Mag-log inพรึบ! ตุบ
“โอ๊ย! นะ นะ นี่มันเรือนของข้า? ข้าตายไปแล้วมิใช่หรือเหตุใดถึงได้...”
“คุณหนู ๆ ท่านฟื้นแล้วบ่าวดีใจเหลือเกินที่คุณหนูฟื้นขึ้นมา ฮึก ๆ ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกได้หรือไม่เจ้าคะ” จิ่งฟางที่ไปนำยาจากห้องครัวเกือบทำถ้วยยาร่วง เมื่อเดินเข้ามาในเรือนของเจ้านายและเห็นว่านางฟื้นจากอาการเจ็บป่วย
ไป๋เล่อฉิงเมื่อเห็นสาวใช้ที่จงรักภักดีต่อตนเองยังมีชีวิตอยู่ ก็น้ำตาไหลออกมาและกล่าวขอโทษกับสิ่งที่เคยเกิดขึ้น “จะ จะ จิ่งฟางเจ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าขอโทษ ๆ ฮือ ๆ ๆ”
ยามนี้ไป๋เล่อฉิงกำลังคิดว่าตนเองได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง พอนึกขึ้นได้นางจึงเริ่มถามจิ่งฟางเพื่อความมั่นใจถึงสาเหตุที่นางต้องล้มป่วยทันที
“ฮึก จิ่งฟางเจ้าบอกข้าทีที่ข้าต้องล้มหมอนนอนเสื่อเช่นนี้ เพราะข้าทำเรื่องโง่ ๆ ด้วยการไปยืนตากน้ำค้างรอเส้าเหยี่ยนเสียงในโคมไฟใช่ไหม”
“ใช่เจ้าค่ะคุณหนู ท่านยืนตากน้ำค้างอยู่ครึ่งค่อนคืนทั้งที่อากาศเย็น แต่จนแล้วจนรอดคุณชายใหญ่เส้าก็ไม่มาตามที่นัดแนะกับท่านไว้ นี่จึงเป็นสาเหตุที่คุณหนูมีไข้ขึ้นสูงนอนไม่ได้สติมาสองคืนสามวันแล้วเจ้าค่ะ”
“ไอ้คนสารเลว! ข้าอุตส่าห์จริงใจทำทุกอย่างให้ไม่เคยขัด แต่สุดท้ายกลับทรยศหักหลังข้ากับคนที่ข้าเชื่อใจมากที่สุดได้อย่างไร”
จิ่งฟางรู้สึกแปลกใจที่เจ้านายของตนกล่าววาจาไม่พอใจต่อบุรุษที่รักใคร่ ทั้งที่ผ่านมานางไม่เคยเห็นท่าทางเช่นนี้จากเจ้านายมาก่อน แต่ด้วยความรักและห่วงใยไม่อยากให้เจ้านายหลงเชื่อคำบุรุษจึงพูดเตือนสติขึ้นอีกครั้ง
“คุณหนูเจ้าคะบ่าวมิได้คิดจะขัดขวางหรือไม่อยากให้ท่านมีความรัก แต่การกระทำของคุณชายใหญ่เส้าทำร้ายท่านมาหลายครั้งแล้ว นายท่านกับฮูหยินและพี่ชายพี่สาวของคุณหนู ทุกคนล้วนเป็นห่วงไม่อยากให้ท่านเสียใจ
จะเป็นไปได้หรือไม่เจ้าคะหากคุณหนูจะฟังคำทัดทานจากทุกคน คุณหนูของบ่าวทั้งงดงามและจิตใจดีถึงเพียงนี้ บ่าวเชื่อว่าต้องมีบุรุษที่คู่ควรกับความรักของท่าน และบุรุษผู้นั้นก็จะรักและให้เกียรติคุณหนูเพียงผู้เดียว”
ไป๋เล่อฉิงมองไปที่จิ่งฟางที่น้ำตาคลอเพราะเป็นห่วงนางอย่างแท้จริง เมื่อนึกถึงเรื่องราวในชาติก่อนนั่นยิ่งเป็นการตอกย้ำไป๋เล่อฉิง ว่าคนอย่างเส้าเหยี่ยนเสียงไม่คู่ควรกับความรักของนาง คำตอบจากปากของไป๋เล่อฉิงทำเอาจิ่งฟางถึงกับยิ้มทั้งน้ำตา
“จิ่งฟางตอนที่ข้าหมดสติเพราะอาการป่วยนั้น ได้ฝันถึงเหตุการณ์บางอย่างและมันเหมือนจริงมาก แม้แต่ยามตื่นลืมตาขึ้นมาก็ยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดเหล่านั้นได้ดี
ข้าขอโทษที่ไม่ฟังคำเตือนของเจ้า แต่ก็ขอบคุณคำเตือนของเจ้าอีกเช่นกันที่ทำให้ข้าได้สติ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปข้าไป๋เล่อฉิงจะไม่รักบุรุษที่ชื่อว่าเส้าเหยี่ยนเสียงอีกแล้ว ใครอยากได้ก็เอาไปส่วนข้าจะตามหาคนที่รักและจริงใจ และยินดีมีเพียงข้าผู้เดียวที่อยู่เคียงข้างไปตลอดชีวิต”
“คุณหนูพูดจริงหรือเจ้าคะ! บ่าวดีใจเหลือเกินที่ได้ยินคุณหนูพูดเช่นนี้ แต่คนสนิทของคุณชายใหญ่เส้ามาที่จวนเมื่อวาน ฝากความมาถึงคุณหนูว่าหากท่านไม่เป็นอันใดแล้ว ให้ไปเยี่ยมคุณชายใหญ่เส้าที่ได้รับบาดเจ็บจนลุกไม่ขึ้นเจ้าค่ะ”
เรื่องนี้สร้างความประหลาดใจให้กับไป๋เล่อฉิงไม่น้อย ‘ชาติที่แล้วมีแค่ข้าที่ล้มป่วยส่วนเส้าเหยี่ยนเสียงกลับพาหลัวอี้หรูไปล่องเรือมิใช่หรือ แต่เหตุใดในชาตินี้เขากลับได้รับบาดเจ็บได้เล่า’
“บาดเจ็บหรือ? เกิดอะไรขึ้นเจ้าพอจะรู้สาเหตุหรือไม่จิ่งฟาง”
“อืมม บ่าวได้ยินคนอื่น ๆ พูดต่อ ๆ กันว่าคุณชายใหญ่เส้ามีเรื่องทะเลาะกับบุรุษในร้านน้ำชา ที่เข้ามาหยอกเย้าคุณหนูหลัวจึงได้ชกต่อยกัน แต่คนของอีกฝ่ายมีมากกว่าคนที่เจ็บหนักจึงเป็นคุณชายใหญ่เส้าเจ้าค่ะ”
“หึ สมควรโดนแล้ว จิ่งฟางหากมีคนของจวนเส้ามาอีกให้บ่าวไพร่ไล่กลับไปให้หมด ข้าจะไม่ไปเหยียบจวนตระกูลเส้าอีกแล้ว ทุกอย่างที่ข้าเคยทำก่อนหน้านี้ก็ปล่อยให้เป็นแค่เรื่องของอดีตเถิด” ไป๋เล่อฉิงออกคำสั่งกับจิ่งฟางด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดขัดกับภาพลักษณ์คุณหนูผู้ใจดีคนเดิมอย่างสิ้นเชิง
จิ่งฟางได้ฟังคำสั่งของเจ้านายนางยิ้มรับอย่างมุ่งมั่น เพราะแววตาของเจ้านายเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว
“บ่าวทราบแล้วเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้คุณหนูควรดื่มยาก่อนนะเจ้าคะ จะได้หายป่วยไว ๆ เพราะอีกไม่กี่วันคุณชายรองจะต้องเดินทางกลับชายแดนแล้ว คุณหนูไม่อยากออกไปส่งคุณชายรองหรือเจ้าคะ”
“จริงด้วยข้าลืมเรื่องพี่รองจะกลับชายแดนไปเสียสนิท ขอบใจนะจิ่งฟางที่ช่วยเตือนเรื่องนี้กับข้าอีกครั้ง หลังดื่มยาข้าขอนอนพักอีกหน่อยพอตื่นอีกทีคงดีขึ้นแล้วล่ะ”
“นี่เจ้าค่ะ ยายังอุ่นอยู่คุณหนูรีบดื่มเถิด ประเดี๋ยวบ่าวไปรายงานฮูหยินให้ทราบว่าคุณหนูได้สติแล้ว และจะไปดูสำรับอาหารมื้อเย็นให้ด้วยเจ้าค่ะ”
“อืม เจ้าไปเถิดฝากบอกท่านแม่ด้วยว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปรับสำรับเช้ากับทุกคน”
“เจ้าค่ะคุณหนู”
จิ่งฟางคอยดูแลไป๋เล่อฉิงดื่มยาจนล้มตัวลงนอนอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าทุกอย่างเรียบร้อยจึงออกจากเรือนเยว่กวงของไป๋เล่อฉิง เพื่อไปรายงานฮูหยินเกี่ยวกับอาการของบุตรสาวคนเล็กของตระกูล
ส่วนเจ้าของเรือนเยว่กวงที่บอกสาวใช้ว่าจะนอนพักผ่อน กลับนอนไม่หลับเนื่องจากไป๋เล่อฉิงกำลังนึกถึงเสียงของบุรุษผู้หนึ่ง ที่เรียกชื่อของนางก่อนลมหายใจสุดท้ายจะถูกความตายพรากไป
น้ำเสียงที่ตะโกนเรียกชื่อของนางออกมาบ่งบอกว่าเขากำลังเจ็บปวด และเสียใจเมื่อเห็นนางตกตายไปต่อหน้าต่อตาเช่นนั้น ไป๋เล่อฉิงได้แต่นึกเสียดายที่นางไม่ทันเห็นใบหน้าของเขาก็หมดลมหายใจไปเสียก่อน
“ใครกันที่บุกเข้าไปในเรือนท้ายจวนนั่น ‘ฉิงเอ๋อร์’ งั้นหรือ ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าเจ้าของเสียงคือใคร แต่ตอนนี้รักษาตัวเองให้หายก่อนก็แล้วกัน”
ในเมื่อยังคิดไม่ออกว่าเจ้าของน้ำเสียงนั่นคือใคร ไป๋เล่อฉิงจากที่นอนไม่หลับก็ต้องหลับเพราะฤทธิ์ยาที่ดื่ม ด้วยร่างกายที่เพิ่งจะฟื้นตัวจากอาการป่วยซึ่งมีสาเหตุมาจากบุรุษที่นางเคยวิ่งตามด้วยความรัก
ทั้ง ๆ ที่ได้ตายไปแล้วแต่กลับมีโอกาสได้กลับมาแก้ไขการตัดสินใจที่ผิดพลาด แน่นอนว่าไป๋เล่อฉิงย่อมตัดทุกอย่างเกี่ยวกับเส้าเหยี่ยนเสียงออกจากชีวิต และนางยังทำตามคำมั่นสัญญาที่เอ่ยออกมาให้คนทั้งเมืองหลวงได้เป็นพยานอีกด้วย
ส่วนคนเจ้าเล่ห์ที่ยืนรอไป๋เฟิงฮวาอยู่หน้าร้าน ก็มีบ่าวไพร่ที่ติดตามมายกเก้าอี้มาให้นั่งอย่างสบายอารมณ์ หลี่เฉียงฮุยไม่เชื่อว่าการที่เขาตามเกี้ยวพาไป๋เฟิงฮวาต่อหน้าชาวบ้านอย่างโจ่งแจ้ง ประหนึ่งว่าเขามีความจริงใจจะทำให้นางยินดีรับปากแต่งเป็นฮูหยินรองของเขาถึงจะถูกปฏิเสธมาหลายครั้งหลายคราแต่หลี่เฉียงฮุยกลับคิดไปว่า นี่คือแผนการเรียกร้องความสนใจเพื่อสร้างคุณค่าให้ตนเองของไป๋เฟิงฮวาเท่านั้น เมื่อเห็นหญิงสาวที่ตนอยากได้มาครอบครองเดินออกมา หลี่เฉียงฮุยรีบเอ่ยทักทายอย่างเอาอกเอาใจไป๋เฟิงฮวาทันที“คุณหนูใหญ่ไป๋ในที่สุดท่านก็ยอมมาพบข้าเสียที แต่ถึงข้าจะต้องรออีกนานเพียงใดขอเพียงเป็นความพอใจของท่านข้าก็รอได้ ที่สำคัญวันนี้ข้ามีของฝากเล็ก ๆ น้อย ๆ มามอบให้ท่านด้วยนะ”“คุณชายรองหลี่ท่านนี่ช่างหน้าด้านหน้าทนจริง ๆ เลยนะ ทุกวันนี้สตรีในเรือนของท่านยังมีไม่พอให้ท่านใช้ระบายความใคร่อีกหรือ”“โธ่ คุณหนูใหญ่ไป๋ท่านอย่าได้ฟังคำคนที่พูดกันไปเรื่อยเปื่อยสิ หญิงสาวพวกนั้นวิ่งตามมาร้องขอข้าเองพวกนางจะมีค่าอันใด มีเพียงท่านที่ข้าให้ความสำคัญและอยากใช้ชีวิตร่วมกันเท่านั้น”“หึ ในสายตาของคุณชายรองหลี่สตรีที่หม
ในวันงานมงคลสมรสที่ยิ่งใหญ่ของโจวเหวินหลงและไป๋เล่อฉิง ฝูอวิ้นมู่ทำหน้าที่เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวอย่างเต็มที่ แม้จะสวมใส่ชุดที่ด้อยกว่าเจ้าบ่าวเล็กน้อย แต่นั่นมิได้กดข่มความหล่อเหลาของคนเป็นบัณฑิตให้ลดลง ด้วยความสง่างามนี้เรียกเสียงกรีดร้องรวมถึงท่าทางเขินอายจากสตรีได้ไม่น้อยถึงจะมีสตรีพยายามส่งสายตาเย้ายวนเพียงใดฝูอวิ้นมู่ก็หาได้สนใจพวกนางไม่ เนื่องจากในหัวของเขาตอนนี้มีความต้องการเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการได้พบเจอคุณหนูใหญ่ไป๋เฟิงฮวานั่นเองและในที่สุดความต้องการของฝูอวิ้นมู่ก็เป็นจริง เมื่อเขาเดินไปพร้อมกับโจวเหวินหลงเพื่อรับตัวเจ้าสาวยังหน้าเรือนหอ หลังจากเจ้าสาวที่งดงามโดดเด่นที่สุดถูกสหายรับตัวเดินไปแล้ว ยามนั้นคล้ายกับทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวของฝูอวิ้นมู่กำลังหยุดนิ่งขณะนั้นแม้แต่เสียงลมหายใจก็แทบจะไม่ได้ยิน ยามได้เห็นใบหน้าเรียวที่มีองคาพยพทั้งห้าปั้นแต่ง ไป๋เฟิงฮวาอยู่ในชุดเสื้อผ้าสีดอกท้อยิ่งเสริมให้นางดูอ่อนหวานน่ามอง แต่ดวงตาเรียวกลับมีความเด็ดเดี่ยวให้เห็นอยู่ในทีฝูอวิ้นมู่กลับมามีสติอีกครั้งจากการเรียกของกุยหยาง เพราะเขาเห็นเจ้านายยืนนิ่งอยู่นานไม่ยอมตามสหายไปเสียที แต่ถึงก
ชาตินี้ข้าเลือกเขาเป็นสามีระหว่างทางกลับโจวเหวินหลงถูกฝูอวิ้นมู่บ่นให้เล็กน้อยเรื่องที่ยอมให้ตนติดตามมา โดยหวังว่าวันนี้เขาจะได้เห็นหน้าของคุณหนูใหญ่ไป๋เสียหน่อย แต่จนแล้วจนรอดนางก็ไม่ยอมออกมาต้อนรับ ทำให้ฝูอวิ้นมู่รู้สึกผิดหวังอยู่เล็กน้อย“เฮ้อ อาหลงเจ้าว่าข้าไม่มีดวงเรื่องเนื้อคู่หรือไม่นะ”“หึ ๆ ๆ ทำไมเจ้าผิดหวังมากหรือที่คุณหนูใหญ่ไป๋ไม่ออกมาต้อนรับร่วมกับใต้เท้าไป๋”“ไอหยา ข้าก็แค่อยากเห็นนางชัด ๆ สักครั้ง เผื่อว่าระหว่างข้ากับนางจะมีวาสนาต่อกันทันทีที่ได้พบหน้าก็เท่านั้นเอง”โจวเหวินหลงตอบคำถามโดยไม่มองสหายเกี่ยวกับเรื่องของไป๋เฟิงฮวา “ใช่ว่าเจ้าจะไม่มีโอกาสเสียเมื่อไหร่ ในวันที่ข้ามารับตัวฉิงเอ๋อร์คุณหนูใหญ่ไป๋นางต้องออกมาช่วยต้อนรับแขก เจ้าย่อมได้เห็นนางหรือบางทีอาจได้พูดคุยกันก็เป็นได้นะอามู่”“ใช่ เจ้าพูดไม่ผิดในวันนั้นนางต้องมาช่วยครอบครัวต้อนรับแขก ขอบใจเจ้ามากนะอาหลงที่ช่วยเตือนข้าเรื่องนี้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนก็แล้วกันดูเหมือนว่าเสื้อผ้าที่มีอยู่ของข้าคงต้องตัดใหม่ จะได้ไม่ทำให้เจ้ากับท่านลุงท่านป้าขายหน้าในวันงาน ข้าไปล่ะ” ฝูอวิ้นมู่เมื่อได้รับคำชี้แนะจากสหายก็กลับมาม
สามวันต่อมาขบวนเดินทางของนายท่านโจวและฮูหยินก็กลับมาจากไปท่องเที่ยวแดนใต้ ทั้งสองแม้จะส่งต่อกิจการให้บุตรชายทั้งสองดูแล แต่ไม่ว่าอย่างไรยามไปที่ใดก็อดจะนำสินค้ากลับมามากมายไม่ได้อยู่ดีโจวเหวินหลงกับโจวฉีหมิงยืนรอต้อนรับบิดามารดาอยู่ด้านหน้าจวน ด้วยท่าทางเคร่งขรึมที่เป็นเอกลักษณ์ของโจวเหวินหลง มักจะทำให้มารดาบ่นอยู่บ่อย ๆ เนื่องจากเกรงว่าบุตรชายคนโตจะไม่มีสตรีใดอยากเข้าใกล้“คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ /คารวะท่านพ่อท่านแม่ขอรับ”หลีฮูหยินผละจากสามีเข้ามาจับมือบุตรชายทั้งสองอย่างรวดเร็ว “หลงเอ๋อร์ หมิงเอ๋อร์ แม่คิดถึงพวกเจ้าสองคนยิ่งนัก”“ท่านแม่ลูกกับพี่ใหญ่ก็คิดถึงท่านขอรับ โดยเฉพาะพี่ใหญ่ที่คิดถึงพวกท่านมากกว่าหลายเท่าในเวลานี้”“หือ หมิงเอ๋อร์เจ้าหมายความว่าอย่างไร แม่ดูท่าทางพี่ใหญ่ของเจ้าก็ไม่เห็นมีอันใดแปลกตรงไหนเลยนะ”นายท่านโจวก็ลอบสังเกตบุตรชายคนโตของตนอย่างที่บุตรชายคนเล็กกล่าวมา แต่เขาเห็นด้วยอย่างที่หลีฮูหยินกล่าวมาจริง ๆ“นั่นน่ะสิแม่ของเจ้าพูดถูกนะหมิงเอ๋อร์ ดูสิพี่ใหญ่ของเจ้าไม่เห็นว่าจะกระตือรือร้นอันใดเลยสักนิด”“หึ ๆ ๆ ถ้าพวกท่านอยากรู้ก็เข้าไปนั่งพูดคุยกันด้านในดีกว่าข
ในวันเดียวกันโจวเหวินหลงมารับไป๋เล่อฉิงที่จวน และพานางไปรอฟังข่าวยังเหลาอาหารของตระกูลโจว โดยมีเจิงอู่นำตัวพยานไปมอบให้ฝูอวิ้นมู่จึงรอฟังข่าวอยู่หน้าประตูวังหลวง ส่วนซวี่ไห่ก็ทำหน้าที่ดูแลเจ้านายทั้งสองจนกระทั่งมีเจ้าหน้าที่ของกรมตุลาการพร้อมกำลังทหารมุ่งหน้าไปยังจวนขุนนาง จึงเป็นที่แน่ชัดแล้วว่าการลงมือของฝูอวิ้นมู่สามารถทำได้สำเร็จ เจิงอู่จึงรีบกลับไปรายงานเรื่องดังกล่าวต่อเจ้านายของตนทันทีพอเจิงอู่มาถึงคนที่ถามกลับเป็นไป๋เล่อฉิงซึ่งนางไม่ยอมอยู่เฉย เอาแต่เดินไปเดินมาจนจิ่งฟางยังรู้สึกเหนื่อยแทนเจ้านายของตน“นายน้อย คุณหนูสี่ไป๋”“เจิงอู่เจ้ากลับมาแล้วเป็นอย่างไรฮ่องเต้ทรงตัดสินโทษใดแก่ตระกูลเส้างั้นหรือ?”“เรียนคุณหนูสี่ไป๋ข่าวจากในวังกล่าวกันว่า ฝ่าบาททรงตัดสินโทษประหารชีวิตแก่ตระกูลเส้าและพรรคพวกขุนนางทั้งหมด ยามนี้เจ้าหน้าที่จากกรมตุลาการกำลังไปจับกุมคนในตระกูล เพื่อนำไปขังคุกรอวันประหารขอรับ”ไป๋เล่อฉิงได้ยินเช่นนั้นก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จนเกือบทำตนเองสะดุดล้มยังดีที่โจวเหวินหลงคว้าตัวเอาไว้ได้ทัน ถึงจะถูกดุแต่นางไม่สนใจเนื่องจากอยู่ในอารมณ์ดีใจมากกว่า“สมน้ำหน้าทั้งพ่อ
ยามเช้ามืดของวันถัดมาขุนนางทุกตำแหน่งต่างทยอยมารอยังหน้าท้องพระโรง เพื่อรอเวลาประชุมเช่นทุกครั้งที่มีฎีกาสำคัญถวายรายงานมาถึงฮ่องเต้ และพวกเขาจะต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น ก่อนที่ฮ่องเต้จะทรงตัดสินพระทัยเป็นครั้งสุดท้ายฝูอวิ้นมู่ที่มีกุยหยางยืนถือหีบไม้อยู่ข้าง ๆ เมื่อเห็นว่าใต้เท้าไป๋มาถึงจึงเดินเข้าไปทักทาย และกระซิบบอกถึงสิ่งที่สหายของตนฝากมาในวันนี้ให้ทราบ“คารวะใต้เท้าไป๋ขอรับ”“ใต้เท้าฝูหรอกหรือ ได้ข่าวว่าพักนี้ที่กรมตุลาการมีเอกสารเกี่ยวกับคดีให้จัดการคงเหนื่อยไม่น้อยเลยนะ” ใต้เท้าไป๋ชื่นชมความสามารถของฝูอวิ้นมู่ไม่น้อย ได้ตำแหน่งสูงและยังได้รับความไว้วางพระทัยจากฮ่องเต้ นี่คือสิ่งที่ขุนนางหลายคนต้องการมากที่สุดก็ว่าได้“ก็มีบ้างขอรับนอกจากคดีใหม่ ๆ ยังมีคดีเก่าที่ปิดอย่างขอไปทีอีกมาก จำเป็นต้องตรวจสอบให้ละเอียดเท่านั้น อ้อ ใต้เท้าไป๋วันนี้ท่านรอดูเรื่องสนุก ๆ ในท้องพระโรงได้เลยนะ หลังจากวันนี้ใต้เท้ากับครอบครัวไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับคนบางคนอีกแล้วล่ะขอรับ”“ใต้เท้าฝูกล่าวเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร จะมีเหตุการณ์อันใดเกิดขึ้นระหว่างการประชุมงั้นหรือ?”ฝูอวิ้นมู่ขยับเข







