ชิวเพ่ยเพ่ยกลับจากตำหนักเมฆาดับได้หลายวันแล้ว นางถูกท่านแม่ผู้แสนดีสั่งให้ออกไปเลือกปิ่นสำหรับงานปักปิ่นที่ใกล้จะถึงนี้ของนางด้วยตัวเอง ทั้งที่เรื่องแบบนี้ผู้เป็นแม่ต้องจัดหาให้นางไหม? เฮ้อ วันนี้นางจึงได้เดินออกมาจากบ้านพร้อมบ่าวคนสนิทเพียงคนเดียวของนางที่ชื่อเตียวเตียวคนนี้นี่เอง
เตียวเตียวเป็นลูกสาวแม่ครัวที่ท่านย่าชอบในฝีมือการทำอาหาร นางจ้างแบบไปเช้าเย็นกลับมาตลอดหลายสิบปี พอเห็นว่าเตียวเตียวอายุมากกว่านางห้าปี เลยรับเข้ามาดูแลนางตอนอายุห้าขวบ ดีที่เตียวเตียวรู้ความ นางไม่เคยเอ่ยสิ่งที่นางรู้ให้พ่อกับแม่ของนางฟังแม้แต่ครั้งเดียว ทำให้ชิวเพ่ยเพ่ยไว้วางใจและช่วยเหลือนางไม่น้อยยามที่ครอบครัวนางลำบาก เป็นเพราะพี่ชายผู้ฟุ้งเฟ้อของนางที่สอบขุนนางได้แบบฉิวเฉียด เอาแต่คอยเรียกร้องเงินทองไปรองรับเหล่าคุณหนูและคุณชายเพื่อหวังไต่เต้าตำแหน่งขุนนางในเมืองหลวงนั่นแหละ ทำให้เตียวเตียวต้องเจียดเงินส่วนตัวไปช่วยเหลือพ่อแม่จนตัวเองแทบไม่มียาไส้ นางสงสารจึงคอยให้ทีละนิดละหน่อย ไม่อย่างนั้นพี่ชายสารเลวนั่นต้องมาปล้นสาวน้อยเตียวเตียวของนางแน่
เตียวเตียวที่เดินตามหลังคุณหนูพร้อมเหงื่อกาฬจากการเดินระยะไกล นางได้แต่บ่นในใจว่าทำไมคุณหนูไม่เอารถม้ามาหนอ นางเหนื่อยจะตายอยู่แล้วเนี่ย ชิวเพ่ยเพ่ยผู้แข็งแกร่งไม่ได้รู้เลยว่าสาวใช้อ่อนแอของนางขาแทบจะลากไปตามทางอยู่รอมร่อ นางเดินไปเห็นเหมือนร้านเครื่องประดับที่ท่านแม่บอกอยู่ไม่ไกลนัก นางเร่งฝีเท้าลิ่ว ๆ ตรงไปในทันใด เตียวเตียวที่อ้อนล้ากลับพยายามก้าวตามเต็มที่แล้ว แต่ไม่ถึงสามก้าว นางก็เซถลาจากขาที่อ่อนล้าไปทางถนน ขณะเดียวกันก็มีรถม้ากำลังจะมาถึงพอดี
ชิวเพ่ยเพ่ยได้ยินเสียงอุทานดังเซ็งแซ่จึงหันกลับไปดู นางเห็นภาพเตียวเตียวน้อยบ้านนางกำลังจะถูกรถม้าชนตายแล้ว ด้วยความฉุกละหุก นางรีบใช้วิชาตัวเบาไปคว้าตัวเตียวเตียวกลับเข้าทางด้านข้างได้อย่างฉิวเฉียด
องค์ชายสามกับแม่ทัพเฟยที่นั่งดื่มชาคุยกันริมหน้าต่าง คราแรกแม่ทัพเฟยกำลังจะลงไปช่วยบ่าวโชคร้ายคนนั้น แต่เมื่อเขาเห็นสาวน้อยน่ารักใช้วิชาตัวเบาสุดเลิศล้ำภายใต้สายตาเข้า เขาก็หััวใจเต้นแรงจนแทบทะลุอก เขาเหม่อมองใบหน้าน่ารักนั้นอย่างไม่กระพริบตา นางเป็นคุณหนูบ้านใดกัน ทำไมเขาไม่เคยเห็นมาก่อน ทั้งที่เขาก็เข้าร่วมงานเลี้ยงในวังแทบทุกปี แต่ไม่เคยเห็นคุณหนูที่เก่งกาจและน่ารักแบบนี้มาก่อน แล้วดูดวงตาใสซื่อของนางที่กล่าวขอโทษคนขับรถม้านั่นอีก อ่า เขาคิดว่าเขาน่าจะตกหลุมรักเป็นครั้งแรกเข้าเสียแล้ว
องค์ชายสามเห็นสหายรักจ้องสาวน้อยด้านล่างตาไม่กระพริบ แถมอยู่ดี ๆ ยังหน้าแดงก่ำขึ้นมาเสียเฉย ๆ เขาสามารถรู้ได้ในทันทีว่าสหายรักของเขาที่ไม่เคยชายตาแลคุณหนูบ้านไหนมาก่อน ตกหลุมรักสาวน้อยด้านล่างเสียแล้ว
“เจ้าอยากให้ข้าส่งคนไปสืบให้หรือไม่” องค์ชายสามที่รู้ใจสหายรีบสอบถามอย่างอยากรู้อยากเห็น เขาเองก็อยากรู้ว่าคุณหนูคนนั้นเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ถึงได้มีวาสนาตกอยู่ในสายตาเจ้าแม่ทัพเย็นชาผู้นี้ได้
“ไม่จำเป็น ข้าจะให้คนไปสืบเอง” เฟยหยุนตอบกลับน้ำเสียงเย็นชา เรื่องของนางในดวงใจ เขาต้องจัดการเองสิ คนอื่นจะมายุ่งด้วยทำไมกัน หึ
องค์ชายสามหัวเราะร่วนกับความขี้หวงของสหายรัก นี่ขนาดยังไม่ได้เป็นอะไรกัน อาการของเขายังหนักขนาดนี้ แล้วถ้าวันหนึ่งเขาได้สาวน้อยคนนี้มาจริง ๆ สหายรักของเขาจะคลั่งใคล้นางขนาดไหน เขาอยากให้ถึงวันนั้นเร็ว ๆ จริง ๆ เจ้าน้ำแข็งนี่จะเปลี่ยนไปได้ขนาดไหนกันนะ?
เฟยหยุนมองค้อนสหายสนิทจอมเสแสร้งของเขา องค์ชายสามที่ไม่คาดหวังตำแหน่งรัชทายาทเหรอ ฮึ หลอกได้แค่ควายเท่านั้นแหละ เบื้องหน้าเป็นองค์ชายเสเพล แต่ลับหลังกลับช่วยงานฮ่องเต้เป็นบ้าเป็นหลัง แถมยังเป็นลูกชายคนเดียวของฮองเฮาสุดที่รักของฝ่าบาทอีก ถึงคนอื่นจะเกิดก่อนก็ไม่มีภาษีดีเท่ากับสหายเขาคนนี้
ด้านชิวเพ่ยเพ่ยที่ช่วยสาวใช้ของตนได้อย่างฉิวเฉียดนั้น นางไม่รู้เลยว่ากำลังตกอยู่ในสายตาของคนดังในเมืองหลวงอย่างแม่ทัพเฟยเข้าแล้ว นางประคองพาเตียวเตียวไปที่ร้านเครื่องประดับแล้วรีบเลือกซื้อแบบสุ่มมาเสียหนึ่งชุด เรื่องราคานางไม่แม้แต่จะถาม เพียงแค่หยิบตั๋วเงินหมื่นตำลึงมาวางตรงหน้าแล้วนั่งรอเงินทอนเท่านั้น ขากลับ นางยังให้คนของร้านเครื่องประดับไปจ้างรถม้าให้นางเสียอีก ตอนนี้เตียวเตียวของนางคงเดินกลับเองไม่ไหวแน่ เฮ้อ สงสัยนางต้องให้เตียวเตียวฝึกร่างกายเสียหน่อยแล้ว ไม่อย่างนั้นนางจะเดินตามข้าผู้เป็นนายได้อย่างไร ข้าเบื่อการนั่งรถม้าจะตาย
“ฝ่า..ฝ่าบาท” ขุนนางที่เมื่อกี้ิเชิดหน้าชูคอใส่ชิวเพ่ยเพ่ยเข่าอ่อนในทันใด เขารีบคุกเข่าทำความเคารพฮ่องเต้พร้อมคนอื่น ๆ ที่เขาพามา ฮ่องเต้ไม่แม้แต่จะมองและสั่งให้พวกเขาลุกขึ้น เขาจะปล่อยให้พวกมันคุกเข่าไปฟังไปแบบนี้นี่แหละ ช่างหาเรื่องให้เขาเสียหน้ากับผู้มีพระคุณนัก“คารวะท่านเจ้าตำหนัก ข้าเพิ่งรู้ว่าท่านมาแคว้นเยี่ยจึงเสียมารยาทที่ไม่ได้มาต้อนรับท่านด้วยตัวเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษโกรธข้าหรอกนะ” ฮ่องเต้ที่อาวุโสกว่าชิวเพ่ยเพ่ยหลายปีรีบขอโทษนางก่อนอย่างไม่อายใคร“ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องมากมารยาทกับข้า ข้ากับสามีเพียงอยากมาทำบุญที่แคว้นเยี่ย แต่ดูท่าทางแล้วคนในแคว้นของท่านคงไม่ชอบเรื่องดี ๆ เช่นนี้นัก วันนี้ข้าจึงต้องลงมือจนทำให้ท่านลำบาก ข้ากับสามีต้องขอโทษท่านเช่นกัน” ชิวเพ่ยเพ่ยไม่จำเป็นต้องใช้ราชาศัพท์กับเขา นางพูดกับเขาเหมือนคนสนิทที่เคยพบปะกันมา ทั้งที่จริงนางแค่เคยพูดคุยและติดต่อกับเขาทางจดหมายหลังถล่มจวนอ๋องไปเมื่อคราวนั้นเท่านั้น“อืม ขอบคุณท่านมากที่ไม่ถือสา ส่วนคนที่สร้างปัญหาให้ท่าน ข้าอยากขอให้ท่านจัดการแทนข้าได้หรือไม่ อีกอย่าง ข้ามีเรื่องอยากปรึกษาท่านกับสามีด้ว
“คุณชาย ท่านช่วยข้าด้วยสิเจ้าคะ ข้ายินดีตอบแทนท่านด้วยร่างกายอันสดใหม่ หากท่านช่วยข้าจากผู้หญิงเลวคนนี้ ฮึก” นางแพศยานี่ยังกล้ามาขอให้เขาช่วยอีกหรืออย่างไร ช่างไม่รู้จักตายเสียจริง ๆ เฟยหยุนมองผู้หญิงเสแสร้งตรงหน้าเขาตาขวาง เขาไม่เคยรู้จักนางมาก่อน ทำไมนางคนนี้ถึงได้มาหาเรื่องเขาแบบนี้ เขาอยากรู้มากจริง ๆ ว่าใครมันหาเรื่องให้ข้า!!! ชิวเพ่ยเพ่ยหรี่สายตามองสามีนางและหญิงสาวที่ยังคงเล่นละครอย่างไม่อายใคร กระทั่งเฟยหยุนทนความกดดันไม่ไหวเขารีบสั่งคนจับนางอ้าปากแล้วให้พวกเขายัดอาหารที่หญิงผู้นี้นำมาเข้าไปจนหมด เขาหมดความอดทนแล้วจริง ๆ แถมยังไม่อยากอยู่ใกล้ผู้หญิงน่าขยะแขยงเช่นนี้แม้สักนิด ชิวเพ่ยเพ่ยเห็นสามีกระดึ๊บ กระดึ๊บมาหานางหลังสั่งคนจัดการนังตัวดีแล้ว นางแอบยิ้มอย่างสมใจ หึ นับว่าเจ้ายังรู้ว่าอะไรดีนะสามี ไม่อย่างนั้นล่ะก็… เจ้าหน้าที่เห็นเหตุการณ์และกำลังจะเข้าไปช่วยผู้หญิงคนนั้น แต่คนของตำหนักเมฆาดับมากกว่าสิบคนไม่รู้มาจากไหน พวกเขายืนปิดกั้นเจ้าหน้าที่ไม่ให้ผ่านทางไปช่วยคนได้ เมื่อเห็นท่าไม่ดีแล้ว เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบบอกให้คนของเขาไปตามเจ้านายม
วันที่สองที่ชิวเพ่ยเพ่ยเปิดการตรวจรักษา วันนี้ชาวบ้านน้อยกว่าเมื่อวานเกือบครึ่งหนึ่ง แต่นางยังคงตรวจรักษาพวกเขาตามปกติ เฟยหยุนยังคงคอยช่วยนางอยู่ข้าง ๆ ดังเช่นทุกครั้ง หลังจากรักษาคนไปหลายสิบคนจนใกล้จะถึงเวลาทานอาหารเที่ยง อยู่ดี ๆ ก็มีเสียงแหลมสูงมาเข้าหูให้ชิวเพ่ยเพ่ยจนระคายโสตประสาท“คุณชาย ข้านำอาหารทำเองมาให้ท่านทานเจ้าค่ะ ท่านลองดูสิว่าถูกปากหรือไม่” ไม่รู้ว่าเป็นแม่นางจากบ้านใด ถึงได้กล้าเข้ามาพูดคุยกับสามีของท่านหมอใจดีอย่างหน้าด้าน ๆ เช่นนี้ เรื่องที่เฟยหยุนเป็นสามีของหมอหญิงใจบุญต่างมีข่าวออกมานานมากแล้ว ทำให้ไม่เคยมีหญิงหรือชายคนใดกล้าล่วงเกินสองผัวเมียคู่นี้มาก่อน นี่นับว่าเป็นครั้งแรกตั้งแต่ชิวเพ่ยเพ่ยเดินทางแล้วพบเข้ากับเหตุการณ์แบบนี้ นางขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจที่ใครก็ไม่รู้เข้าหาสามีนางอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า นางได้กลิ่นยาปลุกกำหนัดมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ไม่คิดว่าจะมาจากในอาหารที่อยู่ตรงหน้าสามีของนาง“ข้าไม่ต้องการอาหารของเจ้า ไสหัวไป!!!” เฟยหยุนไม่คิดไว้หน้าหญิงสาวตรงหน้าเขาแม้แต่นิดเดียว เขาเห็นแล้วว่าภรรยาสุดที่รักชักไม่พอใจ ใครเล่าจะอยากหาเรื่
ชิวเพ่ยเพ่ยกับเฟยหยุนเดินทางโดยปลอมเป็นหมอตั้งแต่วันแรก นางเปิดรักษาชาวบ้านฟรีโดยให้พวกเขาไปซื้อยาจากร้านยาเมฆาดับเอาเอง หากใครยากจนจริง ๆ ชิวเพ่ยเพ่ยจะส่งคนไปแจ้งที่ร้านให้แจกยาพวกเขาแล้วเก็บเงินจากนาง นางทำเช่นนี้ไปตลอดทางที่พวกเขาท่องเที่ยว ไม่ว่าจะผ่านหมู่บ้านกันดารเพียงใด สองสามีภรรยาก็ยังคงมีรอยยิ้มแต่งแต้มไปทั่วใบหน้าอยู่เสมอ จนผู้คนที่ได้รับการรักษาจากสองสามีภรรยาต่างขนานนามพวกเขาว่าคู่รักหมอใจบุญกันเลยทีเดียว แม้ว่าเฟยหยุนจะรักษาใครไม่เป็น แต่เขาช่วยทำแผล ใส่ยาให้คนไข้ชายและดูแลพวกเขาช่วยภรรยาจนหายขาดมาตลอด ฉายาที่พวกเขาได้รับจึงไม่นับว่ามากเกินไป ชิวเพ่ยเพ่ยที่เลือกวิธีการนี้ในการท่องเที่ยวพักผ่อน ก็เพราะนางเคยฆ่าคนมาไม่น้อย พออายุมากขึ้นนางจึงอยากจะทำบุญใหญ่รักษาคนไข้ยากจนบ้างก็เท่านั้น ไหน ๆ ครอบครัวนางก็ร่ำรวยอยู่แล้ว กับอีแค่การรักษาคนทั้งห้าแคว้นฟรีไม่นับว่าเหนือบ่ากว่าแรงของนางหรอกหนา บรรดาหัวหน้าสาขาต่าง ๆ ที่ควบคุมกิจการร้านค้า พวกเขาทราบดีว่าท่านเจ้าตำหนักคนเก่ากำลังออกเดินทางรักษาคนไปทั่วทั้งห้าแคว้นแล้วโดยที่ไม่ต้องมีใครมาส่
หนึ่งปีผ่านไป ชิวเพ่ยเพ่ยและเฟยหยุนก็ยังไม่กลับมาจากการท่องเที่ยว เฟยซินเยว่เริ่มจัดการตารางเวลาการทำงานของเขาได้ดีขึ้นมาก เขาจะพักทุกสองสัปดาห์หลังจากทำงานอย่างหนัก แล้วจะเดินทางไปพักกับท่านทวดและท่านปู่ท่านย่าของเขาที่จ้วงจื่อครั้งละสามสี่วัน จากนั้นก็จะกลับไปลุยงานต่อ เป็นเช่นนี้มาตลอดทั้งปี ส่วนเฟยหยางกวงก็ฝึกทหารและศึกษาตำราพิชัยสงครามไม่ได้ขาด ส่วนการไปดื่มสุราและแต่งกลอนกับสหาย เขาเลิกไปตั้งแต่วันลาสหายแล้ว เขายังเชิญสหายมาเที่ยวที่จวนโหวได้หากต้องการ สหายทั้งสามของเขาเป็นเพียงครอบครัวธรรมดาที่ไม่ได้ร่ำรวยมากมายอันใด แต่พวกเขาล้วนคบหากันด้วยใจมาตลอดสิบปีที่รู้จักกัน ซึ่งตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เฟยหยางกวงส่งเทียบเชิญสหายมาร่วมงานวันเกิดของเขากับพี่ชาย ไหนจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้กับสหายทุกคนในวันเกิดของพวกเขา ทำให้ทั้งสี่คนยิ่งสนิทสนมกันมากขึ้นไปอีก สหายของเขาทั้งสามเพิ่งสอบขุนนางได้ในปีนี้ด้วย เขาจึงจัดงานฉลองให้พวกเขาที่จวนโหวอีกงานหนึ่ง เฟยซินเยว่ไม่เคยห้ามน้องชายของเขา เขารู้ทุกอย่างเรื่องน้องชายและน้องสาว เขาเพียงมองพวกเขาอยู่ห่าง ๆ หากมีสิ่ง
ระหว่างที่ชิวเพ่ยเพ่ยกับเฟยหยุนออกไปท่องเที่ยว เฟยซินเยว่กำลังตาลายกับสมุดบัญชีที่เขาได้รับมาตรวจสอบเป็นจำนวนมาก เขานับถือท่านแม่ของเขาจริง ๆ ที่นางสามารถจัดการบัญชีจำนวนมากได้โดยไม่มีอาการเบื่อหน่ายเช่นที่เขาเป็น ยิ่งตอนนี้ร้านของตำหนักเมฆาดับรวมทั้งห้าแคว้นอาจมีมากกว่า 500 ร้านค้าแล้ว นางยังคงสามารถตรวจสอบได้อย่างละเอียดจนไม่มีใครกล้าโกงนางแม้แต่อีแปะเดียว หลังจากเฟยซินเยว่หัวหมุนวุ่นวายอยู่เกือบสองสัปดาห์ วันนี้ท่านตาทวดมาเยี่ยมเขาถึงเรือนอย่างน่าแปลกใจ เฟยซินเยว่รีบหยุดงานที่กำลังทำอยู่แล้วเดินไปพยุงท่านตาทวดเข้ามานั่งอย่างห่วงใย ตอนนี้ท่านตาทวดอายุมากแล้ว เขายังจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ท่านมักเล่นกับเขาอย่างสนุกสนานและดูแลเขาเป็นอย่างดี เวลาเขาถูกท่านแม่พาซ้อมวรยุทธจนบอบช้ำก็เป็นท่านตาที่มานั่งทายาแล้วบ่นท่านแม่ให้เขาฟัง จนเขาหายจากอาการเจ็บช้ำไปเลย“ท่านตาทวดมาได้อย่างไรขอรับ” หลังพาท่านตาทวดนั่งแล้วเขารีบสอบถามอย่างสงสัย“อืม ข้าเป็นห่วงกลัวว่าเจ้าจะทำงานหนักไม่ไหวน่ะสิ แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้างอาเยว่”“ข้าสบายดีขอรับท่านตา งานเหล่านี้ท่านแม่สอนข้ามานานแล้วขอรับ