บทที่26.ข่าวร้ายจากแดนไกล
โดมินิคไปอิตาลีได้สองวันแล้ว วราพิชชารู้สึกเหมือนดวงใจหลุดหายไปครึ่งหนึ่ง วันที่ไปส่งโดมินิคที่สนามบินแววตาเขาเศร้าสร้อยจน โดมินิคพะว้าภวังค์จนแทบจะงดการเดินทาง ติดแต่ว่าธุระที่มีไม่สามารถเลื่อนออกไปได้จึงจนใจเดินทางหลังจากปลอบโยนวราพิชชาอยู่นาน
“โธ่...วราอย่าร้องสิครับ ทำแบบนี้ผมจะไปได้ยังไง”
“วราไม่ได้ร้องค่ะ น้ำตามันไหลออกมาเอง” วราพิชชากลั้นเสียงสะอื้น พยายามหยุดน้ำตาที่มันรินไหลออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ
“ครับไม่ร้องก็ไม่ร้อง ดูสิลูกโตจะเป็นหนุ่มแล้วคุณแม่ยังขี้แยอยู่เลย”
“วราไม่ได้ร้องจริงๆ ค่ะน้ำตามันไหลออกมาเอง” เสียงหวานเริ่มกระเง้ากระงอดพร้อมทั้งกอดร่างโดมินิคไม่ยอมปล่อย
“ไม่เอาครับ วราทำแบบนี้ผ
บทที่27.ข้อเสนอของภรรยาอีกคนหนึ่ง(ทำอย่างไรดี)โดมินิครู้สึกรุ่มร้อนไปทั้งร่างกาย ข่าวที่หลุดลอดออกไปจากการปล่อยข่าวของครอบครัวของทอมสัน เขาและแด๊ดโดนทอมสันหลอกมาตลอดว่าลิซ่าป่วยเป็นโรคร้าย ทั้งที่ลิซ่าแค่ร่างกายอ่อนแอ หลังจากที่โดมินิคเข้าพิธีแต่งงานตามคำขอของแด๊ด ข่าวหลุดออกไปหลังจัดงานไม่กี่ชั่วโมง ทำให้โดมินิควุ่นวายกับการปิดข่าวที่หลุดออกไป ความหวังดีที่มีให้ส่งผลกระทบตามมาอย่างมากมาย โดมินิคห่วงแค่ความรู้สึกของวราพิชชาเท่านั้น ถ้าวราพิชชารู้ข่าวจะเกิดอะไรขึ้น โดมินิคไม่อยากจะคิดเพิ่งจะคืนดีกันได้ไม่เท่าไร ก็เจอกับปัญหาอีกแล้ว โดมินิคและแด๊ดปรึกษากันอย่างเข้มข้น แด๊ดเสนอให้แพรไหมเดินทางกลับไปยังประเทศไทยเพื่ออธิบายเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับวราพิชชาก่อน โดมินิคเห็นด้วยกับความคิดนี้ ทอมสันขู่ว่าจะถอนหุ้นออกไปถ้าโดมินิคทอดทิ้งลิซ่า ทำให้เขาและบิดาจึงต้องนัดบรรดาญาติ และผู้ถือหุ้นมาประชุมร่วมกัน เพื่อเสนอแนวทางแก้ไข เห็นแก่ความเป็นเ
บทที่26.ข่าวร้ายจากแดนไกลโดมินิคไปอิตาลีได้สองวันแล้ว วราพิชชารู้สึกเหมือนดวงใจหลุดหายไปครึ่งหนึ่ง วันที่ไปส่งโดมินิคที่สนามบินแววตาเขาเศร้าสร้อยจน โดมินิคพะว้าภวังค์จนแทบจะงดการเดินทาง ติดแต่ว่าธุระที่มีไม่สามารถเลื่อนออกไปได้จึงจนใจเดินทางหลังจากปลอบโยนวราพิชชาอยู่นาน “โธ่...วราอย่าร้องสิครับ ทำแบบนี้ผมจะไปได้ยังไง” “วราไม่ได้ร้องค่ะ น้ำตามันไหลออกมาเอง” วราพิชชากลั้นเสียงสะอื้น พยายามหยุดน้ำตาที่มันรินไหลออกมาอย่างไม่รู้สาเหตุ “ครับไม่ร้องก็ไม่ร้อง ดูสิลูกโตจะเป็นหนุ่มแล้วคุณแม่ยังขี้แยอยู่เลย” “วราไม่ได้ร้องจริงๆ ค่ะน้ำตามันไหลออกมาเอง” เสียงหวานเริ่มกระเง้ากระงอดพร้อมทั้งกอดร่างโดมินิคไม่ยอมปล่อย “ไม่เอาครับ วราทำแบบนี้ผ
บทที่25.ครอบครัวแสนสุข (ก่อนพายุ)วันคืนที่หมุนเวียนผ่านไปทุกๆ วันมีแต่ความสุขสมหวังจนวราพิชชานึกหวาดหวั่น แม้ว่าเดวิดและแพรไหมรับรู้และยอมรับแต่เธอและโดมินิคก็ยังนึกหวั่นเกรงอยู่ ในงานเปิดตัวที่เหมือนเป็นงานฉลองสมรสของเธอและโดมินิคไร้เงาญาติทางฝ่ายเดวิด ซึ่งก็หมายความว่าพวกเขายังไม่ยอมรับวราพิชชาและลูกเลย โดมินิคก็รับรู้และคอยเป็นกำลังใจให้วราพิชชาเงียบๆ หลังจากปรับความเข้าใจกันแล้ววราพิชชาและโดมินิคตกลงกันว่าจะสู้ปัญหา และไม่ยอมย่อท้อกับอุปสรรค ถ้าวราพิชชาท้อและไม่ยอมสู้ จะเป็นโดมินิคเองที่ต้องสู้เพียงคนเดียว เพราะฉนั้นจะต้องร่วมมือกันและเป็นกำลังใจให้แก่กัน วราพิชชาย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่ที่โดมินิคจัดหาไว้ให้ ชิวิตดำเนินไปตามปกติ แต่เหตุการณ์สงบจน วราพิชชานึกหวั่นใจว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายๆ เกิดขึ้น น้องบาสเติบโตขึ้น ดูเป็นเด็กร่าเริงเลี้ยงง่ายอารมณ์ดีตลอดทั้งวันวราพิชชามีคนมาช่วยเลี้ยงลูกหลังจากกลับมาจากไปฮันนีมูน ส่วนเดวิด
บทที่24.สัญญาต้องทำ(เต็มใจ)หลังจากจบงานทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน วราพิชชาจึงได้รู้ว่าตัวเองไม่ได้กลับไปด้วย โดมินิคพาวราพิชชาแยกตัวออกมา หลังจาก่ำลาเพื่อนๆ และผู้ใหญ่ที่เคารพ เขาพาเธอเดินทางไปยังรีสอร์ทชายทะเลแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อน โดมินิคบอกว่าเป็นของขวัญที่แม่มอบให้ขัดไม่ได้ แต่ตอนที่บอกดวงตาดูระยิบระยับแปลกๆ เสื้อผ้าถูกจัดเตรียมใว้พร้อมสัพ เดินทางไม่ไกลเท่าไร คงประมาณระยองหรือไม่ก็ชลบุรี เพียงแต่ว่าต้องนั่งเรือไปอีกเพราะเป็น รีสอร์ทส่วนตัว ตอนมาถึงก็เกือบเช้าแล้ว หลังจากหลับตื่นๆ มาในรถยนต์ พอถึงที่พักหัวถึงหมอนก็หลับไปด้วยความอ่อนเพลียโดมินิคเดินตามขึ้นมาหลังจากเก็บสัมภาระเข้าที่เข้าทาง เขาจะลาพักมาหนึ่งอาทิตย์ จึงต้องเตรียมของสดมาเยอะหน่อย กะอยู่กันสองคนไม่ยุ่งเกี่ยวกับใคร ทำอาหารกินกันสองคนในบรรยากาศอบอุ่น โดมินิคส่ายหน้าน้อยๆ วราพิชชานอนหลับไปทันทีที่หัวถึงหมอน หน่ำซ้ำยังไม่ได้เปลี่ยนชุดแต่งงานออก เธอยังคงงดงามแม้ในตอนที่หลับสนิท ผมยาวสยายแผ่เต็มหมอนดูงดงามจนกายเขาปวดร้าว ได้แต่เตือนตั
บทที่23. เซอร์ไพรส์ (หวานหยด)สองสามวันที่ผ่านมานี้ วราพิชชารู้สึกว่าทุกคนมองมาที่เธอแปลกๆ แววตาเหมือนกับจะแสดงความยินดีแปลกๆ รวมทั้งโดมินิคก็ทำตัวแปลกไป ไม่มายุ่งวุ่นวายกับวราพิชชา เขามักจะหายหน้าไปนานๆ กลับมาก็ตอนที่วราพิชชาและลูกหลับไปแล้ว ตื่นขึ้นมาก็ไม่เห็น รู้แต่ว่ากลับมานอนด้วย แต่ไม่เคยได้เจอะเจอหน้ากันตรงๆ เลย วราพิชชารู้สึกหงอยเหงาจนไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้ บางอย่างขาดหายไป หลังจากที่มันเติมเต็มได้สักพัก ทุกๆ คนมีเรื่องคุยกัน แต่พอวราพิชชาเข้าไปก็หยุดพูด วราพิชชาแอบเห็นว่าทุกๆ คนแอบซุบซิบกันเวลาวราพิชชาเผลอ ยิ่งวันนี้มีการเคลื่อนไหวแปลกๆ มากขึ้นกว่าเดิม คุณปู่คุณย่าที่หลงหลานและไม่เคยไปไหนไกลๆ วันนี้กลับหายออกไปจากบ้านตั้งแต่เช้า โดยไม่ได้บอกวราพิชชา แถมบรรดาการ์ดของโดมินิคก็เดินเข้าเดินออกบ้านเป็นว่าเล่น รู้สึกเหมือนเตรียมเอกสารอะไรบางอย่างอยู่ วราพิชชาเริ่มอึดอัดใจ ดูเหมือนทุกคนมีเรื่องปิดบังวราพิชชาอยู่เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นข้างเธอ วราพิชชายกดูเบอร์ที่โทรเข้าแล้วจึงกดรับ
บทที่22.งอนดีไหมเนี้ย (เสียงถอนหายใจของโดมินิค)วันเวลาผ่านไปเร็วเหมือนโกหก นับตั้งแต่โดมินิคออกตามหาวราพิชชาจนพบแล้วพากลับมาอยู่ด้วยกัน แด๊ดและแม่ต่างก็หลงรักน้องบาสอย่างโงหัวไม่ขึ้น ในตอนแรกแด๊ดวางท่าทีเฉยเมยทำเหมือนไม่สนใจ เพียงเวลาผ่านไปไม่นาน ด้วยความที่แม่หลงน้องบาสไม่ยอมห่างไปไหนวนเวียนช่วยวราพิชชาเลี้ยงลูกอย่างเต็มที่ จนแด๊ดเก็บอาการไม่อยู่หลุดอาการเผยออกมาให้เห็นว่าตัวเองก็อยากอุ้มหลานเหมือนกัน นับจากนั้นสองปู่กับย่าต่างก็แย่งกันเลี้ยงดูจนทำให้วราพิชชามีเวลาว่าง แต่ก็ยังทำโน้นนี่ไม่มีหยุด ไม่มีเวลามาใส่ใจโดมินิคจนโดมินิคเกิดอาการน้อยใจ แต่สาวเจ้าก็ยังไม่รู้ตัวจนโดมินิคจะงอนแล้วก็ยังไม่ยอมรู้ตัวอีก เป็นโดมินิคเสียอีกที่งอนจนเก้อโดยที่สาวน้อยไม่รู้ว่าโกรธเคืองด้วยสาเหตุใด จนสุดที่จะทนไหว ต้องหาแนวร่วมซึ่งก็ไม่พ้นแพรไหมอีกนั้นแหละ ในตอนบ่ายวันหนึ่งโดมินิคกลับมาจากที่ทำงานก่อนเวลา (สถานที่ทำงานเปลี่ยนจากทั่วโลกมาประจำอยู่เมืองไทยชั่วคราว) หลังจากเปลี่ยนเครื่องแต่งกายเป็นชุดอยู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ไปวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แพรไหมจนเธอผิดสังเกตจน