Masukรักกันมาก แต่อยู่ด้วยกันไม่ได้ จุดเริ่มต้นของความรักคือความเข้าใจผิด และเมื่อเขารู้แจ้งเห็นชัดด้วยตัวเอง ความเกลียดชังในจิตใจแปรเปลี่ยนเป็นความรัก ที่อยู่บนพื้นฐานของความไม่ถูกต้อง ความรักหลบๆ ซ่อนๆ จึงเกิดขึ้น .......... เธอต้องเลือกระหว่าง ถูกใจกับถูกต้อง และเดินจากเตมินทร์ด้วยใจร้าวราน พร้อมกับสายใยรักระหว่างเขากับเธอ
Lihat lebih banyakกระเป๋าเดินทางใบเล็กถูกลากออกจากห้องนอนในบ้านชั้นเดียว บ้านที่เต็มไปด้วยความขื่นขมมากกว่าความสุข และเป็นบ้านของชายหนุ่มที่เธอรักสุดหัวใจ เหตุผลของการจากลาเพราะเลือกความถูกต้องมากกว่าความรัก หญิงสาวหยุดยืนตรงโต๊ะกระจกเข้าชุดกับโซฟา วางกระดาษแผ่นหนึ่งที่พับครึ่งไว้ลงบนโต๊ะ ใช้แจกันดอกไม้ทับมันไว้กันปลิว
“แน่นะที่ตัดสินใจแบบนี้” คนถามมองหน้าจันทร์สุดา คล้ายกับว่า ต้องการคำยืนยัน
“เก็บของหมดแล้วนี่คะ และพร้อมไปจากที่นี่ ไปจากชีวิตเขาค่ะ” จันทร์สุดาตอบเสียงหนักแน่น แม้ว่าหัวใจอ่อนยวบและกำลังร้องไห้
“ถ้าคิดว่าพร้อมก็ไปกัน เดี๋ยวไม่ทันเครื่อง” คนพูดเป็นบุรุษชาวอังกฤษวัยสี่สิบเจ็ดปีนามว่า เควิน จันทร์สุดายิ้มอ่อนพยักหน้ารับรู้ เธอมองไปรอบตัวบ้านราวกับว่า เก็บความทรงจำครั้งสุดท้าย ยกมือขึ้นลูบท้องและตบเบาๆ วินาทีนี้น้ำตาจันทร์สุดาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ได้
เควินมองสาวท้องอ่อนจิตใจเข้มแข็ง กล้าตัดสินใจ เลือกความถูกต้องมากกว่าความรู้สึกตัวเองอย่างชื่นชม เขาไม่เอ่ยคำใดลากกระเป๋าเดินทางออกจากบ้าน โดยมีน้องสาวคนรักเดินตามมา
รูดี้เดินมาลากกระเป๋าเดินทางจากมือเจ้านาย ก่อนนำไปไว้ท้ายรถ จากนั้นก้าวขึ้นรถ นำพาทั้งคู่ไปยังสนามบินสุวรรณภูมิ จุดเริ่มต้นการเดินทางครั้งยิ่งใหญ่ของจันทร์สุดา
ร่างสมส่วนเดินแกมวิ่งเข้ามาหลังคลับหรูฟรอร่า คลับขึ้นชื่อย่านทองหล่อ เป็นคลับที่พูดได้ว่ามีแต่เหล่าคนมีเงินมาใช้บริการ เธอรีบเปิดประตูด้านหลังก้าวเท้าไปยังห้องแต่งตัวของสาวพีอาร์ หญิงสาวแสวนสวยที่คอยบริการแขกผู้มีเกียรติ
“ขอโทษค่ะพี่อร พี่แก้ว รถติดมากเลย ถ้าหนูไม่นั่งวินมา ป่านนี้คงยังไม่ถึง” จันทร์สุดายกมือไหว้เอมอรกับแก้วใจ วางกระเป๋าเครื่องสำอางลงบนโต๊ะ
“สายเสยที่ไหน คลับยังไม่เปิดเลย มีเวลาแต่งหน้าเกือบสี่สิบนาทีแน่ะ” เอมอรพูดขณะหยิบหวีมาสางผม
“ก็หนูเคยมาก่อนเวลาชั่วโมงนึงไงคะ มันก็คือสายสำหรับหนูไง” จันทร์สุดาตอบกลับ “ใครจะแต่งหน้าก่อนคะ”
“แต่งให้พี่ก่อนล่ะกัน” เอมอรบอก จันทร์สุดาจึงย้ายตัวไปนั่งใกล้เอมอร ลงมือแต่งหน้าให้เอมอรอย่างชำนาญ
“สร้อยเป็นไงบ้าง วันนี้คงมาทำงานไม่ได้ใช่ไหม”
เอมอรถามถึงสร้อยทิพย์ พี่สาวจันทร์สุดา และเป็นพนักงานต้อนรับของคลับแห่งนี้ด้วย
“คงยังมาไม่ได้ บ่นๆ อยู่ว่าปวดเนื้อปวดตัว คงมาพรุ่งนี้ค่ะ” สีหน้าจันทร์สุดาเศร้าลงเมื่อเอ่ยถึงสร้อยทิพย์ พี่สาวที่ตอนนี้นอนพักอยู่ที่บ้าน
“พี่เตือนมันแล้วนะว่าอย่ารับงานนอก แขกไม่ได้สกรีน ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นยังไง”
เป็นที่รู้กันว่า อาชีพพวกเธอไม่ได้แค่ต้อนรับขับสู้แขก ยังมีการขายบริการที่รู้กันดีในหมู่นักท่องราตรี ราคาซื้อขายกำหนดโดยเจ๊หงส์หรือมณีรัตน์ และมั่นใจได้ว่า ลูกค้าที่เสียเงินซื้อบริการไว้ใจได้ เหตุผลที่สร้อยทิพย์เจอลูกค้าไม่ดี ทำร้ายร่างกายก่อนมีเพศสัมพันธ์เพราะเธอรับงานผ่านเพื่อนที่เสนองานให้ ความที่อยากได้เงินสร้อยทิพย์จึงรับงานโดยไม่ปรึกษามณีรัตน์ สร้อยทิพย์ได้รับเงินตามข้อตกลง แต่ก็ต้องรักษาตัวหลายวัน
“แกก็รู้นี่ว่ามันต้องจ่ายเงินค่าอะไรบ้าง แต่ละอย่างเป็นหนี้ที่มันไม่ได้ก่อทั้งนั้น เป็นฉันล่ะก็ ไม่ยอมหรอก” แก้วใจเห็นใจสร้อยทิพย์มาก สร้อยทิพย์เป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร ทำงานงกๆ เพื่อใช้หนี้แทนคนอื่น ซึ่งคนอื่นไม่ใช่ใคร พ่อแม่บังเกิดเกล้าและน้องชายตัวดี
“แก้ว แกจะพูดอะไรลืมไปแล้วเหรอว่าสุดาอยู่ในห้องนี้” เอมอรปรามเพื่อน
“พี่ขอโทษนะสุดาถ้าคำพูดพี่ทำให้สะเทือนใจ พี่แค่รักสร้อย เห็นเพื่อนลำบากพี่ก็อดพูดไม่ได้”
“หนูเข้าใจค่ะ เข้าใจทุกอย่าง หนูถึงช่วยพี่สร้อยทำงาน ช่วยเรื่องค่าใช้จ่ายในบ้านและช่วยจ่ายหนี้เฮียกวงค่ะ อีกสามหมื่นก็หมดแล้ว โล่งไปอีกราย”
จันทร์สุดาเป็นคนขยัน งานประจำคือ พนักงานบัญชีในบริษัทรับเหมาก่อสร้างระดับประเทศ หลังเลิกงานก็จะมาแต่งหน้าให้สร้อยทิพย์ เอมอรและแก้วใจ ได้ค่าจ้างจากสองคนหลังคนละสองร้อยบาท เธอไม่หมิ่นเงินน้อย คิดว่าเก็บเล็กสมน้อยก็เป็นเงินก้อน สามารถใช้จ่ายได้หลายอย่าง วันเสาร์อาทิตย์ วันหยุดนักขัตฤกษ์จันทร์สุดาจะรับงานพริตตี้ตามงานต่างๆ และเด็กเอ็นเตอร์เทรน อย่างหลังนี้เธอไม่รับงานเดี่ยว แต่จะไปงานที่มีเด็กเอ็นเป็นกลุ่ม
“ยังดีที่มีสุดาช่วย แต่คนหาหนี้นี่สิ ไม่ช่วยอะไรเลย แถมยังสร้างหนี้ไม่รู้จักพัก ไม่สงสารคนจ่ายหนี้แทนบ้างหรือไงก็ไม่รู้” แก้วใจอดบ่นไม่ได้
“เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ พรุ่งนี้สร้อยก็มาทำงานแล้ว ต่อไปก็ช่วยๆ มันดูงานล่ะกัน ถ้ามันจะรับงานนอกอีกน่ะ” เอมอรยุติการสนทนาเรื่องนี้ ไม่ต้องการให้จันทร์สุดาคิดมาก “ว่าแต่สุดาเถอะ ช่วงนี้มีงานเอ็นบ้างไหม ถ้าไม่มีให้พี่หาให้ไหมล่ะ พี่รู้จักเอเยนซี่นะ ไว้ใจได้ด้วย รับแต่งานคนรวย งานนึงได้หลายพันนะ ทิปต่างหาก”
“ก็มีบ้างค่ะ แต่ไม่มาก หนูสวยสู้คนอื่นไม่ได้ งานเลยไม่ชุก เพราะหนูไม่ได้รับงานแบบนี้เต็มตัวด้วยค่ะ ทำได้แค่ช่วงวันหยุด” จันทร์สุดาถ่อมตนเรื่องหน้าตา
“รู้ตัวเหมือนกันนะเราน่ะ สวยก็ไม่สวยดันสะเออะอยากเป็นพริตตี้ อยากเป็นเด็กเอ็น ไม่ได้ดูสารรูปตัวเองเลย” คนพูดคือฤดี หนึ่งในพีอาร์ของร้าน
“นังฤดี ถ้าแกเงียบปาก ก็ไม่มีใครว่าแกเป็นใบ้หรอกนะ พูดมากจริง ผีเจาะปากหรือไง”
เอมอรเปิดฉากต่อว่าเพื่อนร่วมงานที่มักพูดไม่ดีกับจันทร์สุดา ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรให้ฤดีไม่พอใจเลยสักนิด
Chapter 8 แม้สองหนุ่มเป็นลูกคนรวยมีเงินเหลือใช้ จะกินอาหารราคาแพงมื้อละหมื่นหรือหลักแสนก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ กลับทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง ทว่าเตมินทร์กับศุภกฤษณ์กลับกินอาหารร้านริมทาง ร้านที่อยู่ในตึกแถว ตามซอกหลืบที่ต้องเดินลัดเลาะไปกินได้ อาจเป็นเพราะช่วงเรียนปริญญาตรี มหาวิทยาลัยที่ร่ำเรียนติดกับโซนอาหารขึ้นชื่อ ทั้งสองพร้อมเพื่อนสนิทอีกหลายคนเดินไปกินบ่อยๆ การมากินก๋วยเตี๋ยวไก่ครั้งนี้ถือว่า สบายมาก “โห...ไก่นุ่มมาก ตีนไก่เปื่อยสุดๆ อร่อยมากๆ เลย” ศุภกฤษณ์ไม่พูดเกินจริง รสชาติก๋วยเตี๋ยวไก่อร่อยสมชื่อเสียงสะสมมากกว่าสามสิบปี ร้านนี้ยังมีข้าวมันไก่สูตรเด็ดที่อร่อยไม่แพ้กันอีกด้วย “บอกแล้วว่าอร่อยค่ะ อร่อยจนอยากเบิ้ล” วัชรีพรพูดต่อ “คนที่เจอร้านนี้คือสุดาค่ะ สุดาพาหมวยมากิน หมวยติดใจเลยค่ะ มาแถวนี้ต้องมากินค่ะ ซื้อไปฝากคุณแม่และคุณยาย ท่านยังติดใจเลยนะคะ นี่ก็กะว่าจะซื้อไปฝากท่านคนละถุง และไม่ลืมสั่งตีนไก่เปล่าไปนั่งกินเพลินๆ ด้วยค่ะ” “อร่อยใช่ไหมเติร์ด แกสั่งเพิ่มอีกจานแล้วนี่” ศุภกฤษณ์ถามเตมินทร์ที่นั่งอยู่ตรงข้าม “แล้วสุดาอิ่มหรือยัง จะสั่งเพิ่มอี
Chapter 7 จันทร์สุดาก้าวเท้าเข้ามาในห้างหรูย่านสี่แยกราช-ประสงค์ ห้างที่ขึ้นชื่อเรื่องความหรูหรา มีสินค้าแบรนด์เนมแทบทุกแบรนด์ให้เลือกจับจ่าย เธอตรงดิ่งไปยังร้านกาแฟที่นัดหมายไว้กับวัชรีพร “เฮ้อ มาทันเวลานัดเป๊ะ” จันทร์สุดาพูดขณะหย่อนก้นนั่งบนเก้าอี้ “แกนี่รักษาเวลาดีเหมือนเดิม” “ก็ต้องรักษาเวลาสิ มีนัดกับแกทีไร แกมาก่อนฉันทุกที แล้วนี่รอนานไหม” “มาก่อนแค่สิบนาทีเอง แกจะสั่งอะไรดื่มก่อนไหม ฉันสั่งให้” “ไม่ล่ะ ไปซื้อของกันเลยดีกว่า เผื่อแกเลือกนาน” คนพูดรู้นิสัยวัชรีพรดีว่าช่างเลือกมากแค่ไหน หากไม่ถูกใจจริงๆ ไม่มีทางซื้อ “ว่าแต่แกจะซื้ออะไร ฉันจะได้เล็งร้านให้แกถูก ขืนปล่อยให้แกเดินทุกร้าน ขาลากพอดี” เมื่อคืนนี้วัชรีพรโทรมาชวนไปซื้อของ จันทร์สุดาไม่ได้ถามรายละเอียดว่าไปซื้ออะไร เพื่อนชวนและเธอว่างพอดีจึงตกปากรับคำ “ฉันจะซื้อของขวัญวันเกิดให้พี่เติร์ดน่ะ วันเกิดพี่เติร์ดวันมะรืน ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะซื้ออะไรให้ เพราะพี่เติร์ดคงมีหมดแล้ว ฉันก็เลยชวนแกมาช่วยคิด ช่วยเลือกไง” วัชรีพรบอกจุดประสงค์ให้จันทร์สุดารู้
Chapter 6 “สุดาขอโทษค่ะ สุดารีบเลยไม่ทันมองค่ะ” จันทร์สุดาพูด ขณะกำลังใช้ปลายนิ้วกดไปยังปุ่มเปิดประตู ทว่าไม่ทันเสียแล้ว ศุภกฤกษณ์กดปุ่มตัวเลข 43 เสียก่อน “ผมไม่ซี ไปด้วยกันนี่แหละ ดีซะอีกที่มีคุณขึ้นลิฟต์เป็นเพื่อน ขึ้นคนเดียวมาหลายปีแล้ว เหงา” เขายิ้มให้จันทร์สุดา ที่ก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาจากความอาย “คุณร้องเพลงเพราะมากเลยนะ คุณไปร้องประจำที่ฟรอร่าเมื่อไหร่ ผมคงต้องไปนั่งฟังคุณร้องทุกคืนแน่” จันทร์สุดาเงยหน้ามองคนพูด ไม่คิดว่า ในคืนนั้นศุภกฤษณ์จะอยู่ในคลับนั้นด้วย “คุณหงส์บอกว่า คุณเริ่มมาร้องเพลงต้นเดือนใช่ไหม” “ใช่ค่ะ เริ่มวันพฤหัสหน้าค่ะ” “ว่าแต่คุณทำงานแผนกอะไร ตอนที่เห็นคุณขึ้นร้องเพลง ผมคุ้นหน้าคุณนะ แต่นึกไม่ออก” “ท่านรองคงจำสุดาไม่ได้ สุดาเคยเข้าประชุมผลประกอบการประจำปีเมื่อต้นเดือนไงคะ วันนั้นพนักงานมีหลายฝ่ายในหลายแผนก ท่านรองโฟกัสเรื่องงาน เลยไม่ได้สนใจอย่างอื่นค่ะ” จันทร์สุดาตอบเจ้านาย “อ๋อ จำได้แล้ว วันนั้นพนักงานเป็นสิบคน ผมยอมรับว่าจำไม่หมด จำได้เฉพาะคนที่เคยคุยกันเป็นประจำเท่านั้น ผมขอโทษน
Chapter 5ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักใส่กล่องข้าวพอดีกินในมื้อกลางวัน ก่อนหันมาตักแกงส้มผักรวมใส่ปลานิลหั่นเป็นชิ้นใส่ถุงร้อน จันทร์สุดาเลือกตักหัวปลากับหางปลา ส่วนชิ้นเนื้อแน่นๆ เอาไว้ให้คนในบ้านกิน และไข่เค็มอีกหนึ่งฟองวางลงอีกช่องในกล่องข้าว ก่อนปิดฝานำทั้งหมดที่เตรียมไว้ใส่กระเป๋าใส่กล่องอาหาร เสร็จจากงานในครัวจันทร์สุดาเข้าห้องน้ำเพื่ออาบน้ำเตรียมตัวไปทำงาน “แม่จ๋า วันนี้หนูกลับบ้านดึกหน่อยนะ มีนัดกับหมวยจ้ะ” จันทร์สุดาในชุดทำงานเอ่ยบอกรุ่งรัตน์ที่เพิ่งตื่นนอน “มีเงินไหม ขอสักห้าร้อยสิ” คนเป็นแม่ไม่ถามว่า ที่ว่ากลับดึกจะกลับกี่ทุ่ม ตามประสาแม่ห่วงลูก กลับแบมือขอเงิน ซึ่งเป็นเรื่องปกติสำหรับจันทร์สุดาที่ควักเงินให้ง่ายๆ ไม่ถามว่ามารดานำเงินไปใช้จ่ายอะไร “มะรืนนี้ต้องจ่ายค่าบ้านนะ เตรียมไว้ด้วยล่ะ พี่เอ็งคงไม่เงินจ่าย” “รู้แล้วจ้ะ สุดาเอาไปให้ป้าพลอยเอง” จันทร์สุดารู้หน้าที่ “รู้หน้าที่ก็ดี ฉันไปกินข้าวก่อน หิวจนไส้จะขาดแล้ว”รุ่งรัตน์เดินไปยังห้องครัว หาอาหารกินบรรเทาความหิว ขณะนั้นสร้อยทิพย์เดินลงมาจากชั้นบน เธอยิ้มให้น้องสาว “พี่สร้อยไปท