Mag-log inณ เรือนท้ายจวนตระกูลเส้า
บนพื้นเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นมีร่างของสตรีผู้หนึ่ง ที่หลายเดือนก่อนหน้ายังเป็นคุณหนูผู้งดงามของตระกูลอันร่ำรวย แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนซูบผอม บนร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทรมาน
“ไป๋เล่อฉิง” หลังจากถูกสู่ขอและตบแต่งกับบุรุษที่นางตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ผ่านไปเพียงสามวันสินเดิมหลายสิบหีบของนาง ยามนี้มิใช่ของนางอีกต่อไป เพราะครอบครัวของสามีอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงยึดไปทั้งหมด
ส่วนตัวของไป๋เล่อฉิงจากตำแหน่งฮูหยินน้อยในเรือนใหญ่ ก็ถูกส่งตัวมาอยู่ยังเรือนท้ายจวนที่ผุพังกับสาวใช้ที่ติดตามมา ข้าวปลาอาหารได้รับเพียงวันละหนึ่งมื้อ สาวใช้อย่างจิ่งฟางที่สงสารเจ้านายของตน จึงไปแอบขโมยอาหารในห้องครัวจนถูกจับได้ และถูกลงโทษโบยจนตายต่อหน้าของไป๋เล่อฉิง
“ท่านพี่ข้าขอร้องได้โปรดปล่อยจิ่งฟางไปเถิด นางแค่สงสารข้าถึงได้ทำเรื่องผิด ๆ เช่นนี้”
“คะ คะ คุณหนูอย่าทำเช่นนั้นเพื่อบ่าวเลยเจ้าค่ะ”
“เห็นหรือไม่ สาวใช้ของเจ้านางยังไม่ยอมร้องขอชีวิต โบยต่อไป!”
“ไม่นะ จิ่งฟาง ๆ ฮือ ๆ ข้าขอโทษ ฮือ ๆ ๆ”
“เจียหงให้คนลากไป๋เล่อฉิงไปขังไว้เช่นเดิม อย่าลืมลงโทษนางเพิ่มวันนี้แม้แต่น้ำสักหยดก็อย่าให้นางได้ดื่ม”
“ทราบแล้วขอรับคุณชายใหญ่”
ร่างของไป๋เล่อฉิงถูกบ่าวไพร่ลากกลับไปด้านในเรือน นางได้แต่มองสาวใช้ถูกโบยจนกระอักเลือดด้วยน้ำตานองหน้า ความเสียใจที่ได้พบเจอคงต้องโทษนางที่ไม่ดูคนให้ลึกซึ้ง เพียงแค่คำพูดหวานหูก็หลงเชื่อจนหมดใจเสียได้
ด้วยความรู้สึกผิดไป๋เล่อฉิงที่ต้องอยู่เพียงลำพังในเรือนท้ายจวนแห่งนี้ เริ่มมีอาการเหม่อลอยเอาแต่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้สาวใช้ต้องตาย อาหารที่มีเพียงหนึ่งมื้อก็ไม่คิดแตะต้อง ปล่อยให้มันเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งแต่นางก็หาได้สนใจไม่
เนื่องจากความเสียใจจึงไม่ยินดียินร้ายแม้วันนี้ตระกูลเส้าจะมีงานมงคล ซึ่งคุณชายใหญ่เส้าได้ตบแต่งสตรีอันเป็นที่รักเข้าจวนอย่างชื่นมื่น แม้แต่ในยามเข้าหอคู่ข้าวใหม่ปลามันก็ยังพูดถึงไป๋เล่อฉิงไม่หยุด
“อ๊ะ อื้อ อาเสียงท่านยังดุดันไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ซี้ด อ่าส์ เพราะข้ารู้ว่าเจ้าชอบหากทำเบา ๆ จะถึงใจเจ้าได้อย่างไร”
“อ้ายยย หวังว่าท่านจะไม่ทำเรื่องนี้กับนางเล่อฉิงนะอาเสียง”
“อืม สตรีจืดชืดขี้อายแม้แต่ยามจับมือข้าทำไม่ลงหรอก มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกได้ปลดปล่อยอย่างแท้จริง”
“พรุ่งนี้หลังจากยกน้ำแล้วเราไปเยี่ยมนางสักหน่อยดีไหม อ๊ะ ๆ ๆ”
“ได้ตามที่เจ้าต้องการแต่ตอนนี้เลิกพูดถึงนางก่อนเถิด ข้าอยากได้ยินเสียงครวญครางของเจ้ามากกว่า”
ลูกสะใภ้คนใหม่ของตระกูลเส้ามิใช่ใครที่ไหน แต่นางเป็นถึงสหายสนิทของไป๋เล่อฉิงนั่นก็คือหลัวอี้หรู บิดาของนางคือรองเสนาบดีกรมขุนนาง ผู้เป็นมือขวาของใต้เท้าเส้าในการทำเรื่องฉ้อโกงอย่างลับ ๆ มานานนับสิบปี เพื่อสนับสนุนองค์ชายรองแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
กลางยามเฉินวันถัดมาหลังจากเส้าเหยี่ยนเสียงพาฮูหยินไปยกน้ำชาให้บิดามารดาของตนเสร็จ ทั้งสองคนพร้อมบ่าวไพร่ก็มุ่งหน้าไปยังเรือนท้ายจวน แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้กลิ่นเหม็นสาบทำพวกเขาแทบอาเจียน
“อี๋ เหตุใดที่นี่ถึงได้มีกลิ่นเหม็นนักล่ะ จิวเมี่ยวเจ้าไปเปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
แอ๊ดดด จิวเมี่ยวสาวใช้คนสนิทของหลัวอี้หรูทำตามคำสั่ง ภาพที่ทุกคนได้เห็นยามที่บานประตูเรือนนั้นเปิดกว้าง คือร่างของสตรีที่แทบไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมให้เห็น
ไป๋เล่อฉิงทำเพียงปลายสายตามองผู้มาเยือน ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากของนางแม้แต่คำเดียว มีเพียงหลัวอี้หรูที่เอ่ยถ้อยคำเยาะเย้ยถากถาง ตอกย้ำความผิดพลาดในการตัดสินใจของไป๋เล่อฉิง
“โธ่ อาเสียงเจ้าไม่สงสารเล่อฉิงบ้างหรือ ไม่เห็นต้องทำกับนางเพื่อข้าถึงเพียงนี้ก็ได้”
“หึ ก็แค่สตรีน่าโง่คนหนึ่งจะมาเทียบกับเจ้าได้อย่างไร”
“เพราะเหตุใด...พวกเจ้าถึงต้องหักหลังข้าเช่นนี้”
“หึ ไป๋เล่อฉิงเจ้ามันโง่เองที่ไม่เชื่อคำทัดทานของคนที่หวังดี แค่ข้าพูดคำหวาน ๆ ไม่กี่คำหรือทำตัวน่าสงสารเจ้าก็ยอมทำให้ทุกอย่าง ช่างเป็นสุนัขที่เชื่องสำหรับข้าจริง ๆ”
“เล่อฉิงเจ้ามันก็แค่สมบัติเดินได้ที่อาเสียงกับข้าไว้หยิบใช้เท่านั้น เจ้าคิดว่าอาเสียงจะรักเจ้าจริง ๆ น่ะหรือ ข้าจะบอกอะไรให้นะคนที่อาเสียงรัก และทุกคนในตระกูลเส้ายอมรับตั้งแต่แรกมีเพียงข้า “หลัวอี้หรู” ส่วนเจ้าจงเป็นฮูหยินที่ป่วยตายจากโรคประหลาดไปเถิด ฮ่า ๆ ๆ”
แต่ความสุขที่ตระกูลเส้ากำลังยินดีปรีดาอยู่นั้นกลับต้องมลายหายไป เมื่อหลักฐานการกระทำความผิดของใต้เท้าเส้าแห่งกรมขุนนาง ถูกคนลึกลับส่งให้กับรองเสนาบดีกรมตุลาการ ภายหลังฮ่องเต้ได้ทรงทอดพระเนตรจึงมีราชโองการเร่งด่วน ให้จับกุมคนตระกูลเส้าและผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหมดไปรับโทษ
ฝูอวิ้นมู่รองเสนาบดีกรมตุลาการได้รับมอบหมายหน้าที่นี้ โดยข้างกายของเขายังมีสหายผู้หนึ่งที่ไม่ยอมรับสตรีใดเข้าจวน แม้แต่ตำแหน่งอนุภรรยายังไม่ยอมให้สตรีใดได้หมายปอง
“อาหลงสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้คงมิใช่ทำเพราะคุณหนูสี่ไป๋ใช่หรือไม่?”
โจวเหวินหลงบุรุษรูปงามทายาทตระกูลโจวผู้มั่งคั่ง แต่นิสัยใจคอกลับมีน้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร น้ำเสียงเรียบนิ่งที่เปล่งออกมายิ่งตอกย้ำให้ฝูอวิ้นมู่มั่นใจ ว่าที่ผ่านมาสหายของตนส่งคนไปรวบรวมหลักฐานทุกอย่าง เพียงเพื่อสตรีผู้หนึ่งที่สหายมีใจผูกสมัครรักใคร่อย่างเงียบ ๆ มาหลายปี
“ทำตามหน้าที่ของเจ้าไปอามู่ หากมีคนตายในจวนแห่งนี้เจ้าคงรู้นะว่าควรเขียนรายงานว่าอย่างไร”
“นี่! ฮ้าย ข้ารู้แล้ว ๆ เจ้าไปตามหานางในดวงใจของเจ้าเถิด”
“หึ รู้ก็ดีแล้ว”
การลงมือที่รวดเร็วของกรมตุลาการส่งผลให้คนกระทำผิดไม่ทันได้ตั้งตัว แม้มีใจอยากหลบหนีก็ไม่มีทางใดให้ทำได้อีกแล้ว มีเพียงกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่อยู่ในเรือนท้ายจวนซึ่งห่างจากเรือนหลักหลายจั้ง ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับตระกูลเส้าในยามนี้
ส่วนคนที่วิ่งตามหาสตรีในดวงใจจนมาถึงเรือนท้ายจวน เขาทันได้ยินคำพูดที่เหยียบย่ำทำร้ายจิตใจของนางพอดี ดาบในมือที่ถูกกำไว้แน่นบัดนี้มันได้ออกจากฝัก และสังหารสองสามีภรรยาที่ทำร้ายสตรีของตนอย่างโหดเหี้ยม
“ฮ่า ๆ ฮะ...” ฉัวะ! อ่ะ ฉึก! ตุบ ตุบ
“ฮึก ข้าช่างโง่เขลาอย่างที่พวกเจ้าพูดจริง ๆ หากมีชาติหน้าข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าอีก อึก เฮือก! ตุบ”
ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะสิ้นสุดลง ไป๋เล่อฉิงกลับเห็นเงาอันเลือนลางของบุรุษผู้หนึ่ง ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ดวงตาของนางฝืนเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นการช่วยเหลือที่นางไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แต่ภายในใจนางได้ภาวนาเอาไว้ว่าจะขอตอบแทนเขาในชาติหน้าก็แล้วกัน
‘ฉิงเอ๋อร์!’
ส่วนคนเจ้าเล่ห์ที่ยืนรอไป๋เฟิงฮวาอยู่หน้าร้าน ก็มีบ่าวไพร่ที่ติดตามมายกเก้าอี้มาให้นั่งอย่างสบายอารมณ์ หลี่เฉียงฮุยไม่เชื่อว่าการที่เขาตามเกี้ยวพาไป๋เฟิงฮวาต่อหน้าชาวบ้านอย่างโจ่งแจ้ง ประหนึ่งว่าเขามีความจริงใจจะทำให้นางยินดีรับปากแต่งเป็นฮูหยินรองของเขาถึงจะถูกปฏิเสธมาหลายครั้งหลายคราแต่หลี่เฉียงฮุยกลับคิดไปว่า นี่คือแผนการเรียกร้องความสนใจเพื่อสร้างคุณค่าให้ตนเองของไป๋เฟิงฮวาเท่านั้น เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนอยากได้มาครอบครองเดินออกมา หลี่เฉียงฮุยรีบเอ่ยทักทายอย่างเอาอกเอาใจไป๋เฟิงฮวาทันที“คุณหนูใหญ่ไป๋ในที่สุดท่านก็ยอมมาพบข้าเสียที แต่ถึงข้าจะต้องรออีกนานเพียงใดขอเพียงเป็นความพอใจของท่านข้าก็รอได้ ที่สำคัญวันนี้ข้ามีของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้ท่านด้วยนะ”“คุณชายรองหลี่ท่านนี่ช่างหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ เลยนะ ทุกวันนี้สตรีในเรือนของท่านยังมีไม่พอให้ท่านใช้ระบายความใคร่อีกหรือ”“โธ่ คุณหนูใหญ่ไป๋ท่านอย่าได้ฟังคำคนที่พูดกันไปเรื่อยเปื่อยสิ หญิงสาวพวกนั้นวิ่งตามมาร้องขอข้าเองพวกนางจะมีค่าอันใด มีเพียงท่านที่ข้าให้ความสำคัญและอยากใช้ชีวิตร่วมกันเท่านั้น”“หึ ในสายตาของคุณชายรองหลี่สตรีที่หม
ในวันงานมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ของโจวเหวินหลงและไป๋เล่อฉิง ฝูอวิ้นมู่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างเต็มที่ แม้จะสวมใส่ชุดที่ด้อยกว่าเจ้าบ่าวเล็กน้อย แต่นั่นมิได้กดข่มความหล่อเหลาของคนเป็นบัณฑิตให้ลดลง ด้วยความสง่างามนี้เรียกเสียงกรีดร้องรวมถึงท่าทางเขินอายจากสตรีได้ไม่น้อยถึงจะมีสตรีพยายามส่งสายตาเย้ายวนเพียงใดฝูอวิ้นมู่ก็หาได้สนใจพวกนางไม่ เนื่องจากในหัวของเขาตอนนี้มีความต้องการเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการได้พบเจอคุณหนูใหญ่ไป๋เฟิงฮวานั่นเองและในที่สุดความต้องการของฝูอวิ้นมู่ก็เป็นจริง เมื่อเขาเดินไปพร้อมกับโจวเหวินหลงเพื่อรับตัวเจ้าสาวยังหน้าเรือนหอ หลังจากเจ้าสาวที่งดงามโดดเด่นที่สุดถูกสหายรับตัวเดินไปแล้ว ยามนั้นคล้ายกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของฝูอวิ้นมู่กำลังหยุดนิ่งขณะนั้นแม้แต่เสียงลมหายใจก็แทบจะไม่ได้ยิน ยามได้เห็นใบหน้าเรียวที่มีองคาพยพทั้งห้าปั้นแต่ง ไป๋เฟิงฮวาอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีดอกท้อยิ่งเสริมให้นางดูอ่อนหวานน่ามอง แต่ดวงตาเรียวกลับมีความเด็ดเดี่ยวให้เห็นอยู่ในทีฝูอวิ้นมู่กลับมามีสติอีกครั้งจากการเรียกของกุยหยาง เพราะเขาเห็นเจ้านายยืนนิ่งอยู่นานไม่ยอมตามสหายไปเสียที แต่ถึงก
ชาตินี้ข้าเลือกเขาเป็นสามีระหว่างทางกลับโจวเหวินหลงถูกฝูอวิ้นมู่บ่นให้เล็กน้อยเรื่องที่ยอมให้ตนติดตามมา โดยหวังว่าวันนี้เขาจะได้เห็นหน้าของคุณหนูใหญ่ไป๋เสียหน่อย แต่จนแล้วจนรอดนางก็ไม่ยอมออกมาต้อนรับ ทำให้ฝูอวิ้นมู่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย“เฮ้อ อาหลงเจ้าว่าข้าไม่มีดวงเรื่องเนื้อคู่หรือไม่นะ”“หึ ๆ ๆ ทำไมเจ้าผิดหวังมากหรือที่คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ออกมาต้อนรับร่วมกับใต้เท้าไป๋”“ไอหยา ข้าก็แค่อยากเห็นนางชัด ๆ สักครั้ง เผื่อว่าระหว่างข้ากับนางจะมีวาสนาต่อกันทันทีที่ได้พบหน้าก็เท่านั้นเอง”โจวเหวินหลงตอบคำถามโดยไม่มองสหายเกี่ยวกับเรื่องของไป๋เฟิงฮวา “ใช่ว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสเสียเมื่อไหร่ ในวันที่ข้ามารับตัวฉิงเอ๋อร์คุณหนูใหญ่ไป๋นางต้องออกมาช่วยต้อนรับแขก เจ้าย่อมได้เห็นนางหรือบางทีอาจได้พูดคุยกันก็เป็นได้นะอามู่”“ใช่ เจ้าพูดไม่ผิดในวันนั้นนางต้องมาช่วยครอบครัวต้อนรับแขก ขอบใจเจ้ามากนะอาหลงที่ช่วยเตือนข้าเรื่องนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกันดูเหมือนว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่ของข้าคงต้องตัดใหม่ จะได้ไม่ทำให้เจ้ากับท่านลุงท่านป้าขายหน้าในวันงาน ข้าไปล่ะ” ฝูอวิ้นมู่เมื่อได้รับคำชี้แนะจากสหายก็กลับมาม
สามวันต่อมาขบวนเดินทางของนายท่านโจวและฮูหยินก็กลับมาจากไปท่องเที่ยวแดนใต้ ทั้งสองแม้จะส่งต่อกิจการให้บุตรชายทั้งสองดูแล แต่ไม่ว่าอย่างไรยามไปที่ใดก็อดจะนำสินค้ากลับมามากมายไม่ได้อยู่ดีโจวเหวินหลงกับโจวฉีหมิงยืนรอต้อนรับบิดามารดาอยู่ด้านหน้าจวน ด้วยท่าทางเคร่งขรึมที่เป็นเอกลักษณ์ของโจวเหวินหลง มักจะทำให้มารดาบ่นอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากเกรงว่าบุตรชายคนโตจะไม่มีสตรีใดอยากเข้าใกล้“คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ /คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ”หลีฮูหยินผละจากสามีเข้ามาจับมือบุตรชายทั้งสองอย่างรวดเร็ว “หลงเอ๋อร์ หมิงเอ๋อร์ แม่คิดถึงพวกเจ้าสองคนยิ่งนัก”“ท่านแม่ลูกกับพี่ใหญ่ก็คิดถึงท่านขอรับ โดยเฉพาะพี่ใหญ่ที่คิดถึงพวกท่านมากกว่าหลายเท่าในเวลานี้”“หือ หมิงเอ๋อร์เจ้าหมายความว่าอย่างไร แม่ดูท่าทางพี่ใหญ่ของเจ้าก็ไม่เห็นมีอันใดแปลกตรงไหนเลยนะ”นายท่านโจวก็ลอบสังเกตบุตรชายคนโตของตนอย่างที่บุตรชายคนเล็กกล่าวมา แต่เขาเห็นด้วยอย่างที่หลีฮูหยินกล่าวมาจริง ๆ“นั่นน่ะสิแม่ของเจ้าพูดถูกนะหมิงเอ๋อร์ ดูสิพี่ใหญ่ของเจ้าไม่เห็นว่าจะกระตือรือร้นอันใดเลยสักนิด”“หึ ๆ ๆ ถ้าพวกท่านอยากรู้ก็เข้าไปนั่งพูดคุยกันด้านในดีกว่าข
ในวันเดียวกันโจวเหวินหลงมารับไป๋เล่อฉิงที่จวน และพานางไปรอฟังข่าวยังเหลาอาหารของตระกูลโจว โดยมีเจิงอู่นำตัวพยานไปมอบให้ฝูอวิ้นมู่จึงรอฟังข่าวอยู่หน้าประตูวังหลวง ส่วนซวี่ไห่ก็ทำหน้าที่ดูแลเจ้านายทั้งสองจนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ของกรมตุลาการพร้อมกำลังทหารมุ่งหน้าไปยังจวนขุนนาง จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการลงมือของฝูอวิ้นมู่สามารถทำได้สำเร็จ เจิงอู่จึงรีบกลับไปรายงานเรื่องดังกล่าวต่อเจ้านายของตนทันทีพอเจิงอู่มาถึงคนที่ถามกลับเป็นไป๋เล่อฉิงซึ่งนางไม่ยอมอยู่เฉย เอาแต่เดินไปเดินมาจนจิ่งฟางยังรู้สึกเหนื่อยแทนเจ้านายของตน“นายน้อย คุณหนูสี่ไป๋”“เจิงอู่เจ้ากลับมาแล้วเป็นอย่างไรฮ่องเต้ทรงตัดสินโทษใดแก่ตระกูลเส้างั้นหรือ?”“เรียนคุณหนูสี่ไป๋ข่าวจากในวังกล่าวกันว่า ฝ่าบาททรงตัดสินโทษประหารชีวิตแก่ตระกูลเส้าและพรรคพวกขุนนางทั้งหมด ยามนี้เจ้าหน้าที่จากกรมตุลาการกำลังไปจับกุมคนในตระกูล เพื่อนำไปขังคุกรอวันประหารขอรับ”ไป๋เล่อฉิงได้ยินเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จนเกือบทำตนเองสะดุดล้มยังดีที่โจวเหวินหลงคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ถึงจะถูกดุแต่นางไม่สนใจเนื่องจากอยู่ในอารมณ์ดีใจมากกว่า“สมน้ำหน้าทั้งพ่อ
ยามเช้ามืดของวันถัดมาขุนนางทุกตำแหน่งต่างทยอยมารอยังหน้าท้องพระโรง เพื่อรอเวลาประชุมเช่นทุกครั้งที่มีฎีกาสำคัญถวายรายงานมาถึงฮ่องเต้ และพวกเขาจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงตัดสินพระทัยเป็นครั้งสุดท้ายฝูอวิ้นมู่ที่มีกุยหยางยืนถือหีบไม้อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าใต้เท้าไป๋มาถึงจึงเดินเข้าไปทักทาย และกระซิบบอกถึงสิ่งที่สหายของตนฝากมาในวันนี้ให้ทราบ“คารวะใต้เท้าไป๋ขอรับ”“ใต้เท้าฝูหรอกหรือ ได้ข่าวว่าพักนี้ที่กรมตุลาการมีเอกสารเกี่ยวกับคดีให้จัดการคงเหนื่อยไม่น้อยเลยนะ” ใต้เท้าไป๋ชื่นชมความสามารถของฝูอวิ้นมู่ไม่น้อย ได้ตำแหน่งสูงและยังได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ นี่คือสิ่งที่ขุนนางหลายคนต้องการมากที่สุดก็ว่าได้“ก็มีบ้างขอรับนอกจากคดีใหม่ ๆ ยังมีคดีเก่าที่ปิดอย่างขอไปทีอีกมาก จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียดเท่านั้น อ้อ ใต้เท้าไป๋วันนี้ท่านรอดูเรื่องสนุก ๆ ในท้องพระโรงได้เลยนะ หลังจากวันนี้ใต้เท้ากับครอบครัวไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคนบางคนอีกแล้วล่ะขอรับ”“ใต้เท้าฝูกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร จะมีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้นระหว่างการประชุมงั้นหรือ?”ฝูอวิ้นมู่ขยับเข







