بيت / โรแมนติก / จะรักหรือจะร้าย / จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 6 | ชายคาเดียวกัน 2

مشاركة

จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 6 | ชายคาเดียวกัน 2

مؤلف: ACHICHI
last update آخر تحديث: 2025-04-18 03:01:46

EPISODE 6

ชายคาเดียวกัน 2

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไป

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวอย่างกับโกหก…

ตอนนี้ฉันมีสามีเป็นตัวเป็นตน ทั้งยังย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกันได้สัปดาห์เต็มแล้ว ถึงระหว่างเราจะไม่มีอะไรคืบหน้ามากไปกว่าการที่ฉันไปอ้อนจูบเขาก่อนนอนทุกคืน จนคนที่มีสีหน้าเบื่อโลกน่าจะเริ่มชินชา ซ้ำพักหลังจะไม่ขัดขืนแล้วด้วย ก็อย่างที่บอกแม้เขาจะไม่ได้ดูเต็มใจ แต่ก็ไม่ถึงขั้นที่จะไม่ยอมรับสถานะผัวเมียหรอก

นอกเหนือจากนั้นก็ไร้ซึ่งความคืบหน้าใด ๆ จริง ๆ เราแทบจะไม่ได้คุยกันเพราะว่าช่วงนี้ฉันไฟกำลังมาเลยไม่มีเวลาจะไปพัฒนาความสัมพันธ์กับเขา วันทั้งวันก็ได้แต่นั่งอยู่หน้าโน้ตบุ๊ก รัวนิ้วใส่แป้นพิมพ์อย่างเมามัน แทบจะไม่ได้ดูเวลาเลยด้วยซ้ำ ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็ถึงกับหอบเอาหมอนลงมานอนชั้นล่างแล้วด้วย

จริง ๆ เรื่องผู้ชายก็สำคัญ แต่ที่สำคัญกว่าคืออารมณ์ในการแต่งนิยายมันไม่ได้มีบ่อย ๆ นักหรอกที่หัวสมองจะลื่นปรื๊ด ๆ ราวกับตั้งค่าอัตโนมัติไว้ เพราะงั้นช่วงไหนที่หัวกำลังแล่นก็ต้องเลือกทำงานไว้ก่อน

และการที่ฉันเอาแต่สนอกสนใจงานอย่างเดียวแบบนี้ก็ทำให้อีกคนท่าทางพออกพอใจที่ไม่มีคนไปวุ่นวายด้วย ไว้รอสมองตันเมื่อไรก่อนเถอะ จะได้รำคาญกันยาวแน่

แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ตอนนี้…

ร่างสูงของเฮียครามเดินลงบันไดมา ท่าทางเพิ่งจะตื่นนอน วันนี้แปลกไปหน่อยตรงที่เจ้าตัวไม่ได้เดินผ่านเลยไปเหมือนทุกวัน แต่กำลังหยุดยืนมองกันนิ่งอยู่เกือบนาที

“นอนรึยัง?”

คนที่อยู่ห่างออกไปขมวดคิ้วหนัก สายตามองสภาพครึ่งคนครึ่งผีในผ้าห่มผืนหนาที่คลุมมิดชิดตั้งแต่หัวถึงข้อเท้าของฉัน ในรูจมูกเสียบยาดมค้างเอาไว้ข้างหนึ่ง

โอเค… สุดท้ายก็ต้องยอมรับสภาพจริง ๆ นั่นแหละว่าฉันไม่สามารถที่จะทำตัวสวยตลอดเวลาได้ เพราะหลายวันมานี้ฉันก็กลับมาใส่เสื้อยืดคอย้วยตัวโปรดอีกครั้ง ผมเผ้าไม่ได้แปรงมาน่าจะสามวันเข้าไปแล้ว สายตาแบบนั้นของเฮียทำให้พึงตระหนักได้ตอนนี้นี่เองว่า ฉันเผลอปล่อยตัวเกินไป ทั้งที่เราเพิ่งมาร่วมชายคาเดียวกันได้ไม่นาน

แต่ถึงงั้นก็เถอะ… ช่างมันปะไร… ยังไงก็เห็นสภาพซกมกของยาหยีมาหลายวันแล้วนี่ ทนต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน

“หยี…”

“…”

“หยี”

“ฮะ? ว่าไงเฮีย?”

ฉันสะดุ้งนิด ๆ เมื่อได้ยินเสียงเรียกซ้ำอีกครั้ง คนที่ยืนอยู่ห่างออกไปเดินเข้ามาจนใกล้แล้วดึงเอาแว่นตากันแสงสีฟ้าออกจากกรอบหน้า พร้อมกันก็เอายาดมสุดที่รักออกไปด้วย

ฉันยกมือขึ้นลูบใบหน้าตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน อาการแบบที่เรียกได้ว่าไม่ได้หลับไม่ได้นอนติดต่อกันหลายวันเพราะโหมงานหนักชักจะเข้าเล่นงาน นัยน์ตาพร่าเลือนไปเล็กน้อยจนต้องทิ้งหลังพิงโซฟา คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าพับจอโน้ตบุ๊กลงดื้อ ๆ สายตาหนักใจฉายชัด

“ไปนอนได้แล้ว”

“หยียังไม่ง่วงเลย”

“จะง่วงได้ไง? กินกาแฟไปกี่แก้ว?”

“…”

เพราะเถียงไม่ออกก็เลยไม่เถียง หลักฐานที่เป็นแก้วกาแฟซึ่งสั่งดิลิเวอรีมาส่งวางอยู่เกลื่อนโต๊ะ เวลาทำงานฉันมักจะเป็นแบบนี้เสมอ คือทิ้งโลกทั้งใบไว้ข้างหลัง ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากลางวันหรือกลางคืน อีกทั้งยังงง ๆ สับสนนิดหน่อยว่าอาบน้ำครั้งสุดท้ายเมื่อวานหรือเมื่อวานซืน

ไม่สกปรกหรอกน่า… อยู่แต่ในห้องแอร์…

ดูเหมือนอีกคนจะไม่สนใจจะเอาคำตอบอะไรอีกแล้ว เข้ามาดึงแขนฉันให้ลุกจากโซฟา เพราะนั่งอยู่ที่เดิมมานานหลายชั่วโมงทำเอาขาสองข้างเซแทบจะยืนไม่อยู่จนต้องเกาะบ่าของคนตรงหน้าเอาไว้ รู้สึกวิงเวียนคล้ายจะเป็นลม

เสียงถอนหายใจดังขึ้นเหนือหัว และวินาทีถัดมาขาสองข้างก็ลอยขึ้นจากพื้น คนที่ไม่ได้สนใจอะไรกันมาตลอดหนึ่งสัปดาห์เต็มแบบเขากำลังทำหน้าเคร่งเครียดตอนที่พาฉันขึ้นบันไดไปด้านบน

มันก็ตลกดี พอตอนที่เฮียซึ่งเฉยมาได้ตลอดหลายวันหันมาทำดีด้วยแต่ฉันกลับหมดแรงที่จะเล่นหูเล่นตา เหนื่อยเกินกว่าที่จะรู้สึกอะไรด้วยซ้ำ และไม่นานตัวฉันก็ถูกวางลงบนเตียงโดยมีคนที่อุ้มขึ้นมายืนเท้าสะเอวมอง

“นอน”

“อือ”

ฉันพลิกตัวหันหลังให้ ร่างกายหมดแรงเกินกว่าที่จะอยากขยับตัวทำอะไร ความรู้สึกเหมือนกำลังจะโดนเตียงนุ่ม ๆ สูบเอาวิญญาณออกจากร่างไป ผ้าห่มผืนหนาถูกดึงขึ้นมาห่มให้จนถึงคอ

ไม่รู้ว่าเฮียครามกำลังทำสีหน้ายังไงที่เมียซึ่งแต่งมามีสภาพในเวลาปกติเป็นแบบนี้ รู้แค่ว่าถ้าเฮียไม่บังคับให้มานอน อีหยีคนนี้ต้องสลบคาโน้ตบุ๊กแน่นอน

วันต่อมา

ฉันขยับตัวอย่างเหนื่อยอ่อน รู้สึกได้ว่าตัวเองนอนไปนานมาก อาจจะแบบที่เรียกได้ว่าหลับข้ามวันข้ามคืน ขนาดเมื่อคืนคนเป็นสามีมานอนข้างกัน ฉันยังไม่มีอารมณ์จะไปวุ่นวายกับเขาเลย

วันนี้ตื่นมาก็ไม่เห็นคนที่ว่านั่นอยู่บนเตียงแล้ว แสงแดดที่สาดส่องเข้ามาไม่รู้ว่าเป็นเวลาช่วงเช้าหรือบ่าย รู้แค่ว่ามันแสบตาจนต้องตื่นขึ้นมานี่ไง

หลังจากที่ลากสังขารอิดโรยของตัวเองไปอาบน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ฉันก็ตั้งท่าจะลงไปพิมพ์นิยายต่อเพราะยังเหลือเนื้อหาอีกกว่าครึ่งที่ยังเขียนไม่เสร็จ และตอนนั้นเองที่เฮียครามกลับเข้าบ้านมาในชุดสูทแปลกหูแปลกตาไปจากทุกวัน

“มอนิง”           

ฉันเอ่ยทักอย่างอารมณ์ดี รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาหลังจากได้นอนจนเต็มคราบไปหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็ม แต่อีกคนกลับทำหน้าเครียดเมื่อเห็นว่าฉันกลับมานั่งอยู่หน้าจอ นิ้วกำลังรัวใส่แป้นพิมพ์อย่างเมามันอีกครั้ง ร่างสูงเดินเข้ามาจนใกล้แล้วพับจอโน้ตบุ๊กลง

“ถามจริง… กะจะนั่งทำงานไม่กินไม่นอนแบบนี้?”

น้ำเสียงซีเรียสเอ่ยขึ้นอย่างเป็นจริงเป็นจัง สายตาที่มองมาถึงแม้จะเฉยชาแต่ก็ดูให้ความสนอกสนใจกันมากกว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่ฉันก็แทบไม่ได้ไปวุ่นวายอะไรกับเขาเลยด้วยซ้ำ เอาแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำงาน

“เฮียไม่ต้องห่วงหรอกน่า หยีโอเค” ฉันทำนิ้วเป็นรูปโอเคพร้อมทั้งยิ้มหวานให้เมื่อเห็นว่าคนตรงหน้ากำลังออกอาการราวกับเป็นห่วงกัน แต่เฮียครามกลับถอนหายใจออกมา

“ต้องรอให้ล้มหมอนนอนเสื่อ?”

“หยีต้องใช้อารมณ์ในการเขียนไงเฮีย ช่วงไหนไฟกำลังโหมก็ทำงานหามรุ่งหามค่ำแบบนี้แหละ” ฉันพยายามจะอธิบาย แต่ดูเหมือนอีกคนจะไม่เข้าใจ

“ไปแต่งตัว จะพาไปกินข้าว”

“…จะพาหยีไปกินข้าวเหรอ?”

“…”

แม้ว่าดวงหน้าหล่อจะยังไม่ลดความตึงเครียดลง แต่ฉันกลับต้องพยายามกลั้นยิ้ม เพราะตั้งแต่เรามาอยู่ด้วยกัน เขาก็ไม่เคยคิดจะชวนฉันออกไปไหนเลย ขนาดกินข้าวยังไม่ได้กินพร้อมกันเลยสักมื้อ เพราะฉันไม่มีอารมณ์จะกิน แม้ว่าเฮียครามจะเอาข้าวกลับมาให้จากบ้านข้าง ๆ ทุกวันก็ตามที

“จะไปไม่ไป?”

“อีกสักชั่วโมงได้ไหม? เมื่อกี้หยีเพิ่งคิดฉากเด็ดขึ้นมาได้ ขอพิมพ์ก่อน…”

“ถ้าเลือกงาน ก็ไม่ต้องไป”

คิ้วเข้มเลิกขึ้นข้างหนึ่งราวกับจะรู้ทันกัน มันแน่อยู่แล้วว่าต้องเลือกงาน… เอ้ย! เลือกผู้ชายสิ! เป็นอะไรที่หาดูยากน่าดูการที่อีกฝ่ายจะเอ่ยปากอะไรแบบนี้ออกมา

หนึ่งชั่วโมงต่อมา

ที่บอกว่าพาออกมากินข้าวมันก็แค่นั้นจริง ๆ พอกินเสร็จปุ๊บเฮียก็ตั้งท่าจะกลับบ้าน แต่ได้ที่ไหน… กว่าฉันจะออกมาจากถ้ำได้แต่ละที…

ตอนแรกก็คิดว่าการได้ออกมาผ่อนคลายบ้างจะเป็นอะไรที่ดี แต่กลายเป็นว่าคิดผิด

เหมือนถึงคราวซวยตอนที่สายตาดันชำเลืองมองไปเห็นคนรู้จักในแวดวงไฮโซด้วยกันกำลังจะเดินสวนมาแบบที่ไม่คาดคิดว่าจะเจอ

จะหนีก็หนีไม่ทันเพราะไม่ถึงหนึ่งนาทีคนที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีแบบ ‘ลิลลี่’ คุณหนูหนึ่งในสามสาวแก๊งพาวเวอร์พัฟเกิร์ลชื่อที่ฉันแอบตั้งให้เองเดินมาหยุดยืนลงตรงหน้า หลังจากที่เราไม่ได้เจอกันมาร่วมห้าเดือน เพราะระยะหลังสถานะทางการเงินของฉันเรียกได้ว่าถังแตก เลยไม่มีหน้าไปเจอคนอื่น ๆ เหมือนเก่า

“หยี!”

เสียงดีใจระคนแปลกใจทักขึ้นก่อน ดวงหน้าสวยหวานแบบคุณนู้คุณหนูลากสายตามองกันตั้งแต่เท้าจรดหัว ราวกับจะเป็นการประเมินทางสายตา และโชคดีเหลือเกินที่วันนี้ฉันแต่งหน้าแต่งตัวจัดเต็มออกมา ไม่งั้นคงขายขี้หน้าแย่ เพราะอีกคนยังคงสวยใสไฮโซเหมือนเดิม

“หวัดดีแก ไม่ได้เจอตั้งนาน” ฉันจำใจต้องปั้นหน้ายิ้มกว้างทักทายกลับ พร้อมกันก็คว้าแขนของเฮียครามที่หันมาเห็นสถานการณ์นี้เข้าพอดี และตั้งท่าจะเดินหนีเอาไว้

“ใครอะ? ใช่คนที่เขาว่ากันว่าแกแต่งด้วยไหม?” คนที่ไม่ได้เจอกันมานานกระแซะตัวเข้ามากระซิบถาม ริมฝีปากยกยิ้มหวานส่งให้คนข้างฉัน ท่าทางเคลิ้มไปไม่น้อยเมื่อเห็นว่า ‘คนที่เขาว่ากันว่า…’ หล่อระเบิดแค่ไหน

“นี่เฮียคราม ก็คนที่เขาว่ากันว่านั่นแหละ”

ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดบัง ยังไงในแวดวงเพื่อนไฮโซก็รู้กันหมดแล้วอยู่ดีว่าบ้านฉันถังแตกจนต้องหาใครสักคนยื่นมือเข้ามาช่วย แม้จะไม่ได้เชิญเพื่อนไปงานแต่งเลยสักคน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพ่อแม่ของคนพวกนี้จะไม่รู้เรื่องสักหน่อย

และใช่… เฮียครามเป็นลูกชายของคุณลุงคุณป้าที่ให้การช่วยเหลือครอบครัวฉันไง ที่ลิลลี่อึ้งไปคงไม่ใช่เพราะฉันยอมรับออกไปตามตรง แต่คงเป็นเพราะคนที่ว่าไม่ใช่ตาแก่พุงพลุ้ยอะไรแบบที่คนเขาลือกันมากกว่า

“สวัสดีค่ะ ลิลลี่นะคะ”

“…”

ฉันแทบจะระงับการกลั้นขำของตัวเองเอาไว้ไม่ได้ ตอนที่ยัยลิลลี่ผู้ซึ่งยื่นมือออกไปเพื่อทำความรู้จักถึงกับหน้าเจื่อนไปเลย เมื่อเห็นว่าอีกคนทำเพียงแค่ชำเลืองมองก่อนจะเบนสายตาหนีอย่างรำคาญใจ ไม่ได้อยากจะผูกมิตรใด ๆ ทั้งสิ้น

“เฮียครามอายุเท่าไรเหรอคะ หล่อมากเลย หรือเพิ่งเรียนจบ?” และฉันก็นับถือความพยายามของนางจริง ๆ ที่ยังคงเอ่ยปากถามต่อ

“…” คนถูกถามไม่ตอบ แต่คราวนี้สายตากดดันหันมามองหน้าฉันแทน

“หล่อสิ ก็เป็นพี่เราแค่ปีเดียวเอง”

ฉันเป็นคนเอ่ยตอบออกมาแทน ทั้งยังกอดแขนเขาแน่นขึ้น เอียงคอซบออเซาะไปอีกขั้น น่าแปลกที่เฮียเองก็คงรู้ว่าฉันกำลังอวดเขาให้คนอื่นฟังซึ่ง ๆ หน้าแต่ก็ไม่ยักเดินหนี หรือดึงแขนกลับไป ถึงสีหน้าจะไม่รับแขก แต่อย่างน้อยขาสองข้างก็ยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

“แกไม่ได้ไปกินข้าวกับพวกเรานานแล้วนะ…” ลิลลี่ที่หน้าเจื่อนแล้วเจื่อนอีกเพราะไม่ได้รับความสนใจ เปลี่ยนเป้าหมายหันมาคุยกับฉันในที่สุด

“ช่วงนี้ไม่ว่างอะ ช่วงนี้ฉันยุ่ง ๆ”

“หาเวลาว่างให้เพื่อนหน่อยสิ ทุกคนอยากอัปเดตข่าวนะ…”

“อืม… เดี๋ยวให้คำตอบอีกทีก็แล้วกัน” ฉันตอบแบบแบ่งรับแบ่งสู้ แต่ไม่คิดจะไปเจอหรอก ไปก็โดนรุมยิงคำถามเข้าใส่น่ะสิ

เพราะรู้จักวงการนี้ดี ทั้งยังรู้จักกับยัยพวกนี้มานาน ทำให้เดาได้โดยไม่ต้องใช้ความคิดด้วยซ้ำว่า แต่ละคนอยากจะรู้เรื่องราวระหว่างฉันกับคนที่แต่งงานด้วยแค่ไหน รวมถึงเรื่องที่บ้านฉันเป็นหนี้มหาศาลจนยาหยีคนนี้เกือบจะกลายเป็นคุณหนูตกอับนั่นก็ด้วย

อัปเดตข่าวหรืออยากจะสาวไส้กันกันแน่… เหอะ!

“ไปได้ยัง?” เสียงรำคาญใจดังแทรกบทสนทนาขึ้นราวกับใกล้จะหมดความอดทนเต็มที

“ไว้คุยกันนะ วันนี้ขอตัวก่อน” ว่าแล้วก็โบกมือบ๊ายบายให้ลิลลี่ที่ถึงกับยิ้มแห้งออกมากับความไม่เป็นมิตรของไอ้เฮีย

หลังจากที่เราเดินออกมาจนพ้นสายตาบุคคลที่สามแล้ว คนข้าง ๆ ก็ดึงแขนออกจากการเกาะกุมทันที ชำเลืองมองมาด้วยสีหน้านิ่งสนิท แต่ถึงงั้นก็ไม่ได้เอ่ยอะไรที่จะเป็นการหักหาญให้เสียน้ำใจ มันก็ดีแล้วเพราะฉันเองก็อายไม่น้อยเหมือนกันที่ต้องแสดงออกแบบที่ไม่อยากทำต่อหน้าคนที่เพิ่งจะแต่งงานกันได้ไม่นานอย่างเขา

และการที่เฮียครามไม่พูดอะไรที่เป็นการค่อนขอดออกมาก็ทำให้ฉันแอบชื่นชมอยู่ไม่น้อย แม้ว่าคนท่าทางฉลาดแบบเขาคงจะมองทุกอย่างออกทั้งหมดชนิดปราดเดียวขาดก็ตาม

อืม… ก็ดูเป็นคนที่ใช้ได้อยู่เหมือนกัน…

استمر في قراءة هذا الكتاب مجانا
امسح الكود لتنزيل التطبيق

أحدث فصل

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 3

    EPISODE 50ตอนพิเศษ 3 วันต่อมา ผมตื่นแล้ว… เพราะเสียงรัวกดกริ่งดังไม่หยุดที่หน้าบ้านนั่น ให้เดาก็คงเป็นไอ้พริกกับไอ้รามนั่นแหละ แต่ต่อให้เสียงกริ่งจะดังแค่ไหนก็ดูเหมือนคนข้าง ๆ จะไม่ได้ยิน รู้อีกทีผมก็อุ้มหลานพาดบ่า ถือตะกร้าขวดนมเดินลงมาข้างล่าง สภาพสะลึมสะลือขีดสุดเพราะแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นัยน์ตาต้องหรี่ลงเพราะแสงอาทิตย์จ้าในช่วงสายของวัน “สภาพน่ารักแบบนี้กูต้องอัดรูปใส่กรอบแล้วมั้ง” เสียงร่าเริงของไอ้ห่ารามดังขึ้น พร้อมกันมันก็รีบยกโทรศัพท์รัวถ่ายรูปยกใหญ่ “ยิ้มเป็นไงบ้าง?” พอประตูเปิด คนเป็นแม่รีบรับลูกต่อไป ท่าทางเป็นห่วง ผมส่งต่อตะกร้านมให้ไอ้ราม ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ขี้ทั้งคืน มึงรีบพาไปหาหมอเลย” “โถ…” “แค่นี้นะ กูจะไปนอน” “ตอนเย็นมาแดกข้าวด้วย” เสียงไอ้รามยังคงดังต่อ ผมไม่ได้สนใจเพียงแค่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน โบกมือให้มันนิดหน่อยเท่านั้น พอขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าหยีเหมือนจะเพิ่งตื่น หัวผงกขึ้นมองเล็กน้อย นัยน์ตาใสปรือมองก่อนจะตบที่นอน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 2

    EPISODE 49ตอนพิเศษ 2 หลายชั่วโมงต่อมา “เฮียชงนมเสร็จรึยัง?” “แป๊บ” “ยิ้มร้องไม่หยุดเลยทำไงดี?” “เดี๋ยวเฮียอุ้มเอง หยีไปอาบน้ำได้แล้ว” “ไม่เอาอะ” ผมเดินกลับมาหาคนที่กำลังยืนอุ้มหนูยิ้มพาดบ่า เสียงร้องไห้โยเยดังมาได้ร่วมชั่วโมงแล้วแบบไม่มีพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ้มถึงได้ร้องไม่หยุดแบบนี้ แต่จะให้โทรไปบอกให้พริกก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวแม่งไม่เป็นอันทำห่าอะไรกันพอดี หยีไม่ยอมให้เอายิ้มมา กลับเดินหนีไปอีกทาง วางร่างเล็กของหลานไว้บนเตียงก่อนจะป้อนนมเข้าปากเล็กนั่น และพอได้จับขวดนม นัยน์ตาใสแป๋วที่เมื่อครู่มีน้ำตาคลอก็ชะงักเงียบไป มืออ้วนป้อมจับขวดนมถือเอง พลิกตัวไปทางเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผมเม้มปากกลั้นยิ้ม ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ แม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแต่เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ทำให้แอบเหนื่อยไม่น้อย ทั้งที่ปกติหนูยิ้มเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้อง แต่อาจจะเป็นเพราะห่างพ่อห่างแม่ทำให้เกิดอาการร้องไม่หยุดแบบนี้ ก็เด็กนั่นแหละ แถมเป็นหลานผมด้วย จะบอกว่ารักเหมือนลูกตัวเองก็คงไม่ผิดนัก

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | SPECIAL | EPISODE 1

    EPISODE 48ตอนพิเศษ 1 KRAM TALKS เวลาผ่านเลยไปก็หลายเดือน ทุกอย่างดูสงบสุขดี เว้นก็แต่… หยีไม่ยอมกินข้าวเลย เอาแต่ทำงาน ซ้ำยังไม่มีเวลาให้คนเป็นสามีแบบผมด้วย และใช่… มันน่าหงุดหงิด อยากจะจับมาฟัดสักทีสองที บรรยากาศในบ้านช่วงบ่ายอ่อน ๆ ที่แสนจะเงียบเชียบ มีเสียง ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังอยู่เหมือนเช่นทุกวัน ต่อให้ผมเดินผ่าน หรือเปิดประตูบ้านเข้ามา คนที่กำลังนั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ใส่แว่นตาทรงโต ในรูจมูกข้างหนึ่งมียาดมเสียบเอาไว้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจกันเลยแม้แต่นิด ช่วงนี้หยีจริงจังกับการเขียนนิยายมากจนผมไม่อยากจะไปกวน แต่บางทีมันก็แอบอยากอยู่ด้วย อยากชวนไปข้างนอก ไม่ก็ชวนหาอะไรทำ… เราไม่ได้เข้านอนพร้อมกันมาร่วมเดือนแล้ว และเรื่องพวกนั้นก็แทบไม่ได้ทำกันเลย เพราะน้องมันเอาแต่ทำงาน พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับเป็นตาย ใครแม่งจะไปกล้ากวน แต่เพราะระยะนี้เจ้าตัวออกจะอาการหนักเกินไปสักหน่อย ถึงขั้นไม่กินข้าวกินปลาเหมือนตอนก่อนนู้นสมัยที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรก ๆ ผมเลยตั้งใจว่าอาจจะต้องบังคับให้เมียหยุดทำงาน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 47 | ก้าวไปข้างหน้า

    EPISODE 47ก้าวไปข้างหน้า หลายเดือนต่อมา “กรี๊ด!!!!!!” “อะไร…” “เฮีย! ตื่นมาดูนี่เร็ว!” “…” คนข้าง ๆ ยกหัวขึ้นมามองในตอนที่ฉันกำลังส่องหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู มือไม้สั่นหนักจนเฮียครามต้องดึงไปดูเอาเอง คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจจนฉันต้องดึงมันกลับมาดูอีกครั้ง ส่งเสียงวี้ดว้ายไปมาอย่างหยุดไม่อยู่ “เฮีย! นิยายของหยี… ได้ขึ้นหน้าหนึ่งขายดีแล้วนะ!!!” “อืม…” “เฮียอะ!! ไม่ดีใจหน่อยเหรอ?” “ดีใจดิ” “เฮียดูสิ ๆ ๆ หยีตื่นเต้นอะ!” “ใจเย็น” คนข้าง ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหัวเราะออกมาเบา ๆ ดึงเอาตัวฉันไปกอดจูบลงบนเรือนผมกันสองสามที ถึงจะไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจได้มากไปกว่านี้ แต่แค่นี้สำหรับคนแบบเฮียแล้วก็ถือว่าโอเค… และใช่… หลังจากที่ฉันตั้งอกตั้งใจเขียนนิยายต่อเนื่องกันอยู่หลายเดือนแบบที่เรียกได้ว่าข้าวปลาไม่สนใจจะกิน ตอนนี้ก็ราวกับว่าความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผลเข้าให้แล้ว การตั้งตารอให้นิยายที่ตัวเองเขียนขึ้นหน้าขายดีของ

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 46 | งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา

    EPISODE 46งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันยังคงนั่งนิ่ง พยายามเก็บอาการตระหนกตกใจเอาไว้ไม่ให้ผิดสังเกต คนข้าง ๆ กำลังทำเป็นส่งยิ้มให้คนอื่น ๆ แบบที่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเฮียจะฝืนใจตัวเองทำแบบนี้ได้ลง แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเขากำลังทำ “เฮียทำไรอะ?” พอเห็นว่าอีกสามคนไม่ได้มองอยู่ ฉันก็รีบกระซิบถามทันที เฮียครามไหวไหล่เล็กน้อยราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “แค่มาอยู่เป็นเพื่อนหยีไง” “ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” “บอกแล้วไงว่าเป็นของขวัญ” “แต่…” “ไม่เป็นไร… เฮียตั้งใจจะช่วยเด็ก ๆ อยู่แล้ว” คนข้าง ๆ ยิ้มใจดี เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันผู้ซึ่งได้รับความช่วยเหลือแบบที่ว่านี้ไม่ได้ยินดีอะไรนัก ดูก็รู้ว่าเฮียคงอยากจะช่วยทำให้ฉันหายเป็นกังวลในเรื่องสังคมป่วย ๆ นี่ และใช่… ฉันไม่เห็นด้วยที่เฮียจะทำถึงขนาดนี้ แต่ถ้าเขาพูดมางั้นว่าอยากช่วยน้อง ๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ ก็แค่… ไม่คิดว่าเฮียจะเต็มใจมาจนถึงขั้นแต่งองค์ทรงเครื่องเบอร์นี้ “เอ… จริง ๆ ยิหวาคุ้นหน้าเฮียครามมากเลยนะคะ” เสียงคนตรงหน

  • จะรักหรือจะร้าย   จะรักหรือจะร้าย | EPISODE 45 | ครบรอบ

    EPISODE 45ครบรอบ หลายวันต่อมา ฉันกำลังแต่งตัวเตรียมไปงานเปิดตัวกระเป๋าอะไรสักอย่างนั่นของคุณส้มที่ลิลลี่พูดถึง ถึงใจจะไม่อยากไป แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่ถูกนินทาก็เลยจำใจต้องไป เฮียครามเพิ่งกลับมาจากข้างนอก กำลังถอดเสื้อเชิ้ตโยนใส่ตะกร้า เท้าสะเอวมองมาเงียบ ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เฮียฟังอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ชอบที่จะให้ฉันไปปั้นหน้าเข้าสังคมแบบนั้น แต่ถึงงั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แน่นอนว่าก็ไม่ยอมไปด้วยอยู่ดี “หยีน่าจะกลับดึก ๆ หน่อย”ฉันว่าพลางใส่ต่างหูที่กลั้นใจซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่บอกว่ากลั้นใจซื้อเพราะว่าระยะหลังมานี้ฉันไม่ได้มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน ถึงสถานการณ์ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนอะไรให้มากนัก อีกทั้งเฮียเองก็บังคับให้ใช้เงินเขา เพราะงั้นไอ้ของฟุ่มเฟือยนี่ก็คือเงินเก็บของฉันเองที่ได้จากการขายงานนั่นแหละ“สวยไหม?”หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็หันกลับไปหมุนตัวให้คนเป็นสามีดู เฮียที่ยังคงอยู่ในสภาวะหน้านิ่งชำเลืองข

فصول أخرى
استكشاف وقراءة روايات جيدة مجانية
الوصول المجاني إلى عدد كبير من الروايات الجيدة على تطبيق GoodNovel. تنزيل الكتب التي تحبها وقراءتها كلما وأينما أردت
اقرأ الكتب مجانا في التطبيق
امسح الكود للقراءة على التطبيق
DMCA.com Protection Status