ชิวเพ่ยเพ่ยที่กลับมาจากร้านเครื่องประดับแล้ว นางนำกล่องเครื่องประดับไปให้ท่านแม่ตรวจสอบก่อน
“เพ้ย นี่เจ้าไม่ได้ใช้ตาดูก่อนซื้อหรือเพ่ยเพ่ย เจ้าดูซิว่ามันจะใช้ในงานวันปักปิ่นของเจ้าพรุ่งนี้ได้หรือไม่ ฮึ่ย” เตียวเฟยหลิวมองเครื่องประดับในกล่องที่ลูกสาวเลือกมาอย่างดูถูก ของราคาถูกแบบนี้จะมาใช้ในงานปักปิ่นลูกสาวนางได้ยังไงกัน ถ้าท่านพ่อท่านแม่รู้เข้า มีหวังตามมาฉีกอกนางแน่
“อ้าว ก็ท่านแม่สั่งให้ข้าไปเลือกเองนี่เจ้าคะ ท่านก็รู้ว่าข้าไม่รู้เรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ ข้าใช้แค่ของที่ท่านแม่กับท่านย่าให้มาทั้งนั้น” ชิวเพ่ยเพ่ยทำหน้าตาใสซื่อให้แม่คนดีของนาง ไม่อย่างนั้นแม่นาง จะกลายร่างระหว่างที่ท่านพ่อไม่อยู่เรือนอีกเป็นแน่ นางยังไม่อยากต่อสู้กับท่านแม่ตอนนี้นะ
“เฮ้อ เอาล่ะ ๆ เจ้าไปรอที่เรือนไป เดี๋ยวแม่จะให้แม่นมเอาไปให้เจ้าพร้อมชุดที่เจ้าต้องสวมพรุ่งนี้ด้วย ส่วนพิธีการเจ้าคงรู้ดีอยู่แล้วใช่ไหม” นางถอนหายใจแรงกับลูกสาวที่มีแววตาเดียวกับสามีไม่มีผิด พอจะต่อว่านางทีไรเป็นต้องหยุดเพราะแววตานี้ทุกทีสิน่า
“ขอบคุณท่านแม่เจ้าค่ะ ข้าขอตัวก่อน” ชิวเพ่ยเพ่ยยังคงกิริยามารยาทอันแช่มช้อยเอาไว้ได้อย่างดี นี่เป็นเรื่องเดียวที่เตียวเฟยหลิวไม่สามารถเลียนแบบลูกสาวนางได้ ดีที่สามีนางชอบที่นางเป็นตัวของตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงยากที่จะรักษาผู้ชายแสนดีแบบนี้เอาไว้แนบอก
ชิวเพ่ยเพ่ยเดินกลับเรือนไปรอตามท่านแม่สั่งอย่างเชื่อฟัง ไม่นานนักแม่นมก็มาพร้อมบ่าวอีกสองคน นางอธิบายชุดและเครื่องประดับให้คุณหนูของนางฟังอย่างละเอียด กระทั่งชิวเพ่ยเพ่ยพยักหน้ารับพร้อมรอยยิ้มการค้าให้นั่นแหละ แม่นมจึงพาบ่าวกลับเรือนท่านแม่ไปได้เสียที เฮ้อ ทำไมมันวุ่นวายนักนะกับอีแค่งานปักปิ่น
วันต่อมาฟ้ายังไม่สว่าง ชิวเพ่ยเพ่ยถูกแม่นมของท่านแม่นางมาปลุกให้เตรียมตัวตั้งแต่ไก่ยังไม่ตื่นนอน โอ้ยยยย นางง่วง ทำไมต้องรีบกันเสียขนาดนี้เนี่ย กว่างานจะเริ่มอีกตั้งหลายชั่วยาม นางวิ่งผ่านน้ำไม่ถึงครึ่งเค่อด้วยซ้ำ ฮือ ʕ ´•̥̥̥ ᴥ•̥̥̥`ʔ ท่านแม่รังแกนางอีกแล้ว ชิวเพ่ยเพ่ยที่โมโหมากจากการตื่นเช้า นางอยากอาละวาดให้จวนพลิกคว่ำเสียจริง ดีที่ยังจำคำเตือนท่านแม่ได้และเห็นแก่หน้าท่านพ่อผู้อ่อนโยน ไม่อย่างนั้นล่ะก็…
หลังอาหารเช้า คนในครอบครัวชิวต่างรอต้อนรับแขกเหรื่อที่ชิวกังเชิญมาร่วมงานปักปิ่นของบุตรสาวสุดที่รัก เขาสนิทกับขุนนางไม่มากนัก จึงได้เชิญมาเพียงสิบกว่าคนเท่านั้น อีกทั้งจวนของเขามีขนาดเล็ก ไม่สามารถรองรับแขกจำนวนมากได้ ครั้งนี้เขายังปรับปรุงลานด้านหลังเรือนหน้า ทำเป็นที่ทานอาหารหลังพิธีการในห้องโถงรับแขกเสร็จสิ้น ภรรยาคนดียังช่วยเขานำดอกไม้มาประดับตกแต่งอย่างสวยงามแปลกตา อ่า เขารักนางเสียจริง ๆ แม่ยอดรัก ??’•
ก่อนเวลาพิธีการเริ่มหนึ่งก้านธูป องค์ชายสามกับแม่ทัพเฟยมาถึงหน้าประตูโถงรับรองอย่างไม่มีใครคาดคิด ชิวกังเห็นคนใหญ่คนโตก็ตกใจจนเตียวเฟยหลิวสังเกตุได้ นางกระซิบถามสามีเสียงค่อย จนทราบว่าเขาไม่ได้เชิญสองคนนี้จริง ๆ นางหรี่ตามองสองหนุ่มน้อยตรงหน้าพร้อมประเมินสถานการณ์ว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่? ชิวกังชวนภรรยาต้อนรับก่อนตามมารยาท
“ถวายพระพรองค์ชายสาม คารวะท่านแม่ทัพ” สองสามีภรรยาคำนับเต็มพิธีการ
“ตามสบาย ข้าขอร่วมงานบ้านท่านในวันนี้ได้หรือไม่ขุนนางชิว ข้าได้ข่าวว่างานวันนี้ท่าทางจะสนุก ไม่รู้ว่าท่านจะรังเกียจข้ากับสหายหรือไม่” องค์ชายสามยังคงทำหน้าทะเล้นหยอกล้อเฟยหยุนที่อยากมางานหญิงในดวงใจแต่ไม่มีใครเชื้อเชิญ เขาจึงต้องใช้ประโยชน์จากองค์ชายสามจอมเกเรคนนี้
“เป็นเกียรติของตระกูลชิว ที่ฝ่าบาทกับท่านแม่ทัพเมตตามาร่วมงานพะย่ะค่ะ เชิญนั่งก่อนพะย่ะค่ะ” ชิวกังรีบตอบรับด้วยเกรงกลัวอาญา เขารู้ดีว่าองค์ชายสามผู้นี้ไม่ควรล้อเล่น จึงได้แต่พาไปนั่งในตำแหน่งสูงสุดและให้พ่อกับแม่ของเขาขยับลงมานั่งต่ำกว่าหนึ่งระดับจากแม่ทัพเฟย
“ไฮ้ เร็วเข้าสิไอ้แก่ เพราะแกมัวแต่ชักช้าขนของมาให้เพ่ยเพ่ยมากไปจนรถม้าแทบวิ่งไม่ไหวนี่แหละ เกือบมาไม่ทันงานหลานแล้วไหม ฮึ่ย ยัง ยังจะช้าอี๊กกก!!” เสียงเจียวไฉ่หลานดังมาแต่ไกล นางโมโหสามีเรื่องมากแทบตายแล้ว มีอย่างที่ไหน ขนกล่องสมบัติมาเสียเกือบ 20 กล่อง รถม้าคันนิดเดียวมันจะวิ่งไหวได้ยังไง เฮ้อ
“ช้าหน่อยภรรยา เจ้าจะรีบอะไรนักเล่า ยังไงตอนนี้เราก็มาถึงแล้วนี่นา พวกเจ้า!!! เร็วเข้าสิ ของพวกนี้ข้าเอามามอบให้เป็นของขวัญวันปักปิ่นหลานสาวสุดที่รักของข้าเชียวนะ ขนกันดี ๆ อย่าให้เสียหายล่ะ ไม่อย่างนั้นล่ะก็… หึหึ” เตียวหย่งไจ้ที่ถูกภรรยาเอ็ดต่อหน้าคนจำนวนมาก หาทางลงให้ตัวเองโดยการดุด่าคนของตนแก้เก้อ
แขกเหรื่อที่ได้ยินได้เห็นกล่องเกือบ 20 กล่องที่สองเฒ่าชราให้คนขนเข้ามาก็ได้แต่สงสัย อะไรอยู่ในนั้นหนอ?
เมื่อได้เวลา พิธีการปักปิ่นเริ่มขึ้นทันที ชิวเพ่ยเพ่ยลูกสาวคนเดียวของขุนนางชิวที่แขกเห็นเป็นครั้งแรก นางมีสายตาใสซื่อเหมือนบิดาไม่มีผิด แถมกิริยามารยาทดียิ่งกว่าลูกขุนนางใหญ่บางคนเสียอีก ถึงว่าสิ ขุนนางชิวไม่เคยพาครอบครัวเข้าร่วมงานเลี้ยงในวังเลยสักครั้ง เขาเก็บไข่มุกเอาไว้ในฝ่ามือจริง ๆ
แขกที่มีบุตรชายยังไม่แต่งงานต่างพากันสอบถามชิวกังกันใหญ่ ถึงแม้ตระกูลชิวจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ความซื่อสัตย์ภักดีแถมด้วยมีสมองนับเป็นจุดเด่นของเขามาแต่ไหนแต่ไร พวกเขาไม่รังเกียจถ้าได้เกี่ยวดองกับบ้านนี้
เฟยหยุนได้ยินที่พวกเขาพูดก็ได้แต่กำหมัดแน่น สาวน้อยของเขาจะรับหมั้นคนอื่นก่อนไม่ด๊ายยยย เขารีบส่งสัญญาณเรียกองครักษ์ให้ไปตามท่านพ่อกับท่านแม่ในทันใด หึ มาดูกันว่าตระกูลชิวอยากได้ลูกเขยไก่กาอาราเร่หรือข้าที่เป็นแม่ทัพหน้าหล่อคนนี้
“ฝ่า..ฝ่าบาท” ขุนนางที่เมื่อกี้ิเชิดหน้าชูคอใส่ชิวเพ่ยเพ่ยเข่าอ่อนในทันใด เขารีบคุกเข่าทำความเคารพฮ่องเต้พร้อมคนอื่น ๆ ที่เขาพามา ฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะมองและสั่งให้พวกเขาลุกขึ้น เขาจะปล่อยให้พวกมันคุกเข่าไปฟังไปแบบนี้นี่แหละ ช่างหาเรื่องให้เขาเสียหน้ากับผู้มีพระคุณนัก“คารวะท่านเจ้าตำหนัก ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านมาแคว้นเยี่ยจึงเสียมารยาทที่ไม่ได้มาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธข้าหรอกนะ” ฮ่องเต้ที่อาวุโสกว่าชิวเพ่ยเพ่ยหลายปีรีบขอโทษนางก่อนอย่างไม่อายใคร“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องมากมารยาทกับข้า ข้ากับสามีเพียงอยากมาทำบุญที่แคว้นเยี่ย แต่ดูท่าทางแล้วคนในแคว้นของท่านคงไม่ชอบเรื่องดี ๆ เช่นนี้นัก วันนี้ข้าจึงต้องลงมือจนทำให้ท่านลำบาก ข้ากับสามีต้องขอโทษท่านเช่นกัน” ชิวเพ่ยเพ่ยไม่จำเป็นต้องใช้ราชาศัพท์กับเขา นางพูดกับเขาเหมือนคนสนิทที่เคยพบปะกันมา ทั้งที่จริงนางแค่เคยพูดคุยและติดต่อกับเขาทางจดหมายหลังถล่มจวนอ๋องไปเมื่อคราวนั้นเท่านั้น“อืม ขอบคุณท่านมากที่ไม่ถือสา ส่วนคนที่สร้างปัญหาให้ท่าน ข้าอยากขอให้ท่านจัดการแทนข้าได้หรือไม่ อีกอย่าง ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านกับสามีด้ว
“คุณชาย ท่านช่วยข้าด้วยสิเจ้าคะ ข้ายินดีตอบแทนท่านด้วยร่างกายอันสดใหม่ หากท่านช่วยข้าจากผู้หญิงเลวคนนี้ ฮึก” นางแพศยานี่ยังกล้ามาขอให้เขาช่วยอีกหรืออย่างไร ช่างไม่รู้จักตายเสียจริง ๆ เฟยหยุนมองผู้หญิงเสแสร้งตรงหน้าเขาตาขวาง เขาไม่เคยรู้จักนางมาก่อน ทำไมนางคนนี้ถึงได้มาหาเรื่องเขาแบบนี้ เขาอยากรู้มากจริง ๆ ว่าใครมันหาเรื่องให้ข้า!!! ชิวเพ่ยเพ่ยหรี่สายตามองสามีนางและหญิงสาวที่ยังคงเล่นละครอย่างไม่อายใคร กระทั่งเฟยหยุนทนความกดดันไม่ไหวเขารีบสั่งคนจับนางอ้าปากแล้วให้พวกเขายัดอาหารที่หญิงผู้นี้นำมาเข้าไปจนหมด เขาหมดความอดทนแล้วจริง ๆ แถมยังไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงน่าขยะแขยงเช่นนี้แม้สักนิด ชิวเพ่ยเพ่ยเห็นสามีกระดึ๊บ กระดึ๊บมาหานางหลังสั่งคนจัดการนังตัวดีแล้ว นางแอบยิ้มอย่างสมใจ หึ นับว่าเจ้ายังรู้ว่าอะไรดีนะสามี ไม่อย่างนั้นล่ะก็… เจ้าหน้าที่เห็นเหตุการณ์และกำลังจะเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้น แต่คนของตำหนักเมฆาดับมากกว่าสิบคนไม่รู้มาจากไหน พวกเขายืนปิดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านทางไปช่วยคนได้ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบบอกให้คนของเขาไปตามเจ้านายม
วันที่สองที่ชิวเพ่ยเพ่ยเปิดการตรวจรักษา วันนี้ชาวบ้านน้อยกว่าเมื่อวานเกือบครึ่งหนึ่ง แต่นางยังคงตรวจรักษาพวกเขาตามปกติ เฟยหยุนยังคงคอยช่วยนางอยู่ข้าง ๆ ดังเช่นทุกครั้ง หลังจากรักษาคนไปหลายสิบคนจนใกล้จะถึงเวลาทานอาหารเที่ยง อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงแหลมสูงมาเข้าหูให้ชิวเพ่ยเพ่ยจนระคายโสตประสาท“คุณชาย ข้านำอาหารทำเองมาให้ท่านทานเจ้าค่ะ ท่านลองดูสิว่าถูกปากหรือไม่” ไม่รู้ว่าเป็นแม่นางจากบ้านใด ถึงได้กล้าเข้ามาพูดคุยกับสามีของท่านหมอใจดีอย่างหน้าด้าน ๆ เช่นนี้ เรื่องที่เฟยหยุนเป็นสามีของหมอหญิงใจบุญต่างมีข่าวออกมานานมากแล้ว ทำให้ไม่เคยมีหญิงหรือชายคนใดกล้าล่วงเกินสองผัวเมียคู่นี้มาก่อน นี่นับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ชิวเพ่ยเพ่ยเดินทางแล้วพบเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ นางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่ใครก็ไม่รู้เข้าหาสามีนางอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า นางได้กลิ่นยาปลุกกำหนัดมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาจากในอาหารที่อยู่ตรงหน้าสามีของนาง“ข้าไม่ต้องการอาหารของเจ้า ไสหัวไป!!!” เฟยหยุนไม่คิดไว้หน้าหญิงสาวตรงหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว เขาเห็นแล้วว่าภรรยาสุดที่รักชักไม่พอใจ ใครเล่าจะอยากหาเรื่
ชิวเพ่ยเพ่ยกับเฟยหยุนเดินทางโดยปลอมเป็นหมอตั้งแต่วันแรก นางเปิดรักษาชาวบ้านฟรีโดยให้พวกเขาไปซื้อยาจากร้านยาเมฆาดับเอาเอง หากใครยากจนจริง ๆ ชิวเพ่ยเพ่ยจะส่งคนไปแจ้งที่ร้านให้แจกยาพวกเขาแล้วเก็บเงินจากนาง นางทำเช่นนี้ไปตลอดทางที่พวกเขาท่องเที่ยว ไม่ว่าจะผ่านหมู่บ้านกันดารเพียงใด สองสามีภรรยาก็ยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มไปทั่วใบหน้าอยู่เสมอ จนผู้คนที่ได้รับการรักษาจากสองสามีภรรยาต่างขนานนามพวกเขาว่าคู่รักหมอใจบุญกันเลยทีเดียว แม้ว่าเฟยหยุนจะรักษาใครไม่เป็น แต่เขาช่วยทำแผล ใส่ยาให้คนไข้ชายและดูแลพวกเขาช่วยภรรยาจนหายขาดมาตลอด ฉายาที่พวกเขาได้รับจึงไม่นับว่ามากเกินไป ชิวเพ่ยเพ่ยที่เลือกวิธีการนี้ในการท่องเที่ยวพักผ่อน ก็เพราะนางเคยฆ่าคนมาไม่น้อย พออายุมากขึ้นนางจึงอยากจะทำบุญใหญ่รักษาคนไข้ยากจนบ้างก็เท่านั้น ไหน ๆ ครอบครัวนางก็ร่ำรวยอยู่แล้ว กับอีแค่การรักษาคนทั้งห้าแคว้นฟรีไม่นับว่าเหนือบ่ากว่าแรงของนางหรอกหนา บรรดาหัวหน้าสาขาต่าง ๆ ที่ควบคุมกิจการร้านค้า พวกเขาทราบดีว่าท่านเจ้าตำหนักคนเก่ากำลังออกเดินทางรักษาคนไปทั่วทั้งห้าแคว้นแล้วโดยที่ไม่ต้องมีใครมาส่
หนึ่งปีผ่านไป ชิวเพ่ยเพ่ยและเฟยหยุนก็ยังไม่กลับมาจากการท่องเที่ยว เฟยซินเยว่เริ่มจัดการตารางเวลาการทำงานของเขาได้ดีขึ้นมาก เขาจะพักทุกสองสัปดาห์หลังจากทำงานอย่างหนัก แล้วจะเดินทางไปพักกับท่านทวดและท่านปู่ท่านย่าของเขาที่จ้วงจื่อครั้งละสามสี่วัน จากนั้นก็จะกลับไปลุยงานต่อ เป็นเช่นนี้มาตลอดทั้งปี ส่วนเฟยหยางกวงก็ฝึกทหารและศึกษาตำราพิชัยสงครามไม่ได้ขาด ส่วนการไปดื่มสุราและแต่งกลอนกับสหาย เขาเลิกไปตั้งแต่วันลาสหายแล้ว เขายังเชิญสหายมาเที่ยวที่จวนโหวได้หากต้องการ สหายทั้งสามของเขาเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยมากมายอันใด แต่พวกเขาล้วนคบหากันด้วยใจมาตลอดสิบปีที่รู้จักกัน ซึ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เฟยหยางกวงส่งเทียบเชิญสหายมาร่วมงานวันเกิดของเขากับพี่ชาย ไหนจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับสหายทุกคนในวันเกิดของพวกเขา ทำให้ทั้งสี่คนยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นไปอีก สหายของเขาทั้งสามเพิ่งสอบขุนนางได้ในปีนี้ด้วย เขาจึงจัดงานฉลองให้พวกเขาที่จวนโหวอีกงานหนึ่ง เฟยซินเยว่ไม่เคยห้ามน้องชายของเขา เขารู้ทุกอย่างเรื่องน้องชายและน้องสาว เขาเพียงมองพวกเขาอยู่ห่าง ๆ หากมีสิ่ง
ระหว่างที่ชิวเพ่ยเพ่ยกับเฟยหยุนออกไปท่องเที่ยว เฟยซินเยว่กำลังตาลายกับสมุดบัญชีที่เขาได้รับมาตรวจสอบเป็นจำนวนมาก เขานับถือท่านแม่ของเขาจริง ๆ ที่นางสามารถจัดการบัญชีจำนวนมากได้โดยไม่มีอาการเบื่อหน่ายเช่นที่เขาเป็น ยิ่งตอนนี้ร้านของตำหนักเมฆาดับรวมทั้งห้าแคว้นอาจมีมากกว่า 500 ร้านค้าแล้ว นางยังคงสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดจนไม่มีใครกล้าโกงนางแม้แต่อีแปะเดียว หลังจากเฟยซินเยว่หัวหมุนวุ่นวายอยู่เกือบสองสัปดาห์ วันนี้ท่านตาทวดมาเยี่ยมเขาถึงเรือนอย่างน่าแปลกใจ เฟยซินเยว่รีบหยุดงานที่กำลังทำอยู่แล้วเดินไปพยุงท่านตาทวดเข้ามานั่งอย่างห่วงใย ตอนนี้ท่านตาทวดอายุมากแล้ว เขายังจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ท่านมักเล่นกับเขาอย่างสนุกสนานและดูแลเขาเป็นอย่างดี เวลาเขาถูกท่านแม่พาซ้อมวรยุทธจนบอบช้ำก็เป็นท่านตาที่มานั่งทายาแล้วบ่นท่านแม่ให้เขาฟัง จนเขาหายจากอาการเจ็บช้ำไปเลย“ท่านตาทวดมาได้อย่างไรขอรับ” หลังพาท่านตาทวดนั่งแล้วเขารีบสอบถามอย่างสงสัย“อืม ข้าเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะทำงานหนักไม่ไหวน่ะสิ แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้างอาเยว่”“ข้าสบายดีขอรับท่านตา งานเหล่านี้ท่านแม่สอนข้ามานานแล้วขอรับ