บทที่ 2
ซาตานหน้าหล่อ
ณ ลาสเวกัส รัฐเนวาดา สหรัฐอเมริกา
คฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปบนพื้นที่หลายสิบไร่ตั้งอยู่ชานเมืองลาสเวกัส รายล้อมไปด้วยบอดี้การ์ดหลายสิบนายยืนเฝ้ายามตามจุดต่างๆ ตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้านายซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลในเมืองแห่งแสงสีนี้ เขาคือ ‘บาสเตียน ฮาร์ริสสัน’ หนุ่มหล่อวัยสามสิบห้ากะรัต ลูกครึ่งไทยอเมริกัน ผู้ซึ่งสามารถพูดได้สองภาษานั่นคือไทยและอังกฤษ
ด้วยความเป็นคนมีชื่อเสียงของเมืองลาสเวกัส บวกกับความหล่อคมเข้มตามฉบับหนุ่มลูกครึ่ง ทำให้บรรดาสาวน้อยสาวใหญ่ต่างก็หมายปองอยากจะเป็นเจ้าสาวของเขา แต่ทว่าบาสเตียนกลับเห็นพวกเธอเป็นแค่เพียงที่ระบายความใคร่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น
บาสเตียนมองผู้หญิงเป็นเพียงแค่ตุ๊กตายางระบายความใคร่มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่โดนแฟนสาวชาวไทยทิ้งไปแต่งงานกับเศรษฐีชาวอังกฤษอย่างไม่ไยดี ทำเอาชายหนุ่มผู้เคยมองโลกในแง่ดีต้องกลายเป็นคนเย็นชาเรื่องความรักนับตั้งแต่นั้นมา
การจ้างแม่อุ้มบุญมันเป็นเพียงแค่แผน เขาต้องการผู้หญิงไทยสักคนมาเป็นตัวแทนของอดีตแฟนสาว ทำให้เธอคนนั้นต้องเจ็บปวดเหมือนที่แฟนสาวเคยทำกับเขา เพราะเชื่อว่าจะช่วยคลายปมในใจที่มีมานานตลอดหลายปีได้
“คุณบาสเตียนเรียกป้ามีอะไรหรือเปล่าคะ”
‘ป้าสมัย’ แม่บ้านสัญชาติวัยหกสิบปี ทำงานอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เมื่อครั้งที่มารดาของบาสเตียนยังมีชีวิตอยู่ จนมาถึงบัดนี้ก็ยังคงดูแลเขาจนเปรียบเสมือนญาติผู้ใหญ่เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ในตอนนี้
ชายหนุ่มที่ยืนเอามือขัดหลังจ้องมองไปยังนอกหน้าต่าง ชมความงดงามในยามค่ำคืนของเมืองลาสเวกัส หมุนตัวกลับมายิ้มน้อยๆ ให้แม่บ้านคนโปรด
“ผมอยากให้ป้าช่วยทำความสะอาดห้องนอนที่อยู่ข้างห้องผมให้หน่อยครับ”
“อ้าว! จะมีแขกมาค้างคืนเหรอคะ”
“ใช่ครับ อีกไม่นานจะมีแขกมาอยู่ที่นี่กับเรานานหลายเดือนเลยล่ะ”
“ใครกันคะ? ปกติคุณบาสเตียนไม่เคยให้ใครมาค้างแม้กระทั่งเพื่อนเลยนี่นา สงสัยจะเป็นคนสำคัญแน่ๆ อย่าบอกนะว่าเป็นว่าที่นายหญิงของบ้าน” ป้าสมัยยิ้มอย่างมีความหวัง เพราะเธออยากให้บาสเตียนมีครอบครัวเสียที เพราะก่อนที่มารดาของบาสเตียนจะเสียไป ได้สั่งเสียให้เธอช่วยดูแลลูกชายแทนทุกเรื่อง
“เดี๋ยวป้าก็รู้เองล่ะครับว่าเป็นใคร อีกไม่นานหรอกหึๆ” ว่าแล้วบาสเตียนก็ยิ้มมุมปากราวกับมัจจุราชร้ายซะอย่างนั้น ทำเอาป้าสมัยถึงกับกลืนน้ำลายลงด้วยความกลัว เธออยู่ดูแลรับใช้บาสเตียนมาตั้งแต่ยังเด็กๆ จึงรู้นิสัยอีกฝ่ายดี ใจจริงเธออยากให้บาสเตียนกลับมาเป็นคนเดิม คนที่เคยน่ารัก ขี้เล่นเป็นกันเอง บาสเตียนคนนั้นได้หายไปหลังจากโดนผู้หญิงที่ชื่อ ‘พลอยดาว’ ทิ้งอย่างไม่ไยดี
“คุณบาสเตียนคิดจะทำอะไรงั้นเหรอคะ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับป้า รีบไปจัดการตามที่สั่งเถอะ ผมขอคุยธุระกับปราลีก่อน”
“ฝากบอกคุณปราลีด้วยนะคะว่าป้าคิดถึง” ป้าสมัยรู้จักมักคุ้นกับปราลีเป็นอย่างดี นั่นเพราะช่วงที่ปราลีทำงานเป็นเลขาส่วนตัวของบาสเตียน ได้แวะเวียนมาปาร์ตี้ส้มตำกันที่นี่อยู่บ่อยครั้ง
“เดี๋ยวผมบอกให้ครับ” บาสเตียนยิ้มน้อยๆ ให้
“ถ้างั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ”
ป้าสมัยยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เพื่อจัดการตามสิ่งที่ผู้เป็นเจ้านายต้องการ
เมื่ออยู่เพียงลำพังแล้วบาสเตียนก็เดินไปที่โต๊ะทำงาน หย่อนก้นลงบนเก้าอี้นั่งไขว้ขาเอนหลังอย่างสบายใจ หยิบมือถือขึ้นมาโทรหาอดีตเลขาสาว
“ฮัลโล จัดการไปถึงไหนแล้วปราลี” เสียงเข้มเอ่ยกับปลายสายอย่างใจเย็น
(เพิ่งเซ็นต์สัญญาไปเมื่อกี้นี้เองค่ะ ส่วนเรื่องเงินก็ดิฉันจัดการโอนให้คุณอินเรียบร้อยแล้วค่ะ)
“แล้วผู้หญิงคนนั้นจะมาได้ตอนไหนล่ะ ถ้าเป็นไปได้ให้รีบมาพรุ่งนี้จะดีมาก” เขาสั่งเสียงเข้ม อยากให้เจ้าหล่อนมาที่นี่โดยเร็ว มันคงจะเป็นอะไรที่สะใจน่าดูเมื่อเห็นเธอคนนั้นเสียใจเพราะเขาเจียนจะเป็นบ้า มันอาจจะดูโหดร้ายเกินไป แต่นี่มันไม่ได้ครึ่งที่พลอยดาวเคยทำกับเขาไว้เลยสักนิด
(คุณบาสเตียนรออีกหนึ่งสัปดาห์ได้ไหมคะ คือตอนนี้แม่ของคุณอินกำลังจะผ่าตัดรักษามะเร็งลำไส้ ดิฉันอยากให้การผ่าตัดผ่านไปด้วยดีเสียก่อน คุณอินจะได้ไปที่โน่นอย่างสบายใจไงคะ) ปราลีเอ่ยปากขอร้องแทน
“...”
บาสเตียนเงียบไปสักพักเหมือนกำลังใช้ความคิด ก่อนจะตอบกลับไป
“โอเคแต่ห้ามเกินนี้ไม่งั้นฉันจะริบเงินคืนทั้งหมดรวมถึงส่วนของเธอด้วย” เขาเอ่ยข้อแม้ที่ทำให้ปราลีถึงกับร้อนๆ หนาวๆ เพราะเงินที่เธอได้รับนั้นจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
(ดิฉันสัญญาว่าจะไม่ให้เกินนั้นแน่นอนค่ะ)
“ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันจะวางสายแล้วนะ”
(ดะ...เดี๋ยวค่ะคุณบาสเตียน ดิฉันมีเรื่องจะถามนิดนึง) ปราลีว่าจะถามตั้งนานแล้วแต่ยังไม่กล้าเสียที ในตอนนี้ทำงานสำเร็จแล้วเธอก็ห้ามปากตนเองไม่ได้
“ว่ามาสิ”
(เอ่อ...คุณบาสเตียนมีภรรยาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ)
“ฉันยังไม่ได้แต่งงานจะมีเมียได้ยังไงกัน” บาสเตียนตอบกลับหน้าตาเฉย แถมยังแสยะยิ้มอีกต่างหาก
(ห๊ะ! ไม่มีแล้วทำไมถึงต้องการแม่อุ้มบุญล่ะคะ ดิฉันก็นึกว่าคุณบาสเตียนแต่งงานแล้วซะอีก) ได้ยินอย่างนั้นปราลีก็ตกใจยกใหญ่ หากบาสเตียนยังไม่มีภรรยาแล้วอย่างนี้เขาจะไข่จากผู้หญิงคนไหนล่ะ
“ฉันเสียเงินไปตั้งสิบล้านเธอคิดเหรอว่าจะให้แม่นั่นเป็นแค่แม่อุ้มบุญอย่างเดียวหึๆ” ชายหนุ่มหน้าคมหัวเราะในลำคอเบาๆ ราวกับซาตานร้าย
(คุณบาสเตียน! ถ้ารู้อย่างนี้ตั้งแต่แรกดิฉันไม่ยอมหาคนให้คุณหรอกค่ะ อย่างนี้ก็กลายเป็นว่าดิฉันเป็นพวกต้มตุ๋นหลอกลวงน่ะสิ แล้วถ้าคุณอินแจ้งความเอาเรื่องดิฉันจะทำยังไงคะเนี่ย) ปราลีโวยวายเมื่อกระจ่างใจกับแผนร้ายของบาสเตียน
“หรือเธอจะทิ้งเงินล้านฉันก็ไม่ว่าหรอกนะ อีกอย่างสัญญาก็มีอยู่แล้ว แม่นั่นเองก็มีเหตุจำเป็นต้องใช้เงิน ขี้คร้านมาถึงนี่แล้วอาจจะติดใจฉันจนไม่อยากกลับเมืองไทยอีกก็เป็นได้” บาสเตียนเอ่ยอย่างใจเย็น ไม่ได้ทุกข์ร้อนกับผลที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเลยด้วยซ้ำ
(คือ...ถ้าอย่างนั้นคุณบาสเตียนสัญญาได้ไหมคะว่าจะไม่ทำให้ดิฉันเดือดร้อนไปด้วย) ตอนนี้ปราลีเองก็มีเรื่องจำเป็นต้องใช้เงินพอสมควร เธอจึงจำเป็นจะต้องใช้เงินค่าจ้างที่บาสเตียนให้มาประคับประคองฐานะทางการเงินของครอบครัวไว้
“ได้! ฉันจะไม่ทำให้เธอเดือดร้อนแน่นอน”
(ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างจะยังเป็นไปตามความต้องการของคุณค่ะ อ้อ...ดิฉันอยากจะบอกคุณบาสเตียนว่า คุณอินเธอเป็นผู้หญิงที่นิสัยดี น่ารัก แถมยังเป็นคนกตัญญูอีกด้วย หวังว่าคุณบาสเตียนจะเมตตาเธอนะคะ) นี่คือสิ่งเดียวที่เธอจะทำให้อินทิราได้
“เธอพูดอย่างกับฉันจะฆ่าจะแกงผู้หญิงคนนั้น”
(ปะ...เปล่าค่ะดิฉันแค่..)
“ไม่ต้องห่วงฉันจะไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นลำบากแน่นอน เธอจะใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย ฉันจะทำให้เธอมีความสุขที่สุดเลยล่ะหึๆ”
(ถ้างั้นแค่นี้ก่อนนะคะ ถ้าคุณบาสเตียนมีอะไรสงสัยจะถามติดต่อมาได้ตลอดเวลาเลยนะคะ)
“โอเค ขอบใจเธอมากแค่นี้ล่ะ”
วางสายอดีตเลขาสาวแล้ว บาสเตียนก็แสยะยิ้มด้วยความพอใจ อีกไม่นานเขาก็จะได้ทำสิ่งที่อยากทำมานาน
บาสเตียนเปิดภาพที่ปราลีส่งมาให้เมื่อวันก่อน จ้องมองใบหน้าสวยผ่านหน้าจอมือถืออย่างตั้งใจ ไม่นานรอยยิ้มแห่งมัจจุราชก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าคม ตอนแรกที่เห็นภาพนี้เขาเองก็ตกใจไม่น้อยเพราะอินทิรามีใบหน้าคล้ายกับแฟนเก่าเขามากเหลือเกิน เหมือนจนคิดว่าเป็นคนเดียวกันด้วยซ้ำ นั่นยิ่งทำให้เขามีความพึงพอใจมากขึ้นไปอีก เพราะรู้สึกว่าได้แก้แค้นพลอยดาวตัวจริงซะอย่างนั้น
บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ
บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต
บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม
บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก
บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต
บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห