“อารักษ์คิดแบบนั้นจริงๆ นะคะ น้องปลาไม่อยากเป็นภาระของอานะ”
“อานะที่ไหนล่ะ นี่อารักษ์ต่างหาก”
รอยยิ้มอย่างเอียงอายเพราะคำพูดล้อเลียนของเขา ช่วยทำให้บรรยากาศดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ‘ผ่อนคลาย ผ่อนคลาย’ นี่เขาต้องท่องให้ขึ้นใจใช่ไหม ไม่อย่างนั้นการอยู่ใกล้ชิดมัสยาจะทำให้เขาทั้ง ‘ตึง’ ทั้ง ‘เครียด’ ได้ง่าย
“ว่าแต่น้องปลาหิวหรือเปล่าล่ะ แวะทานอะไรกันก่อนไปถึงร้านดีมั้ย”
“นิดหน่อยค่ะ แต่น้องปลาตามใจอารักษ์ แล้วอารักษ์ล่ะคะ หิวมั้ย”
“อืม...”
เขาพูดได้แค่นั้น เพราะริมฝีปากที่เคลือบลิปกลอสสีชมพูอ่อนแวววาวนั้นคลี่ยิ้มพร้อมผินหน้ามองเขา มีผลทำให้ลมหายใจของเขาติดขัดอีกแล้ว เห็นทีเขาต้องใส่ใจพูดคุยกับเธอให้มากกว่าที่จะนิ่งเงียบอยู่ในภวังค์หวามๆ ของตนเอง
แต่จะเป็นผลดีกับเขาจริงเหรอ ในเมื่อริมฝีปากคลี่ยิ้มนั้นคล้ายจะส่งผลให้เขาฟุ้งซ่านมากกว่าเดิม เพราะสิ่งที่เขาคิดว่าหิวนั้นไม่ใช่ข้าว ไม่ใช่หมู ไก่ หรือว่าพืชผักใดๆ ทว่าเป็น ‘ปลา’
มัสยาเหลือบมองคนด้านข้างอย่างไม่เข้าใจ อารักษ์สุดหล่อของเธอดูแปลกไปมากจริงๆ หรือจริงๆ แล้วเธอไม่ควรจะพาตัวเองเข้ามาใกล้ชิดกับเขาเลย เพราะเขาช่างเป็นผู้ชายอันตรายต่อหัวใจเธอสุดๆ และคงไม่ใช่แค่เธอแน่ที่คิดแบบนี้
ผู้ชายหล่อจัดชนิดทำให้เธอตะลึงอ้าปากค้าง ใบหน้าคมเข้มเพราะเครื่องหน้าจัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นคิ้วสีน้ำตาลเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากหยักลึกน่าจูบ โดยเฉพาะดวงตาสีเขียวคู่นั้นที่สะกดให้เธอยอมทุกสิ่งทุกอย่าง ยอมให้เขาจับจูบลูบคลำด้วยความเต็มใจ
และไม่ใช่เพียงความหล่อกระชากใจ แต่เป็นเพราะเก่งบวกรวย จึงไม่แปลกหรอกที่เขาจะถูกรุมล้อมไปด้วยสาวๆ มากมายอย่างที่แม่เล่าให้ฟัง หรือแม้กระทั่งเห็นกับตาตัวเองก็เคยมาแล้ว เขาเพอร์เฟกต์อย่างนี้จะหันมามองเธอที่เป็นเพียงผู้หญิงบ้านติดกันอย่างนั้นเหรอ
ความคิดเข้าข้างตัวเองเมื่อคืนลดจาก 10 ลงเหลือ 0 ในทันที เขาอาจจะเมาจริงตามที่แก้ตัวก็ได้ ทั้งที่คนเมานั้นไม่มีกลิ่นแอลกอฮอล์เลยสักนิด กลิ่นนั่นเป็นน้ำหอมหลังโกนหนวดของผู้ชายต่างหาก สรุปแล้วการไปฝึกงานที่ร้านอาหารของเขา นั่นคือสิ่งที่เขาเต็มใจตามปากพูด หรือเป็นเพราะเขาจำใจต้องรับเธออย่างเสียไม่ได้กันแน่ มัสยาได้แต่ครุ่นคิดเพราะพลขับที่หล่อจนโลกตะลึงนั้นก็ไม่ได้หันมองเธอหรือชวนเธอคุยอีกเลย
.
.
มัสยาแหงนใบหน้าขึ้นมองป้ายไม้แกะสลักขนาดใหญ่ที่ติดอยู่บริเวณระเบียงด้านนอกของร้านอาหารที่จัดสร้างในรูปแบบของเรือนไทยภาคอีสาน
‘แซ่บ อินดี้’ ชื่อเหมาะกับร้านจริงๆ เพราะไม่ใช่แค่ความเป็นอีสานจะแสดงออกจากรูปลักษณ์ภายนอกที่มองเห็น ทว่าการตกแต่งประดับประดาทั่วบริเวณโดยใช้ของสมัยใหม่และสมัยเก่าผสมผสานกันและกันไว้อย่างลงตัวนั้นยังงดงามโดดเด่นบ่งบอกถึงวัฒนธรรมที่ควรอนุรักษ์ไว้ให้จงดี
โดยเฉพาะโคมไฟประดับประดาอยู่ตามจุดต่างๆ นั้น คือความเป็นอินดี้อย่างที่มองเห็นด้วยตาเปล่าจริงๆ เพราะถูกดีไซน์โดยการนำหลอดประหยัดไฟบรรจุไว้ใน ‘ฮวด’ นึ่งข้าวเหนียว ซึ่งเป็นของใช้ประจำบ้านของชุมชนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ใครจะคิดว่าสิ่งที่มองเห็นว่าธรรมดานั้น เมื่อถูกนำมาผสมผสานให้ลงตัว กลับดูน่ามองน่าชมมากขึ้น
“ลงมาสิคะน้องปลา หิวแล้วไม่ใช่เหรอ”
รอยยิ้มเจื่อนแบบอายๆ ส่งให้กับคุณอาสุดหล่อที่อ้อมมาเปิดประตูให้ โดยปกติแล้วเธอไม่ใช่ลูกคุณหนูจนต้องมีคนมาเปิดประตูรถให้ถึงจะเดินลงมาได้ แต่ในวันนี้ภวังค์สั่นหัวใจทำให้เธอคิดโน่นนี่จนลืมจะก้าวลง
“ขอบคุณค่ะ” เอ่ยขอบคุณเบาๆ แต่ก็รู้ว่าเขาได้ยินเพราะรอยยิ้มหล่อนั้นบาดหัวใจเธอจนเป็นแผล หรือเธอควรจะชั่งใจในเรื่องการฝึกงานอีกครั้ง หากดึงดันที่จะฝึกงานที่นี่ เธอจะยั้งหัวใจตัวเองไว้ได้หรือเปล่า จะทนเก็บกั้นสิ่งที่หัวใจเรียกร้องได้จริงๆ นะเหรอ หากอารักษ์คิดตรงกับเธอคงจะดี แต่ถ้าไม่ล่ะ สัมพันธภาพระหว่าง 2 ครอบครัวจะจบลงเพราะเธอเป็นคนทำลายหรือเปล่า
คิดได้ดังนั้น มัสยาจึงเดินตามอารักษ์เข้าไปในร้านอย่างเงียบๆ เพราะหากเธอตั้งใจจะฝึกงานจริง ในขณะนี้หัวใจและสมองของเธอควรจะโฟกัสแต่เพียงเรื่องงานเท่านั้น นอกเสียจากว่าการฝึกงานครั้งนี้มีบางอย่างแอบแฝง บางอย่างที่รู้ดีอยู่แก่ใจ
ภาพโดยรวมของร้านที่มองเห็นดูจะเสร็จเรียบร้อยแทบทั้งหมดแล้ว คงมีแค่การเดินไฟเท่านั้นที่ยังเห็นมีคนงานหลายคนติดตั้งอยู่ และเมื่อหนึ่งในนั้นหันมาเห็นอารักษ์กับเธอ เขายิ้มและเดินเข้ามาหาในทันที
“สวัสดีครับคุณอารักษ์”
“สวัสดีครับ รอผมนานหรือยังครับ”
“ไม่ครับ ผมก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน”
ชายวัยกลางคนที่อารักษ์แนะนำว่าเป็นผู้รับเหมาตกแต่งร้าน แยกตัวไปคุยกับอารักษ์ในโซนกำลังติดตั้งไฟ มัสยาจึงเลือกจะเดินชมบริเวณโดยรอบของร้าน และทุกจุดที่ไปเยือนก็ทำให้เธอได้ยิ้มทุกครั้งไป เพราะอดคิดไม่ได้ว่า เพียงเธอจะผลัดเปลี่ยนเดรสสีชมพูนี้ออกและสวมใส่เสื้อคอกระเช้ากับผ้าซิ่นพื้นบ้านเข้าไปแทน คงจะเข้ากับบรรยากาศของร้านได้อย่างลงตัว
ร่างงามระหงเดินมาถึงโซนด้านข้างที่จัดแต่งโต๊ะอาหารกลางแจ้งเอาไว้ มีระเบียงไม้สูงระดับเอวเป็นแนวกั้น ทว่าพื้นที่นั้นไม่ได้เป็นแบบสี่เหลี่ยมมุมฉากดั่งเคยเห็นจากร้านอาหารทั่วไป แต่กลับถูกสร้างเป็นโค้งเว้าตามต้นลีลาวดีต้นใหญ่ที่ถูกปลูกกระจายอยู่ และมีต้นหนึ่งถูกล้อมจนคล้ายกับว่าจะอยู่กึ่งกลางระเบียง
“ผมกราบขอโทษพี่หลามกับพี่กุ้งด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไปโดยพลการแบบนี้” ฉลามและกุ้งนาง มองชายหนุ่มรุ่นน้องที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกเขยในช่วงเวลาไม่ถึง 10 วันดี แม้จะงง สงสัย และสับสนในความสัมพันธ์ของอารักษ์และมัสยา แต่ทั้งคู่ที่นั่งกุมมือกันและกันเอาไว้ พร้อมทั้งนำทะเบียนสมรสที่แอบไปจดกันมาเมื่อเช้ามาวางให้ดู ก็ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นพูดไม่ออก จะให้บอกว่ายกให้หรือไม่ยกให้ดีล่ะ ในเมื่อเรื่องมันมาไกลเกินจะแก้ไขแล้ว “พ่อคะ แม่คะ อารักษ์ไม่ผิดนะคะ น้องปลาผิดเองค่ะ น้องปลารักอารักษ์มาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว น้องปลาไม่อยากต้องรออีก น้องปลาขอโทษค่ะ” หยาดน้ำตาของมัสยาไหลลงเป็นสาย เมื่อพ่อกับแม่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เธอไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่านี่คือสิ่งที่อารักษ์ฉกฉวยจากเธอ เธอสิที่เป็นฝ่ายเสนอและสนองอารักษ์จนเหน็ดเหนื่อย ไม่อยากให้พ่อแม่มอง
“ฉันถามว่าใครเป็นคนทำ ใคร!” “ฉันเอง” ฮันนี่อยากจะกรีดร้องอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา โดยมีพนักงานของร้านหอบเอกสารปึกใหญ่มาด้วย พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่อารักษ์หลงหัวปักหัวปำ กำลังยืนประจันหน้าเธออยู่ และมันมีทะเบียนสมรส “ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง” ฮันนี่ถามเสียงเหี้ยม “ก็เห่อน่ะค่ะ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อเช้าหมาดๆ อยากให้คุณฮันนี่อวยพรให้ แต่กลัวว่าจะน้อยไปเลยก๊อบปี้เพิ่มมา 200 ชุด คุณฮันนี่จะได้เอาไปติดทำวอลเปเปอร์ที่บ้าน เอาไว้ระลึกถึงทุกคืนทุกวัน กำหนดจิตใจตัวเองให้มั่น แล้วท่องว่า ‘เขามีเมียแล้วหนอ เขาแต่งงานแล้วหนอ ยุ่งกับเขาไม่ได้แล้วหนอ’ พอมั้ยค่ะ 200 แผ่น ถ้าไม่พอ ฉันจะให้พนักงานไปก๊อบมาเพิ่ม” “แก... นัง
“ปล่อยผมเถอะฮันนี่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะมารื้อฟื้น เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว และตอนนี้ผมก็มีคนที่ต้องดูแลทั้งร่างกายและหัวใจของเธอด้วย และเธอก็ทำหน้าที่ดูแลร่างกายนี้ ทั้งด้านล่างและด้านบนเป็นอย่างดี จนผมไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนได้” อารักษ์พยายามปลดฝ่ามือของฮันนี่ออกให้นุ่มนวลที่สุด แต่เธอก็ล็อกแน่นยังกับคีมเหล็ก พร้อมกับเสียดสีทั้งท่อนบนและท่อนล่างของเธอเข้าหาเขา “จริงเหรอคะ ฮันนี่ไม่ลืมนะคะว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่รักษ์จะไปต่างประเทศ คืนนั้นเราสนุกกันมากแค่ไหน รักษ์ไม่อยากรื้อฟื้นเหรอคะ น้ำผึ้งหยาดเยิ้มของฮันนี่ยังหอม หวาน ไม่เปลี่ยนแปลง และตอนนี้มันก็พร้อมจะให้รักษ์ชิมแล้วด้วยค่ะ” คำพูดสะท้านอารมณ์ทั้งคนพูด คนฟัง และคนที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง คนพูดนั้นซ่านเสียวตั้งแต่เหนี่ยวรั้งร่างแกร่งของอารักษ์เข้าใ
“เธอคงไม่รู้สินะ ว่าฉันกับรักษ์เป็นอะไรกัน” ฮันนี่เปิดฉากพูดก่อน เธอถือคติเริ่มก่อนย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง และหน้าใสซื่อจืดๆ อย่างนี้ คงปอดแหกแน่ถ้ารู้ว่ากำลังแย่งสามีชาวบ้าน “ไม่รู้ค่ะ และก็คิดว่าไม่อยากรู้ด้วย” มัสยาตอบตรงตามความรู้สึก รู้แล้วได้ประโยชน์อะไรเล่าในเมื่อนี่ไม่ใช่คำบอกเล่าจากอารักษ์ แต่เป็นของใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย และถ้าฮันนี่สำคัญขนาดนั้นเธอก็มั่นใจว่าอารักษ์ต้องแนะนำให้เธอรู้จักแน่ แต่นี่ไม่ จะเพราะเหตุผลใดล่ะถ้าฮันนี่ไม่ได้สำคัญมากพอ “แต่ฉันอยากให้เธอรู้นะ ว่าฉันกับรักษ์นั้นเราสนิทกันมากแค่ไหน” ฮันนี่รุกต่อ เพราะจากการต่อปากต่อคำพร้อมประเมินมองด้วยสายตา นังเด็กหน้าอ่อนนี่ไม่ธรรมดาแน่ และอาการมึนตึงอย่างนี้ จะอะไรเล่าถ
“นางแบบคนนี้เป็นแฟนคุณรักษ์เหรอ” “ก็คงใช่นั่นแหละ แทบจะเกยขึ้นไปอยู่บนตักซะขนาดนั้น” “แปลว่าเธอเลือกคุณรักษ์เหรอ เห็นมีข่าวกับดาราชายตั้งหลายคน” “เลือกไม่เลือกไม่รู้ แต่ตอนนี้เหมือนเธอกำลังช่วยคุณรักษ์ต้อนรับแขกอยู่นะ สงสัยกะมาเปิดตัวด้วยมั้ง” แขกที่นั่งสนทนากันอยู่ในมุมหนึ่งทำให้มัสยาชะงักฝีเท้าก่อนจะยืนหลบมุมฟังให้จบ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดไปเองแน่ เพราะสายตาของคนอื่นก็มองไม่ต่างกัน และอาจแรงกว่าที่เธอมองเสียอีก เมื่อหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “ได้ข่าวว่าเธอเป็นเด็กท่าน... เปิดตัวกับคุณรักษ์แบบนี้ ถ้าท่านหึงคุณรักษ์ขึ้นมาล่ะก็ งานนี้คุณรักษ์ซวยแน่ ทางที่ดีวันนี้เราควรจะกินให้ครบทุกเมนูนะ เพราะไม่รู้ว่าที่นี่จะเปิดต่อได้อีกกี่
กระดาษสีนวลที่มีขอบทั้ง 4 ด้านเป็นรูปดอกกุหลาบสีแดงสดเป็นสิ่งที่มัสยาไม่คิดว่าเธอจะได้ครอบครองเร็วขนาดนี้ ไม่ฝันและไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฝ่ายชายนั้นเป็นเขา “อารักษ์คะ น้องปลาขอบคุณนะคะ” “ขอบคุณอาเรื่องอะไรคะ” อารักษ์รับฝ่ามือที่กระพุ่มไหว้เขาเอาไว้ ดวงตาคมเข้มแต่อ่อนโยนอย่างที่สุดทอดมองหญิงสาวด้านข้าง สิ่งที่เขาตัดสินใจทำไปทั้งหมดนี้ ไม่ผิดหรอก เพราะเขาเชื่อในเสียงร่ำร้องของหัวใจตัวเอง แม้ว่าชีวิตจะผ่านผู้หญิงมานับร้อย ทั้งคู่ควง ทั้งคู่นอน นานบ้างเร็วบ้างในช่วงเวลาที่คบกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้ แต่สำหรับมัสยาไม่ใช่ สำหรับเธอตรงหน้านี้วันเวลาไม่ใช่ตัวแปร หัวใจต่างหากเล่าที่สำคัญ “น้องปลาขอบคุณที่อารักษ์ทำเพื่อน้องปลาได้มากขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”&nbs