อลิสาไม่ค่อยเข้าใจโชคชะตาของตัวเองเท่าไหร่นัก เธอเป็นถึงดาวคณะในตอนเรียน เป็นผู้หญิงที่มีคนตามจีบเยอะแยะ ทำไมกันนะ ทำไมเธอถึงได้ไม่เคยมองใครมาก่อนเลย สายตาของเธอมองที่เขาเพียงคนเดียวมาโดยตลอด..
มั่นคงในความรักแต่กลับขี้ขลาดเกินกว่าจะบอกเขาว่าเธอแอบชอบเขามาเนิ่นนานหลายปีมากขนาดนี้ อลิสาปรือตาขึ้นมามองใบหน้าที่คมเข้มสมชายชาตรี เขามีผิวสองสีอีกทั้งแขนของเขาก็เต็มไปด้วยมัดกล้าม ปลายนิ้วสากกำลังไล่เกลี่ยไปบนแก้มของเธอก่อนที่เขาจะทาบทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง..และอีกครั้ง คราวนี้อลิสาล้มลงไปบนที่นอนและเธอไม่มีแรงเหลือที่จะต่อสู้หรือว่าขัดขืนอะไรเขาเลย สวยชะมัด.. เตลองซ์ยังจำสายตากรุ้มกริ่มของเจ้าเพื่อนตัวดีได้อย่างแม่นยำเลย เท่าที่เขาฟังเหมือนกับว่ายัยเด็กนี่จะรักใครสักคนแล้วไม่สมหวัง..น่าจะประมาณนั้นไหมนะ สวยขนาดนี้ยังผิดหวังในความรักอีกเหรอเนี่ย ใบหน้าที่ราวกับมีออร่าระยิบระยับอยู่บนนั้น ดวงหน้าสวยหวานในแบบที่คงไม่มีใครละสายตาไปจากใบหน้านี้ได้ “อ่า..เหมือนจะหายใจไม่ออกเลยค่ะ” “หากรู้สึกหายใจไม่ออกก็จะต้องถอดเสื้อออกสิ” อลิสาขมวดคิ้ว “พี่ดู..คล่องแคล่วจังเลยนะคะ” “ทำไมถึงเรียกพี่ล่ะ หน้าฉันดูแก่กว่าเธองั้นเหรอ?” แล้วจะให้เธอเรียกเขาว่าน้องรึไง เธอไม่ใช่อาเจ้ที่จะมาหาเด็กไปทำเรื่องบนเตียงสักหน่อย...ถึงแม้ว่าจะกำลังทำอยู่ก็เถอะ “เพราะว่าเรียกพี่แล้ว ทำให้เราดูสนิทกันมากขึ้นนิดหนึ่งมั้งคะ” เตลองซ์หยักยิ้มที่มุมปาก เขาไล้ปลายนิ้วลงไปบนริมฝีปากของเธอเบาๆ ก่อนจะใช้สายตาหวานเชื่อมมองใบหน้านั้นอีกครั้ง “มาเริ่มกันเถอะ รอนานกว่านี้ก็ไม่ได้อะไร ค่าตัวของฉันมีแต่จะเพิ่มขึ้นนะ” อลิสากะพริบตาถี่ๆ ในขณะที่เขากำลังทำท่าจะถอดกางเกงออก เธอรีบจับมือของเขาเอาไว้ในทันที “ดะ..เดี๋ยวก่อนค่ะ หนูไม่ได้จะทำเรื่องแบบนี้สักหน่อย” “ไม่อยากทำมันก็เป็นเรื่องของเธอ แต่ว่าฉันอยากทำนี่ มาเถอะเดี๋ยวจะทำให้รู้ว่าการร้องขอชีวิตมันเป็นยังไง นอนนิ่งๆ ก็พอ..” นั่นคงเป็นคำพูดสุดท้ายของเธอ เพราะว่าหลังจากนั้นเขาก็กรอกโซจูหรือว่าเหล้าขาวเรื่องนั้นอลิสาก็ไม่มั่นใจ แต่เขาบรรจงป้อนเหล้าใส่ปากเธอครั้งแล้วครั้งเล่าผ่านปลายลิ้นของเขา แอลกอฮอร์ร้อนๆ ไหลผ่านลำคอพร้อมกับนำพาสติที่มีอยู่น้อยนิดที่มันจางหายไป.. อลิสารู้สึกเพียงแค่ว่าร่างกายของเธอมันร้อนตั้งแต่หัวจรดเท้า ร้อนไปหมดจนไม่สามารถประคองจิตใต้สำนึกเอาไว้ได้ “......” ฉิบหายแล้วไง อลิสาปรือตาขึ้นมามองนาฬิกาในห้องบ่งบอกเวลาเที่ยงวัน อาการปวดหัวเดินทางมาพร้อมกับอาการปวดหลัง เมื่อคืนนี้เขาสรรหาสารพัดท่าทางที่แสนแปลกประหลาดแบบนั้นมาใช้กับเธอได้ยังไงกันฟะ แต่มันก็..เป็นความแปลกที่ดีอยู่ เธอจัดการเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นมาสวมใส่ หลังจากนั้นอลิสาก็วางเงินพร้อมกับโน๊ตที่เธอคิดว่ามันคือการชื่นชมเขาในฐานะคนทำงาน ต้องรีบกลับแล้ว ตอนนี้เธอสายมากโครตๆ และพี่แป้นอาจจะด่าเอาได้ อลิสาใช้เวลาขับรถกว่าเจ็ดชั่วโมง กว่าจะมองเห็นป้ายของไร่อุดมรัก แสงไฟเรืองรองของหน้าต่างกระจัดกระจายออกไปตามหมู่บ้านเป็นหย่อมๆ เสาไฟฟ้าเก่าๆ ที่ส่องแสงสลัวๆ พร้อมกับเสียงแมลงมากมายที่ร้องดังระงม ทำไมรู้สึกน้ำตาจะไหลเลยนะ เพราะไม่ได้กลับมาที่นี่หลายปีงั้นเหรอ บ้านไม้หลังใหญ่ตั้งอยู่กลางไร้องุ่นที่กำลังออกช่อ บนดวงหน้างดงามปรากฏรอยยิ้มขึ้นมาเมื่ออลิสามองเห็นยายและพี่แป้นที่มายืนรอเธออยู่ เมื่อเอจอดรถเสร็จเรียบร้อยแล้วอลิสาก็พุ่งตัวเข้าไปหายายในทันที “ยาย หนูกลับมาแล้วนะ” ยายอุดมหัวเราะเบาๆ “มาสมัครเข้าทำงานเหรอจ้ะ ไร่ของยายคนงานเต็มแล้วขอโทษด้วยนะหนู” อลิสาหัวเราะเบาๆ อาการป่วยเป็นอันไซเมอร์ของยายดูเหมือนว่าจะเพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลาสินะ แม่ของเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของยาย แม่มีสามีไปเรื่อยๆ แต่โชคดีที่แม่ทำหมันหลังจากคลอดเธอเพราะแบบนั้นเธอก็เลยเป็นลูกคนเดียวของแม่ แต่แม่ไม่เคยติดต่ออะไรเธอมาหรอก ตอนนี้แม่ไปอยู่ที่เมืองนอกกับสามีคนใหม่ของแม่ นี่เธอเป็นอีกคนที่ทอดทิ้งให้ยายอยู่ที่นี่เพียงคนเดียวสินะ เธอเองก็เป็นคนใจร้ายเหมือนกันแฮะ..ให้ตายเถอะ “ยาย นี่คุณหนูลิสาไง หลานรักของยายอุดม” พี่แป้นเป็นคนดูแลยายและดูแลงานต่างๆ ในไร่ด้วย “ลิสางั้นเหรอ ตายแล้วนี่หลานยาย สวยเหมือนยายตอนสาวๆ เลยนะ” อลิสาเม้มปากแน่นเพี่อไม่ให้ตัวเองร้องไห้ออกมา เธออยากเจอหน้ายายด้วยรอยยิ้มเพราะแบบนั้นก็เลยพยายามอย่างหนักที่จะไม่ร้องไห้ นิ้วมือที่เหี่ยวย่นของยายบรรจงลูบลงมาบนเส้นผมของอลิสาเบาๆ “กลับมาอยู่บ้านเราเถอะนะ เมืองกรุงใจร้ายกับหลานยายมากเลยใช่ไหม ลิสาถึงมีรอยยิ้มที่ต่างออกไปจากลิสาคนเดิมที่ยายรู้จัก..กลับมาอยู่ที่บ้านของเราดีแล้วล่ะลิสา” ขอบตาของอลิสาร้อนผ่าว หยาดน้ำตาแวววาวเอ่อล้นขอบตาออกมา อลิสายกมือขึ้นมาโอบกอดยายเอาไว้อีกครั้ง “ยาย หนูกลับมาอยู่กับยายแล้วนะ” พี่แป้นหยักยิ้มขึ้นมาเมื่อมองเห็นยายหลานกอดกันกลม “ขึ้นบ้านเถอะค่ะ วันนี้พี่เตรียมกับข้าวเอาไว้รอคุณลิสาเยอะเลย น้ำพริกกะปิ ไข่ชะอมและปลาทูทอด” จริงสิ..เธอยังไม่ได้กินข้าวเลยนี่นา ตั้งแต่ตื่นมาตอนเที่ยงพึ่งจะกินกาแฟไปสองแก้วและรีบขับรถกลับมาแบบลืมหิวไปเลย พอมาได้ยินพี่แป้นพูดถึงของโปรดท้องก็ส่งเสียงร้องออกมาดังลั่น “อ่า ดูเหมือนว่าลิสาจะหิวมากๆ เลยค่ะพี่แป้น ไปกินข้าวกันเถอะค่ะยาย ลิสาหิวข้าว” “คุณยายทานแล้วค่ะ คุณหนูขึ้นไปทานเถอะเดี๋ยวพี่พาคุณยายไปเข้านอนก่อน” พี่แป้นจูงมือเพื่อพายายขึ้นชั้นบน “ทานแล้วที่ไหนกัน ยายยังไม่ได้กินเลย ยายจะกินข้าวกับลิสา” พี่แป้นถอนหายใจในขณะที่อลิสาหัวเราะเสียงดัง พอขึ้นมาด้านบนก็จะพบกับแม่บ้านสองคนที่กำลังจัดเตรียมโต๊ะอาหาร “ทานไม่ได้แล้วค่ะยาย หากอยากอยู่กับคุณหนูก็ทานผลไม้ไปก็แล้วกัน” ความเรียบง่ายนี้..จะบอกยังไงดีนะ เหมือนกับว่าหัวใจของเธอสงบแบบแปลกๆ เมื่อได้กลับมาที่บ้าน ได้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้งยังที่ที่เธอเติบโตมา ไร่องุ่นยังคงอยู่เหมือนเดิม บ้านก็เหมือนเดิมที่แตกต่างไปคงจะเป็นยายที่อายุมากขึ้นและเธอที่แก่ขึ้นเรื่อยๆ ปีหน้าเธอจะอายุสามสิบแล้ว เป็นคนอายุสามสิบที่ล้มเหลวในทุกๆ ด้านจนต้องกลับบ้านเกิดเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่..“พูดก็พูดเถอะ เรื่องของแกมันเหมือนกับในละครหลังข่าวเลยวะลิสา” สกายพูดพร้อมกับหมุนตัวของลิสาเบาๆ เพราะตรวจดูความเรียบร้อย วันนี้เพื่อนของเธอสวยมากกว่าทุกวันเลย อลิสาอยู่ในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่กระโปรงยาวฟูฟ่อง ที่บนเรือนผมสวมมงกุฎดอกไม้เอาไว้ ส่วนที่มือก็ถือช่อดอกไม้เล็กๆ ไว้ด้วย “นั่นสินะ บางทีเราก็คิดนะว่าเหมือนเราเกิดมาเพื่อแต่งงานกับพี่เตเลย..” โรงแรมของเธอสร้างเสร็จก่อนปีใหม่สองเดือน แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเพจของโรงแรมเปิดตัวก็มียอดจองเข้าพักยาวจนถึงปีหน้าเลย อาจจะเพราะผู้คนโหยหาธรรมชาติ อีกทั้งพี่ไคโรยังมีความสามารถในการสร้างโรงแรมของเราออกมาได้เหมือนกับอยู่ที่อิตาลีจริงๆ เลย เรื่องนั้นต้องยกความดีความชอบให้เขา และเรื่องฤกษ์แต่งงานก็เป็นพี่ไคโรเหมือนเดิมที่หาวันที่ดีที่สุดแบบที่เร็วที่สุดตามความต้องการของพี่เตลองซ์ได้ “พรหมลิขิตสุดๆ ไปเลย” สกายพูดพร้อมกับจับมือของอลิสาเอาไว้ “ขอให้แกมีความสุขมากๆ นะ” ส่วนอีกด้านเป็นพี่อาร์มที่เข้าไปแสดงความยินดีกับเตลองซ์ “ให้ตายเหอะ นี่อย่าบอกนะว่าได้แต่งงานกันเพราะกู เหลือเชื่อจริงๆ เลย” เตลองซ์หัวเราะ เขาตบไหล่ของอาร์มเบ
ร่างกายของเรากอดก่ายกันอย่างแนบชิดกระทั่งไม่มีช่องว่างของอากาศแทรกผ่าน ฝ่ามือของเขาบีบเคล้นความนุ่มนิ่มทั้งสองข้างที่ชวนให้หลงใหลจนมันปริออกมาตามง่ามนิ้ว ปลายยอดสั่นระริกถูกเคล้นคลึงจากฝ่ามือของเขา สลับกับการใช้ปลายนิ้วบี้ลงไป.. “อา..” ช่องทางด้านล่างร้อนผ่าวเต้นตุบๆ ดูเหมือนจะยั่วเย้าปลายนิ้วที่กำลังสอดลึกเข้าไปด้านใน ชั่วพริบตาเมื่อถูกปลุกเร้าทั้งด้านบนด้านล่างพร้อมๆ กัน ร่างกายของเธอก็สั่นกระตุกเบาๆ พร้อมกับเสียงร้องครางที่ดังสนั่น “ชอบให้ใช้นิ้วขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่า..คิดถึงพี่จนทนไม่ไหว” เขาหมุนตัวเพื่อให้เธอหันหน้ามามองเขา เตลองซ์รูดรั้งแก่นกายขึ้นลงเบาๆ ก่อนจะกดสะโพกของอลิสาลงไป.. “อะ..อึ่ก” เขาไม่ยินยอมให้เธอได้พักแม้เพียงเสี้ยวนาที ฝ่ามือหนาใหญ่กำลังลูบไล้ไปตามสีข้าง ส่วนใบหน้าของเขาก็ฝังลงไปบนเนินเนื้อนุ่มนิ่มก่อนจะออกแรงดูดดึงมันเบาๆ ความตื่นตัวร้อนผ่าวเบียดแทรกเข้ามาช้าๆ แล้วฝังลึกเข้ามาในกายเรื่อยๆ จนสุดท้าย ร่างกายกำลังถูกเติมเต็มอีกครั้งหลังจากที่เธอพึ่งจะเสร็จสมไป ความรู้สึกต่างๆ ยิ่งไวต่อสัมผัสมากกว่าครั้งไหนๆ อลิสาบดเบียดสะโพกลงไปยังแท่งร้อนเผาก่อ
อลิสามองแผ่นหลังของพี่จองชัยและคุณเบลินดาที่เดินเคียงข้างกันด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มหวังว่าคำพูดของเธอมันจะสามารถสะเทือนกำแพงในใจของพี่จองชัยได้ไม่มากก็น้อยทะเลาะกันแทบเป็นแทบตายเพราะต่างฝ่ายต่างไม่มีใครยอมใคร ทั้งๆ ที่ทั้งคู่ต่างก็เป็นคนผิด ถ้ายอมหันหน้ามาคุยกันตั้งนานก็คงไม่ต้องทะเลาะกันยาวนานมากขนาดนี้“กลับบ้านกันเถอะครับ พี่ง่วงแล้ว”“ที่นี่บ้านลิสาค่ะ จะกลับไปไหนได้อีก”เตลองซ์หน้ามุ่ย“งั้นขึ้นห้องกันเถอะครับ..เมียจ๋า ไม่ว่าจะยังไงคืนนี้พี่ไม่ยอมนอนคนเดียวแน่นอน พี่นอนคนเดียวมาหลายคืนแล้วนะ เมื่อวานลิสาก็อ้างว่าติดงาน เดี๋ยวนี้ติดงานมากกว่าพี่อีกเหรอครับ”จะว่าไป..เธอไม่ได้ไปอยู่กับเขานานแล้วเหมือนกัน“ก็ได้ค่ะ รอก่อนนะคะ เดี๋ยวลิสาช่วยไฉไลเก็บจานก่อน”“ได้เลยครับ เพื่อเมียนานแค่ไหนก็รอ”อลิสาหันหน้ามาหาเตลองซ์ ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาเขาแล้วหอมแก้มเขาเบาๆ“ไปนั่งรอตรงนั้นเลยค่ะ”เธอชี้ไปที่เก้าอี้เพื่อให้เขาไปนั่งรอดีกว่ามายืนรอแบบนี้ เตลองซ์ยกมือขึ้นมาถูแก้มเบาๆ ตรงที่ลิสาพึ่งจะจุมพิตไปเมื่อครู่ ใบหน้าของเขาในตอนนี้คงกำลังยิ้มอยู่สินะ เขารู้สึกร้อนไปทั่วทั้งหน้าเลยอลิสาไม่ได้
จองชัยจับมือของเบลินดาเอาไว้“วันนี้พอเท่านี้เถอะครับ เรากลับกันเถอะ”เมื่อจองชัยพูดจบเขาก็จูงมือของเบลินดาออกไปจากที่นี่“ทั้งๆ ที่ตัวเองเป็นตัวต้นเรื่องแท้ๆ มาทำท่าเหมือนรู้สึกผิดงั้นเหรอไอ้จอง ทุเรศฉิบหายเลยว่ะ”จองชัยหันหลังกลับมามองหน้าของเตลองซ์“เออ กูมันทุเรศ แล้วยังไงล่ะ? หากว่ามึงมั่นใจในความรักของมึงทำไมจะต้องกลัว..”เตลองซ์ทำท่าจะถลาเข้าไปหาจองชัยแต่อลิสาเอาตัวเข้ามาขวางไว้ เธอมองหน้าเตลองซ์ด้วยสายตาโกรธเคืองเล็กน้อย“ไปขอโทษคุณเบลินดาแบบตั้งใจมากกว่านี้ค่ะ”อลิสาชี้นิ้วไปที่คุณเบลินดาเพื่อให้เตลองซ์ไปขอโทษเธอ ทว่าเตลองซ์กลับขมวดคิ้วมองหน้าของอลิสา“ลิสา..นี่พี่เป็นคนผิดงั้นเหรอ?”“หากถามลิสาก็ผิดทั้งคู่นั้นแหละ เพราะอย่างนั้นพี่เตไปขอโทษของลินดา หลังจากนั้นคุณลินดาก็ขอโทษพี่เตนะคะ ไม่เหนื่อยงั้นเหรอ โกรธแค้นกันมาเป็นสิบๆ ปีแบบนี้ ให้มันพอแค่นี้และหลังจากนี้ไปก็สนใจแค่ความสุขของตัวเองเถอะค่ะ ไม่ต้องไปสนใจเรื่องการแก้แค้นหรือว่าอะไรแล้ว..นับจากนี้ไปใครมีความสุขมากกว่าคนนั้นชนะค่ะ”เตลองซ์เม้มปากเล็กน้อย เขาเดินเข้าไปหาเบลินดาที่กำลังทำท่าจะร้องไห้ออกมา“ผม..ขอโทษครับ หวังว่
เบลินดากำมือแน่นเมื่อเธอมองเห็นคุณปู่สุขมองหน้าของอลิสา สายตาเอ็นดูแบบนั้นในตอนที่เธอเป็นแฟนกับเตลองซ์ เธอไม่เคยได้รับมันเลยสักครั้งเดียว“ผมได้ข่าวมาว่าหุ้นส่วนอีกคนเป็นคนที่อลิสาแอบชอบมาตั้งแต่สมัยมหาลัย..แต่เธอไม่เคยบอกกล่าวความในใจออกไปเลย”เบลินดาส่งเสียงร้องเหอะออกมา“พึ่งรู้ว่านายเองก็มีประโยชน์เหมือนกันนะจองชัย อย่าบอกนะว่าที่นายทุ่มเทช่วยพี่ทำลายเต เพราะว่านายชอบอลิสา?”ความรู้สึกในใจมันขุ่นมัวไปหมดจนไม่สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจนหรือเต็มปากได้ ว่าตกลงแล้วเขารู้สึกอย่างไรกับอลิสากันแน่รักเธอ หรือว่าต้องการเธอมาเพื่อจะให้คุณตาภูมิใจในตัวเขา“แต่นายจะรู้สึกยังไงมันไม่สำคัญหรอกนะจองชัย เพราะว่าพี่จะทำลายความรักครั้งนี้ของเตลองซ์เอง จะทำทุกทางเพื่อไม่ให้หมอนั่นมีความสุขกับคนรักเหมือนกับที่มันทำกับพี่”อลิสาเดินไปดูปลาก็พบว่ามันถูกเผาจนได้ที่แล้ว เธอใช้กรรไกรตัดหนังออกเบาๆ เพื่อให้ง่ายต่อการทานแล้วใช้ให้คนยกปลาเผาไปให้คุณตาและคุณยายที่อยู่บนบ้าน“น่าทานสุดๆ เลยพี่ลิสา พี่ทำกับข้าวเก่งเหมือนกันนะเนี่ย”ไฉไลพูดพร้อมกับทำจมูกขยับไปมาเพื่อสุดดมกลิ่นปลาเผาที่หอมฟุ้งไปทั่วไร่“ไม่ขนาด
สายลมในยามเย็นพัดผ่านใบหน้าของคุณยายอุดมไป คุณยายหันไปมองหน้าของคนที่คุณยายรักจนสุดหัวใจครั้งหนึ่งเราเคยจะหนีตามกันไป หนีไปจากที่นี่เพื่อให้ได้ใช้ชีวิตในฐานะของคนรักแต่ทว่าที่บ้านของคุณยายไม่มีใครอีกแล้ว หากว่าคุณยายหนีไปคุณแม่ของคุณยายก็จะต้องอยู่คนเดียวเพราะอย่างนั้นคุณยายจำต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดลงคอเพื่อแต่งงานกับคุณตาเสริมส่วนคุณปู่สุขก็ต้องกลับไปแต่งงานกับคนที่ทางครอบครัวบอกว่าดี..ย่ารตีเป็นผู้หญิงที่ดีสำหรับครอบครัวของคุณปู่สุข แต่ไม่ได้ดีสำหรับคุณปู่เลยเมื่อคลอดลูกคนแรกเราก็หย่ากันในทัน หลังจากนั้นคุณปู่ก็เลี้ยงลูกมาโดยลำพังและพอมีเตลองซ์ ปู่ก็อยู่กับเตลองซ์สองคนเพราะเจ้าลูกชายตัวดีไปอยู่กับแม่ของมันส่วนคุณยายอุดม ลูกสาวของยายคลอดอลิสาทิ้งไว้ให้ก่อนที่จะหนีไปกับผู้ชาย หลังจากนั้นอีกสิบปีคุณตาก็เสียชีวิตคุณยายไม่โกรธเคืองลูกสาวเลย เพราะว่าอลิสาคือสิ่งที่มีค่าที่สุดของคุณยาย เด็กน้อยที่มีรอยยิ้มเจิดจ้าราวกับแสงของดวงตะวันเหมือนกับว่าหน้าที่สุดท้ายของคุณปู่สุขและคุณยายอุดมคือการส่งหลานให้ถึงฝั่งฝัน..“ได้สิ หากว่าพี่ต้องการให้ฉันไปอยู่ด้วย ฉันก็จะไปอยู่กับพี่..จะไปสร้างภา