ณ ลานกว้างของคฤหาสน์ชิงสุ่ย มีคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ตรงนั้น! สวีอู่กับสี่ราชันย์สวรรค์กำลังนั่งดื่มชาพลางมองดูนาฬิกาอยู่ในห้อง... เฮยหลางที่รอจนชักจะเริ่มหมดความอดทนถึงกับเอ่ยขึ้นมาว่า "ให้ตายเถอะ! คงไม่ใช่ว่าไอ้เศษสวะนั่นไม่มาหรอกนะ? ฉันอยากจะรู้นักว่ามันจะหาใครมาช่วย!" ในตอนนี้เอง ชายคนหนึ่งที่อยู่ตรงประตูด้านนอกก็วิ่งพรวดเข้ามา "นายท่านอู่! คนมาแล้วครับ!" สวีอู่ลุกขึ้นทันทีพลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "มีคนมากันเท่าไรล่ะ?" "สะ...สี่..." ชายหนุ่มกล่าว สวีอู่กับสี่ราชันย์สวรรค์มองหน้ากันแล้วหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังพร้อมกัน! "สี่คน! ฉันบอกแล้วยังไงล่ะว่าในมณฑลทั้งสามไม่มีใครกล้าช่วยมันหรอก! ฮ่าฮ่า!" "สี่คนนี้มารนหาที่ตายถึงที่นี่เลยเชียวรึ?" สวีอู่โบกมือแล้วยิ้มพลางกล่าวว่า "จับตัวนังเด็กไม่มีพ่อคนนั้นไปขังเอาไว้ซะ! ออกไปดูไอ้ขี้แพ้สี่คนนี้กันเถอะ!" เมื่อสวีอู่เดินออกจากประตู เขาก็มาอยู่ตรงหน้าลานกว้างของคฤหาสน์ชิงสุ่ย ลานกว้างมีขนาดใหญ่โตจนสามารถบรรจุผู้คนได้นับหมื่นคน! ตอนนี้ลานกว้างเต็มไปด้วยผู้คนจนดำมืดไปหมด! กินเนื้อที่ส่วนใหญ่ของลานกว้างเข้าไปแล้ว! ขวางเสอเ
เปรี้ยง——! ! ! เมฆฝนขนาดมหึมาก่อตัวอยู่บนท้องฟ้า! ในที่สุดระเบิดพลังอันแกร่งกล้าของเขาออกมา! บังเกิดสายฟ้าฟาดขึ้นมาทันที! ทันใดนั้นทั่วทั้งคฤหาสน์ชิงสุ่ยก็สว่างราวกับยามกลางวัน! ทุกคนต่างเห็นว่าสายฟ้าที่ผ่าฟาดลงมานี้แหวกท้องนภาออกจากกัน! ทำให้เมฆฝนดำทะมึนแยกออกเป็นสองส่วน! ระหว่างเมฆฝนทั้งสองส่วน! มีลำแสงสายหนึ่งสาดส่องลงมา! สวีอู่หรี่ตามองก็เห็นเงาดำที่ราวกับดาวตกพากันหลั่งไหลเข้ามา! ตู้ม! ปัง ปัง! ! ตู้ม! ! ! เงาดำพวกนี้ต่างพุ่งตัวมาอยู่ข้างหลังหลี่ชิงเฟิงและพื้นก็พลันยุบลงทันที! มีเพียงแค่สวีอู่ที่เห็นได้ชัดเจนว่าเงาดำทุกสายล้วนแล้วแต่เป็นคนผู้หนึ่ง! ระ...เรื่องแบบนี้ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกน่า! ในเวลาเพียงชั่วไม่กี่อึดใจ! ก็มีคนเกือบพันคนอยู่ข้างหลังหลี่ชิงเฟิง! "หน่วยรบสี่จอมอสูรรายงานตัว! ใครมันกล้าอวดดี!" "หน่วยรบแปดพญามัจจุราชมาช่วยล่าช้าเกินไป! ได้โปรดยกโทษให้ด้วยครับ!" "หน่วยรบสิบหกอาชาโลหิต! ผมได้รับคำสั่งให้มาเข่นฆ่าเจ้าพวกโจรชั่ว! โปรดบัญชามาได้เลย!" "หน่วยรบสามสิบหกปรมาจารย์วิญญาณรายงานตัว! โปรดบัญชามาได้เลย!" ในยามนี้ สีหน้าสวีอู่ที่ก่อนหน้านี้ยั
ดวงตาของหลี่ชิงเฟิงฉายแววเย็นชาอาฆาตแค้น จากนั้นเจตนาสังหารของเขากลับยิ่งแรงกล้ามากขึ้น! เขาจ้องมองสวีอู่แล้วค่อย ๆ เอ่ยขึ้นว่า "แกบอกว่าพวกเราอาศัยว่ามีคนมากกว่าใช่ไหม?" สวีอู่แผดเสียงพร้อมดวงตาแดงฉาน "อีกอย่างฉันก็ต้องยอมรับว่าแกแข็งแกร่งกว่าคนอื่น! วันนี้ฉันขอยอมแพ้ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมรับหรอกนะ!" "ดี ดีมาก" หลี่ชิงเฟิงหันหน้ามามองบรรดาพี่น้องที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า "พวกเราอสูรรัตติกาลนับถือผู้แกร่งกล้าเสมอมา! พวกเราจะไม่อาศัยคนมากรังแกคนอ่อนแอหรืออาศัยอำนาจมากรังแกคนอ่อนแอ! ในเมื่อสวีอู่ร้องขอมา ผมจะสนองให้มันเองก็แล้วกัน" "พวกเราอสูรรัตติกาลจะประลองกับสวีอู่ด้วยความ 'ยุติธรรม' งั้นเหรอ?" หลี่ชิงเฟิงจ้องมองสวีอู่พลางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "พวกเราอสูรรัตติกาลจะส่งใครสักคนขึ้นมาต่อสู้ พวกคุณสี่พันคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ ถ้ามีใครหลบหลีกพ้นหรือฆ่าเขาได้ก็จะได้ออกไปจากที่นี่" "หลี่ชิงเฟิงจะไม่แก้แค้นหรือคิดบัญชีกับใครทั้งนั้น! ว่ายังไงล่ะ?" เมื่อทุกคนในกลุ่มของสวีอู่ได้ยินเช่นนี้เข้า ก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออก... แบบนี้มันยุติธรรมยังไงกันเล่า? เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าหลี่ชิง
เมื่อเห็นการคัดเลือกคนแล้ว เย่เซียวที่อยู่อีกด้านก็ส่ายหน้าอย่างจนใจด้วยสายตาผิดหวัง... อย่างไรเสียเขาก็เป็นนายพลหนุ่ม ย่อมไม่มีคนใหญ่คนโตคนไหนรู้สึกอับอายขายหน้าที่ถูกช่วงชิงความสนใจ ยิ่งไปกว่านั้นหลี่ชิงเฟิงยังเป็นคนที่เรียกชื่อเขาออกมาอีกต่างหาก ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก เมื่อเห็นผู้ใต้บังคับบัญชาของตัวเอง มีแต่กูหวนที่ยิ้มเสียจนปากแทบฉีกถึงรูหู "เฉาเจิ้ง พยายามให้สุดความสามารถล่ะ! ถ้านายทำได้ดี ฉันจะฝึกพักตร์ภูตสิบแปดหมัดขั้นหนึ่งให้!" เฉาเจิ้งพยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง "ผมต้องปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วงแน่นอน!!!" หลังจากเขาพูดจบก็เดินเข้าไปหาสวีอู่ ดูเหมือนว่าคนกว่าสี่พันคนจะไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย เขาจึงจ้องมองสวีอู่พลางยิ้มเยาะ "ตาแก่เอ๊ย แกมันตาบอดจริง ๆ แกช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าดียังไงถึงได้สร้างความขุ่นเคืองให้จอมอสูร? !” สวีอู่โมโหเสียจนหางตากระตุกพลางกัดฟันพูดว่า "แกเป็นบ้าอะไรวะ! เมื่อตัดสินจากพละกำลังของแกแล้ว ก็ไม่ได้มากมายขนาดนั้น! ยังไม่แน่ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะเลย! ฉันมีถึงสี่พันคน แต่แกมีเพียงแค่คนเดียว!" "ฆ่าทั้งสี่พันคนของแก ลำพังแค่ฉันค
ห้านาทีต่อมา เหล่ายอดฝีมือของอสูรรัตติกาลมารวมตัวกันอยู่ตรงประตูคฤหาสน์ชิงสุ่ย เพื่อรอฟังคำสั่งต่อไปของหลี่ชิงเฟิง หลี่ชิงเฟิงมองพวกเขาแล้วพูดว่า "เย่เซียวกับฉันจัดการเรื่องที่เหลือกันเองได้ พวกนายอยู่ห่างจากพื้นที่ของตัวเองมานานเกินไปแล้ว ฉันเกรงว่าอาจจะมีปัญหาได้ งั้นก็แยกย้ายเถอะ" เมื่อยอดฝีมือทั้งหลายมองหลี่ชิงเฟิง พวกเขาก็มองหน้ากันด้วยสายตาลังเลใจอยู่บ้าง หลี่ชิงเฟิงหันหลังกลับไปหาพวกเขาแล้วโบกมือ "ไปได้แล้ว" "รับทราบ!" ตอนที่ผู้คนมาถึงว่าเร็วแล้ว ยามที่แยกย้ายกลับรวดเร็วยิ่งกว่า! หลี่ชิงเฟิงออกคำสั่งแล้วทุกคนก็สลายตัวราวกับกระแสน้ำไหล ในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว ก็เหลือเพียงหลี่ชิงเฟิง เย่เซียว หม่าคุนและจ้าวเทียนชื่อยืนอยู่ตรงประตู หลี่ชิงเฟิงหันกลับมามองหม่าคุนแล้วขมวดคิ้ว "ทำไมคุณยังไม่กลับไปอีกล่ะ?" หม่าคุนยิ้มให้ "จอมอสูร ผมมีธุระในเมืองเซี่ยชวนก็เลยกลับไม่ได้ ทำไมคุณไม่ให้ผมช่วยตามหาเซี่ยอิ่งล่ะครับ!" "นังแพศยานั่น! หล่อนต้มผมเสียเปื่อยเลย! ผมหม่าคุนจะไม่ปล่อยหล่อนไปแน่!" ในยามนี้เอง ก็มีทหารนายหนึ่งรีบเข้ามาพูดอะไรสองสามคำอยู่ข้างหูของหม่าคุน ทำให้หม่าค
หลี่ชิงเฟิงไม่สนใจเขาอีกแล้วพาเย่เซียวไปด้วย เขาขยับตัวแล้วหายวับไปจากสายตาในเวลาเพียงชั่วพริบตาเดียว... เมื่อหม่าคุนเห็นหลี่ชิงเฟิงเดินห่างออกไปแล้ว เขาก็ยิ้มพลางตบไหล่จ้าวเทียนชื่อ "ไอ้หนุ่ม ทำงานของตัวเองให้ดีแล้วทำให้จอมอสูรเห็นคุณค่า นับแต่นี้เป็นต้นไปนายจะมีอนาคตอันแสนสดใสเลยเชียวล่ะ!" จ้าวเทียนชื่อยิ้มพลางพยักหน้า "ขอบคุณครับ! ขอบคุณที่ท่านนายพลมอบโอกาสแบบนี้ให้ผม! ผมจะไม่มีวันบุญคุณครั้งนี้เลย! ขอบคุณครับ!" "เอาล่ะ ผมต้องไปแล้วเหมือนกัน ไว้เจอกันวันหลังนะ" หลังจากหม่าคุนพูดจบ เขาก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปจากที่นี่... … ณ คฤหาสน์ตระกูลเซี่ย เซี่ยอิ่ง นายหญิงผู้เฒ่าและเซี่ยเทากำลังดื่มไวน์แดงกันด้วยความสุขสันต์อยู่ตรงโต๊ะอาหาร! นายหญิงผู้เฒ่าชูแก้วขึ้นพลางยิ้มแล้วพูดว่า "วันนี้พวกเรามีเรื่องต้องฉลองจริง ๆ นั่นแหละ! เรื่องแรกคือฉลองให้ตระกูลเซี่ยของพวกเราที่จะได้รับการดูแลจากนายท่านอู่และมีโครงการเข้ามาไม่ขาดสาย! เรื่องที่สอง! ฉลองให้เซี่ยอิ่งที่ได้รู้จักกับนายพลอาวุโสแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย! ฉันมั่นใจว่าพวกเราอาจจะมีโอกาสได้เชื่อมสัมพันธ์ผ่านการแต่งงานจนได้ก้าวขึ้นสู่จุด
เซี่ยอิ่งสีหน้ามั่นอกมั่นใจ เธอหันกลับไปบอกให้คุณย่ากับคุณพ่อของตัวเองนั่งลงแล้วเอ่ยเสียงดังลั่นขึ้นมาว่า "ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ อย่าปล่อยให้ไอ้ขี้แพ้คนนี้มารังแกเอาได้! ต่อให้มันใจกล้าสักแค่ไหน! มันก็ไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอกค่ะ!" หลังจากเซี่ยอิ่งพูดจบ เธอก็ควักเอานามบัตรออกมาจากแขนตัวเอง! มันเป็นนามบัตรที่หม่าคุนทิ้งเอาไว้ให้เธอ! เซี่ยอิ่งหรี่ตาพลางค่อย ๆ เดินเข้ามาหาหลี่ชิงเฟิง จากนั้นเธอก็โบกนามบัตรไปมาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วยิ้มเยาะ "แกรู้หรือเปล่าว่าคนผู้นี้เป็นใคร? คนผู้นี้คือหม่าคุนผู้เป็นนายพลระดับเจ็ดดาวแห่งอาณาจักรต้าเซี่ยเชียวนะ!" "นามบัตรใบนี้นายพลหม่าเป็นคนมอบให้ฉันด้วยตัวเอง! เขายังบอกอีกว่าถ้าอยากให้ช่วยอะไรก็บอกมาได้เลย!" เซี่ยอิ่งมองหลี่ชิงเฟิงด้วยสีหน้าภูมิอกภูมิใจ "นั่นคือนายพลระดับเจ็ดดาวเชียวนะ! คนที่พูดครั้งเดียวก็สามารถกวาดล้างทั้งตระกูลได้แล้ว! เขามีพลทหารอยู่นับล้าน! มิหนำซ้ำตอนนี้เขาก็อยู่ในเมืองเซี่ยชวน! ขอเพียงแค่ฉันโทรหาเขาเท่านั้น เขาก็จะมาถึงที่นี่ภายในห้านาที!" "ไอ้คนขี้แพ้! แกยังกล้าแตะต้องฉันอยู่อีกหรือเปล่าล่ะ? แกประเมินความสามารถของตัวเองสูงเกินไ
"รอสักครู่นะครับ ผมจะไปที่นั่นเดี๋ยวนี้แหละ" หม่าคุนวางสายทันทีที่พูดจบ เซี่ยอิ่งคิดว่าหม่าคุนยินดีจะช่วยเหลือเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่คิดอะไรให้มากอีก เธอชี้นิ้วมาทางหลี่ชิงเฟิงแล้วยิ้มชั่วร้าย "แกตายแน่! ฮ่าฮ่า! แกต้องตายแน่ ๆ! หม่าคุนสัญญาแล้วว่าจะมา! ฉันจะทำให้แกคุกเข่าลงแล้วขอร้องให้ฉันฆ่าแกทีหลังเอง!” เมื่อได้ยินเช่นนี้เข้า ก็จุดประกายความหวังในใจของทุกคนในตระกูลเซี่ยขึ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อหลี่ชิงเฟิงได้ยินเช่นนี้ เขาก็ยังคงสงบนิ่งพลางหันหลังเดินไปที่โต๊ะอาหารแล้วค่อย ๆ นั่งลง เซี่ยอิ่งรู้สึกสับสนอยู่บ้างและไม่เข้าใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่กันแน่? คราวนี้ทำไมมันถึงไม่ลงมือล่ะ? หรือว่ามันกำลังรอให้ใครเข้ามาหา? เมื่อเซี่ยอิ่งนึกได้เช่นนี้ก็ยิ้มชั่วร้าย "หลี่ชิงเฟิง! แกมันโอหังเกินไปแล้ว! แกกำลังรอคอยให้ท่านนายพลเข้ามาหาใช่ไหมล่ะ? ฉันเกรงว่าแกยังไม่รู้ว่ากำลังเผชิญหน้ากับอะไรอยู่! นั่นไม่ใช่พลังที่แกจะสามารถเปรียบได้หรอกนะ!" "ตอนนี้แกเสียโอกาสเพียงหนึ่งเดียวที่จะได้ฆ่าฉันไปแล้ว! แกจงตายเสียเถอะ! ฮ่าฮ่า!" ก่อนที่เขาจะทันได้พูดให้จบ ก็มีแสงเจิดจ้าสาดส่องเข้ามาจากด้านนอก! ทัน