วันนั้นหลังกลับจากกานามาถึงเมืองเป่ย เสิ่นชิงซูก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านทั้งหมดสามวันเต็มน้าฉินทำกับข้าวตามสูตรอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสำหรับหญิงตั้งครรภ์ตามที่เฉียวซิงเจียให้ สามมื้อเปลี่ยนวิธีการไม่มีซ้ำให้กับเสิ่นชิงซูความอยากอาหารของเสิ่นชิงซูดีขึ้นเล็กน้อย ของที่กินเข้าไปก็มากกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อยสามวันนี้ นอกจากเวินจิ่งซีจะมาเยี่ยมเธอที่บ้านทุกวันแล้ว ยังถือโอกาสชวนคุยเรื่องงานนิดหน่อยอีกด้วย ส่วนคนอื่นรบกวนเสิ่นชิงซูไม่ได้หลังเฉียวซิงเจียกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล ยุ่งจนหัวหมุนทุกวัน แต่เธอก็จะหาเวลาส่งข้อความแสดงความห่วงใยเสิ่นชิงซูวันที่สี่ อารมณ์และผิวพรรณของของเสิ่นชิงซูดีขึ้นมากแล้ว จึงกลับไปทำงานอย่างเดิมเสิ่นชิงซูเพิ่งมาถึงสตูดิโอในตอนเช้า ลู่เสี่ยวหานก็บอกเธอว่ามีคนส่งดอกไม้มาให้เธออีกแล้วเสิ่นชิงซูเดาได้อยู่ราง ๆ ว่าเป็นใครที่ส่งมาครั้งนี้เป็นดอกกุหลาบขาว ยังคงแนบการ์ดมาดังเดิมเสิ่นชิงซูไม่แม้แต่จะชายตามอง กระทั่งโยนการ์ดทิ้งไปเลย จากนั้นก็ให้ลู่เสี่ยวหานเอาดอกไม้ไปให้ร้านกาแฟล่างตึกขณะลู่เสี่ยวหานหอบดอกไม้ลงมา เวินจิ่งซีมาถึงพอดีเมื่อเห็นดอกไม้ในอ้อมแขน
คล้ายกับแทงใจดำอย่างนั้น มือที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวของฟู่ซือเหยียนกำขึ้นเป็นหมัด“แต่น่าเสียดายที่คุณผิดแล้ว”เสิ่นชิงซูจ้องมองเขา ในสายตาเต็มไปด้วยการถากถาง“ถ้าคุณเข้าใจตำนานพิธีหย่าของกานาจริง ๆ คุณก็จะรู้ว่าข้อตกลงการหย่าที่คุณวางแผนมาวันนี้มันน่าขำแค่ไหน”“ผมก็แค่อยากเก็บไว้ที่เป็นที่ระลึกระหว่างเราก็เท่านั้น” เสียงของเขาทุ้มต่ำ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความหนักอึ้งที่ไม่เคยมีมาก่อนมองแววตาที่แน่วแน่และเย็นชาของเธอ ในดวงตาเขาก็เปื้อนไปด้วยความหวาดระแวง “เสิ่นชิงซู การแต่งงานห้าปี ผมไม่เคยคิดว่าเราไม่เคยมีความรู้สึกต่อกันแม้แต่นิดเดียว”“ความรู้สึก?” เสิ่นชิงซูฉีกยิ้ม ยิ้มจนหางตาแดงก่ำไปหมด “ฟู่ซือเหยียน ตอนนี้คุณรู้ว่าหงายการ์ดความสัมพันธ์แม่ลูกระหว่างฉันกับฟู่ซืออวี่ไม่ได้ผลแล้ว ก็เริ่มคิดจะใช้ความสัมพันธ์สามีภรรยามาพูดให้ฉันยอมงั้นเหรอ?”ฟู่ซือเหยียนขบกรามแน่น นัยน์ตาดำขลับจ้องเธอเขม็งเสิ่นชิงซูพูดขึ้นว่า “แต่ว่า ระหว่างเรามีความสัมพันธ์สามีภรรยาที่ไหนกัน?”ลมหายใจของฟู่ซือเหยียนติดขัด“พิธีหย่าของกานาสื่อถึงสามีภรรยาที่เคยรักกัน หลังความสัมพันธ์พังลง ทั้งสองฝ่ายจะใส่ชุดที่เคย
ฟู่ซือเหยียนมองเสิ่นชิงซูที่อยู่ในชุดเดรสสีดำทั้งตัว สีหน้าเคร่งขรึมเสิ่นชิงซูเดินไปตรงหน้าฟู่ซือเหยียนทั้งสองคนสบตากันเสิ่นชิงซูกระตุกยิ้มมุมปาก ในดวงตาแสนงดงามแฝงความเย็นชาเอาไว้ “ประหลาดใจมากเหรอ?”ฟู่ซือเหยียนจ้องเธอด้วยแววตาเย็นยะเยียบ “คุณไม่คิดจะให้ความร่วมมือกับผมตั้งแต่แรกอยู่แล้วใช่ไหม?”“ฉันยังให้ความร่วมมือไม่พออีกเหรอ?”น้ำเสียงของเสิ่นชิงซูเย็นชา “ห้าปีเต็ม ฉันให้ความร่วมมือพอแล้ว ไม่ว่าจะเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของคุณ หรือว่าผู้ปกครองที่ถูกต้องตามกฎหมายของฟู่ซืออวี่ ฉันไม่มีอะไรต้องรู้สึกผิด”“แต่นั่นแล้วยังไง? ฉันได้อะไร?”ฟู่ซือเหยียนจ้องเธอเขม็ง ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่น“ตั้งแต่วินาทีที่รู้ว่าโจวอวี๋ชูเป็นแม่แท้ ๆ ของฟู่ซืออวี่ สิ่งที่ฉันต้องการก็แค่ถอนตัวออกมา แต่คุณทำยังไง? อยากอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูกกับโจวอวี๋ชูไปด้วย แล้วก็คิดจะใช้สิ่งที่เรียกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมายมาจับฉันไว้เป็นตัวประกันไปด้วย”“ฉันเลี้ยงฟู่ซืออวี่มาห้าปี ฉันไม่ขอให้เขาตอบแทนฉัน ทำไมท้ายที่สุด ฉันยังกลายเป็นคนเลือดเย็นไร้ความรู้สึกที่ทิ้งลูกอีกล่ะ?”“การอยู่เป็นเพื่
ตลอดทั้งกระบวนการเสิ่นชิงซูไม่ออกความเห็นใด ๆเธอเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ซึ่งอารมณ์และความรู้สึก ถ่ายรูปที่ชายหาด นอกโบสถ์ และจุดเช็กอินสองสามที่เป็นเพื่อนพวกเขาพ่อลูกเฉียวซิงเจียกับฉินเยี่ยนเฉิงยืนอยู่ข้าง ๆ มองพวกเขา ‘พ่อแม่ลูก’ ด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดคนหนึ่ง ด้วยใบหน้าอิหลักอิเหลื่อจนใจคนหนึ่งใกล้สิบเอ็ดโมง ในที่สุดการถ่ายภาพก็จบลงอักกรารับกับสถานการณ์ช่วงเวลาที่อุณหภูมิสูงที่สุดของวันพระอาทิตย์เหนือศีรษะยิ่งจ้าขึ้นเรื่อย ๆ ใบหน้าที่เดิมทีถูกแผดเผาจนซีดเผือดของเสิ่นชิงซูเริ่มแดงก่ำขึ้นมาแล้วเธอยกมือขึ้นปาดหยดเหงื่อบนหน้าผาก กำลังจะไปหาเฉียวซิงเจีย ทันใดนั้นตรงหน้าก็มีน้ำแร่ขวดหนึ่งยื่นมาฟู่ซือเหยียนมองเธอ “ดื่มน้ำหน่อยสิ”เสิ่นชิงซูชำเลืองมองเขาชืด ๆ ทีหนึ่ง เธอไม่ได้ยื่นมือไปรับ ทว่าถามเขากลับอย่างเย็นชา “ถ่ายรูปเสร็จแล้ว ฉันไปได้แล้วใช่ไหม?”“ยังมีอีกขั้นตอนหนึ่ง” น้ำเสียงฟู่ซือเหยียนทุ้มต่ำ “อยู่ในโบสถ์ พนักงานจัดการเรียบร้อยแล้ว”เสิ่นชิงซูแสยะยิ้ม “พิธีหย่าใช่ไหม?”ฟู่ซือเหยียนชะงักไป ก่อนจะหันหลังกลับ เขาเลิกคิ้ว “ที่แท้คุณก็รู้อยู่แล้ว”“ฟู่ซือเหยียน นั่นมันก็แค่ต
ฟู่ซืออวี่วิ่งมาถึงตรงหน้าเสิ่นชิงซู อ้าแขนอยากจะกอดเธอ ทว่าเสิ่นชิงซูเอี้ยวตัว หลบอย่างแยบยลเฉียวซิงเจียเดินรุดหน้ามาได้ทันเวลา ลากฟู่ซืออวี่ไปข้าง ๆ “เธอใจเย็น ๆ หน่อย อาซูกำลังคุยโทรศัพท์อยู่!”ฟู่ซืออวี่เบะปาก จ้องเสิ่นชิงซูอย่างไม่พอใจเล็กน้อยเสิ่นชิงซูไม่สนใจฟู่ซืออวี่ ถามเวินจิ่งซีว่า “ผลเป็นยังไงบ้าง?”“ตรวจออกมาไม่เจอปัญหาอะไร เป็นแค่หินคริสตัลทั่วไป”“โอเค ฉันรู้แล้ว”ส่วนผลลัพธ์นี้ เธอไม่ได้รู้สึกอะไรมากมาย“ทางคุณเป็นยังไงบ้าง?” เวินจิ่งซีเอ่ยถามเสิ่นชิงซูตอบกลับไปแค่ว่า “ฉันจัดการได้”“คุณยังต้องการกำไลข้อมือนั่นหรือเปล่า?”เสิ่นชิงซูหันหน้าไปมองฟู่ซืออวี่ น้ำเสียงเย็นชา “คุณจัดการเถอะ”“ได้!” เห็นได้ชัดว่าน้ำเสียงของเวินจิ่งซีดีอกดีใจไม่น้อยเสิ่นชิงซูไม่ได้พูดอะไรกับเขามากมายอีก ทง่าวางสายไปเลยฟู่ซืออวี่เห็นเธอคุยโทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็รีบสะบัดมือเฉียวซิงเจียออก แล้วเดินไปตรงหน้าเสิ่นชิงซู“แม่ แม่ใส่ชุดเจ้าสาวสวยมาก! ตอนนั้นพอผมเห็นชุดเจ้าสาวชุดนี้ ผมก็รู้เลยว่าแม่ต้องใส่สวยมากแน่ ๆ!”เสิ่นชิงซูกลับมองเขาชืด ๆ “ฟู่ซืออวี่ เธอเป็นคนบอกกับพ่อเธอว่า อยากถ่า
“นี่ฟู่ซือเหยียหมายความว่ายังไง?”เฉียวซิงเจียโยนชุดเจ้าสาวไปส่ง ๆ “บ้าไปแล้วหรือเปล่า! อย่าบอกฉันนะว่าที่บังคับเธอมาตั้งไกล สุดท้ายคือจะจัดพิธีแต่งงานกับเธอน่ะ!”เสิ่นชิงซูจ้องชุดเจ้าสาวชุดนั้นพลางขมวดคิ้วมุ่น“เขาไม่ได้จะเข้าพิธีแต่งงานกับฉัน”“หืม?” เฉียวซิงเจียสองมือเท้าสะเอว “ไม่ได้จะเข้าพิธีแต่งงานกับเธอ หรือว่าจะหย่าแล้วยังตั้งใจส่งชุดเจ้าสาวมาให้เธอเป็นที่ระลึกอีกหรือไง! คิดว่าเขาเป็นขวัญใจมหาชนจริง ๆ เหรอ แค่หย่ายังอืดอาดยืดยาดลับ ๆ ล่อ ๆ ฉันละยอมจริง ๆ!”เสิ่นชิงซูไม่ได้ตอบโต้แต่อย่างใด เพียงแต่สีหน้ามีความสงสัยเล็กน้อย“ฉันไม่เข้าใจฟู่ซือเหยียนจริง ๆ ถ้าเขาจะให้ของอะไรเป็นที่ระลึกการหย่าสักหน่อย งั้นให้เครื่องประดับ รถ หรือบ้านสิ! ให้ชุดเจ้าสาวเส็งเคร็งเนี่ยนะ? เขาลืมไปแล้วเหรอ? ตั้งแต่ต้นจนจบพวกเธอไม่เคยจัดงานแต่งงาน นี่เขาจงใจกวนบาทาเธอหรือเปล่า!”เฉียวซิงเจียเดินไปข้างตัวเฉียวซิงเจียแล้วนั่งลง ขมวดคิ้วมองประเมินสีหน้าของเธอเห็นสีหน้าเธอเคร่งขรึมทว่าเงียบไม่พูดไม่จา เลี่ยงไม่ได้ที่จะกังวลเล็กน้อย“อาซู เธอไม่เป็นไรใช่ไหม? ถ้าเธอโกรธเธอก็ด่าออกมาเลย! อย่าเก็บเอาไว