ณ เรือนท้ายจวนตระกูลเส้า
บนพื้นเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นมีร่างของสตรีผู้หนึ่ง ที่หลายเดือนก่อนหน้ายังเป็นคุณหนูผู้งดงามของตระกูลอันร่ำรวย แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนซูบผอม บนร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทรมาน
“ไป๋เล่อฉิง” หลังจากถูกสู่ขอและตบแต่งกับบุรุษที่นางตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ผ่านไปเพียงสามวันสินเดิมหลายสิบหีบของนาง ยามนี้มิใช่ของนางอีกต่อไป เพราะครอบครัวของสามีอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงยึดไปทั้งหมด
ส่วนตัวของไป๋เล่อฉิงจากตำแหน่งฮูหยินน้อยในเรือนใหญ่ ก็ถูกส่งตัวมาอยู่ยังเรือนท้ายจวนที่ผุพังกับสาวใช้ที่ติดตามมา ข้าวปลาอาหารได้รับเพียงวันละหนึ่งมื้อ สาวใช้อย่างจิ่งฟางที่สงสารเจ้านายของตน จึงไปแอบขโมยอาหารในห้องครัวจนถูกจับได้ และถูกลงโทษโบยจนตายต่อหน้าของไป๋เล่อฉิง
“ท่านพี่ข้าขอร้องได้โปรดปล่อยจิ่งฟางไปเถิด นางแค่สงสารข้าถึงได้ทำเรื่องผิด ๆ เช่นนี้”
“คะ คะ คุณหนูอย่าทำเช่นนั้นเพื่อบ่าวเลยเจ้าค่ะ”
“เห็นหรือไม่ สาวใช้ของเจ้านางยังไม่ยอมร้องขอชีวิต โบยต่อไป!”
“ไม่นะ จิ่งฟาง ๆ ฮือ ๆ ข้าขอโทษ ฮือ ๆ ๆ”
“เจียหงให้คนลากไป๋เล่อฉิงไปขังไว้เช่นเดิม อย่าลืมลงโทษนางเพิ่มวันนี้แม้แต่น้ำสักหยดก็อย่าให้นางได้ดื่ม”
“ทราบแล้วขอรับคุณชายใหญ่”
ร่างของไป๋เล่อฉิงถูกบ่าวไพร่ลากกลับไปด้านในเรือน นางได้แต่มองสาวใช้ถูกโบยจนกระอักเลือดด้วยน้ำตานองหน้า ความเสียใจที่ได้พบเจอคงต้องโทษนางที่ไม่ดูคนให้ลึกซึ้ง เพียงแค่คำพูดหวานหูก็หลงเชื่อจนหมดใจเสียได้
ด้วยความรู้สึกผิดไป๋เล่อฉิงที่ต้องอยู่เพียงลำพังในเรือนท้ายจวนแห่งนี้ เริ่มมีอาการเหม่อลอยเอาแต่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และโทษตัวเองว่าเป็นสาเหตุให้สาวใช้ต้องตาย อาหารที่มีเพียงหนึ่งมื้อก็ไม่คิดแตะต้อง ปล่อยให้มันเน่าเสียส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งแต่นางก็หาได้สนใจไม่
เนื่องจากความเสียใจจึงไม่ยินดียินร้ายแม้วันนี้ตระกูลเส้าจะมีงานมงคล ซึ่งคุณชายใหญ่เส้าได้ตบแต่งสตรีอันเป็นที่รักเข้าจวนอย่างชื่นมื่น แม้แต่ในยามเข้าหอคู่ข้าวใหม่ปลามันก็ยังพูดถึงไป๋เล่อฉิงไม่หยุด
“อ๊ะ อื้อ อาเสียงท่านยังดุดันไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“ซี้ด อ่าส์ เพราะข้ารู้ว่าเจ้าชอบหากทำเบา ๆ จะถึงใจเจ้าได้อย่างไร”
“อ้ายยย หวังว่าท่านจะไม่ทำเรื่องนี้กับนางเล่อฉิงนะอาเสียง”
“อืม สตรีจืดชืดขี้อายแม้แต่ยามจับมือข้าทำไม่ลงหรอก มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำให้ข้ารู้สึกได้ปลดปล่อยอย่างแท้จริง”
“พรุ่งนี้หลังจากยกน้ำแล้วเราไปเยี่ยมนางสักหน่อยดีไหม อ๊ะ ๆ ๆ”
“ได้ตามที่เจ้าต้องการแต่ตอนนี้เลิกพูดถึงนางก่อนเถิด ข้าอยากได้ยินเสียงครวญครางของเจ้ามากกว่า”
ลูกสะใภ้คนใหม่ของตระกูลเส้ามิใช่ใครที่ไหน แต่นางเป็นถึงสหายสนิทของไป๋เล่อฉิงนั่นก็คือหลัวอี้หรู บิดาของนางคือรองเสนาบดีกรมขุนนาง ผู้เป็นมือขวาของใต้เท้าเส้าในการทำเรื่องฉ้อโกงอย่างลับ ๆ มานานนับสิบปี เพื่อสนับสนุนองค์ชายรองแย่งชิงตำแหน่งรัชทายาท
กลางยามเฉินวันถัดมาหลังจากเส้าเหยี่ยนเสียงพาฮูหยินไปยกน้ำชาให้บิดามารดาของตนเสร็จ ทั้งสองคนพร้อมบ่าวไพร่ก็มุ่งหน้าไปยังเรือนท้ายจวน แต่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้กลิ่นเหม็นสาบทำพวกเขาแทบอาเจียน
“อี๋ เหตุใดที่นี่ถึงได้มีกลิ่นเหม็นนักล่ะ จิวเมี่ยวเจ้าไปเปิดประตูให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“เจ้าค่ะฮูหยิน”
แอ๊ดดด จิวเมี่ยวสาวใช้คนสนิทของหลัวอี้หรูทำตามคำสั่ง ภาพที่ทุกคนได้เห็นยามที่บานประตูเรือนนั้นเปิดกว้าง คือร่างของสตรีที่แทบไม่หลงเหลือเค้าโครงเดิมให้เห็น
ไป๋เล่อฉิงทำเพียงปลายสายตามองผู้มาเยือน ไม่มีเสียงใดหลุดออกจากปากของนางแม้แต่คำเดียว มีเพียงหลัวอี้หรูที่เอ่ยถ้อยคำเยาะเย้ยถากถาง ตอกย้ำความผิดพลาดในการตัดสินใจของไป๋เล่อฉิง
“โธ่ อาเสียงเจ้าไม่สงสารเล่อฉิงบ้างหรือ ไม่เห็นต้องทำกับนางเพื่อข้าถึงเพียงนี้ก็ได้”
“หึ ก็แค่สตรีน่าโง่คนหนึ่งจะมาเทียบกับเจ้าได้อย่างไร”
“เพราะเหตุใด...พวกเจ้าถึงต้องหักหลังข้าเช่นนี้”
“หึ ไป๋เล่อฉิงเจ้ามันโง่เองที่ไม่เชื่อคำทัดทานของคนที่หวังดี แค่ข้าพูดคำหวาน ๆ ไม่กี่คำหรือทำตัวน่าสงสารเจ้าก็ยอมทำให้ทุกอย่าง ช่างเป็นสุนัขที่เชื่องสำหรับข้าจริง ๆ”
“เล่อฉิงเจ้ามันก็แค่สมบัติเดินได้ที่อาเสียงกับข้าไว้หยิบใช้เท่านั้น เจ้าคิดว่าอาเสียงจะรักเจ้าจริง ๆ น่ะหรือ ข้าจะบอกอะไรให้นะคนที่อาเสียงรัก และทุกคนในตระกูลเส้ายอมรับตั้งแต่แรกมีเพียงข้า “หลัวอี้หรู” ส่วนเจ้าจงเป็นฮูหยินที่ป่วยตายจากโรคประหลาดไปเถิด ฮ่า ๆ ๆ”
แต่ความสุขที่ตระกูลเส้ากำลังยินดีปรีดาอยู่นั้นกลับต้องมลายหายไป เมื่อหลักฐานการกระทำความผิดของใต้เท้าเส้าแห่งกรมขุนนาง ถูกคนลึกลับส่งให้กับรองเสนาบดีกรมตุลาการ ภายหลังฮ่องเต้ได้ทรงทอดพระเนตรจึงมีราชโองการเร่งด่วน ให้จับกุมคนตระกูลเส้าและผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหมดไปรับโทษ
ฝูอวิ้นมู่รองเสนาบดีกรมตุลาการได้รับมอบหมายหน้าที่นี้ โดยข้างกายของเขายังมีสหายผู้หนึ่งที่ไม่ยอมรับสตรีใดเข้าจวน แม้แต่ตำแหน่งอนุภรรยายังไม่ยอมให้สตรีใดได้หมายปอง
“อาหลงสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้คงมิใช่ทำเพราะคุณหนูสี่ไป๋ใช่หรือไม่?”
โจวเหวินหลงบุรุษรูปงามทายาทตระกูลโจวผู้มั่งคั่ง แต่นิสัยใจคอกลับมีน้อยคนนักที่จะได้รู้ว่าเขาเป็นคนเช่นไร น้ำเสียงเรียบนิ่งที่เปล่งออกมายิ่งตอกย้ำให้ฝูอวิ้นมู่มั่นใจ ว่าที่ผ่านมาสหายของตนส่งคนไปรวบรวมหลักฐานทุกอย่าง เพียงเพื่อสตรีผู้หนึ่งที่สหายมีใจผูกสมัครรักใคร่อย่างเงียบ ๆ มาหลายปี
“ทำตามหน้าที่ของเจ้าไปอามู่ หากมีคนตายในจวนแห่งนี้เจ้าคงรู้นะว่าควรเขียนรายงานว่าอย่างไร”
“นี่! ฮ้าย ข้ารู้แล้ว ๆ เจ้าไปตามหานางในดวงใจของเจ้าเถิด”
“หึ รู้ก็ดีแล้ว”
การลงมือที่รวดเร็วของกรมตุลาการส่งผลให้คนกระทำผิดไม่ทันได้ตั้งตัว แม้มีใจอยากหลบหนีก็ไม่มีทางใดให้ทำได้อีกแล้ว มีเพียงกลุ่มคนเล็ก ๆ ที่อยู่ในเรือนท้ายจวนซึ่งห่างจากเรือนหลักหลายจั้ง ทำให้พวกเขาไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับตระกูลเส้าในยามนี้
ส่วนคนที่วิ่งตามหาสตรีในดวงใจจนมาถึงเรือนท้ายจวน เขาทันได้ยินคำพูดที่เหยียบย่ำทำร้ายจิตใจของนางพอดี ดาบในมือที่ถูกกำไว้แน่นบัดนี้มันได้ออกจากฝัก และสังหารสองสามีภรรยาที่ทำร้ายสตรีของตนอย่างโหดเหี้ยม
“ฮ่า ๆ ฮะ...” ฉัวะ! อ่ะ ฉึก! ตุบ ตุบ
“ฮึก ข้าช่างโง่เขลาอย่างที่พวกเจ้าพูดจริง ๆ หากมีชาติหน้าข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าอีก อึก เฮือก! ตุบ”
ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายจะสิ้นสุดลง ไป๋เล่อฉิงกลับเห็นเงาอันเลือนลางของบุรุษผู้หนึ่ง ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด แต่ดวงตาของนางฝืนเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นการช่วยเหลือที่นางไม่รู้ว่าเป็นผู้ใด แต่ภายในใจนางได้ภาวนาเอาไว้ว่าจะขอตอบแทนเขาในชาติหน้าก็แล้วกัน
‘ฉิงเอ๋อร์!’
ผ่านมาหลายวันตั้งแต่ล้มป่วยเพราะพิษไข้และส่งพี่ชายคนรองกลับชายแดนแล้ว วันนี้ไป๋เล่อฉิงจึงถือโอกาสออกจากจวนพร้อมพี่สาวทั้งสามไปยังร้านค้าของมารดา ซึ่งเป็นร้านขายเครื่องประดับอันดับต้น ๆ ของเมืองหลวงที่สำคัญร้านนี้ไป๋เล่อฉิงยังเคยหยิบเครื่องประดับ ที่เส้าเหยี่ยนเสียงบอกว่าชื่นชอบมอบให้เขาอย่างง่ายดาย ทั้งที่ความจริงแล้วสิ่งที่นางมอบให้ล้วนไปอยู่กับหลัวอี้หรูทั้งสิ้นในวันนี้ไป๋เล่อฉิงเองก็ไม่คาดคิดว่าเส้าเหยี่ยนเสียงจะวิ่งมาหาเรื่องนางทันทีที่ลุกจากเตียงได้ แต่การพูดจาและท่าทางที่เปลี่ยนไปของไป๋เล่อฉิง กลับทำให้เส้าเหยี่ยนเสียงคิดว่าที่นางทำอยู่คือการเรียกร้องความสนใจจากตนเท่านั้นบรรยากาศภายในร้านเครื่องประดับที่มีลูกค้าเข้ามาเลือกซื้อสินค้าอย่างคึกคัก ไป๋เล่อฉิงที่ช่วยพี่สาวต้อนรับลูกค้าด้วยรอยยิ้มอยู่นั้น ต้องหยุดทุกอย่างลงเมื่อมีเสียงของบุรุษที่นางไม่อยากได้ยินเรียกชื่อของนางดังลั่นไปทั่วร้าน“ไป๋เล่อฉิง! ไหนเจ้าบอกว่ารักข้าหนักหนา ข้าบาดเจ็บนอนซมรักษาตัวอยู่หลายวัน ส่งคนมาตามเจ้าที่จวนอยู่หลายครั้งเหตุใดถึงได้ใจดำ ไม่แม้แต่จะไปช่วยดูแลข้าสักครั้ง”ไป๋เฟิงฮวาที่ยืนอยู่ไม่ไกลเร่งเดิ
ย้อนกลับไปในคืนวันงานโคมไฟเส้าเหยี่ยนเสียงที่ตกปากรับคำไป๋เล่อฉิงว่าจะพานางไปเดินเที่ยวชมงาน แต่เมื่อถึงเวลาที่ได้นัดหมายกลับไม่ยอมปรากฏตัวปล่อยให้ไป๋เล่อฉิงยืนรออยู่เช่นนั้น ส่วนตัวของเส้าเหยี่ยนเสียงกลับไปเดินเที่ยวอย่างสนุกสนาน กับหลัวอี้หรูบุตรสาวของใต้เท้าหลัวรองเสนาบดีกรมขุนนางเพียงแต่ในเงามืดกลับมีบุรุษผู้หนึ่งที่เฝ้าติดตามความเป็นไปของสตรีในดวงใจมานาน เขาเฝ้ารอวันที่นางจะผ่านพ้นวัยปักปิ่นแล้วค่อยไปสู่ขอหมั้นหมาย ไม่คิดว่าการปล่อยเวลาให้ล่วงเลยจะเป็นการเปิดโอกาสให้บุรุษใจทราม ทำให้สตรีที่เขาหมายตาตกหลุมรักจากนั้นก็ทำร้ายจิตใจนางหลายครั้งในวันนี้คนอย่างโจวเหวินหลงจะไม่ยอมนิ่งเฉยอีกต่อไป การกลับมาเมืองหลวงครั้งนี้เขาจะทำทุกวิธีให้ทั้งสองเลิกรา และเขาจะเป็นคนเข้าไปปลอบโยนหัวใจที่บอบช้ำของนางเองด้านบนชั้นสองของโรงน้ำชากลางเมืองหลวง ห้องส่วนตัวที่ด้านในมีคุณชายใหญ่โจวและสหายอย่างฝูอวิ้นมู่นั่งพูดคุยกันอยู่ จู่ ๆ คนสนิทของเขาอย่างเจิงอู่ก็เดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ พร้อมกับรายงานเรื่องที่ทำให้โจวเหวินหลงมีโทสะ ถ้วยน้ำชาในมือถูกบีบไว้แน่นก็แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ“เรียนนายน้อยตั้งแต่ยามซวี
จิ่งฟางเร่งฝีเท้าของตนรีบไปพบมารดาของไป๋เล่อฉิง เพื่อรายงานเรื่องที่เจ้านายฟื้นจากอาการไข้ขึ้นสูงก๊อก ๆ ๆ “ฮูหยินบ่าวจิ่งฟางเจ้าค่ะ”หวังกุ้ยฉินมารดาของไป๋เล่อฉิงที่นั่งอยู่กับสามีของตนอย่างไป๋หมิงอัน พอได้ยินว่าคนที่เคาะประตูคือสาวใช้ข้างกายของบุตรสาวก็อนุญาตทันที“เข้ามาเถิดจิ่งฟาง”“นายท่าน ฮูหยิน บ่าวจะมารายงานว่าเมื่อหนึ่งเค่อที่ผ่านมาคุณหนูได้สติแล้วเจ้าค่ะ”“จิ่งฟางเจ้าบอกว่าฉิงเอ๋อร์นางฟื้นแล้วงั้นรึ ท่านพี่ได้ยินหรือไม่ในที่สุดฉิงเอ๋อร์ของเราก็ปลอดภัยแล้วนะเจ้าคะ”ใต้เท้าไป๋แม้จะดีใจที่บุตรสาวปลอดภัย แต่ยังคงรู้สึกแย่เกี่ยวกับเรื่องที่บุตรสาวทำเอาไว้ “เฮ้อ จิ่งฟางบุตรสาวของข้านางฟื้นขึ้นมา คงไม่ได้ถามถึงเส้าเหยี่ยนเสียงเป็นคนแรกหรอกนะ” “เรียนนายท่านจะว่าไปก็แปลกมากนะเจ้าคะ ท่าทางยามที่คุณหนูตื่นขึ้นมาคล้ายกับว่าได้พบเจอเรื่องเลวร้าย นอกจากนี้ยังพูดขอโทษบ่าวและยังสมน้ำหน้าที่คุณชายใหญ่เส้าได้รับบาดเจ็บด้วยเจ้าค่ะ”หวังฮูหยินมองหน้าสามีที่ทำสีหน้างุนงงสงสัยกับคำพูดที่จิ่งฟางได้บอกกับพวกตน ที่ผ่านมาบุตรสาวคนนี้เอาแต่พูดถึงคุณชายตระกูลเส้าอยู่ทุกเช้าค่ำ“นี่...ฟังดูก็น่าแปลกอย่
พรึบ! ตุบ“โอ๊ย! นะ นะ นี่มันเรือนของข้า? ข้าตายไปแล้วมิใช่หรือเหตุใดถึงได้...”“คุณหนู ๆ ท่านฟื้นแล้วบ่าวดีใจเหลือเกินที่คุณหนูฟื้นขึ้นมา ฮึก ๆ ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกได้หรือไม่เจ้าคะ” จิ่งฟางที่ไปนำยาจากห้องครัวเกือบทำถ้วยยาร่วง เมื่อเดินเข้ามาในเรือนของเจ้านายและเห็นว่านางฟื้นจากอาการเจ็บป่วยไป๋เล่อฉิงเมื่อเห็นสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อตนเองยังมีชีวิตอยู่ ก็น้ำตาไหลออกมาและกล่าวขอโทษกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น “จะ จะ จิ่งฟางเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าขอโทษ ๆ ฮือ ๆ ๆ”ยามนี้ไป๋เล่อฉิงกำลังคิดว่าตนเองได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง พอนึกขึ้นได้นางจึงเริ่มถามจิ่งฟางเพื่อความมั่นใจถึงสาเหตุที่นางต้องล้มป่วยทันที“ฮึก จิ่งฟางเจ้าบอกข้าทีที่ข้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้ เพราะข้าทำเรื่องโง่ ๆ ด้วยการไปยืนตากน้ำค้างรอเส้าเหยี่ยนเสียงในโคมไฟใช่ไหม”“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ท่านยืนตากน้ำค้างอยู่ครึ่งค่อนคืนทั้งที่อากาศเย็น แต่จนแล้วจนรอดคุณชายใหญ่เส้าก็ไม่มาตามที่นัดแนะกับท่านไว้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณหนูมีไข้ขึ้นสูงนอนไม่ได้สติมาสองคืนสามวันแล้วเจ้าค่ะ”“ไอ้คนสารเลว! ข้าอุตส่าห์จริงใจทำทุกอย่างให้ไม่เคยขัด แต่สุดท้
ณ เรือนท้ายจวนตระกูลเส้าบนพื้นเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นมีร่างของสตรีผู้หนึ่ง ที่หลายเดือนก่อนหน้ายังเป็นคุณหนูผู้งดงามของตระกูลอันร่ำรวย แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนซูบผอม บนร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทรมาน“ไป๋เล่อฉิง” หลังจากถูกสู่ขอและตบแต่งกับบุรุษที่นางตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ผ่านไปเพียงสามวันสินเดิมหลายสิบหีบของนาง ยามนี้มิใช่ของนางอีกต่อไป เพราะครอบครัวของสามีอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงยึดไปทั้งหมดส่วนตัวของไป๋เล่อฉิงจากตำแหน่งฮูหยินน้อยในเรือนใหญ่ ก็ถูกส่งตัวมาอยู่ยังเรือนท้ายจวนที่ผุพังกับสาวใช้ที่ติดตามมา ข้าวปลาอาหารได้รับเพียงวันละหนึ่งมื้อ สาวใช้อย่างจิ่งฟางที่สงสารเจ้านายของตน จึงไปแอบขโมยอาหารในห้องครัวจนถูกจับได้ และถูกลงโทษโบยจนตายต่อหน้าของไป๋เล่อฉิง“ท่านพี่ข้าขอร้องได้โปรดปล่อยจิ่งฟางไปเถิด นางแค่สงสารข้าถึงได้ทำเรื่องผิด ๆ เช่นนี้”“คะ คะ คุณหนูอย่าทำเช่นนั้นเพื่อบ่าวเลยเจ้าค่ะ”“เห็นหรือไม่ สาวใช้ของเจ้านางยังไม่ยอมร้องขอชีวิต โบยต่อไป!”“ไม่นะ จิ่งฟาง ๆ ฮือ ๆ ข้าขอโทษ ฮือ ๆ ๆ”“เจียหงให้คนลากไป๋เล่อฉิงไปขังไว้เช่นเดิม อย่าลืมลงโทษนางเพิ่มวันนี้แม้แต่น้ำสักหยดก็อย่าให้
ตระกูลเส้าที่ผู้นำตระกูลเป็นถึงเสนาบดีใหญ่กรมขุนนาง ภายนอกที่ผู้คนเห็นอาจแลดูรุ่งเรืองแต่ภายในกลับลวงโบ๋ แต่เพราะมีสตรีอย่างคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ที่ตกหลุมรักคุณชายตระกูลเส้า แผนชั่วของคนเห็นแก่ตัวจึงเกิดขึ้นความรักทำให้คนดวงตามืดบอดไม่ยอมฟังคำทัดทานของผู้ใด เมื่อบุตรสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของใต้เท้าไป๋เสนาบดีกรมพิธีการ อ้อนวอนให้บิดาตอบรับการสู่ขอของตระกูลเส้า หากบิดาไม่ยินยอมนางจะใช้ความตายเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักในครั้งนี้ในที่สุดคุณหนูสี่ “ไป๋เล่อฉิง” ก็สมหวังนางได้แต่งเข้าจวนตระกูลเส้าในฐานะฮูหยินน้อย เพียงแต่หลังการแต่งงานผ่านไปไม่ทันไร บุรุษที่เคยบอกว่ารักนางนักหนากลับกลายเป็นอีกคน จนนางคิดว่าสิ่งที่เห็นคือความฝันไม่ใช่ความจริงสินเดิมมากมายที่นำติดตัวมาจากบ้านเดิมถูกสามียึดไปทั้งหมด เพื่อนำไปอุดรอยรั่วของคลังในตระกูลของเขา และที่สำคัญเขายังรับสหายของนางเข้ามาในฐานะฮูหยินฐานะเท่าเทียมเช่นเดียวกับนาง ชีวิตที่เคยวาดหวังเอาไว้ก่อนหน้านี้พังทลายไม่มีชิ้นดี สาวใช้คนสนิทของนางถูกสังหารต่อหน้าต่อตา ส่วนตนเองก็ถูกคนเคยรักและสหายสนิททรมานจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต“เพราะเหตุใด...พวกเจ้าสองคนถ