หลังจากที่เขาใช้เวลากว่าครึ่งวันนั่งคิด แดร์ริลตบเข้าไปที่หน้าตักของเขาและนึกออก มันจะต้องเป็นฝีมือของเอเวอลีนอย่างแน่นอนที่ได้ขโมยคัมภีร์ไปเพื่อน ๆ ของเธอทั้งหมดต่างตั้งใจที่จะยัดเยียดให้เขาดื่มเข้าไปเยอะ ๆ เอเวอลีนจะต้องเป็นคนสั่งให้พวกเธอทำอย่างนั้น เธอจะทำให้เขาเมาแอ๋เพื่อที่จะได้ขโมยคัมภีร์อย่างนั้นเหรอ?แดร์ริลเดือดดาล เขากดเบอร์โทรศัพท์ไปหาเอเวอลีน เขาได้เบอร์มาตอนที่ช่วยคุณปู่ของเอเวอลีนออกมาเมื่อมีคนรับสายแดร์ริลก็เดือดดาลมากเขาตะคอกใส่โทรศัพท์ “เอเวอลีนเธอชักจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว! คุณปู่ของเธอยกคัมภีร์มหาปริศนาให้กับฉัน เธอมาขโมยมันไปได้ยังไง?”“นี่แกกำลังพูดเรื่องอะไร?”เอเวอลีนนั้นกำลังดูหนังอยู่ในโรงภาพยนต์กับเพื่อน ๆ ของเธอ เธอโกรธเคืองมากเมื่อแดร์ริลดุด่าเธอ “นี่แกบ้ารึเปล่า? แกมันปีศาจร้าย แกเสียสติไปแล้วใช่ไหม? ไปให้พ้น!”เธอวางสายไปทันทีหลังจากกล่าวจบ!“ให้ตายสิ!” แดร์ริลโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ…สถานที่แห่งหนึ่งหลังจากที่เมแกนได้ขโมยคัมภีร์มาแล้ว สถานที่แห่งแรกที่เธอไปคือคฤหาสน์ตระกูลดาร์บี้เธอเดินมุ่งหน้าเขาไปที่ด้านข้างของห้องโถงและมองเห็นแม่ชีแห่งโชคชะตากำล
แม่ชีแห่งโชคชะตาไม่เคยพบกับเซปไฟร์มาก่อน เธอไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้คือตัวปลอมถึงแม้ว่าเธอจะเคยพบกับพลังพายุฝนฟ้าคะนอง ตอนที่พวกเขาได้ช่วยเหลือจีนและคนอื่นที่เหลือจากการที่โดนแด๊กซ์ลักพาตัวไป เธอไม่รู้ว่าพวกเขาหน้าตาเป็นอย่างไร เธอจึงจำไม่ได้ว่าบุรุษผู้นี้คือตัวปลอมแม่ชีแห่งโชคชะตาพยักหน้า "คุณมาที่นี่ทำไมท่านขุนพลเซปไฟร์?"แทบจะทุกคนเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของสำนักประตูสุราลัย และเหล่าบรรดาสมาชิก สองขุนพลสายฟ้า, จตุขุนพล และสิบปรมาจารย์สวรรค์ แม่ชีแห่งโชคชะตาจึงเรียกบุรุษผู้นี้ว่าขุนพลเซปไฟร์ชายในชุดสีดำฉีกยิ้มและกล่าวตอบอย่างอ่อนน้อม "แม่ชีแห่งโชคชะตา สำนักประตูสุราลัยเพิ่งจะสถาปนามาได้ไม่นานนัก พวกเราจึงอยากจะเชิญชวนแม่ชีแห่งโชคชะตามาดื่มสังสรรเพื่อทำความรู้จักให้สนิทสนมกันยิ่งขึ้น"แม่ชีแห่งโชคชะตาฉีกยิ้มและกล่าวตอบอย่างภาคภูมิใจ “สำนักง้อไบ๊คือสำนักชั้นนำ ดังนั้นเราจะไม่เข้าร่วมการดื่มสังสรรใด ๆ แม้ว่าสำนักประตูสุราลัยจะมีชื่อเสียงเป็นที่ประจักษ์ในวงการ แต่ฉันไม่คิดว่าพวกคุณมีคุณสมบัติมากพอที่จะมาเชิญชวนพวกเรา”หกสำนักหลักมีประวัติศาสตร์มายาวนานหลายร้อยปี สำนักเกิดใหม่เล็ก
แม่ชีแห่งโชคชะตากำลังจะเอ่ยปากกล่าวขณะเธอถูกขัดจังหวะโดยชายในชุดดำเขาฉีกยิ้ม "ท่านแม่ชีแห่งโชคชะตา คุณรู้สึกอ่อนแอและไม่สามารถที่จะใช้กำลังภายในของตัวเองได้ใช่ไหม?"ในเวลานั้น สีหน้าท่าทางความรู้สึกของแม่ชีแห่งโชคชะตาก็เปลี่ยนไป เธอมองไปที่เขาอย่างสงสัย "คุณรู้ได้ยังไง?"ชายในชุดดำหัวเราะเยาะออกมาเสียงดัง "แน่นอน ก็ผมคือคนที่วางยาคุณเองไง"อะไร? แม่ชีแห่งโชคชะตาประหลาดใจและโกรธแค้น และเธอก็ยังตกตะลึงอีกด้วย! นี่มันยาพิษอะไร? มันรุนแรงมากเสียจนเธอไม่ทันได้รู้ตัว!บุรุษผู้นั้นฉีกยิ้มกว้าง ขณะเขาหยิบขวดหยกเล็ก ๆ ออกมาและมองไปที่แม่ชีแห่งโชคชะตา "ผมใช้ ยาพิษมลาน"ยาพิษมลาน! มีข่าวลือว่ายาพิษมีกลิ่นที่น่ารื่นรมย์ เมื่อสูดดมเข้าไปจะรู้สึกอ่อนแอปวกเปียกและไม่สามารถใช้กำลังภายในได้ แม่ชีแห่งโชคชะตาสามารถจับกลิ่นได้ แต่เธอไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมของลูกศิษย์สาวกของเธอ เธอไม่คาดคิดว่ามันคือยาพิษมลานมันเป็นยาพิษที่หายากมาก"แก..."แม่ชีแห่งโชคชะตานั้นประหลาดใจและโกรธเคืองเมื่อเธอได้ยินอย่างนั้น เธอจ้องเขม็งโกรธแค้นไปที่บุรุษผู้นั้นเธอใช้ชีวิตอยู่ในยุทธจักรมาเนิ่นนาน และเ
ในเวลาเดียวกันที่ห้องวิปัสสนาวัดเส้าหลินท่านประมุขอนันต์แห่งสำนักเส้าหลินในผ้าคลุมสีแดงกำลังนั่งวิปัสสนากรรมฐาน มาสเตอร์รี้ดก็นั่งอยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันลูกศิษย์คนหนึ่งวิ่งไปที่ประตูและกล่าวอย่างสุภาพ “ท่านอาจารย์ มีคนมารออยู่ที่ประตูด้านนอก เขาบอกว่าเขาคือเซปไฟร์จากสำนักประตูสุราลัย เขาต้องการขอเข้าพบอาจารย์โดยด่วน”เซปไฟร์จากสำนักประตูสุราลัย?ท่านประมุขอนันต์ ลืมตาขึ้นและพยักหน้า "เยี่ยมไปเลย ฉันจะไปพบกับเขา"จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นยืนและเดินมุ่งหน้าไปที่ห้องโถงสำนักประตูสุราลัยค่อนข้างโด่งดังขึ้นมาเมื่อเร็ว ๆ นี้พวกเขาสามารถจัดการกับองค์กรอาชญากรรมและกลุ่มผู้ชั่วร้ายเลวทรามได้ภายในเวลาอันสั้น การทำความดีของพวกเขาน่ายกย่องสรรเสริญ ท่านประมุขอนันต์ ชื่นชมผลงานของพวกเขาและต้องการจะพบพวกเขาเซปไฟร์คือหนึ่งในจตุขุนพล ท่านประมุขอนันต์นั้นปลาบปลื้มใจที่จะได้พบเจอกับเขาในเวลาเพียงวันเดียว ไม่ใช่แค่เพียงหกสำนักหลักเท่านั้นที่ได้รับคำเชิญชวนจากเซปไฟร์แห่งสำนักประตูสุราลัย แต่สำนักอื่น ๆ พวกเขาก็ยังได้รับคำเชิญชวนแบบเดียวกันในเวลาเดียวกันพวกเขาทั้งหมดเผชิญกับปัญหาเดียวกัน ท่านประมุขส
แดร์ริลมองไปที่เจด และพยักหน้า "บริษัทช่วงนี้ดำเนินกิจการเป็นยังไงบ้าง?""คุณพ่อ อสังหาริมทรัพย์ลินดันประสบความสำเร็จมีรายได้ประมาณ 3,000 ล้านต่อปี” เจดรายงานกับแดร์ริลเมื่อเร็ว ๆ นี้เจดได้ซื้อที่ดินที่มีประโยชน์เพิ่มเติมอีกสองสามแห่งจากธนาคาร เฟลิกซ์ เบลคลีที่มักจะผูกขาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ของเมืองตงไห่เนื่องจากเขาออกไปทำธุรกิจในเมืองอื่น ทรัพยากรของเมืองตงไห่จึงเหลือไว้กับอสังหาริมทรัพย์ลินดันหลังจากที่เขาฟังรายงานของเจด แดร์ริลชื่นชมเธอในความพยายามของเธอและปล่อยให้เธอทำงานต่อไปเมื่อเจดออกไป แดร์ริลก็สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เขาถอนหายใจกำลังภายใน ข้างในร่างกายของเขาก็กลับมาเริ่มทำงานอีกครั้ง เม็ดยาเทวะออกฤทธิ์แล้วเขาได้บรรลุไประดับปปรมาจารย์ยุทธ์ขั้นหนึ่ง! เปรี้ยะ! เปรี้ยะ!แดร์ริลได้ยินเสียงกระดูกในร่างกายของเขา มันเป็นปรากฏการณ์ที่น่าเหลือเชื่อสำหรับผู้บ่มเพาะที่จะบรรลุขั้นจากระดับปรมาจารย์ยุทธ์ไปเป็นระดับปรมาจารย์ยุทธ์เขาหัวเราะขึ้นมาอีกครั้งในที่สุดแดร์ริลก็ลุกขึ้นยืน เขานั้นตื่นเต้นมาก! เขาต่อยอากาศและมันก็แตกกระจายกลายเป็นเถ้าถ่านสีดำ!ช่างแข็งแกร่งอะไรเยี่ยงนี้!
หอคอยดาวปราถนา? แดร์ริลขมวดคิ้วของเขาเซปไฟร์กล่าวต่อ "ท่านประมุขสำนัก ผมได้ให้ทุกคนในสำนักเตรียมตัวไว้เราสามารถไปปิดล้อมหอคอยดาวปราถนาได้ในทันทีตอนนี้เลย ท่านประมุขสำนัก ท่านคิดว่า..."แดร์ริลขัดจังหวะเซปไฟร์ก่อนที่เขาจะกล่าวจบประโยค "ไม่ต้องทำอะไรทั้งนั้น รอคำสั่งจากฉัน"พวกเขาได้ลักพาตัวบรรดาผู้นำที่มีอิทธิพลทั้งหมดไป สืบเนื่องจากวิธีการที่พวกเขาใช้ในการลักพาตัวพวกเขาต้องมีเบื้องหลังที่น่าเกรงขาม! สำนักประตูสุราลัยยังไม่เหมาะที่จะไปต่อกรกับพวกเขา แดร์ริลนั้นไม่อยากจะให้เหล่าสาวกได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการตัดสินใจของเขาแดร์ริลกล่าว "ไปตามตัวสองขุนพลสายฟ้า สิบปรมาจารย์สวรรค์ และจตุขุนพลมา เราจะไปที่นั่นด้วยกัน"ทั้งสิบหกคนอยู่ในระดับปรมาจารย์ยุทธ์ ถ้าหากเกิดอันตรายอะไรขึ้นจะทำให้ร่นถอยได้ง่ายกว่า"ขอรับ ท่านประมุขสำนัก"แดร์ริลวางสายและมุ่งหน้าออกประตูห้องเพื่อที่จะไปหอคอยดาวปราถนา...ที่หอคอยดาวปราถนาในเมืองตงไห่หอคอยดาวปราถนาตั้งอยู่ในเขตชานเมืองของเมืองตงไห่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ซ่ง มันได้รับการบำรุงรักษาและบูรณะใหม่มาโดยตลอดเป็นเวลาหลายร้อยปีที่ผ่านมา มันคือแหล่ง
เมื่อเธอได้ยินจำนวนตัวเลข อีเว็ตต์ก็ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ และยิ้ม “ทำได้ดีมากองครักษ์มังกร นายเก่งมาก นายไม่เคยทำให้ฉันผิดหวัง”ชายทั้งสิบสองคนที่อยู่เบื้องหลังอีเว็ตต์นั้นคือสิบสององครักษ์ แต่ละคนเป็นตัวแทนของปีนักษัตรองครักษ์หนู, องครักษ์วัว, องครักษ์เสือ และบรรดาปีนักษัตรที่เหลือท่ามกลางพวกเขามีเพียงองครักษ์หนูและองค์รักษ์วัวเท่านั้นที่อยู่ในระดับปราญช์ยุทธ์ ส่วนคนที่เหลือต่างอยู่ในระดับปรมาจารย์ยุทธ์สิบสององครักษ์ทุกคนต่างมีความสามารถพิเศษเฉพาะตัวและมีพลังมหาศาล จักรพรรดิโลกใหม่ส่งพวกเขามาปกป้องเจ้าหญิงอีเว็ตต์“เจ้าหญิง ผมมีบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจ” องครักษ์ถามขณะคุกเข่าต่อหน้าอีเวตต์"พูดมา" อีเว็ตต์กล่าวองครักษ์หนูเกาศีรษะของเขา “เจ้าหญิง เราจับตัวบรรดาประมุขสำนักเหล่านี้ไว้ได้หมดแล้ว ทำไมเราไม่ฆ่าพวกเขาทิ้งซะให้หมด ทำไมเราจะต้องพาตัวพวกเขามาที่หอคอยดาวปราถนาด้วย?”อีเวตต์ยิ้ม "จะฆ่าพวกเขาทิ้งไปเพื่ออะไร? มีจอมยุทธระดับสูงมากมายในจักรวาลโลก และเราคงจะไม่สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ มันไม่ดีกว่าเหรอถ้าเราจะจับเป็นพวกเขามาและปล่อยให้จักรวาลโลกวุ่นวายมากพอจนพวกเขาลุกขึ้นมาเข่น
ประมุขเลอค่ารู้สึกมีอารมณ์ “พวกแกได้ความนับถือจากฉัน ในตอนที่สำนักประตูสุราลัยไล่กำจัดอั้งยี่ผู้ชั่วร้าย ดูเหมือนว่าการกระทำนั้นจะเป็นเพียงแค่การแสดง พวกแกก็แค่รวบรวมพวกมันเพื่อจะมาคุกคามยุทธจักร”ประมุขเลอค่าเร่ิมที่จะไอสำลัก เขานั้นโมโหมากประมุขเลอค่าเคยเชื่อว่าพรรคนี้ไม่ใช่สำนักประตูสุราลัยเพราะพวกเขานั้นซื่อสัตย์ และพวกเขาไม่เคยใช้ยาพิษมลานอย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเห็นอีเว็ตต์สวมหน้ากากทองคำ เขาก็มั่นใจว่าพรรคนี้นั้นมาจากสำนักประตูสุราลัย!นอกเหนือไปจากดาร์บี้ผู้ไร้พ่ายแล้ว ก็ไม่มีใครที่สวมหน้ากากทองคำอีก“สำนักประตูสุราลัยช่างน่าสมเพช!”“พวกแกทั้งหมดเป็นแค่ขยะและเด็กเลี้ยงแกะ”ทุกคนเริ่มสาปแช่งขณะอีเว็ตต์ยิ้มอย่างมีความสุข ยิ่งพวกเขาโมโหมากเท่าไร อีเว็ตต์ก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นดูเหมือนว่าแผนการของเธอที่จับตัวประมุขสำนักมาและใส่ร้ายสำนักประตูสุราลัยจะเป็นไอเดียที่บรรเจิด เธอยังต้องการที่จะทำให้พวกเขาอับอายขายขี้หน้าไปมากกว่านี้อีเว็ตต์มองไปที่แม่ชีแห่งโชคชะตาและยิ้ม “แม่ชีแห่งโชคชะตา ฉันเชิญพวกคุณทุกคนมาที่นี่ ไม่ได้จะฆ่าพวกคุณสักหน่อย ทำไมพวกคุณถึงอารมณ์เสียมากนัก