Share

บทที่ 3 แรกเจอ

last update Huling Na-update: 2024-12-28 12:03:16

บทที่ 3

แรกเจอ

การเซ็นสัญญาผ่านไปด้วยดีพร้อมๆ กับการผ่าตัดของมารดา นั่นทำให้อินทิราโล่งใจเป็นที่สุด แม้การผ่าตัดจะผ่านไปได้ด้วยดีแต่ทว่ายังคงต้องทำเคมีบำบัดต่อไปอีกจนกว่าจะหายขาด อีกไม่กี่วันเธอจะต้องเดินทางไปอเมริกาแล้วแต่ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับมารดาและน้องชายเลย วันนี้จึงตัดสินใจจะบอกเรื่องนี่ให้คนทั้งสองรับรู้

“แม่คะหนูมีเรื่องจะบอก” เจ้าหล่อนเอ่ยกับมารดาขณะนั่งอยู่ข้างเตียงในห้องพักผู้ป่วย ส่วนน้องชายนั่งอยู่อีกฝั่ง

“แม่ก็มีเรื่องจะถามแกเหมือนกัน” แม้จะเพิ่งฟื้นจากการผ่าตัดแต่กันยาก็ยังไม่คลายความสงสัย ลูกสาวเอาเงินมากมายจากไหน จนสามารถจ่ายค่าผ่าตัดรวมถึงค่าใช้จ่ายอื่นๆ ได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้

“แม่มีอะไรเหรอจ๊ะ”

“แกเอาเงินที่ไหนมาเป็นค่ารักษาแม่ เงินมันไม่ใช่น้อยๆ เลยนะ”

“ก็นี่ไงจ๊ะแม่ หนูกำลังจะบอกว่าอีกสองวันหนูจะไปทำงานที่อเมริกาแล้วนะ เงินที่ใช้จ่ายก็เป็นเงินของเจ้านายหนูเอง” อินทิรายิ้มแย้มเพื่อทำให้ผู้เป็นแม่สบายใจ

“แกได้งานตั้งแต่ตอนไหนทำไมแม่ไม่เคยรู้” กันยายังคงสงสัยกับสิ่งที่ลูกสาวบอก

“หนูสมัครไว้นานแล้วเขาเพิ่งจะตอบรับมา เจ้านายหนูรวยและใจดีมากๆ เลยนะแม่ ท่านยอมให้หนูยืมเงินมารักษาแม่ก่อนแล้วค่อยใช้คืนทีหลัง” อินทิรายังคงยิ้มให้ผู้เป็นแม่

“แกไม่ได้โกหกแม่นะ”

“จริงสิจ๊ะแม่ หนูจะโกหกทำไม แม่อย่าคิดมากนะรีบรักษาตัวให้หายไวๆ หนูจะได้มีกำลังใจไปทำงานยังไงละ”

“แล้วงี้ผมก็ต้องอยู่ดูแลแม่คนเดียวอ่ะดิ” อาณัฐผู้เป็นน้องชายเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้างองุ้ม

“แกดูแลแม่ไม่ได้รึไงอา อย่ามาทำเป็นหน้างอ” อินทิราว่าให้น้องชาย

“ก็เปล่า...ดูแลได้แต่คงไม่มีเวลาเที่ยวอ่ะ”

“อย่ามาทำอิดออดนี่แม่เรานะ ถ้าฉันรู้ว่าแกหนีเที่ยวไม่ยอมดูแลแม่ฉันเอาแกตายแน่”

“รู้แล้วน่าใครจะปล่อยให้แม่อยู่คนเดียวล่ะ”

“ลองทำดูสิฉันกลับมาฆ่าแกแน่ เอาเป็นว่าไปถึงที่นั่นแล้วฉันจะซื้อของส่งมาให้ละกัน”

“จริงๆ นะ!” อาณัฐเริ่มยิ้มออกเมื่อพี่สาวเอาของมาล่อ

“ก็จริงน่ะสิ แต่จะเป็นของอะไรนั้นฉันจะเป็นคนเลือกให้เอง”

“ไม่มีปัญหา”

เธอยิ้มให้น้องชายก่อนจะหันไปเอ่ยกับมารดาต่อทันที

“แม่จ๋า แม่ต้องสู้นะจ๊ะจะได้หายไวๆ หนูสัญญาว่าจะโทรมาหาแม่ทุกวัน” เธอเอื้อมไปจับมือมารดาไว้แน่นเพื่อให้กำลังใจ

“แกไม่ต้องห่วงแม่สู้อยู่แล้ว แกเองก็ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะ อย่าให้ใครเขาหลอกได้ที่นั่นไม่ใช่บ้านเราระวังตัวให้มากๆ นะ”

“จ๊ะแม่หนูจะดูแลตัวเองดีๆ” ยิ่งใกล้วันเดินทางเจ้าหล่อนยิ่งใจหาย น้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว

“จะร้องทำไมเนี่ยฉันยังไม่ได้ตายซะหน่อย”

“แม่ก็...หนูคงจะคิดถึงแม่มากๆ เลยอ่ะ” อินทิราเอ่ยพลางยกหลังมือขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่หางตาออก

“เป็นลูกแม่ต้องสู้รู้ไหม” กันยาเองก็อดน้ำตาซึมไม่ได้เมื่อรู้ว่าลูกสาวจะต้องห่างอกไปไกลถึงต่างประเทศ

“จ๊ะแม่” เจ้าหล่อนเริ่มยิ้มออกเมื่อได้กำลังใจจากมารดา

มารดาคงจะเสียใจมากถ้ารู้ว่างานที่เธอกำลังจะไปทำนั้นคืออะไร แต่มันคงไม่มีวันนั้นแน่นนเพราะเรื่องนี้จะถูกเก็บเป็นความลับไปตลอดชีวิต เธอจะไม่ปริปากบอกใครเลยแม้แต่คนเดียว

อินทิราใช้เวลาไม่กี่วันที่เหลือดูแลมารดาอย่างใกล้ชิด ก่อนจะเตรียมตัวบินไปทำงานที่คงไม่มีใครกล้าทำเหมือนอย่างเธอเป็นแน่

*-*-*-*-*-*-*

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง หลังจากร่ำลามารดาและน้องชายแล้ว อินทิราก็นั่งรถมากับปราลีที่ตั้งใจมารับไปส่งสนามบิน นี่คือครั้งแรกที่เธอได้มีโอกาสเดินทางไปต่างประเทศ ทำให้เจ้าหล่อนตื่นเต้นไม่น้อย

“เดินทางปลอดภัยนะคะ” ปราลีเอ่ยด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม หลังจากเดินมาส่งถึงในสนามบินแล้ว

“ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องนะคะ ฉันจะไม่มีวันลืมพระคุณคุณปราลีเลย”

“ไม่ต้องขอบคุณฉันหรอกค่ะ มันคืองานของฉันอยู่แล้ว” ได้ยินอย่างนั้นปราลีก็รู้สึกผิดในใจที่ส่งอินทิราเข้าปากเสือ เธอได้แต่หวังว่าบาสเตียนจะเมตตาอินทิราเหมือนอย่างที่เคยสัญญาไว้

“ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี”

“ความดีจะช่วยคุ้มครองคุณจากทุกเรื่องค่ะ ฉันมั่นใจว่ามันจะต้องเป็นอย่างนั้น เมื่อไปถึงสนามบินแมคคาร์เรนจะมีคนถือป้ายรอรับคุณอยู่ที่นั่นนะคะ ฉันประสานงานไว้ให้แล้ว”

“ขอบคุณค่ะ”

“ดูแลตัวเองด้วยนะคะ ฉันมาส่งคุณได้เท่านี้คงต้องกลับแล้ว”

“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”

อินทิราโผเข้ากอดปราลีอย่างแนบแน่น จากนั้นทั้งสองสาวก็แยกย้ายกัน อินทิราจ้องมองตั๋วเครื่องบินที่อยู่ในมือด้วยความกังวลใจ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาถอนหายใจเสียงดัง จากนั้นก็เดินเข้าไปยังเกตเพื่อรอขึ้นเครื่อง เดินทางไปยังจุดหมายปลายทางนั่นคือเมืองแห่งแสงสีและการเสี่ยงโชค...ลาสเวกัส

การเดินทางที่แสนยาวนานของเธอได้ผ่านพ้นไปแล้ว หลังจากเครื่องบินแลนดิ้งลงผืนแผ่นดินประเทศที่มีความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจการค้าโลกอย่างสหรัฐอเมริกา

ลงมาจากเครื่องแล้วอินทิราก็ชะเง้อมองหาป้ายชื่อตนเองท่ามกลางฝูงชนที่แน่นขนัด ไม่นานก็สะดุดตากับป้ายขนาดกลางๆ ที่อยู่ในมือหนุ่มหล่อคมเข้มตามฉบับหนุ่มละติน สวมชุดสูทสีเข้มดูเท่ไม่หยอก เห็นอย่างนั้นเจ้าหล่อนก็ยิ้มแล้วเดินเข้าไปหาโบกมือทักทายด้วยความดีใจ

“สวัสดีค่ะ ฉันอินทิราคนที่คุณมารอรับค่ะ”

“สวัสดีครับผม แอนดริวเป็นเลขาคุณบาสเตียน ท่านให้มารับคุณครับ” หนุ่มหล่อเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ

“ขอบคุณค่ะ”

“เชิญทางนี้เลยครับ” แอนดริวผายมือให้ทางผู้มาใหม่ด้วยรอยยิ้ม

“ค่ะ”

ระหว่างนั่งรถลีมูซีนคันหรูมาด้วยกัน อินทิราก็เอาแต่นั่งเกร็งด้วยความตื่นเต้นปนตื่นตากับแสงสีของเมืองที่ผู้คนต่างกล่าวขานว่าเป็นเมืองบาป นั่นเพราะเมืองทั้งเมืองเจริญเติบโตขึ้นมาจากความก้าวหน้าของกิจการการพนัน ที่เป็นแรงดึดดูดให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามา แต่ปัจจุบันนี้ได้มีการพัฒนาไปสู่ธุรกิจอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นโรงแรม ศูนย์ประชุม ร้านอาหารและห้างสรรพสินค้า เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายทางที่ผู้คนทั่วโลกต้องมาสักครั้งในชีวิต

โชคดีที่แอนดริวเป็นคนช่างพูดทำให้อินทิรารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น สามารถคุยกับชายหนุ่มได้อย่างไม่เคอะเขินเหมือนตอนแรกที่เจอกัน

“ถึงแล้วครับ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นอินทิราก็มองผ่านกระจกรถออกไป ก็พบกับคฤหาสน์หรูสไตล์ยุโรปหลังใหญ่โต แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าเขาคนนั้นรวยมากขนาดไหน เจ้าหล่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะผ่อนออกมาอย่างช้าๆ เพื่อเรียกความกล้าที่จะเผชิญหน้ากับนายจ้างที่เขายังไม่เคยเห็นแม้กระทั่งรูปร่างหน้าตา

ลงจากรถแล้วแอนดริวก็สั่งให้คนขับรถนำกระเป๋าหญิงสาวผู้มาใหม่ขึ้นไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเดินนำหน้าอินทิราพาเดินเข้าไปด้านใน เพื่อไปพบกับผู้เป็นเจ้านายที่นั่งรออยู่ในห้องนั่งเล่น

“คุณแอนดริวทำงานกับคุณบาสเตียนนานรึยังคะ”

“ประมาณปีนึงแล้วครับ” ชายหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

“ว่าแต่คุณรู้เรื่องฉันหรือเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามไปตรงๆ เพราะหากแอนดริวรู้เรื่องแล้วจะได้ทำตัวถูก

“รู้สิครับ ถ้าเป็นเรื่องงานที่บอสสั่งให้ทำผมรู้หมดทุกเรื่อง เพราะผมเป็นเลขาเขานี่ครับ” ชายหนุ่มยิ้มให้

“ถ้างั้นคุณคงรู้เรื่องที่ฉันจะมาเป็นแม่อุ้มบุญแล้วสินะ” เธอเอ่ยออกไปตรงๆ

“แม่อุ้มบุญ!” ชายหนุ่มหน้าคมนัยน์ตาหวานหยุดชะงักด้วยความประหลาดใจ บาสเตียนไม่เคยบอกเรื่องนี้กับเขาเลย บอกเพียงแค่ว่าให้มารับพนักงานคนใหม่เท่านั้นเอง

“คุณยังไม่รู้เรื่องนี้เหรอคะ”

“ใช่ครับ บอสบอกผมแค่ว่าคุณเป็นพนักงานคนใหม่เท่านั้นเอง”

“ใช่ค่ะฉันเป็นลูกจ้างเขา ส่วนงานที่ฉันจะมาทำนั่นคือการเป็นแม่อุ้มบุญ”

“ผมยังงงเล็กน้อยว่าทำไมจู่ๆ บอสถึงได้อยากมีทายาท ทั้งๆ ที่ท่านยังไม่มี...” แอนดริวพูดยังไม่ทันจบป้าสมัยก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

“อ้าว! มาถึงกันแล้วเหรอคุณบาสเตียนรออยู่ด้านในนานแล้วค่ะ”

ท้งสองหันไปมองยังต้นเสียงพร้อมกัน

“กำลังจะเข้าไปเดี๋ยวนี้ล่ะครับป้า” แอนดริวเอ่ยกับแม่บ้านสูงวัยที่คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

“สวัสดีค่ะป้า” เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นคนไทยด้วยกัน อินทิราจึงยกมือไหว้ตามมารยาท

“สวัสดีค่ะ ที่แท้แขกคุณบาสเตียนก็คือคุณนี่เอง แถมยังเป็นคนไทยอีกด้วย ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ป้าชื่อสมัยเป็นแม่บ้านที่นี่” ป้าสมัยเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม

“หนูชื่ออินทิราค่ะป้าเรียกหนูว่าอินก็ได้ ดีใจจังที่ได้เจอคนไทยด้วยกัน” อินทิราเริ่มใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อรู้ว่าอย่างน้อยก็มีคนไทยอยู่ที่นี่ พอให้เธอได้พูดคุยสนทนาด้วยได้

“เข้าไปกันเถอะค่ะตอนนี้คุณบาสเตียนกำลังรออยู่นานแล้ว”

จากนั้นทั้งสามก็เดินเข้าไปยังห้องนั่งเล่น ที่ผู้เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้กำลังนั่งคอรอยการมาถึงของหญิงสาวอย่างใจจดใจจ่อ

“คุณบาสเตียนคะมาถึงกันแล้วค่ะ”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นชายหนุ่มผู้ซึ่งนั่งสนใจแท็บเล็ตในมือ ก็ละสายตาขึ้นไปมองหน้าหญิงสาวที่เขาตั้งตารอมานานหลายวัน ใบหน้าเรียวรูปไข่ที่สวยละมุนทำเอาชายหนุ่มหัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ ช่างคล้ายกับพลอยดาวเหลือเกินนั่นคือสิ่งที่มาเฟียหนุ่มคิดในใจ

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • คุณแม่รับจ้าง   บทที่ 33 อวสาน

    บทที่ 33อวสานหลังจากเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันบนโต๊ะหมู่บูชาแล้ว อินทิราก็บอกให้ลูกทั้งสองคนกราบพระประธานที่ตั้งตระหง่านอยู่ข้างบนสุด จากนั้นก็หันไปมองยังมุมห้องที่มีโกศเล็กๆ วางอยู่พร้อมกับรูปถ่ายของผู้เป็นมารดา อินทิราส่งยิ้มให้มารดาทุกครั้งที่เข้ามาในห้องแห่งนี้“กราบคุณยายสิคะ” เจ้าหล่อนบอกกับลูกทั้งสองคนด้วยรอยยิ้ม“ทำไมมัมต้องพาพวกเรามากราบคุณยายทุกวันด้วยครับ” แมทธิวเอ่ยกับมารดาด้วยสีหน้าสงสัย“คุณยายเคยเลี้ยงดูเรามาตั้งแต่เด็ก เราจะปล่อยให้คุณยายเหงาได้ยังไง ถ้ามัมไม่อยู่แล้วแมทธิวเองก็ต้องทำอย่างนี้เหมือนกันเข้าใจไหมครับ”“เข้าใจแล้วครับมัม ผมจะมากราบคุณยายพร้อมมัมทุกวันเลยครับ คุณยายจะได้ไม่เหงา”“ดีมากจ๊ะลูก” อินทิราลูบกลางกระหม่อมลูกชายเบาๆ อย่างเอ็นดู “แล้วแอนนาล่ะคะ”“กราบ...ยาย” เด็กหญิงตอบรับเป็นคำๆ ราวกับเข้าใจเป็นอย่างดีเช่นเดียวกันจากนั้นเด็กทั้งสองก็ก้มกราบโกศสีทองแ

  • คุณแม่รับจ้าง   บทที่ 32 พลอยดาว

    บทที่ 32พลอยดาวสามปีต่อมาในสถานบันเทิงชื่อดังใจกลางเมืองลาสเวกัส นักท่องราตรีหลากหลายเชื้อชาติต่างก็เข้ามาหาความสุขกันอย่างไม่ได้นัดหมาย ดนตรีเพลงละตินดังก้องโลกทำให้บรรดาหนุ่มสาวเกิดความคึกคะนอง ต่างก็โยกย้ายส่ายสะโพกกันอย่างสนุกสนานฉายภาพมาที่ห้องวีไอพีสุดหรูซึ่งเป็นธุรกิจแอบแฝงของที่นี่ กลุ่มนักดื่มสูงวัยผิวสีสามสี่คนกำลังโอบกอดหญิงสาวชาวเอเชียที่แต่งตัววับแวมล่อเสือล่อตะเข้ คอยเอาอกเอาใจแขกคนสำคัญอย่างรู้งาน ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือพลอยดาวหลังจากวันที่โดนไล่ละเพิดออกมาจากคฤหาสน์ของบาสเตียน เจ้าหล่อนก็บังเอิญเจอกับมาเฟียหนุ่มใหญ่เจ้าของซ่องที่ใหญ่ที่สุดในลาสเวกัส ตอนแรกเขาต้อนรับเธอเข้ามาอยู่ในฐานะเมียดูแลซะดิบดี แต่ทว่าพอเบื่อแล้วเจ้าหล่อนก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในบรรดาสาวๆ ที่ต้องเข้าไปทำงานในซ่องพลีกายให้กับบรรดานักธุรกิจแก่ตัณหากลับหลากหลายเชื้อชาติ ที่เข้ามาใช้บริการด้วยวงเงินที่สูงพอตัวพลอยดาวกำลังนั่งบนตักลูกค้าผิวสีคนหนึ่งอายุราวหกสิบเห็นจะได้ แม้ว่าเขาจะถูกใจเธอมากเป็นพิเศษ แต

  • คุณแม่รับจ้าง   บทที่ 31 ห้องนอนน้อยๆ

    บทที่ 31ห้องนอนน้อยๆหลังจากทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดีแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันเข้านอน ภายในห้องนอนเล็กๆ ซึ่งเป็นที่ซุกหัวนอนของอินทิรามาตั้งแต่เด็กจนโต ข้าวของทุกอย่างยังคงถูกวางไว้ที่เดิม ไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงแม้ว่าจะไม่ได้อยู่เสียนานเตียงนอนขนาดเล็กทำให้ไม่สามารถนอนพร้อมกันได้สองคน บาสเตียนจึงต้องปูฟูกนอนอยู่ข้างเตียง นุ่งผ้าขาวม้านอนคุยไลน์กับเลขาส่วนตัวเรื่องงาน ส่วนอินทิราก็นอนจ้องมองเพดานห้องลูบท้องตัวเองเบาๆ ใบหน้าสวยมีรอยยิ้มน้อยๆ ฉายออกมาตลอดเวลา บ่งบอกว่าเจ้าหล่อนมีความสุขมากแค่ไหน“เธอ…นอนยัง?” เสียงคนที่นอนอยู่ข้างล่างเอ่ยเรียก อินทิราจึงเอียงใบหน้าสวยหันไปมองยังต้นเสียง แม้จะมองไม่เห็นหน้าเขาก็ตามที“ยัง...ทำไมเหรอ?”“ฉันไม่ได้นอนกอดเธอ...นอนไม่หลับอ่ะ”“แล้วจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” อินทิรายิ้มน้อยๆ รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังต้องการอะไร“ฟูกข้างล่างนุ่มมาก แถมยังกว้างอีกด้วยนะ”“แล้วจะบอกฉันทำไม

  • คุณแม่รับจ้าง   บทที่ 30 ความเข้าใจ

    บทที่ 30ความเข้าใจ“มาแล้วคร้าบบบ”หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว บาสเตียนจึงรีบวิ่งลงมาจากห้องเพื่อร่วมวงทานข้าว เมื่อมาถึงก็พบว่าทั้งสามได้นั่งรออยู่ก่อนแล้ว ที่บ้านของอินทิราใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายมาโดยตลอด เพราะทุกคนคุ้นชินกับการปูเสื่อนั่งล้อมวงทานข้าวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว แต่สำหรับบาสเตียนมันคือเรื่องแปลกใหม่มากๆ“นั่งลงสิ” อินทิราเงยหน้าขึ้นไปเอ่ยเมื่อเห็นบาสเตียนเอาแต่ยืนมองดูไม่ยอมนั่งลงเสียที“คงจะรับไม่ได้สินะที่ต้องมานั่งกินข้าวแบบบ้านๆ อย่างนี้” แก้วกันยาเอ่ยประชด“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับคุณแม่ ผมอยู่ง่ายกินง่ายไม่เลือกมากคร้าบบ” บาสเตียนนั่งขัดสมาธิอย่างเก้ๆ กังๆ โปรยยิ้มให้ทุกคนก่อนจะหยิบช้อนแกงในจานข้าวจะไปตักอาหาร แต่กลับไม่คุ้นชินเมนูที่อยู่ในจานเลยอย่างบาสเตียนลังเลใจอยู่นานกว่าจะเลือกได้ และสุดท้ายหวยก็มาลงที่จานไข่เจียวขณะเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ อยู่นั้นบาสเตียนก็หันไปมองอินทิราด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ยัก

  • คุณแม่รับจ้าง   บทที่ 29 ตัวหอม

    บทที่ 29ตัวหอมหลังจากทำเคมีบำบัดครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นลง คุณหมอจึงอนุญาตให้แก้วกันยากลับไปพักฟื้นที่บ้านได้ แม้ว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงพยาบาลบาสเตียนก็เอาอกเอาใจแม่ยาย ทำหน้าที่ยิ่งกว่าลูกแท้ๆ เสียอีก แต่ทว่าท่าทีของแก้วกานดากลับยังไม่อ่อนลงเลยสักนิด ตรงกันข้ามสำหรับอินทิราสถานการณ์กลับเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ไม่ได้ออกปากไล่ตะเพิดเหมือนเมื่อครั้งที่เจอกันตอนแรกแล้วบาสเตียนไม่เคยปรนนิบัติพัดวีใครอย่างนี้มาก่อนนอกจากมารดาของตัวเอง แต่ทว่าสำหรับความรักครั้งนี้เจ้าตัวทุ่มหมดหน้าตัก เพื่อจะได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบอย่างที่เคยมีในวัยเด็กอีกครั้งอาณัฐพยุงผู้เป็นมารดาลงมาจากรถแท็กซี่เข้าไปในบ้าน โดยมีอินทิราและบาสเตียนเดินตามหลังมาติดๆบ้านไม้สองชั้นเก่าๆ ริมคลอง มีเรือหางยาวแล่นผ่านเป็นระยะๆ ทำให้บาสเตียนเกิดความสนใจเป็นพิเศษ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยเห็นบรรยากาศแบบนี้มาก่อน ทำให้รู้สึกผ่อนคลายไม่วุ่นวายเหมือนเมืองที่เคยอยู่มาตั้งแต่เกิดอย่างลาสเวกัสเลยสักนิด“บ้านเธอน่าอยู่ดีนะ” บาสเต

  • คุณแม่รับจ้าง   บทที่ 28 ลูกเขยเจ้าเล่ห์

    บทที่ 28ลูกเขยเจ้าเล่ห์วันต่อมา“อาร์ออกมาคุยกับพี่หน่อยสิ” บาสเตียนเอ่ยเรียกอาณัฐออกมาที่หน้าห้องพักผู้ป่วย ขณะคุณหมอเข้ามาตรวจผู้เป็นมารดาภายในห้องเดินออกมาถึงหน้าห้องแล้วบาสเตียนก็ยื่นบัตรเครดิตให้“อะไรครับพี่” อาณัฐมองหน้าอย่างงงๆ“บัตรเครดิตไง พี่ให้ไปช้อปปิ้ง เราดูแลแม่มานานคงอยากจะไปเที่ยวบ้าง จัดให้เต็มที่เลยนะเดี๋ยวพี่กับอินทิราจะดูแลคุณแม่ให้เองไม่ต้องห่วง”“ขอบคุณครับพี่” อาณัฐยกมือไหว้ด้วยความดีใจ ยิ้มไม่ยอมหุบ ก่อนจะยื่นมือไปรับมา “แล้วมันใช้ได้เท่าไหร่ครับพี่”“ไม่อั้น” บาสเตียนส่งยิ้มน้อยๆ ให้“เยส!!! ขอบคุณมากๆ ครับพี่” อาณัฐโผเข้ากอดบาสเตียนก่อนจะรีบเดินออกไปอย่างอารมณ์ดีบาสเตียนยิ้มส่ายหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง“แม่คะทานข้าวนะเดี๋ยวหนูป้อน” อินทิรายกถาดข้าวต้มพร้อมทั้งแก้วน้ำดื่มมาวางไว้ข้างเตียง เตรียมพร้อมสำห

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status