหันหน้ามามองเขา เตลองซ์รูดรั้งแก่นกายขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะกดสะโพกของอลิสาลงไป.. “อะ..อึ่ก” เขาไม่ยินยอมให้เธอได้พักแม้เพียงเสี้ยวนาที ฝ่ามือหนาใหญ่กำลังลูบไล้ไปตามสีข้าง ส่วนใบหน้าของเขาก็ฝังลงไปบนเนินเนื้อนุ่มนิ่มก่อนจะออกแรงดูดดึงมันเบาๆ ความตื่นตัวร้อนผ่าวเบียดแทรกเข้ามาช้าๆ แล้วฝังลึกเข้ามาในกายเรื่อยๆ จนสุดท้าย ร่างกายกำลังถูกเติมเต็มอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งจะเสร็จสมไป ความรู้สึกต่างๆ ยิ่งไวต่อสัมผัสมากกว่าครั้งไหนๆ อลิสาบดเบียดสะโพกลงไปยังแท่งร้อนเผาก่อ
อลิสามองแผ่นหลังของพี่จองชัยและคุณเบลินดาที่เดินเคียงข้างกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มหวังว่าคำพูดของเธอมันจะสามารถสะเทือนกำแพงในใจของพี่จองชัยได้ไม่มากก็น้อยทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนผิด ถ้ายอมหันหน้ามาคุยกันตั้งนานก็คงไม่ต้องทะเลาะกันยาวนานมากขนาดนี้“กลับบ้านกันเถอะครับ พี่ง่วงแล้ว”“ที่นี่บ้านลิสาค่ะ จะกลับไปไหนได้อีก”เตลองซ์หน้ามุ่ย“งั้นขึ้นห้องกันเถอะครับ..เมียจ๋า ไม่ว่าจะยังไงคืนนี้พี่ไม่ยอมนอนคนเดียวแน่นอน พี่นอนคนเดียวมาหลายคืนแล้วนะ เมื่อวานลิสาก็อ้างว่าติดงาน เดี๋ยวนี้ติดงานมากกว่าพี่อีกเหรอครับ”จะว่าไป..เธอไม่ได้ไปอยู่กับเขานานแล้วเหมือนกัน“ก็ได้ค่ะ รอก่อนนะคะ เดี๋ยวลิสาช่วยไฉไลเก็บจานก่อน”“ได้เลยครับ เพื่อเมียนานแค่ไหนก็รอ”อลิสาหันหน้ามาหาเตลองซ์ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาเขาแล้วหอมแก้มเขาเบาๆ“ไปนั่งรอตรงนั้นเลยค่ะ”เธอชี้ไปที่เก้าอี้เพื่อให้เขาไปนั่งรอดีกว่ามายืนรอแบบนี้ เตลองซ์ยกมือขึ้นมาถูแก้มเบาๆ ตรงที่ลิสาพึ่งจะจุมพิตไปเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาในตอนนี้คงกำลังยิ้มอยู่สินะ เขารู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้าเลยอลิสาไม่ได้
จองชัยจับมือของเบลินดาเอาไว้“วันนี้พอเท่านี้เถอะครับ เรากลับกันเถอะ”เมื่อจองชัยพูดจบเขาก็จูงมือของเบลินดาออกไปจากที่นี่“ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นตัวต้นเรื่องแท้ๆ มาทำท่าเหมือนรู้สึกผิดงั้นเหรอไอ้จอง ทุเรศฉิบหายเลยว่ะ”จองชัยหันหลังกลับมามองหน้าของเตลองซ์“เออ กูมันทุเรศ แล้วยังไงล่ะ? หากว่ามึงมั่นใจในความรักของมึงทำไมจะต้องกลัว..”เตลองซ์ทำท่าจะถลาเข้าไปหาจองชัยแต่อลิสาเอาตัวเข้ามาขวางไว้ เธอมองหน้าเตลองซ์ด้วยสายตาโกรธเคืองเล็กน้อย“ไปขอโทษคุณเบลินดาแบบตั้งใจมากกว่านี้ค่ะ”อลิสาชี้นิ้วไปที่คุณเบลินดาเพื่อให้เตลองซ์ไปขอโทษเธอ ทว่าเตลองซ์กลับขมวดคิ้วมองหน้าของอลิสา“ลิสา..นี่พี่เป็นคนผิดงั้นเหรอ?”“หากถามลิสาก็ผิดทั้งคู่นั้นแหละ เพราะอย่างนั้นพี่เตไปขอโทษของลินดา หลังจากนั้นคุณลินดาก็ขอโทษพี่เตนะคะ ไม่เหนื่อยงั้นเหรอ โกรธแค้นกันมาเป็นสิบๆ ปีแบบนี้ ให้มันพอแค่นี้และหลังจากนี้ไปก็สนใจแค่ความสุขของตัวเองเถอะค่ะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องการแก้แค้นหรือว่าอะไรแล้ว..นับจากนี้ไปใครมีความสุขมากกว่าคนนั้นชนะค่ะ”เตลองซ์เม้มปากเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปหาเบลินดาที่กำลังทำท่าจะร้องไห้ออกมา“ผม..ขอโทษครับ หวังว่
เบลินดากำมือแน่นเมื่อเธอมองเห็นคุณปู่สุขมองหน้าของอลิสา สายตาเอ็นดูแบบนั้นในตอนที่เธอเป็นแฟนกับเตลองซ์ เธอไม่เคยได้รับมันเลยสักครั้งเดียว“ผมได้ข่าวมาว่าหุ้นส่วนอีกคนเป็นคนที่อลิสาแอบชอบมาตั้งแต่สมัยมหาลัย..แต่เธอไม่เคยบอกกล่าวความในใจออกไปเลย”เบลินดาส่งเสียงร้องเหอะออกมา“พึ่งรู้ว่านายเองก็มีประโยชน์เหมือนกันนะจองชัย อย่าบอกนะว่าที่นายทุ่มเทช่วยพี่ทำลายเต เพราะว่านายชอบอลิสา?”ความรู้สึกในใจมันขุ่นมัวไปหมดจนไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจนหรือเต็มปากได้ ว่าตกลงแล้วเขารู้สึกอย่างไรกับอลิสากันแน่รักเธอ หรือว่าต้องการเธอมาเพื่อจะให้คุณตาภูมิใจในตัวเขา“แต่นายจะรู้สึกยังไงมันไม่สำคัญหรอกนะจองชัย เพราะว่าพี่จะทำลายความรักครั้งนี้ของเตลองซ์เอง จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้หมอนั่นมีความสุขกับคนรักเหมือนกับที่มันทำกับพี่”อลิสาเดินไปดูปลาก็พบว่ามันถูกเผาจนได้ที่แล้ว เธอใช้กรรไกรตัดหนังออกเบาๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทานแล้วใช้ให้คนยกปลาเผาไปให้คุณตาและคุณยายที่อยู่บนบ้าน“น่าทานสุดๆ เลยพี่ลิสา พี่ทำกับข้าวเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”ไฉไลพูดพร้อมกับทำจมูกขยับไปมาเพื่อสุดดมกลิ่นปลาเผาที่หอมฟุ้งไปทั่วไร่“ไม่ขนาด
สายลมในยามเย็นพัดผ่านใบหน้าของคุณยายอุดมไป คุณยายหันไปมองหน้าของคนที่คุณยายรักจนสุดหัวใจครั้งหนึ่งเราเคยจะหนีตามกันไป หนีไปจากที่นี่เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในฐานะของคนรักแต่ทว่าที่บ้านของคุณยายไม่มีใครอีกแล้ว หากว่าคุณยายหนีไปคุณแม่ของคุณยายก็จะต้องอยู่คนเดียวเพราะอย่างนั้นคุณยายจำต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงคอเพื่อแต่งงานกับคุณตาเสริมส่วนคุณปู่สุขก็ต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่ทางครอบครัวบอกว่าดี..ย่ารตีเป็นผู้หญิงที่ดีสำหรับครอบครัวของคุณปู่สุข แต่ไม่ได้ดีสำหรับคุณปู่เลยเมื่อคลอดลูกคนแรกเราก็หย่ากันในทัน หลังจากนั้นคุณปู่ก็เลี้ยงลูกมาโดยลำพังและพอมีเตลองซ์ ปู่ก็อยู่กับเตลองซ์สองคนเพราะเจ้าลูกชายตัวดีไปอยู่กับแม่ของมันส่วนคุณยายอุดม ลูกสาวของยายคลอดอลิสาทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะหนีไปกับผู้ชาย หลังจากนั้นอีกสิบปีคุณตาก็เสียชีวิตคุณยายไม่โกรธเคืองลูกสาวเลย เพราะว่าอลิสาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของคุณยาย เด็กน้อยที่มีรอยยิ้มเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวันเหมือนกับว่าหน้าที่สุดท้ายของคุณปู่สุขและคุณยายอุดมคือการส่งหลานให้ถึงฝั่งฝัน..“ได้สิ หากว่าพี่ต้องการให้ฉันไปอยู่ด้วย ฉันก็จะไปอยู่กับพี่..จะไปสร้างภา