LOGINมันเป็นของที่ฟู่ซือเหยียนตั้งใจสั่งทำขึ้นเพื่อเธอ มงกุฎชิ้นเล็ก ๆ ที่ประดับด้วยเพชรแท้ทั้งหมด และราคาถึงหกหลักเจ้าหญิงน้อยนั่งลงบนตักของผู้เป็นพ่อ มือเล็ก ๆ ชี้ไปที่แก้วน้ำผลไม้ “พ่อคะ หนูอยากดื่มน้ำผลไม้~”ฟู่ซือเหยียนยกน้ำผลไม้ไปถึงปากเธอ พร้อมเตือนด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ดื่มแค่อึกเล็ก ๆ พอนะ แม่บอกว่าหนูต้องกินข้าวก่อน กินข้าวเสร็จแล้วถึงจะดื่มได้ทั้งแก้ว”“หนูรู้แล้วน่า~!”เสี่ยวอันหนิงดื่มน้ำผลไม้เข้าไปหนึ่งอึกเล็ก ๆ “พ่อ หนูอยากกินเนื้อนั่น”ฟู่ซือเหยียนทำตามคำขอ เขาดูแลลูกสาวอย่างคล่องแคล่วคนอื่น ๆ มองยัยหนูน้อยที่ออดอ้อนครั้งแล้วครั้งเล่า โดยไม่ได้เปิดโปงเธออย่างเป็นอันรู้กันเด็กน้อยอายุใกล้ห้าขวบแล้ว ทั้งเป็นนักกินตัวน้อย ทุกครั้งก็นั่งกินข้าวอยู่บนเก้าอี้เด็กด้วยตัวเองอย่างเอร็ดอร่อย มีครั้งไหนบ้างที่ต้องให้คนปรนนิบัติขนาดนี้?ไหนจะยังมีเสียงเล็ก ๆ น่ารักนั่นอีก มันน่ารักเสียจนคนเป็นทาสลูกสาวอย่างเวินจิ่งซีแค้นเคืองอย่างรุนแรง“ฟู่ซือเหยียน คุณไม่สงสัยหน่อยเหรอว่าเธอเสแสร้งหรือเปล่าน่ะ?” เวินจิ่งซีมองฟู่ซือเหยียน เสียงของเขาเหมือนคนที่เพิ่งกัดมะนาวเข้าไปทั้งลูกอย่างไ
สุดท้ายเสิ่นชิงซูก็สวมสร้อยคอเส้นนั้นหลังสวมสร้อย ลำคอก็ไม่ได้โล่งขนาดนั้นแล้ว กระดูกไหปลาร้าเองก็ไม่ได้นูนเด่นชัดขนาดนั้นอีกเฉียวซิงเจียดันเธอให้ไปอยู่หน้ากระจก “เป็นไง? สวยไหม?”เสิ่นชิงซูมองกระจก ยกมือขึ้นลูบสร้อยคอย เธอยังคงลังเลใจอยู่บ้าง “ฉันก็ยังคิดว่ามันไม่ค่อยดีเท่าไร”“แบบสร้อยไม่ดีเหรอ?”เสิ่นชิงซูเหลือบมองเธอเล็กน้อยเฉียวซิงเจียแย้มยิ้มซุกซน “เอาละ ไม่แหย่เธอแล้ว ฉันรู้หรอกว่าเธอกลัวฟู่ซือเหยียนเข้าใจผิด แต่วางใจเถอะ ตอนนี้เขารู้ตัวเองดี เธอไม่ต้องกลัวไปว่าถ้าเธอใส่สร้อยคอของเขาแล้ว เขาจะเกิดความคิดอยากคืนดีกับเธอหรอก”เสิ่นชิงซูมองเฉียวซิงเจีย รู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง “ตอนนี้เธอเข้าใจเขาดีแล้ว?”“ฉันไม่ได้เข้าใจเขาดีหรอก ไม่กี่วันก่อนเขามาหาฉินเยี่ยนเฉิงที่บ้าน ตอนนั้นฉันอยู่แถวหน้าบันไดแล้วก็ได้ยินพวกเขาคุณกันน่ะ”เฉียวซิงเจียทบทวนความทรงจำพลางว่า “ตอนนั้นฉินเยี่ยนเฉิงถามเขาว่าตอนนี้มีแผนอะไร? เขาบอกว่าตอนนี้เขาหวังว่าจะรักษาอาการป่วยของเธอให้ได้เร็วที่สุด แล้วพอรักษาเธอจนหายดีแล้ว เขาก็จะไม่มายุ่งกับเธออีก”ได้ยินแบบนั้น เสิ่นชิงซูก็เม้มปากเล็กน้อยวันนั้นฟู่ซื
พอได้ยินแบบนั้นเสิ่นชิงซูก็เงียบไป“เสี่ยวซู ก่อนหน้านี้เธอถูกพิษได้ยังไง?”เสิ่นชิงซูบอกความจริงกับจิ้นหวยหมินไม่ได้จิ้นหวยหมินภูมิใจในตัวจิ้นเชวี่ยมาตลอด ถ้ารู้เรื่องเหล่านี้ที่จิ้นเชวี่ยทำ จิ้นหวยหมินต้องสะเทือนใจหนักแน่เสิ่นชิงซูหันหน้าไปมองฟู่ซือเหยียนฟู่ซือเหยียนเข้าใจความหมายของเธอ จึงไม่ได้พูดถึงจิ้นเชวี่ยเช่นกัน ได้แต่ถามว่า “อาจิ้นครับ แล้วอามีวิธีบรรเทาอาการป่วยของอาซูไหมครับ?”จิ้นหวยหมินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า “อาต้องการเจอหมอเจ้าของไข้ของเธอ”เมื่อฟู่ซือเหยียนได้ยินดังนั้น ก็ลุกขึ้นทันที “ผมจะติดต่อเขาเดี๋ยวนี้ครับ”การปรากฏตัวของจิ้นหวยหมินนำพาจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่มาให้กับอาการป่วยของเสิ่นชิงซูฉินเยี่ยนเฉิงพาจิ้นหวยหมินไปเจอหัวหน้าแพทย์แผนจีนที่รับผิดชอบเสิ่นชิงซูวันนั้นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันสองสามคนต่างรวมตัวกันอยู่ห้องประชุมปรึกษาทางการแพทย์หารือกันเรื่องการพัฒนาของสภาพร่างกายของเสิ่นชิงซูในตอนนี้ ยาวนานถึงสี่ห้าชั่วโมงสามวันผ่านไป ยืนยันแผนการรักษาใหม่แล้ววิธีรักษาด้วยการฝังเข็มของจิ้นหวยหมิน ยาแผนปัจจุบันยับยั้งการลุกลาม
เสิ่นชิงซูอยากลุกขึ้น จิ้นหวยหมินรีบพูดขึ้นว่า “เธอนั่งก็พอแล้ว คนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ”ได้ยินดังนั้น เสิ่นชิงซูก็ไม่เกรงใจอีกเพียงแต่เห็นจิ้นหวยหมิน อารมณ์ของเธอก็สับสนเล็กน้อยดูจากปฏิกิริยานี้ของจิ้นหวยหมิน น่าจะยังไม่ได้รับข่าวการตายของจิ้นเชวี่ยฟู่ซือเหยียนเดินมา แล้วส่งยาจีนที่อยู่ในมือให้เสิ่นชิงซู “ดื่มยาจีนก่อนเถอะ”เสิ่นชิงซูรับยาจีนมา ก้มหน้าดื่มจนหมดในรวดเดียวฟู่ซือเหยียนแกะลูกอมบ๊วยส่งให้เธอเม็ดหนึ่งเสิ่นชิงซูรับลูกอมมาใส่เข้าไปในปากฟู่ซือเหยียนรับถ้วยเปล่ามาจิ้นหวยหมินยืนดูอยู่ข้าง ๆ ดวงตาแฝงไปด้วยรอยยิ้มดูท่าอดีตสามีภรรยาคู่นี้ ตอนนี้จะประนีประนอมกันแล้วจิ้นหวยหมินในฐานะผู้ใหญ่ ตั้งใจมาเยี่ยมตน เสิ่นชิงซูต้องเชิญเขาเข้ามาในห้องถึงจะค่อนข้างเหมาะสมเธอลุกขึ้นแล้วเชิญจิ้นหวยหมินเข้าห้องทั้งสามคนเข้าไปในห้อง เสิ่นชิงซูกับจิ้นหวยหมินนั่งลงบนโซฟาทางด้านนั้นถึงยังไงที่นี่ก็คือโรงพยาบาล ไม่ได้ถือสาขนาดนั้นฟู่ซือเหยียนกดน้ำอุ่นมาหนึ่งแก้ว ก่อนจะส่งให้จิ้นหวยหมินพูดคุยอย่างสุภาพสองสามคำ เขาก็เข้าไปต้มโจ๊กในครัวแล้วจิ้นหวยหมินมองฟู่ซือเ
เสิ่นชิงซูก้มหน้า กลัวเขามองความผิดปกติออกเธอพยักหน้า แล้วตักโจ๊กเข้าปากอีกช้อนหนึ่งฟู่ซือเหยียนยืนมองอยู่ข้าง ๆ ท้ายที่สุดในตอนที่เธอกินคำที่สามก็สัมผัสได้ว่าไม่ถูกต้องเขารีบย่อตัวลง เห็นน้ำตาในดวงตาของเธอหยดลงมาพอดีน้ำตาหยดลงในโจ๊กในใจของฟู่ซือเหยียนแผ่ความเจ็บปวดขึ้นมา “อาซู?”เสิ่นชิงซูยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา “ฉันไม่เป็นไร...”ฟู่ซือเหยียนรับโจ๊กถ้วยนั้นไปวางไว้บนโต๊ะ“อาซู ขอโทษนะ ในอดีตทำให้คุณต้องลำบากมามาก” เขาคุกเข่าข้างเดียวอยู่ตรงหน้าเธอ ความรู้สึกหนักอึ้งเขารู้ว่าทำไมเธอถึงร้องไห้โจ๊กหนึ่งถ้วยกระตุ้นความทรงจำของเธอในห้าปีนั้น เธอค่อย ๆ เรียนรู้จากประสบการณ์ที่เป็นศูนย์ ค่อย ๆ เลี้ยงเด็กทารกที่เพิ่งครบหนึ่งเดือนเต็มจนโต ทุ่มเทอย่างปราศจากความขุ่นเคืองและความเสียใจ ท้ายที่สุดสิ่งที่ได้กลับมาดันเป็นการหลอกลวงของเขา ความเคียดแค้นและการแทงข้างหลังของเด็กคนนั้น...หลังจากนั้นแยกกันอยู่สี่ปี ได้พบกันอีกครั้ง เขาก็ยังทำให้เธอได้รับความทรมานอย่างถึงที่สุด...ทุก ๆ เรื่องราว ท้ายที่สุดก่อให้เกิดแผลเป็นที่ไม่มีวันเรียบในใจของเธอที่เธอบอกว่าปล่อยวางแล้ว แค่ไม่อยากเป็น
ฟู่ซือเหยียนยกโจ๊กขึ้นไปชั้นบนเสิ่นชิงซูกำลังวิดีโอคอลกับเสี่ยวอันหนิงและเสี่ยวเนี่ยนอันเธอนั่งอยู่ข้างเตียง จงใจคลุมเสื้อโค้ตไว้บนตัว ในกล้องมองไม่ออกว่าอยู่ที่โรงพยาบาล“แม่ เมื่อไหร่แม่ถึงจะกลับบ้านเหรอคะ?” เสี่ยวอันหนิงถามขึ้นต่อหน้าลูกสาวแสนนุ่มนิ่ม ท่าทีของเสิ่นชิงซูก็ผ่อนคลายโดยไม่รู้ตัว โทนเสียงที่พูดก็เปลี่ยนเป็นอ่อนโยนมากตามไปด้วย“อีกสองวันนะจ้ะ ครั้งนี้แม่มาต่างประเทศนานมาก ที่สตูดิโอมีเรื่องสะสมเยอะแยะ เพราะงั้นสองสามวันนี้แม่จะยุ่งมากเลยละ”เสี่ยวอันหนิงกะพริบตา “แล้วพ่ออยู่กับแม่ด้วยไหมคะ?”เสิ่นชิงซูได้ยินแบบนั้น ก็มองฟู่ซือเหยียนทีหนึ่งโดยไม่รู้ตัวฟู่ซือเหยียนเดินเข้ามา ก่อนจะวางโจ๊กไปบนโต๊ะ แล้วนั่งลงข้างกายเสิ่นชิงซูเขามองลูกสาวและลูกชายในโทรศัพท์ น้ำเสียงอ่อนโยน “พ่อก็อยู่ด้วยนะจ้ะ”“ว้าว” เสี่ยวอันหนิงเอามือปิดปาก ยิ้มอย่างมีเลศนัย “พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันเหรอคะ พ่อกับแม่กำลังแอบเราจู๋จี๋กันหรือเปล่าคะ?”ได้ยินแบบนั้นเสิ่นชิงซูก็อึ้งไปฟู่ซือเหยียนมองเธอทีหนึ่งเขาเห็นความไม่เป็นธรรมชาติในดวงตาของหญิงสาวเขามองไปที่โทรศัพท์ แล้วอธิบายกับลูกสาวอย่างอ







