ในชาติก่อนนางคือคุณหนูสี่แห่งตระกูลไป๋ที่ร่ำรวย เพราะความรักบังตาคิดว่าบุรุษที่ตนดื้อดึงเลือกมาเป็นสามีคือคนดี แต่สามีผู้นี้กลับกลายเป็นอีกคนที่นางไม่รู้จักและพรากลมหายใจของนางไปอย่างเลือดเย็น
View Moreตระกูลเส้าที่ผู้นำตระกูลเป็นถึงเสนาบดีใหญ่กรมขุนนาง ภายนอกที่ผู้คนเห็นอาจแลดูรุ่งเรืองแต่ภายในกลับลวงโบ๋ แต่เพราะมีสตรีอย่างคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ที่ตกหลุมรักคุณชายตระกูลเส้า แผนชั่วของคนเห็นแก่ตัวจึงเกิดขึ้น
ความรักทำให้คนดวงตามืดบอดไม่ยอมฟังคำทัดทานของผู้ใด เมื่อบุตรสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของใต้เท้าไป๋เสนาบดีกรมพิธีการ อ้อนวอนให้บิดาตอบรับการสู่ขอของตระกูลเส้า หากบิดาไม่ยินยอมนางจะใช้ความตายเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักในครั้งนี้
ในที่สุดคุณหนูสี่ “ไป๋เล่อฉิง” ก็สมหวังนางได้แต่งเข้าจวนตระกูลเส้าในฐานะฮูหยินน้อย เพียงแต่หลังการแต่งงานผ่านไปไม่ทันไร บุรุษที่เคยบอกว่ารักนางนักหนากลับกลายเป็นอีกคน จนนางคิดว่าสิ่งที่เห็นคือความฝันไม่ใช่ความจริง
สินเดิมมากมายที่นำติดตัวมาจากบ้านเดิมถูกสามียึดไปทั้งหมด เพื่อนำไปอุดรอยรั่วของคลังในตระกูลของเขา และที่สำคัญเขายังรับสหายของนางเข้ามาในฐานะฮูหยินฐานะเท่าเทียมเช่นเดียวกับนาง ชีวิตที่เคยวาดหวังเอาไว้ก่อนหน้านี้พังทลายไม่มีชิ้นดี สาวใช้คนสนิทของนางถูกสังหารต่อหน้าต่อตา ส่วนตนเองก็ถูกคนเคยรักและสหายสนิททรมานจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต
“เพราะเหตุใด...พวกเจ้าสองคนถึงต้องหักหลังข้าเช่นนี้”
“หึ ไป๋เล่อฉิงเจ้ามันโง่เองที่ไม่เชื่อคำทัดทานของคนที่หวังดี แค่ข้าพูดคำหวาน ๆ ไม่กี่คำหรือทำตัวน่าสงสารเจ้าก็ยอมทำให้ทุกอย่าง ช่างเป็นสุนัขที่เชื่องสำหรับข้าจริง ๆ” ตั้งแต่ต้นจนจบเส้าเหยี่ยนเสียงไม่เคยรู้สึกอันใดกับไป๋เล่อฉิงแม้แต่น้อย เขาหวังเพียงทรัพย์สมบัติที่ตระกูลไป๋สามารถหามาได้เท่านั้น
“เล่อฉิงเจ้ามันก็แค่สมบัติเดินได้ที่อาเสียงกับข้าไว้หยิบใช้เท่านั้น เจ้าคิดว่าอาเสียงจะรักเจ้าจริง ๆ น่ะหรือ ข้าจะบอกอะไรให้นะคนที่อาเสียงรัก และทุกคนในตระกูลเส้ายอมรับตั้งแต่แรกมีเพียงข้า “หลัวอี้หรู” ส่วนเจ้าจงเป็นฮูหยินที่ป่วยตายจากโรคประหลาดไปเถิด ฮ่า ๆ ๆ”
“ฮึก ข้าช่างโง่เขลาอย่างที่พวกเจ้าพูดจริง ๆ หากมีชาติหน้าข้าจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับพวกเจ้าอีก อึก เฮือก! ตุบ”
ก่อนลมหายใจเฮือกสุดท้ายของนางจะสิ้นสุดลง ไป๋เล่อฉิงกลับเห็นเงาร่างอันเลือนลางของบุรุษผู้หนึ่ง ใบหน้าของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสีแดงฉาน แต่ดวงตาที่หนักอึ้งของนางฝืนมันเอาไว้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว แม้ว่านี่จะเป็นการช่วยเหลือที่นางไม่รู้ว่าบุรุษผู้นี้เป็นผู้ใด แต่ภายในใจนางก็ได้ภาวนาเอาไว้แล้วว่าจะขอตอบแทนเขาในชาติหน้าก็แล้วกัน
‘ฉิงเอ๋อร์!’
จิ่งฟางเร่งฝีเท้าของตนรีบไปพบมารดาของไป๋เล่อฉิง เพื่อรายงานเรื่องที่เจ้านายฟื้นจากอาการไข้ขึ้นสูงก๊อก ๆ ๆ “ฮูหยินบ่าวจิ่งฟางเจ้าค่ะ”หวังกุ้ยฉินมารดาของไป๋เล่อฉิงที่นั่งอยู่กับสามีของตนอย่างไป๋หมิงอัน พอได้ยินว่าคนที่เคาะประตูคือสาวใช้ข้างกายของบุตรสาวก็อนุญาตทันที“เข้ามาเถิดจิ่งฟาง”“นายท่าน ฮูหยิน บ่าวจะมารายงานว่าเมื่อหนึ่งเค่อที่ผ่านมาคุณหนูได้สติแล้วเจ้าค่ะ”“จิ่งฟางเจ้าบอกว่าฉิงเอ๋อร์นางฟื้นแล้วงั้นรึ ท่านพี่ได้ยินหรือไม่ในที่สุดฉิงเอ๋อร์ของเราก็ปลอดภัยแล้วนะเจ้าคะ”ใต้เท้าไป๋แม้จะดีใจที่บุตรสาวปลอดภัย แต่ยังคงรู้สึกแย่เกี่ยวกับเรื่องที่บุตรสาวทำเอาไว้ “เฮ้อ จิ่งฟางบุตรสาวของข้านางฟื้นขึ้นมา คงไม่ได้ถามถึงเส้าเหยี่ยนเสียงเป็นคนแรกหรอกนะ” “เรียนนายท่านจะว่าไปก็แปลกมากนะเจ้าคะ ท่าทางยามที่คุณหนูตื่นขึ้นมาคล้ายกับว่าได้พบเจอเรื่องเลวร้าย นอกจากนี้ยังพูดขอโทษบ่าวและยังสมน้ำหน้าที่คุณชายใหญ่เส้าได้รับบาดเจ็บด้วยเจ้าค่ะ”หวังฮูหยินมองหน้าสามีที่ทำสีหน้างุนงงสงสัยกับคำพูดที่จิ่งฟางได้บอกกับพวกตน ที่ผ่านมาบุตรสาวคนนี้เอาแต่พูดถึงคุณชายตระกูลเส้าอยู่ทุกเช้าค่ำ“นี่...ฟังดูก็น่าแปลกอย่
พรึบ! ตุบ“โอ๊ย! นะ นะ นี่มันเรือนของข้า? ข้าตายไปแล้วมิใช่หรือเหตุใดถึงได้...”“คุณหนู ๆ ท่านฟื้นแล้วบ่าวดีใจเหลือเกินที่คุณหนูฟื้นขึ้นมา ฮึก ๆ ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกได้หรือไม่เจ้าคะ” จิ่งฟางที่ไปนำยาจากห้องครัวเกือบทำถ้วยยาร่วง เมื่อเดินเข้ามาในเรือนของเจ้านายและเห็นว่านางฟื้นจากอาการเจ็บป่วยไป๋เล่อฉิงเมื่อเห็นสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อตนเองยังมีชีวิตอยู่ ก็น้ำตาไหลออกมาและกล่าวขอโทษกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น “จะ จะ จิ่งฟางเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าขอโทษ ๆ ฮือ ๆ ๆ”ยามนี้ไป๋เล่อฉิงกำลังคิดว่าตนเองได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง พอนึกขึ้นได้นางจึงเริ่มถามจิ่งฟางเพื่อความมั่นใจถึงสาเหตุที่นางต้องล้มป่วยทันที“ฮึก จิ่งฟางเจ้าบอกข้าทีที่ข้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้ เพราะข้าทำเรื่องโง่ ๆ ด้วยการไปยืนตากน้ำค้างรอเส้าเหยี่ยนเสียงในโคมไฟใช่ไหม”“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ท่านยืนตากน้ำค้างอยู่ครึ่งค่อนคืนทั้งที่อากาศเย็น แต่จนแล้วจนรอดคุณชายใหญ่เส้าก็ไม่มาตามที่นัดแนะกับท่านไว้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณหนูมีไข้ขึ้นสูงนอนไม่ได้สติมาสองคืนสามวันแล้วเจ้าค่ะ”“ไอ้คนสารเลว! ข้าอุตส่าห์จริงใจทำทุกอย่างให้ไม่เคยขัด แต่สุดท้
ณ เรือนท้ายจวนตระกูลเส้าบนพื้นเรือนที่เต็มไปด้วยฝุ่นมีร่างของสตรีผู้หนึ่ง ที่หลายเดือนก่อนหน้ายังเป็นคุณหนูผู้งดงามของตระกูลอันร่ำรวย แต่บัดนี้กลับกลายเป็นคนซูบผอม บนร่างกายเต็มไปด้วยร่องรอยของการถูกทรมาน“ไป๋เล่อฉิง” หลังจากถูกสู่ขอและตบแต่งกับบุรุษที่นางตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น ผ่านไปเพียงสามวันสินเดิมหลายสิบหีบของนาง ยามนี้มิใช่ของนางอีกต่อไป เพราะครอบครัวของสามีอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงยึดไปทั้งหมดส่วนตัวของไป๋เล่อฉิงจากตำแหน่งฮูหยินน้อยในเรือนใหญ่ ก็ถูกส่งตัวมาอยู่ยังเรือนท้ายจวนที่ผุพังกับสาวใช้ที่ติดตามมา ข้าวปลาอาหารได้รับเพียงวันละหนึ่งมื้อ สาวใช้อย่างจิ่งฟางที่สงสารเจ้านายของตน จึงไปแอบขโมยอาหารในห้องครัวจนถูกจับได้ และถูกลงโทษโบยจนตายต่อหน้าของไป๋เล่อฉิง“ท่านพี่ข้าขอร้องได้โปรดปล่อยจิ่งฟางไปเถิด นางแค่สงสารข้าถึงได้ทำเรื่องผิด ๆ เช่นนี้”“คะ คะ คุณหนูอย่าทำเช่นนั้นเพื่อบ่าวเลยเจ้าค่ะ”“เห็นหรือไม่ สาวใช้ของเจ้านางยังไม่ยอมร้องขอชีวิต โบยต่อไป!”“ไม่นะ จิ่งฟาง ๆ ฮือ ๆ ข้าขอโทษ ฮือ ๆ ๆ”“เจียหงให้คนลากไป๋เล่อฉิงไปขังไว้เช่นเดิม อย่าลืมลงโทษนางเพิ่มวันนี้แม้แต่น้ำสักหยดก็อย่าให้
ตระกูลเส้าที่ผู้นำตระกูลเป็นถึงเสนาบดีใหญ่กรมขุนนาง ภายนอกที่ผู้คนเห็นอาจแลดูรุ่งเรืองแต่ภายในกลับลวงโบ๋ แต่เพราะมีสตรีอย่างคุณหนูสี่ตระกูลไป๋ที่ตกหลุมรักคุณชายตระกูลเส้า แผนชั่วของคนเห็นแก่ตัวจึงเกิดขึ้นความรักทำให้คนดวงตามืดบอดไม่ยอมฟังคำทัดทานของผู้ใด เมื่อบุตรสาวที่เป็นแก้วตาดวงใจของใต้เท้าไป๋เสนาบดีกรมพิธีการ อ้อนวอนให้บิดาตอบรับการสู่ขอของตระกูลเส้า หากบิดาไม่ยินยอมนางจะใช้ความตายเพื่อให้ได้มาซึ่งความรักในครั้งนี้ในที่สุดคุณหนูสี่ “ไป๋เล่อฉิง” ก็สมหวังนางได้แต่งเข้าจวนตระกูลเส้าในฐานะฮูหยินน้อย เพียงแต่หลังการแต่งงานผ่านไปไม่ทันไร บุรุษที่เคยบอกว่ารักนางนักหนากลับกลายเป็นอีกคน จนนางคิดว่าสิ่งที่เห็นคือความฝันไม่ใช่ความจริงสินเดิมมากมายที่นำติดตัวมาจากบ้านเดิมถูกสามียึดไปทั้งหมด เพื่อนำไปอุดรอยรั่วของคลังในตระกูลของเขา และที่สำคัญเขายังรับสหายของนางเข้ามาในฐานะฮูหยินฐานะเท่าเทียมเช่นเดียวกับนาง ชีวิตที่เคยวาดหวังเอาไว้ก่อนหน้านี้พังทลายไม่มีชิ้นดี สาวใช้คนสนิทของนางถูกสังหารต่อหน้าต่อตา ส่วนตนเองก็ถูกคนเคยรักและสหายสนิททรมานจนลมหายใจสุดท้ายของชีวิต“เพราะเหตุใด...พวกเจ้าสองคนถ
Comments