บรรยากาศพลันเงียบงันแม่เฉียวหันไปอย่างช้า ๆดวงตาทั้งคู่จ้องมองกันและกัน หัวใจของเสิ่นชิงซูหนักอึ้งทันทีแม่เฉียวจ้องที่เธอ ดวงตาที่บวมแดงเพราะร่ำไห้ติดต่อกันหลายวันเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ“จะเป็นไปได้ยังไง…” แม่เฉียวส่ายหัว หัวเราะหนึ่งทีเบา ๆ จากนั้นก็หันตัวกลับไปมองโจวชิงเจ๋ออีก ขมวดคิ้วตั้งคำถาม “ทำไมเป็นเพราะอาซู?” “เพราะฉันไม่ชอบขี้หน้ามัน” โจวชิงเจ๋อยังคงหัวเราะ “ฉันไม่อยากเห็นเสิ่นชิงซูมีชีวิตที่ดี เพราะฉะนั้น ขอเพียงเป็นคนที่เสิ่นชิงซูสนิทด้วย แค่เป็นคนที่เสิ่นชิงซูใส่ใจ ฉันก็จะไม่ปล่อยไปแม้แต่คนเดียว!”“แค่เพราะเหตุผลนี้เนี่ยเหรอ?” แม่เฉียวหัวเราะ น้ำตาท่วมใบหน้า “โจวชิงเจ๋อ! ฉันจะฆ่าแก! ย้าก…” แม่เฉียวตะโกนร้องอย่างคลุ้มคลั่งกระโจนเข้าใส่โจวชิงเจ๋อ แต่ถูกตำรวจรั้งไว้ได้ทันเวลาโจวชิงเจ๋อมองแม่เฉียวที่ใจสลาย แล้วเงยหน้าหัวเราะเสียงดังสุดท้ายแม่เฉียวทนความสะเทือนใจไม่ไหว เป็นลมหมดสติอีกครั้งพ่อเฉียวกับคนในสถานีตำรวจรีบนำตัวแม่เฉียวส่งโรงพยาบาลก่อนที่โจวชิงเจ๋อจะถูกตำรวจนำตัวไปยังห้องคุมขัง เขาจ้องมองเสิ่นชิงซูที่มีสีหน้าเคร่งเครียดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ แล้ว
ลูกกระเดือกโจวชิงเจ๋อขยับ ความสงสารผุดขึ้นมาในลูกตาสีน้ำตาลนั้น “เสี่ยวชู ฉันไม่มีค่าให้เธอทำแบบนี้…” “มีค่าสิคะ”โจวอวี๋ชูขนตาสั่นไหว น้ำเสียงผ่อนคลายลง พูดอย่างเนิบช้า “พี่เป็นคนช่วยโจวอวี๋ชูวัยสิบเจ็ดคนนั้นไว้ เพราะพี่ โจวอวี๋ชูวัยสิบเจ็ดถึงได้มีชีวิตอยู่ต่อมาได้”โจวชิงเจ๋อมองที่โจวอวี๋ชูนิ่ง ๆ“ซืออวี่มักจะพูดว่าลุงดีกับแม่มาก เขาบอกว่าพอเขาโต เขาก็จะต้องปกป้องแม่เหมือนอย่างลุง”โจวอวี๋ชูยังคงจ้องที่ดวงตาเขาเช่นเคย น้ำเสียงแผ่วเบาและอ่อนโยนมาก “พี่ใหญ่ ซืออวี่จะเติบโตอย่างแข็งแรง เขาจะปกป้องฉันเหมือนพี่ ซือเหยียนจะดูแลพวกเราอย่างดี เพราะฉะนั้นพี่ใหญ่ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรานะ”รูม่านตาโจวชิงเจ๋อกระตุก“เธอหมายความว่า…” เขาอ้าปากขึ้นมา เหมือนจะเดาอะไรบางอย่างได้ แต่เขาไม่กล้าฟันธง“พี่ใหญ่ ฉันรู้ดี ว่าในโลกนี้ไม่มีใครอีกแล้วที่จะดีกับฉันขนาดนี้เหมือนพี่” โจวอวี๋ชูไม่เว้นให้เขาได้พูด เอาแต่เน้นย้ำต่อ “แต่โจวอวี๋ชูวัยสิบเจ็ดโตแล้ว ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ดีมาก อีกไม่นานก็จะเป็นเจ้าสาวของฟู่ซือเหยียนแล้ว เธอจะมีความสุข”โจวชิงเจ๋อหยุดหายใจ รูม่านตาสั่นไหวเบา ๆ “สำหรับเธอแล้ว ฉันดีข
คุณนายกู้ยิ้มอย่างอ่อนหวาน “รู้แล้วค่ะ ไปเถอะ”กู้เจิงยิ้มแล้วหันหลังเดินตรงออกไปด้านนอกคุณนายกู้หันหลังไปมองแผ่นหลังของสามี หัวเราะพลางพึมพำ “ทำไมวันนี้ฉีดน้ำหอมซะด้วยล่ะ…” เป็นสามีภรรยากันมาหลายสิบปี คุณนายกู้รู้ว่าสามีให้ความสำคัญเรื่องการดูแลรูปลักษณ์ เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ……คฤหาสน์เหยาเยว่ทางโจวอวี๋ชูเพิ่งได้รับข่าวว่าโจวชิงเจ๋อถูกคุมตัวไปเฉียวซิงเจียคนเดียวสะเทือนทั้งตระกูลฉินและตระกูลฟู่ นี่เป็นสิ่งที่โจวอวี๋ชูไม่ได้คาดคิดมาก่อนเธอวางแผนมาอย่างรอบคอบ พลาดลืมคิดไปจุดเดียวนั่นก็คือฉินเยี่ยนเฉิงมีใจให้เฉียวซิงเจียแล้ว!เมื่อได้รู้ว่าฉินเยี่ยนเฉิงยอมแลกทุกอย่างเพื่อตามหาเฉียวซิงเจียให้พบ โจวอวี๋ชูก็รู้ว่าตัวเองเดินหมากนี้ผิดแล้ว!แต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เธอนึกเสียใจก็ไม่ทันเสียแล้วสามวันมานี้ เธอแอบซุ่มสังเกตการณ์มาตลอดโชคดีที่การค้นหากู้ภัยยังไม่มีความคืบหน้า ประกอบกับที่มีฝนตกหนักหลายวันติดต่อกัน ในภูเขายังเกิดเหตุดินถล่มอีกด้วยยิ่งไปกว่านั้นในภูเขาไม่มีกล้องวงจรปิด ทางตำรวจค้นหามาสามวัน ก็ยังไม่เจอเบาะแสแม้แต่นิดเดียวโจวอวี๋ชูคิดใน
ข่าวที่โจวชิงเจ๋อถูกตำรวจสอบสวนคุมตัวไปแพร่ออกไปในแวดวงสังคมชั้นสูงของเมืองเป่ยอย่างรวดเร็วหลินหลานอี๋กำลังจิบชายามบ่ายกับบรรดาคุณนาย ทันใดนั้นคุณนายหลินก็ร้องกรี๊ดขึ้นมา“คุณนายโจว นี่คุณชายใหญ่บ้านพวกคุณใช่ไหมคะ?”หลินหลานอี๋รับโทรศัพท์มาทันทีภาพในโทรศัพท์คือภาพที่โจวชิงเจ๋อถูกตำรวจสอบสวนสองนายคุมตัวไปพอดีมือของโจวชิงเจ๋อมีเสื้อแจ็คเก็ตคลุมไว้ แต่คนที่รู้เรื่องต่างก็รู้ดีว่า ภายใต้เสื้อแจ็คเก็ตนั้นคือกุญแจมือ“นี่ นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” หลินหลานอี๋เงยหน้ามองไปที่คุณนายหลิน “คุณนายหลิน นี่ใครเป็นคนโพสต์คะ?”“ก็กลุ่มคุณนายน่ะสิคะ!” คุณนายหลินรับโทรศัพท์คืน “ภาพของจริงแน่นอนค่ะ! คุณนายโจว คุณรีบกลับไปดูหน่อยจะดีกว่า คุณชายใหญ่โจวเป็นผู้กุมอำนาจบ้านพวกคุณเลยนะคะ ถ้าไปก่อคดีเข้าจริง ๆ งั้นตระกูลโจวก็คงจะต้องเดือดร้อนหนักแล้วค่ะ!”หลินหลานอี๋หน้าถอดสีทันที หยิบกระเป๋าลุกขึ้น จากไปอย่างรีบร้อนเหล่าคุณนายจ้องที่แผ่นหลังของเธอ สายตาเต็มไปด้วยการเหยียดหยามคุณนายกู้ “โจวเจิ้นเซิงก็มีลูกชายแค่คนเดียวคือโจวชิงเจ๋อ ตอนนี้โจวเจิ้นเซิงเป็นอัมพาตไม่รู้สึกตัว ถ้าโจวชิงเจ๋อนี่เข้าคุกไปจ
“หย่ากับผมแล้ว” ฟู่ซือเหยียนแววตาลุ่มลึกเย็นเยียบ จดจ้องที่เธอ “หลังจากนั้นก็หันไปแต่งกับเฟิงอวิ๋นเฉียนเหรอ?”“ถ้าแต่งกับเฟิงอวิ๋นเฉียนแล้วช่วยซิงซิงได้ ฉันก็ไม่มีอะไรต้องลังเลค่ะ”“เสิ่นชิงซู” ฟู่ซือเหยียนหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “เพื่อเฉียวซิงเจียแล้ว คุณนี่ทุ่มสุดตัวเลยนะ”“ใช่ค่ะ เพราะว่าซิงซิงคู่ควร” เสิ่นชิงซูน้ำเสียงแน่วแน่ความแน่วแน่แบบนี้ กลับจุดไฟโทสะในอกของฟู่ซือเหยียนขึ้นมาอย่างไร้เหตุผล!ฟู่ซือเหยียนสีหน้าเคร่งเครียด ดวงตาดำขลับจ้องเสิ่นชิงซูตาไม่กะพริบในดวงตานั้น ลมพายุกำลังก่อตัวขึ้นเสิ่นชิงซูกลับไม่เกรงกลัวแม้แต่น้อย จ้องที่นัยน์ตาของเขาตรง ๆทั้งสองคนประจันหน้ากันผ่านไปพักใหญ่ ฟู่ซือเหยียนยิ้มมุมปาก หัวเราะเย้ยหยันเบา ๆ “เราจะหย่าหรือไม่หย่า ก็ไม่ใช่เรื่องที่คนนอกจะมายุ่งได้”เสิ่นชิงซูหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ “ฟู่ซือเหยียน อย่าคิดเข้าข้างตัวเองไปหน่อยเลย มันไม่มีคำว่า ‘เรา’ ตั้งนานแล้ว ตอนนี้มีแต่ ‘ฉัน’ กับ ‘คุณ’ ”“ตามกฎหมายเรายังเป็นสามีภรรยากันอยู่ นี่คือความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้”“ก็แค่สามีภรรยาแต่ในนาม”เสิ่นชิงซูวางแก้วน้ำลง ลุกขึ้นยืน“ถ้าราชินี
เสิ่นชิงซูกำโทรศัพท์แน่น “ฉันรู้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเฟิงอวิ๋นเฉียนจะบังเอิญช่วยซิงซิงไว้ได้พอดี จากที่พวกหมอฉินเล่ามา คืนวันที่ซิงซิงหายตัวไป เธอมีไข้สูงมาก เห็นได้ชัดว่าถูกคนพาตัวไป ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเฟิงอวิ๋นเฉียนที่ส่งคนมาพาตัวซิงซิงไปก็ได้!”เวินจิ่งซีรู้สึกว่ามีเหตุผล เขาจึงสตาร์ทรถอีกครั้ง “เราไปสถานีตำรวจกันเดี๋ยวนี้เลย”ก๊อก ๆ...หน้าต่างรถฝั่งผู้โดยสารถูกเคาะเสิ่นชิงซูหันกลับมา มองเห็นฟู่ซือเหยียนผ่านกระจกหน้าต่างรถฟู่ซือเหยียนส่งสัญญาณให้เธอลงจากรถเสิ่นชิงซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลื่อนกระจกหน้าต่างรถลง “มีอะไรก็พูดมาเลย”“เกี่ยวกับเฉียวซิงเจีย”เมื่อได้ยินดังนั้น เสิ่นชิงซูก็ชะงักไป“ฝนตกแล้ว เราเข้าไปคุยกันในร้านกาแฟไหม?” ฟู่ซือเหยียนกล่าวในเมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับเฉียวซิงเจีย เสิ่นชิงซูก็ไม่กล้าที่จะชักช้าเธอเปิดประตูรถแล้วลงไปเวินจิ่งซีก็กำลังจะลงจากรถตามไป ฟู่ซือเหยียนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา “ผมจะคุยกับเธอเท่านั้น”“คุณต้องคิดไม่ซื่อแน่ ๆ!” เวินจิ่งซีก็โมโหทันที “ถ้าผมไม่ไปด้วยแล้วเกิดคุณ...”“คุณเวิน รออยู่ในรถเถอะค่ะ” เสิ่นชิงซูหันกลับมามองเวินจิ่ง