เรื่องรักชวน (ปวด) หัวจากการจับคลุมถุงชน ของคู่แต่งงานข้าวใหม่ปลามัน ชีวิตคู่ใต้หลังคาเดียวกัน ความรู้สึกหวั่นไหว และสับสน ใครจะตกหลุมรักใครก่อนกัน?
view morePROLOGUE
สองเดือนก่อนหน้า
“ที่นี่แน่?”
“ในกลุ่มที่เขามูกันก็บอกว่าที่นี่แหละได้แน่”
“กลุ่มที่แกว่านี่เชื่อถือได้มากน้อยแค่ไหน?”
“จำพี่ดาได้ไหม?”
“ดาไหน?”
“ก็ดาที่เพิ่งแต่งงานกับแฟนฝรั่งไปไง”
“อ๋อ… นึกออกแล้ว”
“อย่าพูดไปล่ะ… ปีที่แล้วพี่ดาก็มาขอจากเจ้าแม่นี่แหละ”
“…”
คนที่ยืนอยู่ข้างกันไม่ขยายความอะไรต่อแต่เดินสาวเท้าเข้าไปในประตูไม้สีแดงบานคู่สูงเกือบสามเมตรเหมือนกันกับคนอื่น เพราะตั้งใจที่จะมาอยู่แล้วถึงจะแปลกใจกับสถานที่อยู่ไม่น้อย แต่ท้ายที่สุดฉันก็เดินตามเพื่อนเข้าไปอีกคน
น่าแปลก… อากาศด้านนอกร้อนอย่างกับเตาอบแต่พอก้าวพ้นธรณีประตูเข้ามาด้านในกลับรู้สึกเย็นขึ้นมาอย่างน่าประหลาด ทั้งที่มันเป็นพื้นที่เปิดโล่งเป็นลานปูนขัดมันแบบไม่มีหลังคาใด ๆ จะมีหลังคาสูงก็แค่ตรงรูปสลักที่พอจะมองออกว่าเป็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิ ใบหน้าของรูปปั้นปูนหล่อนั้นผุดยิ้มพราย มีผ้าสักหลาดสีแดงพาดอยู่ระหว่างช่วงไหล่กับอกประดับประดาด้วยเครื่องเงินเงาวับ
ดู… น่าเกรงขาม…
ขนาดเป็นวันธรรมดายังมีผู้คนหลั่งไหลตบเท้าเดินเข้ามาไม่ขาดสาย ทุกคนล้วนเป็นเพศเดียวกับฉัน ส่วนมากเป็นสาว ๆ แต่ก็มีไม่น้อยเหมือนกันที่อายุอานามเริ่มเข้าสู่วัยกลางคน ที่ลานปูนโล่ง ๆ ผู้คนที่เลื่อมใสศรัทธาจำนวนมากกำลังถือธูปเทียนพนมมือขอพรในสิ่งที่ ‘เจ้าแม่’ ท่านเลื่องชื่อลือนามเป็นไวรัลเฟซบุ๊กในช่วงเดือนที่ผ่านมา
เดาสิว่าเรื่องอะไร…
สาวมากันเพียบขนาดนี้… ไม่ต้องบอกก็น่าจะพอเดากันได้ว่าเป็นเรื่อง ‘ความรัก’ นั่นเอง
“หยี”
“…”
“หยี…”
“อือ”
“อย่ามัวแต่มอง เดี๋ยวคนอื่นแซงคิวไปไกลหรอก”
“บ้า…”
ฉันหัวเราะออกมาพร้อมทั้งรับธูปเทียนมาจาก ‘ลูกกวาด’ เพื่อนสนิทในชีวิตเพียงคนเดียว ดวงหน้าสดใสยิ้มแย้มตามลักษณะนิสัยของเจ้าตัว ก่อนจะฉุดมือฉันให้ทิ้งตัวลงนั่งขอพรด้วยกัน
มันก็คงจริงอย่างเพื่อนว่า ถ้ามัวแต่ชักช้ามากไปกว่านี้คงต้องต่อคิวอีกหลายร้อย คนไม่รู้จักรอบตัวกำลังขยับปากพึมพำขอพรกันด้วยท่าทางตั้งอกตั้งใจ กระทั่งคนข้าง ๆ ฉันเองก็ไม่ต่างกัน ในขณะที่ฉันกำลังสำรวจมองไปรอบ ๆ เพื่อเก็บข้อมูล กวาดก็ตั้งจิตอธิษฐานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฉันพ่นลมหายใจออกทางปาก ก่อนจะเงยหน้ามองรูปสลักสูงกว่าห้าเมตรด้วยจิตใจตั้งมั่น ยกมือขึ้นพนม กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากเพราะ ‘ผู้ชาย’ แบบที่ตั้งใจจะขอนั้นอาจจะมีสเป็กสูงกว่ามาตรฐานไม่มากก็น้อย
หลังจากตั้งจิตให้มั่นแล้วฉันก็ร่ายยาวถึงผู้ชายในฝันที่อยากได้ ไม่ใช่แค่เป็นใครก็ได้ แต่ต้องมีในหลายสิ่งที่ฉันต้องการเพราะ ‘ยาหยี’ คนนี้… ไม่ใช่ผู้หญิงง่าย ๆ อะไรก็ได้
ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างจะเรื่องมากนิดหน่อย จริง ๆ ก็ไม่นิดหรอก เรื่องมากโคตร ๆ เลยก็แล้วกัน…
หลังจากขอพรจนหนำใจให้คุ้มกับที่ ‘เขาว่ากันว่า’ ท่านศักดิ์สิทธิ์จริงก็ได้ฤกษ์ลืมตาขึ้นมายกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวเลียนแบบคนที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเยื้องกันทางด้านหน้าพร้อมทั้งพึมพำเบา ๆ ว่า
“เพี้ยง”
“ขอนานขนาดนี้เจ้าแม่ต้องให้แล้วไหมล่ะ” เสียงกลั้วหัวเราะของอีกคนทำให้ต้องหลุดขำออกมา
“ขอให้ได้จริง”
ฉันหันไปยักคิ้วให้กวาดที่คงขอพรเสร็จเรียบร้อยแล้ว สังเกตได้จากที่เจ้าตัวยืนกอดอกรอโดยที่ไม่มีธูปไม่มีเทียนอยู่ในมือ
หลังจากที่ปักธูปที่หน้าแท่นบูชาเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เงยหน้าขึ้นมองเจ้าแม่อีกรอบพร้อมทั้งพึมพำย้ำในใจกลัวท่านจะลืมว่า ‘ขอคนหล่อ ๆ นะเจ้าแม่’
เราสองคนพากันเดินออกจากลานสวนทางกับคนมาใหม่ที่กำลังเดินเข้าไป แค่พ้นธรณีประตูออกมา ลมเย็น ๆ ก็พัดมาปะทะใบหน้า แผ่นผ้าสีแดงหน้ากำแพงทางเข้าโบกสะบัดรุนแรงเพราะแรงลมอย่างกับในละครเวลาถึงฉากแสดงอภินิหาร ฉันเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าดำทะมึนด้วยจิตใจที่กระหน่ำเต้นแรง
และจังหวะนั้นเองเสียงสายเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น…
“ค่ะแม่”
‘หยีอยู่ไหนแล้วลูก?’
“หยีกำลังจะกลับแล้วค่ะ”
‘รีบกลับมานะลูก แม่มีข่าวจะบอก’
“อย่าบอกนะคะ…”
ฉันกระตุกมือคนที่กำลังเดินนำอยู่ด้านหน้าเพื่อให้หยุดรอ ตะแคงหูรอฟังสิ่งที่แม่กำลังจะบอก เพราะช่วงนี้ครอบครัวเรามีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่กำลังตั้งตารอ
‘หนูจำเฮียครามได้ไหมลูก?’ เสียงปลายสายดูสดใสกว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมาทำให้ฉันใจชื้นขึ้นมา
“เฮียคราม?”
‘ก็ลูกชายป้าชิดจันทร์ไง… ที่เคยเล่นด้วยกันตอนเด็ก ๆ’
“จำ… ได้ค่ะ…”
‘เขาเปลี่ยนใจตกลงจะแต่งกับหนูแล้วนะลูก’
“หา?”
‘ฟังไม่ผิดหรอกหยี… ครอบครัวเรารอดแล้วแน่นอน’
สิบนาทีต่อมา
ฉันกำลังนั่งอยู่บนรถ… ในใจกำลังนึกถึงคนที่แม่พูดถึงอย่างคิดไม่ตก…
ตอนนี้ครอบครัวฉันกำลังจะล้มละลายเพราะถังแตกไม่มีปัญญาใช้หนี้เกือบร้อยล้านเนื่องจากสถานการณ์ช่วงโควิดที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อการขายของบริษัทลูกหลายบริษัทที่พ่อแม่เป็นเจ้าของอยู่ คุณป้าชิดจันทร์ไม่ใช่เพื่อนคนเดียวที่แม่ฉันกำลังทาบทามลูกชายมาให้ แลกกับการที่อีกฝ่ายต้องยื่นมือช่วยเหลือเรื่องการเงินที่หนักหนาสาหัสของครอบครัวฉัน แต่ยังมีอีกหลายคนที่กี่ที ๆ ก็แห้ว เพราะหนี้ของเรามันมหาศาลเกินกว่าใครจะอยากมายุ่งเกี่ยว
ใช่… ฉันกำลังจะถูกจับคลุมถุงชนเหมือนในละครหลังข่าวที่เคยเห็นกันบ่อย ๆ นั่นแหละ ที่ต่างจากละครก็คือ ‘ฉันเต็มใจ’ แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน…
ที่มันคิดไม่ตกก็เป็นเพราะ ฉันจำเฮียครามอะไรนั่นได้ดี… เราไม่ได้เจอกันนานแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าสัมพันธ์แน่นแฟ้นของพวกผู้ใหญ่จะจืดจางลง แม่ฉันซี้กับป้าชิดจันทร์มากที่สุด ตอนแรกดูเหมือนลูกชายเขาจะปฏิเสธมา และไม่คิดเหมือนกันว่าตอนนี้จะเปลี่ยนเป็นตกปากรับคำ
เฮียคราม… เป็นผู้ชายเงียบ ๆ ท่าทางเบื่อโลก ไม่สนใจอะไรรอบตัว และนิสัยไม่ค่อยจะสุงสิงกับใคร… ถึงจะหน้าตาค่อนข้างดีแต่ก็ไม่ได้หล่อเลิศเท่ากับเทพบุตรที่ฉันขอพรกับเจ้าแม่ไปเมื่อครู่ก่อนนี้เลย
อย่าถามล่ะว่าฉันขอให้หล่อเบอร์ไหน…
แต่ฟังจากที่แม่โฆษณามา… ดูเหมือนคนที่ว่าจะหล่อขึ้นหลายขุม และตอนนี้ฉันก็ไม่มีแก่จิตแก่ใจจะขับรถเพราะอยากจะเห็นหน้าว่าที่เจ้าบ่าวในอนาคตอันใกล้จนอดรนทนเจอหน้าวันที่นัดดูตัวกันไม่ได้ ต้องรีบให้แม่ไปขอรูปลูกชายเขามา
อือฮึ… ถังแตกแล้วยังเรื่องมากก็นี่แหละ ยาหยีเอง…
ติ๊ง
และวินาทีที่รอคอยก็มาถึงเมื่อหน้าจอโทรศัพท์สว่างวาบเด้งการแจ้งเตือนขึ้นมาว่าแม่ได้ส่งรูปภาพที่ว่านั่นมาแล้ว หัวใจฉันเต้นแรงเพราะความตื่นเต้น ยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัวภาวนากับเจ้าแม่อีกครั้งก่อนจะปัดหน้าจอขึ้นเพื่อดู…
ความตื่นเต้นเมื่อวินาทีก่อนเทียบไม่ได้เลยกับจังหวะหัวใจในตอนนี้ที่กำลังลงจังหวะหนัก ไต่ระดับความเร็วขึ้นทีละน้อย การได้พบกันสมัยยังเด็กมันนานมากจนจำใบหน้านิ่งสนิทเฉยชาของเฮียครามแทบไม่ได้
แต่ตอนนี้แค่ได้เห็นใบหน้าหล่อเหลาคมคายที่กำลังแสดงสีหน้าแบบเดียวกันกับตอนก่อนนู้นราวกับโดนบังคับให้ถ่ายรูปทำให้รายละเอียดเมื่อช่วงเวลาเกือบสิบปีก่อนฉายชัดกลับเข้ามา
ฉันลากนิ้วผ่านหน้าจอซูมเข้าซูมออกอยู่หลายรอบก็ยิ่งใจเต้นแรงมากขึ้นเท่านั้น ที่แม่บอกว่าลูกชายคุณป้าชิดจันทร์หล่อขึ้นเป็นกองน่าจะไม่ใช่เรื่องหลอกลวง
ฉันวางโทรศัพท์ลงบนตัก ทิ้งแผ่นหลังพิงเบาะที่นั่งคนขับ สายตาชำเลืองมองออกไปนอกตัวรถ เพราะประตูลานเจ้าแม่ที่เพิ่งออกมาเมื่อสิบนาทีก่อนอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ารูปสลักทำให้แม้มองจากตรงนี้ก็ยังเห็นใบหน้าที่กำลังยิ้มพรายได้อย่างชัดเจน
ท่าทางเจ้าแม่จะลัดคิวให้ยาหยีก่อนใครไม่ต้องสงสัยเลย…
ถึงแม้ใบหน้ามึนตึงของเฮียครามจะยังเหมือนเมื่อก่อน แต่ตอนนี้คนที่ไม่ได้เจอกันนานร่วมสิบปี…
มีหน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร ยังกับไอดอลเกาหลีที่อีหยีฝันใฝ่ หล่อแบบวัวตายควายตะลึง…
และใช่… หล่อแบบนี้เลยที่ยาหยีโอเค
EPISODE 50ตอนพิเศษ 3 วันต่อมา ผมตื่นแล้ว… เพราะเสียงรัวกดกริ่งดังไม่หยุดที่หน้าบ้านนั่น ให้เดาก็คงเป็นไอ้พริกกับไอ้รามนั่นแหละ แต่ต่อให้เสียงกริ่งจะดังแค่ไหนก็ดูเหมือนคนข้าง ๆ จะไม่ได้ยิน รู้อีกทีผมก็อุ้มหลานพาดบ่า ถือตะกร้าขวดนมเดินลงมาข้างล่าง สภาพสะลึมสะลือขีดสุดเพราะแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน นัยน์ตาต้องหรี่ลงเพราะแสงอาทิตย์จ้าในช่วงสายของวัน “สภาพน่ารักแบบนี้กูต้องอัดรูปใส่กรอบแล้วมั้ง” เสียงร่าเริงของไอ้ห่ารามดังขึ้น พร้อมกันมันก็รีบยกโทรศัพท์รัวถ่ายรูปยกใหญ่ “ยิ้มเป็นไงบ้าง?” พอประตูเปิด คนเป็นแม่รีบรับลูกต่อไป ท่าทางเป็นห่วง ผมส่งต่อตะกร้านมให้ไอ้ราม ก่อนจะยกฝ่ามือขึ้นลูบใบหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน “ขี้ทั้งคืน มึงรีบพาไปหาหมอเลย” “โถ…” “แค่นี้นะ กูจะไปนอน” “ตอนเย็นมาแดกข้าวด้วย” เสียงไอ้รามยังคงดังต่อ ผมไม่ได้สนใจเพียงแค่หมุนตัวเดินกลับเข้าบ้าน โบกมือให้มันนิดหน่อยเท่านั้น พอขึ้นมาถึงห้องนอนก็พบว่าหยีเหมือนจะเพิ่งตื่น หัวผงกขึ้นมองเล็กน้อย นัยน์ตาใสปรือมองก่อนจะตบที่นอน
EPISODE 49ตอนพิเศษ 2 หลายชั่วโมงต่อมา “เฮียชงนมเสร็จรึยัง?” “แป๊บ” “ยิ้มร้องไม่หยุดเลยทำไงดี?” “เดี๋ยวเฮียอุ้มเอง หยีไปอาบน้ำได้แล้ว” “ไม่เอาอะ” ผมเดินกลับมาหาคนที่กำลังยืนอุ้มหนูยิ้มพาดบ่า เสียงร้องไห้โยเยดังมาได้ร่วมชั่วโมงแล้วแบบไม่มีพัก ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมยิ้มถึงได้ร้องไม่หยุดแบบนี้ แต่จะให้โทรไปบอกให้พริกก็ไม่ได้อีก เดี๋ยวแม่งไม่เป็นอันทำห่าอะไรกันพอดี หยีไม่ยอมให้เอายิ้มมา กลับเดินหนีไปอีกทาง วางร่างเล็กของหลานไว้บนเตียงก่อนจะป้อนนมเข้าปากเล็กนั่น และพอได้จับขวดนม นัยน์ตาใสแป๋วที่เมื่อครู่มีน้ำตาคลอก็ชะงักเงียบไป มืออ้วนป้อมจับขวดนมถือเอง พลิกตัวไปทางเมื่อได้ในสิ่งที่ต้องการแล้ว ผมเม้มปากกลั้นยิ้ม ยกแขนขึ้นปาดเหงื่อ แม้ว่าในห้องจะเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำแต่เพราะสถานการณ์เมื่อครู่ทำให้แอบเหนื่อยไม่น้อย ทั้งที่ปกติหนูยิ้มเป็นเด็กที่ไม่ค่อยร้อง แต่อาจจะเป็นเพราะห่างพ่อห่างแม่ทำให้เกิดอาการร้องไม่หยุดแบบนี้ ก็เด็กนั่นแหละ แถมเป็นหลานผมด้วย จะบอกว่ารักเหมือนลูกตัวเองก็คงไม่ผิดนัก
EPISODE 48ตอนพิเศษ 1 KRAM TALKS เวลาผ่านเลยไปก็หลายเดือน ทุกอย่างดูสงบสุขดี เว้นก็แต่… หยีไม่ยอมกินข้าวเลย เอาแต่ทำงาน ซ้ำยังไม่มีเวลาให้คนเป็นสามีแบบผมด้วย และใช่… มันน่าหงุดหงิด อยากจะจับมาฟัดสักทีสองที บรรยากาศในบ้านช่วงบ่ายอ่อน ๆ ที่แสนจะเงียบเชียบ มีเสียง ‘ต๊อกแต๊ก ๆ’ ดังอยู่เหมือนเช่นทุกวัน ต่อให้ผมเดินผ่าน หรือเปิดประตูบ้านเข้ามา คนที่กำลังนั่งห่อตัวอยู่ในผ้าห่มผืนหนา ใส่แว่นตาทรงโต ในรูจมูกข้างหนึ่งมียาดมเสียบเอาไว้ ก็ไม่ได้มีทีท่าว่าจะหันมาสนใจกันเลยแม้แต่นิด ช่วงนี้หยีจริงจังกับการเขียนนิยายมากจนผมไม่อยากจะไปกวน แต่บางทีมันก็แอบอยากอยู่ด้วย อยากชวนไปข้างนอก ไม่ก็ชวนหาอะไรทำ… เราไม่ได้เข้านอนพร้อมกันมาร่วมเดือนแล้ว และเรื่องพวกนั้นก็แทบไม่ได้ทำกันเลย เพราะน้องมันเอาแต่ทำงาน พอหัวถึงหมอนปุ๊บก็หลับเป็นตาย ใครแม่งจะไปกล้ากวน แต่เพราะระยะนี้เจ้าตัวออกจะอาการหนักเกินไปสักหน่อย ถึงขั้นไม่กินข้าวกินปลาเหมือนตอนก่อนนู้นสมัยที่เราย้ายมาอยู่ด้วยกันแรก ๆ ผมเลยตั้งใจว่าอาจจะต้องบังคับให้เมียหยุดทำงาน
EPISODE 47ก้าวไปข้างหน้า หลายเดือนต่อมา “กรี๊ด!!!!!!” “อะไร…” “เฮีย! ตื่นมาดูนี่เร็ว!” “…” คนข้าง ๆ ยกหัวขึ้นมามองในตอนที่ฉันกำลังส่องหน้าจอโทรศัพท์ให้เขาดู มือไม้สั่นหนักจนเฮียครามต้องดึงไปดูเอาเอง คิ้วหนาเลื่อนเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจจนฉันต้องดึงมันกลับมาดูอีกครั้ง ส่งเสียงวี้ดว้ายไปมาอย่างหยุดไม่อยู่ “เฮีย! นิยายของหยี… ได้ขึ้นหน้าหนึ่งขายดีแล้วนะ!!!” “อืม…” “เฮียอะ!! ไม่ดีใจหน่อยเหรอ?” “ดีใจดิ” “เฮียดูสิ ๆ ๆ หยีตื่นเต้นอะ!” “ใจเย็น” คนข้าง ๆ ขยับตัวลุกขึ้นนั่งหัวเราะออกมาเบา ๆ ดึงเอาตัวฉันไปกอดจูบลงบนเรือนผมกันสองสามที ถึงจะไม่ได้แสดงอาการดีอกดีใจได้มากไปกว่านี้ แต่แค่นี้สำหรับคนแบบเฮียแล้วก็ถือว่าโอเค… และใช่… หลังจากที่ฉันตั้งอกตั้งใจเขียนนิยายต่อเนื่องกันอยู่หลายเดือนแบบที่เรียกได้ว่าข้าวปลาไม่สนใจจะกิน ตอนนี้ก็ราวกับว่าความพยายามนั้นสัมฤทธิ์ผลเข้าให้แล้ว การตั้งตารอให้นิยายที่ตัวเองเขียนขึ้นหน้าขายดีของ
EPISODE 46งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา ฉันยังคงนั่งนิ่ง พยายามเก็บอาการตระหนกตกใจเอาไว้ไม่ให้ผิดสังเกต คนข้าง ๆ กำลังทำเป็นส่งยิ้มให้คนอื่น ๆ แบบที่ก็ไม่คิดเหมือนกันว่าเฮียจะฝืนใจตัวเองทำแบบนี้ได้ลง แต่ก็อย่างที่เห็นว่าเขากำลังทำ “เฮียทำไรอะ?” พอเห็นว่าอีกสามคนไม่ได้มองอยู่ ฉันก็รีบกระซิบถามทันที เฮียครามไหวไหล่เล็กน้อยราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร “แค่มาอยู่เป็นเพื่อนหยีไง” “ไม่เห็นต้องทำขนาดนี้เลย” “บอกแล้วไงว่าเป็นของขวัญ” “แต่…” “ไม่เป็นไร… เฮียตั้งใจจะช่วยเด็ก ๆ อยู่แล้ว” คนข้าง ๆ ยิ้มใจดี เลื่อนมือมากุมมือฉันไว้เมื่อเห็นว่าฉันผู้ซึ่งได้รับความช่วยเหลือแบบที่ว่านี้ไม่ได้ยินดีอะไรนัก ดูก็รู้ว่าเฮียคงอยากจะช่วยทำให้ฉันหายเป็นกังวลในเรื่องสังคมป่วย ๆ นี่ และใช่… ฉันไม่เห็นด้วยที่เฮียจะทำถึงขนาดนี้ แต่ถ้าเขาพูดมางั้นว่าอยากช่วยน้อง ๆ ฉันจะไปทำอะไรได้ ก็แค่… ไม่คิดว่าเฮียจะเต็มใจมาจนถึงขั้นแต่งองค์ทรงเครื่องเบอร์นี้ “เอ… จริง ๆ ยิหวาคุ้นหน้าเฮียครามมากเลยนะคะ” เสียงคนตรงหน
EPISODE 45ครบรอบ หลายวันต่อมา ฉันกำลังแต่งตัวเตรียมไปงานเปิดตัวกระเป๋าอะไรสักอย่างนั่นของคุณส้มที่ลิลลี่พูดถึง ถึงใจจะไม่อยากไป แต่ด้วยความที่ไม่อยากจะเป็นคนเดียวที่ถูกนินทาก็เลยจำใจต้องไป เฮียครามเพิ่งกลับมาจากข้างนอก กำลังถอดเสื้อเชิ้ตโยนใส่ตะกร้า เท้าสะเอวมองมาเงียบ ๆ ตลอดหลายวันที่ผ่านมาฉันก็ไม่ได้พูดเรื่องนี้ให้เฮียฟังอีก ก็รู้อยู่หรอกว่าเขาไม่ชอบที่จะให้ฉันไปปั้นหน้าเข้าสังคมแบบนั้น แต่ถึงงั้นเจ้าตัวก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่แน่นอนว่าก็ไม่ยอมไปด้วยอยู่ดี “หยีน่าจะกลับดึก ๆ หน่อย”ฉันว่าพลางใส่ต่างหูที่กลั้นใจซื้อมาเมื่อไม่กี่วันก่อน ที่บอกว่ากลั้นใจซื้อเพราะว่าระยะหลังมานี้ฉันไม่ได้มีเงินให้ใช้ฟุ่มเฟือยเหมือนเมื่อก่อน ถึงสถานการณ์ที่บ้านกำลังอยู่ในช่วงที่ดีขึ้นตามลำดับ แต่ฉันก็ไม่อยากจะไปรบกวนอะไรให้มากนัก อีกทั้งเฮียเองก็บังคับให้ใช้เงินเขา เพราะงั้นไอ้ของฟุ่มเฟือยนี่ก็คือเงินเก็บของฉันเองที่ได้จากการขายงานนั่นแหละ“สวยไหม?”หลังจากแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก็หันกลับไปหมุนตัวให้คนเป็นสามีดู เฮียที่ยังคงอยู่ในสภาวะหน้านิ่งชำเลืองข
EPISODE 44ความสุขของเมีย KRAM TALKS คนในอ้อมแขนนอนหลับไปแล้วชนิดที่ว่าต่างไปจากหลายวันก่อนหน้า ที่กว่าจะหลับได้ก็เล่นเอาผมกล่อมแทบตาย หยีคิดมากมาหลายวันเรื่องไอ้เครื่องรางบ้าบอคอแตกนั่น ปากก็บอกว่าไม่ได้เชื่อขนาดนั้นแต่เจ้าตัวก็เอาแต่เครียดจนไม่เป็นอันทำอะไร เดี๋ยวก็ดู ๆ และเพราะรู้ว่าผมไม่เชื่อหลายวัน ที่ผ่านมาก็เลยไม่ได้มาพูดถึงให้ฟังอีก แต่เห็นน้องมันเครียดขนาดนั้น จะให้คนเป็นผัวอยู่เฉยได้ยังไง… ก็แหงอยู่แล้ว ไอ้อะไรที่ว่านั่นจะหายไปเองได้ยังไง… ผมเป็นคนเอาออกเอง… หลังจากที่หยีหลับไปแล้ว แบบที่ว่านอนน้ำลายยืด กรนเสียงเบา ๆ ผมก็เลื่อนตัวออกจากผ้าห่ม เดินไปยังไอ้ถุงสีแดงที่เห็นแล้วขัดหูขัดตามาหลายวัน เทเอาทรายที่บรรจุอยู่ในถุงออกใส่ฝ่ามือจำนวนหนึ่งก่อนจะทิ้งไปง่าย ๆ แล้วเก็บมันกลับเข้าที่เดิมโดยที่เจ้าของของมันไม่รู้ตัว ก็ปล่อยให้ไม่รู้ไปนั่นแหละดีแล้ว… แต่เห็นหยีเครียดแล้วผมก็เครียดไปด้วย เลยคิดว่าแอบจัดการไปเงียบ ๆ ดีกว่า และก็อย่างที่เห็น… ว่าพอสบายใจหยีก็กลับมาสดใสเหมือนเดิม ผมอาบน้ำ
EPISODE 43เรื่องเหลือเชื่อ หลายวันต่อมา ถึงจะบอกว่าไม่ได้เชื่ออะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้ฉันชักจะเป็นกังวลหนักขึ้นทุกที เพราะอะไรที่อยู่ในถุงผ้าสีแดงนั่นดูเหมือนจะยังอยู่เต็มถุง ไม่ได้ลดขนาดลงเลยสักนิดตามที่แม่หมอบอก และใช่… ฉันเริ่มจะแอบกังวลขึ้นมานิด ๆ แล้วเหมือนกัน… ไม่ได้เชื่อขนาดนั้นเลยจริง ๆ “เป็นไร?” “เปล่า” “ทำหน้าเครียดขนาดนั้น ทะเลาะกับไอ้ครามเหรอ?” “เปล่าหรอกเจ๊” “แล้วเป็นอะไร?” “จำหมอดูคนนั้นที่หยีซื้อเครื่องรางกลับมาได้ไหม?” “…” “ตอนนี้อะไรที่ควรจะหายไปมันยังเต็มถุงอยู่เลย” “จริงเหรอ!!” แทนที่คนถามซึ่งเป็นอีเจ๊จะทำหน้าตกอกตกใจ แต่กลายเป็นว่าคนที่กำลังนอนเลื่อนโทรศัพท์เล่นอยู่ที่โซฟาผงกหัวขึ้นมามองแทน อ้ายรีบกระโดดลุกขึ้นเดินเข้ามาหา สีหน้าตระหนกตกใจ บ่งบอกได้ว่าเป็นคนเชื่อเรื่องพวกนี้ระดับไหน ในขณะที่เจ๊พริกทำหน้าบอกบุญไม่รับกับสิ่งที่ได้ยิน เดินหมุนตัวไปเก็บของโดยไม่ใส่ใจจะถามต่อ “ก็ที่
EPISODE 42สายมู หลายวันต่อมา เรากลับมาจากทริปกระชับความสัมพันธ์อะไรที่ว่านั่นได้หลายวันแล้ว ทุกคนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติ และฉันก็เพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าเฮียเจินกำลังจะซื้อบ้านหลังฝั่งตรงกันข้าม เพราะถ้าอ้ายเรียนจบเมื่อไรคงจะได้แต่งงานกันทันที เจ๊พริกก็กลับมาเลี้ยงลูก กลับมาทำอาหารเลี้ยงทุกคนเหมือนเดิม พวกเฮียทั้งสี่กำลังลงขันทำธุรกิจอะไรบางอย่างที่เกี่ยวกับแอปพลิเคชันออนไลน์ซึ่งฉันไม่รู้เรื่องหรอก เพราะเป็นคนไม่สันทัดทางด้านนั้น เฮียยักษ์ยังคงแวะเวียนมาหาทุกวัน มีเรื่องมาเล่าให้ฟังเหมือนทุกที และแน่นอนว่าตอนนี้ตัวฉันเองก็กลับมาทำงานหามรุ่งหามค่ำเหมือนเดิม เฮียครามดูเหมือนจะชินแล้วที่เห็นเมียตัวเองกำลังนั่งยัดยาดมเข้ารูจมูก รัวนิ้วใส่แป้นพิมพ์อย่างเมามันในช่วงเช้าของวัน แต่ถึงอย่างนั้นก่อนที่เฮียจะตื่น ฉันก็ทำอาหารรอไว้เรียบร้อย และใช่… กว่าจะได้นอนก็เป็นเวลาสายของวัน ยอดการดาวน์โหลดนิยายเรื่องใหม่ที่วางขายอยู่ที่หน้าเว็บฝากขายวรรณกรรมอิเล็กทรอนิกส์ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะในกราฟดาวน์โหลดมีแนวโน้มสูงขึ้
Mga Comments