เมื่อเพื่อนพูดถึงงู ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงงูจงอางยักษ์ขึ้นมาอีกครั้ง เธอมั่นใจว่าเธอสบตากับมันอย่างแน่นอน และมันก็จ้องมองเธออย่างมีความหมาย ความหมายที่ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนไปทั้งร่าง
“งู?”
“ใช่ งูไงแก และที่สำคัญนะโว้ย คน! คนน่ากลัวที่สุด มานอนอยู่ได้ยังไง คนงานในรีสอร์ทครึ่งร้อยเลยนะโว้ย ไม่กลัวบ้างรึไงวะ”
“จริงสิ!” เมื่อคืนเธอถูกฉุด ด้วยฝีมือของผู้ชายคนหนึ่ง เขาโปะยาสลบเธอแล้วลากมานี่ “ฉันต้องไปคุยกับยัยวันวิสาเดี๋ยวนี้ว่ะ”
“ไม่ได้ ยัยสามันไปแต่งหน้าทำผมที่ร้านในตัวอำเภอแล้ว ส่วนเราสองคนก็ควรไปแต่งเนื้อแต่งตัวให้สวยๆเพื่อร่วมพิธีแต่งงานของเพื่อนในตอนเช้าเหมือนกันนะจ๊ะ อย่าลืมว่าเราสองคนเป็นเพื่อนเจ้าสาวนะจ๊ะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่ ไม่มีเวลาแล้ว แกค่อยคุยกับมันนะ ไม่สำคัญใช่มั้ย?”
สำคัญสิ..สำคัญมาก
“งานเพื่อนรักนะโว้ย เราต้องสวยนะแก”
ใช่แล้ว วันนี้เป็นวันดีและวันสำคัญของเพื่อนรัก หากเธอโวยวายและเอาเรื่องให้ถึงที่สุด ก็คงทำให้เกิดความวุ่นวายและเสียบรรยากาศไปหมด อีกอย่าง เพื่อนรักเพิ่งจะเปิดรีสอร์ท หากเสียชื่อตั้งแต่ยังไม่ทันเปิดบริการ งานที่ตระเตรียมไว้คงพังไม่เหลือชิ้นดี
แต่เรื่องของเรื่องก็คือ เธอจำไม่ได้เลยว่าคนร้ายหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มันรวดเร็วจนเธอตั้งตัวไม่ทัน เว้นก็แต่งูตัวนั้นที่เธอจำได้ติดตา งูที่จากไปโดยไม่ได้ทำอะไรเธอเลย แม้แต่ปลายนิ้ว
เธอสงสัยจนแทบบ้า ทำไมมันไม่กัดเธอแม้แต่แผลเดียว!
นาคินทร์เดินเปลือยกายล่อนจ้อนออกจากห้องน้ำในเรือนพักส่วนตัว หลังจากชำระร่างกายสะอาดหมดจด เมื่อคืนนี้ เขาอยู่เป็นเพื่อนหญิงสาวทั้งคืนจนใกล้รุ่งสาง พอมั่นใจว่าเจ้าหล่อนคงจะปลอดภัยจากมนุษย์เลวคนนั้นและสรรพสัตว์ที่อาจทำร้ายเธอได้ เขาก็หันหลัง เลื้อยกลับมาบ้าน ก่อนที่จะมีใครเห็น
“เฮ้อ...คุณคงตกใจน่าดูเลย” เขาแอบห่วงหญิงสาว แต่ก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อนึกถึงตอนที่เขากระโจนเข้าไปหาเธอ ด้วยหวังจะให้เธอวิ่ง “ไม่วิ่ง แต่กลับเป็นลมซะงั้น”
แต่เขาก็พอใจไม่น้อย ที่เธอเป็นลมไปเสีย เพราะอย่างน้อย เขาก็ได้ใช้เวลาอยู่กับเธอทั้งคืน เขารู้สึกมีความสุขแค่เพียงได้กลิ่นหอมจากกายเธอ และได้เห็นเธออย่างใกล้ชิด โดยไม่ต้องอาศัยเจอแค่ในฝันเหมือนครั้งก่อนๆ
ห้านาทีต่อมา ชายหนุ่มในชุดสูทเรียบหรูที่ดูหล่อสมาร์ทอย่างกับเทพบุตรก็ปรากฏกายหน้ากระจก เมื่อเขาสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วเสร็จ เขาก็เดินไปยังภาพวาดติดฝาผนัง ซึ่งเป็นภาพล่าสุดที่เขาเขียนขึ้น...เธอผู้เปลือยเปล่าเล่นน้ำอยู่ในลำธารใส
“แล้วเจอกันนะ...ที่รัก” เขายิ้มกับหญิงสาวในภาพวาด ก่อนจะเดินไปเปิดประตูเพื่อออกจากห้อง หากแล้วไม่ทันจะลงจากเรือน เขาก็ได้เจอสิ่งน่ารำคาญที่ไม่ปรารถนา
“พี่คินขา” สาวิตรีในชุดสวยงามยืนรอเขาอยู่ที่ตีนบันไดนั่นเอง “ดูสิคะ ว่าตรีสวยพอจะเป็นคู่ควงของพี่ไปร่วมงานแต่งของเพื่อนพี่รึยัง”
เจ้าหล่อนหมุนตัวโชว์คู่หมั้นอย่างร่าเริง ทั้งที่รู้อยู่เต็มอกว่าชายหนุ่มไม่เคยรักและเหลียวแลเธอเลย แต่ด้วยความรักที่มีต่อเขา เธอจึงเลือกจะหน้าด้าน ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าเขาไม่เล่นด้วย
“คุณแม่นะคุณแม่...” ชายหนุ่มส่ายหน้าระอาใจ ก่อนก้าวลงจากเรือนจนพ้นบันได แล้วเดินนำเธอไป
“เราไปดูงานพี่สาก่อนนะคะ แล้วพองานของเรา...”
“ไอ้อัคนีพี่ชายเธอล่ะ” เขาถามถึงพี่ชายเธอ ไอ้ตัวดีที่บังอาจเข้าไปฉุดหญิงสาวถึงในรีสอร์ทของอดีตนายตำรวจใหญ่ ผู้เป็นบิดาของวันวิสา เจ้าภาพงานแต่งในวันนี้ “ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ไม่รู้สิคะ ตัวไม่ได้ติดกัน ถามหาพี่หินทำไมคะ”
“มีเรื่องจะคุยด้วยน่ะ” เขากดกรามเบาๆ เมื่อนึกถึงความชั่วของคู่อริ ที่ทะเลาะเบาะแว้งกันมาตั้งแต่เด็ก หากแต่คราวนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เพราะถ้าเขาไปไม่ทัน หญิงสาวคงเสร็จคามือมันไปแล้ว
“ได้ยินว่าจะไปร่วมงานแต่งพี่สาน่ะค่ะ บางทีอาจจะอยู่ที่งานแล้วก็ได้”
นาคินทร์ยิ้มเหี้ยม “ขอให้มันอยู่ที่งานจริงๆเถอะ”
“ไม่ยักรู้ว่าญาติดีกันแล้ว”
“เออสิ ก็ยัยสาวิตรีน่ะมันชอบคินมาตั้งแต่เด็กแล้ว พอโตขึ้นมันก็ร้องจะฆ่าตัวตายถ้าไม่ให้มันแต่งงานกับคิน”“ว๊ายตาย อยากมีผัวจนตัวสั่นเลยเหรอ”“แล้วทำไมเขาตกลงล่ะ” แพรทองเองที่อยากรู้ “หรือว่าตอนนั้นก็แอบมีใจให้ยัยนั่นอยู่เหมือนกัน”“ฉันว่าไม่ใช่ เดาว่าคินทำตามที่พ่อต้องการ และตอนนั้นเขาก็ไม่ได้มีใครด้วย ไม่เหมือนตอนนี้...”วินาทีนั้นเองที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น...ก่อนชายหนุ่มจะก้าวเข้ามาในห้อง ด้วยท่าทีตื่นเต้นดีใจ“วุฒิ กลับมาแล้วหรือคะ”“ใช่ ผมได้หลักฐานมาแล้วนะ แล้วก็จัดการส่งให้ตำรวจแล้ว ตอนนี้นายอัคนีถูกเรียกไปสอบสวนแล้ว”ทั้งสามสาวพากันดีใจเฮละโล “แล้วภาพจากกล้องวงจรปิดที่รีสอร์ทเราล่ะ?”“แน่นอน” ชาญวุฒิหมายมั่นปั้นมือ “ภาพจากกล้องวงจรปิดมัดตัวนายอัคนีแบบดิ้นไม่หลุดเลยล่ะ”“อะไรนะ นี่มีภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยเหรอ” แพรทองถามอย่างตื่นเต้น “จริงเหรอยัยสา?”“ใช่ ไม่ต้องห่วงนะ ถึงพ่อมันจะใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าหลักฐานมันชัดขนาดนี้ มันก็หนีคุกหนีตะรางไม่พ้นหรอก” วันวิสาพูดด้วยความสะใจ “โทษฐานที่มันล้วงคองูเห่า”ใครบอกว่าล้วงคองูเห่า...มันล้วงคองูจงอางต่างหาก!!!“อ้อ สาจ๊ะ ได้ข่าวเรื่องบ
เธอลูบไล้ใบหน้าหล่อเหลาของเขาอย่างโหยหา “อะไรคะ”“ถ้าเราสองคนอยู่ด้วยกันในคืนพระจันทร์เต็มดวง แสงจันทร์จะล้างคำสาปในตัวผมจนหมดสิ้น แล้วผมจะกลายเป็นมนุษย์เต็มตัว ไม่ต้องเป็นงูอีกแล้ว”“หืม...” หญิงสาวรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างมาก “จริงหรือคะ?”“จริง คุณจะช่วยล้างคำสาปให้ผมรึเปล่า”“ช่วยสิคะ แล้วฉันต้องทำยังไง”“คุณก็แค่รักผมให้มากๆ และยอมให้ผมทำอะไรกับคุณก็ได้ในคืนนั้น”“ทำอะไรก็ได้ หมายถึงกัดรึคะ” เจ้าหล่อนยิ้มยั่ว“มั้ง” เขายิ้มพรายก่อนก้มลงจุมพิตที่ปลายจมูกสวยของหญิงสาว “แต่อีกตั้งเดือนกว่าจะถึงวันเพ็ญ คุณก็ต้องยอมเป็นเมียงูไปก่อนนะ”“ใครบอกคะ ฉันลาพักร้อนได้แค่สิบห้าวันเท่านั้น แล้วตอนนี้ก็ใช้ไปตั้งสามวันแล้วนะคะ ฉันคงต้องกลับกรุงเทพฯก่อนถึงวันเพ็ญ”“ผมไม่ยอมให้คุณไปไหนหรอก”“ก็คอยดูว่าฉันจะไปได้รึเปล่า ฉันไม่ได้มีคู่หมั้นอย่างใครบางคนนี่คะ” เจ้าหล่อนแสร้งพูดเรื่องนี้อีกครั้ง เพื่อเตือนความจำของเขา“พรุ่งนี้ผมกูกถอนหมั้นแล้วคุณ”หญิงสาวขมวดคิ้วมุ่น “เหรอ?”เขายิ้มร่า ดูกะล่อนไม่เบา “ไม่เชื่อคุณก็คอยดูแล้วกัน”“อืม....อ้า!!!...” เขาใช้จังหวะที่หญิงสาวเผลอ ก้าวล้ำเข้าไปภายในของเจ้า
วันวิสาและวิมาลามองหน้ากัน รู้สึกทะแม่งๆกับท่าทางของเพื่อนสาวที่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหนมาก่อน“อ๊ะๆ ทำไมห่วงนายคินขนาดนั้นยะ มีอะไรในกอไผ่รึเปล่าเนี่ยคู่นี้” วันวิสาแซว แพรทองทำหน้าแทบไม่ถูก เธอหันไปมองคนที่นอนอยู่บนเตียง อย่างรู้สึกสำนึกผิด“วิ แกอย่าโกรธฉันนะ”วิมาลาจ้องแพรทองนิ่ง ก่อนเอ่ยเสียงขรึม “ไปถึงไหนกันแล้วล่ะ”แพรทองก้มหน้านิดๆ เธอจะพูดอย่างไรดี ให้เพื่อนเสียใจน้อยที่สุด และไม่เกลียดโกรธเธอที่แย่งผู้ชายที่เธอหมายปองไปแต่เจ้าหล่อนไม่ทันจะตอบเพื่อน เสียงเคาะประตูดังขึ้นเสียก่อน วันวิสาเป็นคนเดินไปเปิดประตูให้แขกที่ทุกคนกำลังรอคอย“นาคินทร์!!!” เขากลับมาแล้ว ในสภาพที่ปกติ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด “ทุกอย่างเรียบร้อย คลิปของคุณถูกทำลายแล้ว ตอนนี้สองคนนั้นอยู่ที่โรงพักแล้ว ยอมออกไปมอบตัวด้วยตัวเอง”“จริงหรือคะ!!!” วิมาลาดีใจจนเกือบจะกรี๊ดออกมา “ขอบคุณนะคะคุณคิน คุณนี่ทั้งหล่อทั้งเก่งเลยค่ะ แล้ววิจะเลี้ยงข้าวนะคะ”“แล้วคินทำยังไงให้พวกนั้นมันยอมมอบตัวได้” วันวิสาถามอย่างใคร่รู้นาคินทร์หันมองหญิงสาวที่กุมความลับเขาไว้ เธอยิ้มนิดๆให้เขา“ก็ไม่ได้ทำอะไร พวกมันคงสำนึกผิดเองมั้ง”“
“คุณอย่าชะล่าใจนะ หมองูคนนั้นท่าทางน่ากลัวจะตายไป บางทีเขาอาจจะมีคาถาอาคมแก่กล้าจนคุณนึกไม่ถึงก็ได้”เขาหัวเราะ “เอาเป็นว่า เรามาคอยดูกันคืนนี้ดีมั้ย ผมเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ามันจะเก่งสักแค่ไหน”“คุณนี่นะ ยังจะปากดีอีก ฉันว่าคืนนี้คุณอย่าอยู่ที่เมืองนี้เลย ไปไหนก็ได้ ให้มันไกลๆ เชียงใหม่เชียงราย หรือ...”“ไม่ ผมจะอยู่ที่นี่” เขาจับมือเธอแล้วบีบแน่น “ผมวางแผนจะออกไปเล่นงานลูกน้องไอ้อัคนีคืนนี้ ผมนัดแนะกับงูตัวอื่นๆไว้แล้ว พวกเขาเตรียมตัวกันหมดแล้ว ผมไปไหนไม่ได้หรอก”“คุณนี่ดื้อจริงๆเลย” เธอเริ่มจะหัวเสียแล้ว “เออ อยากทำอะไรก็ทำเถอะค่ะ ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว ขอตัวก่อน เดี๋ยวยัยสาจะมารับไปเยี่ยมยัยวิที่โรงพยาบาล”เจ้าหล่อนหมุนตัวหันหลังให้ชายหนุ่ม เขาคว้าข้อมือเธอไว้“ผมไม่ยอมตายง่ายๆหรอกนะคุณ มีเมียสวยขนาดนี้จะทิ้งให้เป็นหม้ายได้ยังไง คืนนี้รอฟังข่าวดีนะ”ในที่สุดเธอก็แพ้เขา ยอมปล่อยเขาไป ตามที่เขาต้องการ เธอกลับมาอาบน้ำแต่งตัวที่บ้านพักเรียบร้อย ไม่นานนัก วันวิสาก็โทรศัพท์ให้เธอออกไปรอที่ลานจอดรถด้านหน้ารีสอร์ทขณะเดินออกจากเรือนพัก เธอเห็นหมองู เสี่ยอาทรและลูกน้องสามสี่คน กำลังจัดเตรี
“ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่สบายใจอยู่ดี”ชายหนุ่มคว้ามือเธอมาจูบแน่น ก่อนเงยหน้ามองด้วยสายตาออดอ้อน “ผมรักคุณนะ รักคุณมากจริงๆ อดทนอีกนิด แล้วผมจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย รับรองว่าสาวิตรีจะทิ้งผมทันทีเลย”เธอหน้าตื่น “คุณจะทำยังไงคะ หรือว่าคุณจะเผยตัวตน”เขาส่ายหน้า “มันมีวิธีที่ง่ายกว่านั้น”ขณะนั้นเอง บริเวณด้านหน้าของตัวอาคารกลางของรีสอร์ท ได้มีคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา หนึ่งในนั้น มีบิดามารดาของวันวิสา และเสี่ยอาทร บิดาของอัคนีและสาวิตรีเดินมาด้วยกัน ดูจากสีหน้าท่าทางของทุกคน เหมือนมีเรื่องกังวลใจหนักหนา“มีเรื่องอะไรรึเปล่า เสี่ยอาทรถึงมาที่นี่”“ใครคะ”“โน่น พ่อของนายอัคนีตัวแสบ”“อ่อ ว่าที่พ่อตาคุณ”“เอ๊ะนั่น!” ชายหนุ่มไม่ได้สนใจเสี่ยอาทรเท่ากับชายชราอีกคน ที่สวมชุดขาวทั้งตัวและมีหนาวเคราขาวรกรุงรัง “หมองู”“ว่าไงนะคะ” เจ้าหล่อนหันไปมองตามสายตาของชายหนุ่มทันที “หมายความว่าไงคะ เสี่ยอาทรพาหมองูมาที่นี่ทำไมคะ”“คุณจะกลับห้องพักไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่ใช่เหรอ ลงไปได้แล้ว เดี๋ยวผมจะไปคุยกับพวกเขาหน่อย เผื่อมีอะไรจะช่วยได้”หญิงสาวรู้สึกเป็นห่วงเขา แต่ก็ยอมทำตามที่เขาสั่ง เธอลงจากรถไปด้
“แต่พี่ชายตรียังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลยนะครับ”“พี่หินฟื้นแล้วค่ะ พ้นขีดอันตรายแล้วด้วย ตรีบอกป๊ากับม๊าแล้ว ท่านทั้งสองก็ไม่ได้ขัดข้องอะไรนะคะ”แต่คนที่ขัดข้องคือว่าที่เจ้าบ่าวนี่แหละ เขายิ้มแทบไม่ออก ที่ยอมหมั้นในเวลานั้นก็เพราะบิดาใกล้เสียชีวิต อยากให้ท่านมีความสุขและสบายใจที่ลูกชายกำลังจะเป็นฝั่งเป็นฝา ไม่คิดว่าเรื่องมันจะเลยเถิดขนาดนี้“ไหนๆก็หมั้นกันมาตั้งหลายปีแล้ว แต่งกันสักที จะได้ไม่เป็นขี้ปากชาวบ้านเขา แม่ว่าจะไปสู่ขอน้องตรีอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ลูกคิดว่าไงจ๊ะ”“ผมยังไม่พร้อมครับ” เขาพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมดุหันมองหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า เจ้าหล่อนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ทันที“แล้วเมื่อไหร่จะพร้อมล่ะลูก นี่ลูกพูดแบบนี้มาหลายครั้งแล้วนะ น้องตรีเสียหายมากนะลูก ถูกคนเขาเม้าท์ไปทั่วว่าลูกไม่เอา...”“คุณน้าคะ...” เจ้าหล่อนสะอื้นฮึกฮักขึ้นมาจนทำให้มารดาของชายหนุ่มสงสาร คว้ามากอดแนบอก “ไม่เป็นไรค่ะ ตรีรอได้ นานแค่ไหนก็จะรอ”“ไม่เอานะลูก ไม่ร้องนะหนูตรี ยังไงพี่คินก็ต้องแต่งกับหนูตรีนะ”นาคินทร์ลอบถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย เขาควรต้องจัดการเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะคนที่เ