เมื่อคุณอาหล่อกระชากใจ และ 'แซ่บ' สุดติ่ง ไม่กินคงไม่ได้ ก้าวพรวดเดียวก็คว้าร่างมันไว้ได้ ทว่าเสียงหวีดร้องเล็กๆ อย่างตกใจก็ทำให้เขาเลื่อนฝ่ามือที่ล็อกคอขึ้นมาทาบไว้ที่ริมฝีปาก ‘นางแมวสาว’ ในทันที นี่มันคือการต้อนรับกลับบ้านใช่ไหม ถึงได้มีเรื่องตื่นเต้นปนสยิวเกิดขึ้นกับเขา ใครจะรู้ว่าแค่ย่างเท้าเข้าบ้านก็ต้องเจอกับขโมยซะแล้ว หนำซ้ำยังเป็นนางแมวเสียด้วย และนางแมวที่ดิ้นรนสู้สุดฤทธิ์ก็ทำให้เขาต้องกระชากเธอให้หันมาเผชิญหน้า กดแผ่นหลังกับข้างฝาด้านข้างของห้องครัวเพื่อกักกั้นไม่ให้ร่างนี้หลุดหนีไปทางไหนได้
View Moreบ้านเดี่ยว 2 ชั้น บนเนื้อที่ 100 ตารางวา ที่มองเห็นอยู่ตรงหน้าทำให้คนที่ค่อยๆ ก้าวเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ทำสีหน้าราวกับจะซาบซึ้งและคิดถึงสถานที่แห่งนี้เหลือเกิน คงจะเป็นเช่นนั้นสินะ ในเมื่อ 10 ปีที่ผ่านมานี้ นี่คือครั้งแรกที่ได้กลับมาเยือน
ช่วงขายาวเคลื่อนไปข้างหน้าบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งในยามที่ฝ่าเท้าเหยียบย่างก้าวเข้าสู่สถานที่ ที่ครั้งหนึ่งเคยเต็มไปด้วยความสุขของเขาอย่างมั่นคง แม้ทุกสิ่งทุกอย่างจะเปลี่ยนไปแล้วแต่เขาก็อยากจะจดจำภาพแห่งความทรงจำนั้นไว้ ให้ประทับอยู่ในห้วงหัวใจไม่ลืม
เพื่อเป็นกำลังใจหากในวันหนึ่งเขาจะกลับไปท้อถอยเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะนั่นคือช่วงเวลาที่พ่อพาเขากลับไปอเมริกาหลังจากแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตลง
ในวันนั้นเขาเป็นเพียงหนุ่มลูกครึ่ง ‘อเมริกัน - กาฬสินธุ์’ เพิ่งเรียนจบปริญญาตรีหมาดๆ ยังไม่ทันได้เริ่มงานในเมืองไทยเลยด้วยซ้ำ ต้องตามไปดูแลสภาพจิตใจของพ่อ ทั้งที่ตัวเขาเองก็ย่ำแย่ไม่แพ้กัน แต่วันนี้ถึงเวลาที่เขาได้กลับมาเยือนเมืองไทยสักที เพราะพ่อนั้นมีคนมารักษาหัวใจแล้ว และพ่อที่ครองตัวเป็นโสดมาได้ตั้งเกือบ 10 ปี มีเหตุผลอะไรล่ะที่เขาจะไปขัดขวางความสุขของท่าน สู้เขายินดีและขอกลับมาสานความฝันของแม่จะดีเสียกว่า หลังจากสานฝันให้พ่อเรียบร้อยแล้ว
ร้าน ‘แซ่บ อินดี้’ ร้านอาหารไทย-อีสาน ยอดฮิตของฟลอริดา คือหลักประกันว่าพ่อจะได้พบเจอกับแม่อยู่ทุกวัน เพราะเมื่อใดก็ตามที่พ่อมองอาหาร พ่อจะรู้ว่าแม่ไม่ได้จากไปไหน เพราะทุกสูตรที่คัดสรรมาเป็นเมนูประจำร้าน นั่นคือ ต้นตำรับของแม่ทั้งสิ้น
อาหารอีสานเลิศรสไม่ว่าจะเป็น ลาบ, ก้อย (ซอยถี่หรือห่าง), ส้มตำ, น้ำตก, ต้มแซ่บ, หรือแม้กระทั่งอาหารไทยสร้างชื่อเสียง เช่น ผัดไท, ต้มยำ, แกงเขียวหวาน เขาก็จะสร้างความฝันของแม่ให้เป็นจริงให้ได้ นั่นคือการเปิด ‘แซ่บ อินดี้’ สาขา 2 ที่เมืองไทย
ดวงตาคมเข้มสะท้อนลูกแก้วสีเขียวสดใสมองตรงฝ่าความสลัวเข้าไป ก่อนจะเดินลัดเลาะไปตามแนวสวนที่ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี แม้ว่าจะไม่มีเจ้าของบ้านอยู่อาศัยก็ตาม ร่างสูงใหญ่ตามสไตล์ชาติตะวันตกมาหยุดอยู่ที่หน้าประตู พลางย่อกายลงนั่ง มือควานไปใต้พรมในจุดที่ยืนอยู่เพื่อหาบางสิ่ง เพราะจะเข้าไปในบ้านได้ต้องอาศัยสิ่งนี้ ทว่า... ไม่มี!
ไม่มีกุญแจอยู่ใต้พื้นพรม ไม่รอช้าฝ่ามือแกร่งขยับไปคว้าเอาลูกบิดประตูในทันที และก็พบว่ามันถูกเปิดออกอย่างง่ายดาย หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันครุ่นคิด ลูกแก้วสีเขียวฉายแววกร้าวมองตรงเข้าไปในความสลัวจากไฟตามที่ถูกติดตั้งไว้ตามมุมบ้านด้านนอก ก่อนจะค่อยๆ วางเป้สะพายใบใหญ่ลงแล้วพาตัวเองเข้าไปหาจุดหมายในทันที
ห้องหับที่มีไม่มากด้านล่างถูกสำรวจอย่างเงียบเชียบแต่กลับไม่พบความผิดปกติใด คงมีแต่ด้านบนที่เขาต้องขึ้นไปหา หากเป็นไปตามข้อสันนิษฐานว่ามีหัวขโมยเข้ามาในบ้าน ไม่ใช่ว่าแม่บ้านอาจลืมล็อกประตูจริง เขาต้องได้เจอมันแน่ ทว่าเสียงก๊อกแก๊กที่ดังเบามาจากห้องครัวทำให้ฝ่าเท้าต้องชะงักอีกครั้ง
หัวคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างไม่แน่ใจ หูเงี่ยฟังว่าเสียงที่ได้ยินนั้นเป็นการเคลื่อนไหวของคนกำลังหยิบจับสิ่งของไปมา ไม่ใช่ว่าเป็นหนูหรือแมวมาขโมยอาหาร และเขาก็แน่ใจว่าจังหวะหยิบจับสิ่งของนั้นเป็นคนแน่ ฝ่าเท้าค่อยๆ ยกออกจากขั้นบันไดโดยแผ่วเบาที่สุด พาร่างสูงใหญ่ค่อยๆ ย่องมาสู่แหล่งที่มาของเสียง
เงาตะคุ่มที่ก้มๆ เงยๆ อยู่หน้าตู้เย็น อันเป็นศูนย์รวมแสงสว่างแห่งเดียวภายในบ้านแห่งนี้ ทำให้เจ้าของบ้านต้องยิ้มเย็น ก่อนจะย่างสามขุมเข้าหาเพื่อล็อกตัวจากด้านหลัง
‘ขโมยของในครัวน่ะเรอะ’ นั่นสิ น่างงไหมล่ะ ในเมื่อแค่ของตกแต่งบ้านเพียงชิ้นเดียวก็คงขายได้หลักหลายพันบาท แล้วทำไมเจ้าขโมยมักน้อยนี่อยากได้แค่ของกินหรือของใช้ในครัวล่ะ
ความคิดขัดแย้งกับสิ่งที่เห็น แต่เขาก็ต้องจัดการกับมัน แม้ว่าจะเป็นเพียงเด็กหรือคนตัวน้อยๆ ที่ต้องการเพียงขโมยอาหารไปกิน และเขาก็ไม่ขัดข้องที่จะแบ่งปัน แต่นั่นมันต้องได้รับการตักเตือนกันก่อน และถ้านี่ไม่ใช่ครั้งแรก เห็นทีว่าเขาต้องเปลี่ยนกุญแจบ้านยกชุด แต่ว่า... มันรู้ได้ยังไงว่าเขาซ่อนกุญแจไว้ตรงนั้น เพราะถ้ามันรู้ดีอย่างนี้ก็ต้องเป็นคนใน ใครล่ะ? แม่บ้าน คนสวน หรือใครที่เขาไม่คาดคิด
ก้าวพรวดเดียวก็คว้าร่างมันไว้ได้ ทว่าเสียงหวีดร้องเล็กๆ อย่างตกใจก็ทำให้เขาเลื่อนฝ่ามือที่ล็อกคอขึ้นมาทาบไว้บนริมฝีปาก ‘นางแมวสาว’ ในทันที นี่มันคือการต้อนรับกลับบ้านใช่ไหม ถึงได้มีเรื่องตื่นเต้นปนสยิวเกิดขึ้นกับเขา
ใครจะรู้ว่าแค่ย่างเท้าเข้าบ้านก็ต้องเจอกับขโมยซะแล้ว หนำซ้ำยังเป็นนางแมวเสียด้วย และนางแมวที่ดิ้นรนสู้สุดฤทธิ์ทำให้เขาต้องกระชากเธอให้หันมาเผชิญหน้า กดแผ่นหลังกับข้างฝาด้านข้างของห้องครัวเพื่อกักกั้นไม่ให้ร่างนี้หลุดหนีไปทางไหนได้
ทว่าดวงตาสุกสกาวราวกับดวงดาวบนฟ้าที่ตกมาอยู่ตรงหน้ากำลังตะลึงมองดูเขาไม่ต่างจากกัน ทำให้ฝ่ามือที่ปิดกั้นริมฝีปากต้องคลายออก เพราะแค่ดวงตาเขายังเห็นว่าสวยงามมากขนาดนั้นและหากเป็นทั้งใบหน้าเล่าจะงดงามได้เพียงไหน โดยเฉพาะริมฝีปากอวบอิ่มที่เผยอค้างน้อยๆ ราวกับตกใจที่เห็นใบหน้าของเขาเหมือนกัน ทำให้ความยับยั้งของเขาขาดผึงในทันที
“ผมกราบขอโทษพี่หลามกับพี่กุ้งด้วยนะครับ ที่ทำอะไรไปโดยพลการแบบนี้” ฉลามและกุ้งนาง มองชายหนุ่มรุ่นน้องที่เปลี่ยนสถานะมาเป็นลูกเขยในช่วงเวลาไม่ถึง 10 วันดี แม้จะงง สงสัย และสับสนในความสัมพันธ์ของอารักษ์และมัสยา แต่ทั้งคู่ที่นั่งกุมมือกันและกันเอาไว้ พร้อมทั้งนำทะเบียนสมรสที่แอบไปจดกันมาเมื่อเช้ามาวางให้ดู ก็ทำให้คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้นพูดไม่ออก จะให้บอกว่ายกให้หรือไม่ยกให้ดีล่ะ ในเมื่อเรื่องมันมาไกลเกินจะแก้ไขแล้ว “พ่อคะ แม่คะ อารักษ์ไม่ผิดนะคะ น้องปลาผิดเองค่ะ น้องปลารักอารักษ์มาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว น้องปลาไม่อยากต้องรออีก น้องปลาขอโทษค่ะ” หยาดน้ำตาของมัสยาไหลลงเป็นสาย เมื่อพ่อกับแม่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาเลย เธอไม่อยากให้พ่อแม่คิดว่านี่คือสิ่งที่อารักษ์ฉกฉวยจากเธอ เธอสิที่เป็นฝ่ายเสนอและสนองอารักษ์จนเหน็ดเหนื่อย ไม่อยากให้พ่อแม่มอง
“ฉันถามว่าใครเป็นคนทำ ใคร!” “ฉันเอง” ฮันนี่อยากจะกรีดร้องอีกครั้งเมื่อเห็นคนที่เดินเข้ามา โดยมีพนักงานของร้านหอบเอกสารปึกใหญ่มาด้วย พนักงานสาวหน้าตาจิ้มลิ้มที่อารักษ์หลงหัวปักหัวปำ กำลังยืนประจันหน้าเธออยู่ และมันมีทะเบียนสมรส “ทำแบบนี้หมายความว่ายังไง” ฮันนี่ถามเสียงเหี้ยม “ก็เห่อน่ะค่ะ เพิ่งจดทะเบียนเมื่อเช้าหมาดๆ อยากให้คุณฮันนี่อวยพรให้ แต่กลัวว่าจะน้อยไปเลยก๊อบปี้เพิ่มมา 200 ชุด คุณฮันนี่จะได้เอาไปติดทำวอลเปเปอร์ที่บ้าน เอาไว้ระลึกถึงทุกคืนทุกวัน กำหนดจิตใจตัวเองให้มั่น แล้วท่องว่า ‘เขามีเมียแล้วหนอ เขาแต่งงานแล้วหนอ ยุ่งกับเขาไม่ได้แล้วหนอ’ พอมั้ยค่ะ 200 แผ่น ถ้าไม่พอ ฉันจะให้พนักงานไปก๊อบมาเพิ่ม” “แก... นัง
“ปล่อยผมเถอะฮันนี่ ไม่มีประโยชน์อะไรที่คุณจะมารื้อฟื้น เรื่องของเรามันจบไปนานแล้ว และตอนนี้ผมก็มีคนที่ต้องดูแลทั้งร่างกายและหัวใจของเธอด้วย และเธอก็ทำหน้าที่ดูแลร่างกายนี้ ทั้งด้านล่างและด้านบนเป็นอย่างดี จนผมไม่คิดว่าจะมีใครมาแทนได้” อารักษ์พยายามปลดฝ่ามือของฮันนี่ออกให้นุ่มนวลที่สุด แต่เธอก็ล็อกแน่นยังกับคีมเหล็ก พร้อมกับเสียดสีทั้งท่อนบนและท่อนล่างของเธอเข้าหาเขา “จริงเหรอคะ ฮันนี่ไม่ลืมนะคะว่าครั้งสุดท้ายก่อนที่รักษ์จะไปต่างประเทศ คืนนั้นเราสนุกกันมากแค่ไหน รักษ์ไม่อยากรื้อฟื้นเหรอคะ น้ำผึ้งหยาดเยิ้มของฮันนี่ยังหอม หวาน ไม่เปลี่ยนแปลง และตอนนี้มันก็พร้อมจะให้รักษ์ชิมแล้วด้วยค่ะ” คำพูดสะท้านอารมณ์ทั้งคนพูด คนฟัง และคนที่แอบฟังอยู่ด้านนอก ต่างคนต่างคิดไปคนละทาง คนพูดนั้นซ่านเสียวตั้งแต่เหนี่ยวรั้งร่างแกร่งของอารักษ์เข้าใ
“เธอคงไม่รู้สินะ ว่าฉันกับรักษ์เป็นอะไรกัน” ฮันนี่เปิดฉากพูดก่อน เธอถือคติเริ่มก่อนย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง และหน้าใสซื่อจืดๆ อย่างนี้ คงปอดแหกแน่ถ้ารู้ว่ากำลังแย่งสามีชาวบ้าน “ไม่รู้ค่ะ และก็คิดว่าไม่อยากรู้ด้วย” มัสยาตอบตรงตามความรู้สึก รู้แล้วได้ประโยชน์อะไรเล่าในเมื่อนี่ไม่ใช่คำบอกเล่าจากอารักษ์ แต่เป็นของใครก็ไม่รู้ที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อนเลย และถ้าฮันนี่สำคัญขนาดนั้นเธอก็มั่นใจว่าอารักษ์ต้องแนะนำให้เธอรู้จักแน่ แต่นี่ไม่ จะเพราะเหตุผลใดล่ะถ้าฮันนี่ไม่ได้สำคัญมากพอ “แต่ฉันอยากให้เธอรู้นะ ว่าฉันกับรักษ์นั้นเราสนิทกันมากแค่ไหน” ฮันนี่รุกต่อ เพราะจากการต่อปากต่อคำพร้อมประเมินมองด้วยสายตา นังเด็กหน้าอ่อนนี่ไม่ธรรมดาแน่ และอาการมึนตึงอย่างนี้ จะอะไรเล่าถ
“นางแบบคนนี้เป็นแฟนคุณรักษ์เหรอ” “ก็คงใช่นั่นแหละ แทบจะเกยขึ้นไปอยู่บนตักซะขนาดนั้น” “แปลว่าเธอเลือกคุณรักษ์เหรอ เห็นมีข่าวกับดาราชายตั้งหลายคน” “เลือกไม่เลือกไม่รู้ แต่ตอนนี้เหมือนเธอกำลังช่วยคุณรักษ์ต้อนรับแขกอยู่นะ สงสัยกะมาเปิดตัวด้วยมั้ง” แขกที่นั่งสนทนากันอยู่ในมุมหนึ่งทำให้มัสยาชะงักฝีเท้าก่อนจะยืนหลบมุมฟังให้จบ เพื่อยืนยันว่าเธอไม่ได้คิดไปเองแน่ เพราะสายตาของคนอื่นก็มองไม่ต่างกัน และอาจแรงกว่าที่เธอมองเสียอีก เมื่อหนึ่งในนั้นพูดขึ้นว่า “ได้ข่าวว่าเธอเป็นเด็กท่าน... เปิดตัวกับคุณรักษ์แบบนี้ ถ้าท่านหึงคุณรักษ์ขึ้นมาล่ะก็ งานนี้คุณรักษ์ซวยแน่ ทางที่ดีวันนี้เราควรจะกินให้ครบทุกเมนูนะ เพราะไม่รู้ว่าที่นี่จะเปิดต่อได้อีกกี่
กระดาษสีนวลที่มีขอบทั้ง 4 ด้านเป็นรูปดอกกุหลาบสีแดงสดเป็นสิ่งที่มัสยาไม่คิดว่าเธอจะได้ครอบครองเร็วขนาดนี้ ไม่ฝันและไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยด้วยซ้ำ โดยเฉพาะฝ่ายชายนั้นเป็นเขา “อารักษ์คะ น้องปลาขอบคุณนะคะ” “ขอบคุณอาเรื่องอะไรคะ” อารักษ์รับฝ่ามือที่กระพุ่มไหว้เขาเอาไว้ ดวงตาคมเข้มแต่อ่อนโยนอย่างที่สุดทอดมองหญิงสาวด้านข้าง สิ่งที่เขาตัดสินใจทำไปทั้งหมดนี้ ไม่ผิดหรอก เพราะเขาเชื่อในเสียงร่ำร้องของหัวใจตัวเอง แม้ว่าชีวิตจะผ่านผู้หญิงมานับร้อย ทั้งคู่ควง ทั้งคู่นอน นานบ้างเร็วบ้างในช่วงเวลาที่คบกัน แต่ก็ไม่เคยมีใครทำให้เขาตัดสินใจทำสิ่งนี้ แต่สำหรับมัสยาไม่ใช่ สำหรับเธอตรงหน้านี้วันเวลาไม่ใช่ตัวแปร หัวใจต่างหากเล่าที่สำคัญ “น้องปลาขอบคุณที่อารักษ์ทำเพื่อน้องปลาได้มากขนาดนี้ ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”&nbs
Comments