“ชอบครับ” น้ำเสียงของเสี่ยวเนี่ยนอันร่าเริง “มีแม่ มีพ่อ แล้วก็น้าซ่ง เสี่ยวอันหนิง อาเวิน น้าอวิ๋นอวิ๋น ที่โรงเรียนอนุบาลก็ยังมีครูเยว่เลี่ยง แล้วก็เสี่ยวเถียนปิ่งด้วย...”เสิ่นชิงซูฟังลูกชายไล่ชื่อแต่ละคนอย่างมีความสุข ในใจก็ค่อย ๆ คลายกังวลตอนบ่าย ทนายฟางโทรศัพท์มาสอบถามเรื่องการฟ้องร้องเสิ่นชิงซูบอกทนายฟางว่า ตอนนี้ยังไม่ฟ้องร้องสถานะแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน เธอกับฟู่ซือเหยียนต่างคนต่างใช้ชีวิต ส่วนลูกก็ช่วยกันเลี้ยงดูลูกก็จะได้รับการดูแลเอาใจใส่และความรักจากพ่อและแม่อย่างสมบูรณ์......หนึ่งสัปดาห์ต่อมา พวกนักเรียนก็เข้าสู่ช่วงปิดเทอมภาคฤดูร้อนบริษัทแอนิเมชันที่เสิ่นชิงซูลงทุน ได้เปิดตัวแอนิเมชันออริจินัลในประเทศเรื่องแรกเข้าฉายในโรงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการกระแสตอบรับด้านรายได้ดีมากเพียงสัปดาห์เดียว แอนิเมชันเรื่องนี้ก็ดังเป็นพลุแตกองค์ประกอบของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทำให้แอนิเมชันเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นร้อนที่ถูกพูดถึงอย่างร้อนแรงแอนิเมชันเรื่องนี้เสิ่นชิงซูก็มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์เช่นกัน ภาพองค์ประกอบของมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมเหล่านั้นล้วนเป็นฝีมือการวาดของเ
เสิ่นชิงซูรู้สึกว่าแบบนี้มันยุ่งยากเกินไป “ไม่ต้องลำบากคนขับรถหรอกค่ะ ฉันไปรับไปส่งเองได้”“อย่างนั้นเหรอคะ ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวฉันไปบอกคนขับรถอีกที”หลังจากวางสาย เสิ่นชิงซูก็เก็บโทรศัพท์แล้วหันหลังเข้าบ้านไปวันนี้เป็นวันเสาร์ เด็ก ๆ ไม่ต้องไปโรงเรียนเจ้าก้อนกลมทั้งสองก็รีบซุกตัวเล่นด้วยกันทันทีเสิ่นชิงซูมองท่าทางที่ปรองดองและเป็นมิตรของสองพี่น้อง ในใจก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาเสี่ยวเนี่ยนอันร่าเริงขึ้นกว่าเมื่อก่อนมาก และก็พูดเยอะขึ้นกว่าเดิมด้วยโดยเฉพาะครั้งนี้ ไม่ได้เจอกันครึ่งเดือน เสี่ยวเนี่ยนอันดูเหมือนจะอ้วนขึ้นตอนกลางคืนที่อาบน้ำให้เด็กทั้งสอง เสิ่นชิงซูก็เห็นการเปลี่ยนแปลงของลูกชายได้อย่างชัดเจนอ้วนขึ้นจริง ๆ เมื่อก่อนเห็นซี่โครงชัดเจน แต่ตอนนี้พุงเล็ก ๆ นั่นเกือบจะทันเสี่ยวอันหนิงแล้วฟู่ซือเหยียนและซ่งหลานอินเลี้ยงดูเสี่ยวเนี่ยนอันได้ดีมากจริง ๆเธอมองเสี่ยวเนี่ยนอันที่กำลังหัวเราะคิกคักเล่นกับเสี่ยวอันหนิงอยู่ในอ่างอาบน้ำด้วยสีหน้าที่ซับซ้อนหลังจากอาบน้ำเสร็จ และกล่อมเด็กทั้งสองจนหลับแล้ว เสิ่นชิงซูถึงได้ค่อย ๆ ลุกขึ้นเสิ่นชิงซูไปที่ห้องข้าง ๆ เพื่อหาจางอวิ๋นช
หมั้น?เสิ่นชิงซูก้มหน้าลงมองการ์ดเชิญงานหมั้นที่ยื่นมาตรงหน้าเธอไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ“คุณซ่งเก็บกลับไปเถอะค่ะ” เสิ่นชิงซูเงยหน้าขึ้นมองซ่งหลานอินแล้วพูดว่า “ฉันกับฟู่ซือเหยียนไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะไปมาหาสู่กันได้หลังจากหย่าร้าง ถ้ารับการ์ดเชิญมาฉันก็ต้องใส่ซองอีก มันค่อนข้างยุ่งยากน่ะค่ะ”“คุณเสิ่นไม่จำเป็นต้องตั้งแง่กับฉันขนาดนี้ก็ได้ค่ะ”ซ่งหลานอินยิ้มบาง ๆ “ฉันมีลูกไม่ได้ คุณซือเหยียนก็มีเนี่ยนอันเป็นลูกชายคนเดียว อนาคตของตระกูลฟู่ต้องพึ่งพาเนี่ยนอันเป็นผู้สืบทอด ฉันเองก็หวังพึ่งเนี่ยนอันให้ดูแลตอนแก่เหมือนกัน ฉันจะดูแลเขาเหมือนลูกแท้ ๆ เพราะฉะนั้นฉันจึงหวังว่าจะสามารถเข้ากับคุณเสิ่นได้ด้วยดีค่ะ”เสิ่นชิงซูขมวดคิ้วซ่งหลานอินมีลูกไม่ได้?“รับไว้เถอะค่ะ แม่เลี้ยงมือใหม่อย่างฉันก็หวังว่าจะได้รับการสนับสนุนจากแม่แท้ ๆ อย่างคุณ”ซ่งหลานอินยัดการ์ดเชิญใส่มือเสิ่นชิงซู จูงเสี่ยวเนี่ยนอันแล้วหันหลังขึ้นรถไปเสิ่นชิงซูมองตามรถที่ขับออกไปไกลเวินจิ่งซีเดินเข้ามา หยิบการ์ดเชิญจากมือของเธอแล้วกางออกดู“ฟู่ซือเหยียนนี่มันแน่จริง ๆ ในข้อตกลงการหย่าบังคับให้คุณแต่งงานใหม่ไม่ได้ภายใ
“ในเมื่อทราบแล้ว ก็ขอให้คุณซ่งช่วยระวังคำพูดต่อหน้าเด็กด้วยนะคะ ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวเนี่ยนอันเสมอ ถึงแม้ฉันจะไม่สามารถต่อสู้เพื่อสิทธิในการเลี้ยงดูเสี่ยวเนี่ยนอันได้ แต่การดูแลและรักเสี่ยวเนี่ยนอันก็เป็นทั้งความรับผิดชอบและสิทธิของคนเป็นแม่อย่างฉันเสมอ ไม่จำเป็นต้องให้คุณซ่งเป็นห่วง และยิ่งไม่จำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากคุณซ่งด้วย”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งหลานอินก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยเสิ่นชิงซูหันหลังเดินอ้อมหน้ารถ แล้วเปิดประตูฝั่งคนขับจางอวิ๋นกล่าวลาซ่งหลานอิน แล้วหันหลังขึ้นรถไปเช่นกันรถสตาร์ตเครื่องแล้วขับออกจากคฤหาสน์หนานซีซ่งหลานอินหันหลังเดินเข้าบ้านไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ สายตาของฟู่ซือเหยียนจับจ้องตามเงารถคันนั้นไปตลอดทั้ง ๆ ที่เป็นช่วงกลางฤดูร้อน แต่มือซ้ายของชายหนุ่มกลับสวมถุงมือสีดำ“ยังดูไม่พออีกเหรอ?” ซ่งหลานอินเดินมาอยู่ข้าง ๆ เขา เหลือบมองใบหน้าด้านข้างที่เย็นชาและซูบผอมของเขา “เมื่อกี้ฉันเพิ่งโดนเธอสวนกลับมา แม่ไก่ปกป้องลูก ดุเหมือนกันนะ!”“คุณอย่าเอาเรื่องลูกไปกระตุ้นเธอ” น้ำเสียงของฟู่ซือเหยียนเย็นชา “เธอต้องทนทุกข์ทรมานมามากเพื่อเด็กสองคนนี้ โดยเฉพาะ
เมื่อมาถึงคฤหาสน์หนานซี เสิ่นชิงซูก็ไม่ได้เข้าไปข้างใน เธอโทรศัพท์หาจางอวิ๋นจางอวิ๋นอุ้มเสี่ยวเนี่ยนอันที่หน้าผากแปะแผ่นแปะลดไข้เดินออกมาจากคฤหาสน์ซ่งหลานอินก็เดินตามออกมาด้วยเสิ่นชิงซูเดินเข้าไปรับลูกชายมาจากมือของจางอวิ๋นเธอแตะแก้มของลูกชาย เขายังมีไข้ต่ำ ๆ อยู่“เสี่ยวเนี่ยนอัน ทรมานไหม?” เธอมองลูกชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสารเสี่ยวเนี่ยนอันส่ายหน้าอย่างว่าง่าย “แม่ไม่ต้องห่วงครับ หมอบอกว่ากินยาก็หายแล้ว”ยิ่งลูกชายรู้ความมากเท่าไหร่ เสิ่นชิงซูก็ยิ่งเจ็บปวดใจมากขึ้นเท่านั้นเธอถามเสียงเบา “ลูกอยากกลับบ้านกับแม่ไหม?”เสี่ยวเนี่ยนอันพยักหน้า “อยากครับ”เสิ่นชิงซูมองไปทางซ่งหลานอินเธอยังไม่ทันได้พูด ซ่งหลานอินก็ชิงเปิดปากพูดก่อน“คุณเสิ่นคะ ถ้าสัปดาห์นี้คุณไม่ยุ่ง ก็คงต้องรบกวนให้คุณช่วยดูแลเสี่ยวเนี่ยนอันก่อนนะคะ”นี่เป็นสิ่งที่เสิ่นชิงซูต้องการอยู่แล้ว แต่เธอรู้สึกว่าคำพูดของซ่งหลานอินมีบางอย่างที่ไม่ถูกต้อง“ฉันเป็นแม่ของเสี่ยวเนี่ยนอัน การดูแลเขาเป็นเรื่องที่ฉันสมควรทำอยู่แล้ว ไม่มีเรื่องลำบากหรือไม่ลำบากหรอกค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่งหลานอินก็ยิ้มเล็กน้อ
เฟิงอวิ๋นเฉียนขมวดคิ้วแน่นเสียงร้องไห้ของฟู่ซืออวี่ดังมากขึ้นเรื่อย ๆเฟิงอวิ๋นเฉียนมองเขา แต่ในหัวกลับปรากฏใบหน้าที่หล่อเหลาและสดใสของเคออวี่หางขึ้นมา[เฟิงอวิ๋นเฉียน จะบอกข่าวดีให้ฟัง ฉันกำลังจะได้เป็นพ่อแล้ว!][นายทำหน้าอะไรของนาย? อิจฉาที่ฉันจะได้เป็นพ่อคนตั้งแต่อายุยังน้อยล่ะสิ! นี่ รอให้ปฏิบัติการครั้งนี้จบก่อน กลับไปแล้วฉันจะขอเสี่ยวชูแต่งงาน!][เฟิงอวิ๋นเฉียน หน้านายนี่มันบูดบึ้งเกินไปแล้วนะ? นี่ อย่าหาว่าเพื่อนอย่างฉันใจดำ! เดี๋ยวพอลูกเกิดมา ฉันจะให้แกเป็นพ่อบุญธรรมของลูก ดีไหม?]เฟิงอวิ๋นเฉียนหลับตาลง ข่มอารมณ์ที่ปั่นป่วนในใจจากนั้น เขาก็ก้มตัวลงนั่งข้างเตียง ใช้มือใหญ่ตบเบา ๆ ที่หน้าอกของฟู่ซืออวี่ “เด็กดี พ่ออยู่นี่แล้ว”เสียงร้องไห้ของฟู่ซืออวี่ค่อย ๆ เบาลงคืนนั้น เฟิงอวิ๋นเฉียนเฝ้าฟู่ซืออวี่อยู่ทั้งคืนตอนที่ฟ้าเริ่มสาง ฟู่ซืออวี่ก็ตื่นขึ้นมาเพราะคอแห้งเมื่อลืมตาขึ้นมา เห็นเฟิงอวิ๋นเฉียนฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียงของตัวเอง เขาก็ประหลาดใจเล็กน้อยเฟิงอวิ๋นเฉียนรู้สึกได้ว่าคนที่อยู่บนเตียงขยับตัว เขาจึงขมวดคิ้วแล้วลืมตาขึ้นคนทั้งคู่สบตากันฟู่ซืออวี่รู้สึกกลั