แชร์

Chapter9. ท่าทางคุกคาม

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-04 23:41:38

เสียงหวังหมิ่นตะโกนเรียกทำให้บุรุษในชุดดำชะงักไป เขาปล่อยมือจากลกคอของนางแล้วกระโดดหายไปอย่างรวดเร็ว  หญิงสาวเข่าอ่อนทรุดลงไปนั่งกับพื้น  นางหอบหายใจแรงจนต้องยกมือขึ้นกุมอก

“คุณหนู!”  หวังหมิ่นตะโกนแล้วรีบวิ่งเข้ามาหาเขาประคองหญิงสาวให้ลุกขึ้นยืน  “คุณหนูมาทำอะไรที่นี่เจ้าคะ”

“เมื่อครู่...” หลินอวี้เจินพูดตะกุกตะกักแต่พอเหลียวมองรอบข้างก็ไม่เห็นชายในชุดดำคนนั้นแล้ว

“คุณหนูหลงทางหรือเจ้าคะ”  หวังหมิ่นโอบหญิงสาวมากอดและปลอบโยน

หลินอวี้เจิงพยายามจะอธิบายแต่นางรู้สึกหวาดกลัวหนักขึ้น 

“ตัวสั่นเชียว...คุณหนูคงเสียขวัญมากเลย รีบกลับบ้านเถิดเจ้าค่ะ”    

หวังหมิ่นประคองหญิงสามออกมาจากตรอกเล็กๆ นั่น  แต่หลินอวี้เจินอดเหลียวมองไปอีกครั้งไม่ได้       แววตาเมื่อครู่เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน         เรื่องนี้ต้องไม่ใช่ความบังเอิญเป็นแน่ราวกับว่ามีความแค้นที่ยากจะให้อภัย

แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ? เรื่องอะไรกัน!

            ในที่สุดหลินเหิงอี้ก็ล้มป่วยจริงๆ 

หลินเหิงอี้เป็นคนแข็งแรงแทบไม่เคยล้มป่วยเลย แต่คราวนี้ถึงขั้นล้มหมอนนอนเสื่อ  โชคดีที่พ่อบ้านหานตงกลับมาจากไปฝั่งศพมารดาและยังมีหลินอวี้เจินที่คอยดูแลกิจการแทนหลินเหิงอี้ชั่วคราว

            “ไม่ได้พบคุณหนูนานแล้ว สบายดีหรือขอรับ”  พ่อบ้านหานตงทักทาย เขาเคยพบหญิงสาวหลายครั้ง ด้วยบางคราวหลินเหิงอี้ใช้ให้เขาไปทำธุระที่จู้หยาง 

            “ข้าสบายดี”  นางส่งยิ้มเล็กน้อย

            “โชคดีที่มีคุณหนูอยู่ดูแลงานต่างๆ แทนนายท่าน”   แม้เคยพบกันไม่บ่อยครั้ง แต่เคยอธิบายเรื่องการค้าขายกับนาง หญิงสาวเป็นคนหัวไว อธิบายเพียงครั้งเดียวก็เข้าใจ และแม้บิดาจะเป็นอาจารย์สั่งสอนศิษย์ในสำนักศึกษาของตนเอง  แต่สำหรับหลินอวี้เจินนั้นมีชอบการค้าขาย นายเคยแต่งกายเป็นชายมายืนเคียงข้างหลินเหิงอี้เพื่อดูคนงานขนถ่ายสินค้า

หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เหลือบตามองท่านลุงใหญ่ที่หลับสนิทเพราะฤทธิ์ยา แม้มีบ่าวไพร่คอยรับใช้แต่ก็เหมือนอยู่คนเดียว ไม่มีภรรยาหรือบุตรอยู่เคียงข้าง ยามเจ็บป่วยอยู่ไกลบ้านเช่นนี้ช่างโดดเดี่ยวยิ่งนัก 

“ออกไปคุยกันข้างนอกเถิด พี่หวังหมิ่น รบกวนดูท่านลุงใหญ่แทนข้าด้วย”

“เจ้าค่ะคุณหนู”

พ่อบ้านหานตงเดินออกมาพร้อมกับหลินอวี้เจิน  หญิงสาวเดินมาถึงห้องทำงานของท่านลุงใหญ่ พ่อบ้านรอจนเด็กรับใช้นำน้ำชาเข้ามาแล้วออกไปแล้วจึงเอ่ยกับหญิงสาว

“ดีจริงที่ครั้งนี้มีคุณหนูอยู่ที่นี่”

“ท่านลุงใหญ่เคยล้มป่วยมาเช่นนี้มาก่อนหรือไม่”  นางถามเพราะปกติท่านลุงใหญ่ไม่ค่อยได้กลับไปจู้หยาง  แต่ทุกครั้งที่พบหน้าก็ไม่เคยเห็นแววอ่อนล้าเช่นนี้  แม้ท่านหมอจะแจ้งว่าล้มป่วยครั้งนี้เพราะโหมงานหนักจนร่างกายรับไม่ไหว  แต่หลินอวี้เจินอดกังวลไม่ได้ว่าจะมีโรคแทรกซ้อน  คนไม่เคยล้มป่วย เมื่อเจ็บป่วยครั้งหนึ่งมันทรุดลงหนักและรักษาหลายวัน นางจึงสั่งให้คนเชิญหมอมาตรวจอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจ

“ไม่มีขอรับ อาจมีอ่อนเพลียบ้างแต่ไม่เคยถึงกับล้มป่วยเช่นนี้”   พ่อบ้านหานตงก็กังวลใจไม่แพ้กัน

“ดีแล้วที่พ่อบ้านกลับมาพอดี ข้าคนเดียวเกรงจะดูแลกิจการแทนท่านลุงใหญ่ไม่ไหว” 

นางได้แต่โคลงศีรษะไปมา  หากไม่ได้มานั่งดีดลูกคิดทำบัญชีซื้อขายด้วยตนเอง นางคงไม่รู้ว่าท่านลุงมีเงินมากเพียงใด มิน่าเล่าท่านลุงรองถึงพยายามให้ท่านลุงใหญ่แต่งงานใหม่กับญาติทางฝั่งภรรยาของท่านลุงรอง  ซ้ำยังเพียรส่งหญิงสาวมาปรนนิบัติรับใช้ แต่ท่านลุงใหญ่ปฏิเสธไปเสียหมดสิ้น  แท้จริงกิจการของลุงรองนั้นเป็นของท่านลุงใหญ่ทั้งหมด  ท่านลุงรองเพียงแค่ดูแลคุมสาขาทางจู้หยางเท่านั้น

มีทรัพย์มากหากแต่ไม่รู้จักทำให้งอกเงย สักวันย่อมหมดไป

หลินอวี้เจินตระหนักถึงข้อนี้แล้วก็ถอนหายใจอีกครั้งครา

“ขอถามพ่อบ้านหานตงสักเรื่องเถิด”  นางตัดสินใจเอ่ยปากออกไป “ท่านลุงมีใครในใจหรือไม่”

“คุณหนูถามเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรขอรับ”  พ่อบ้านหานตงออกจะประหลาดใจกับคำถามนี้นัก

“โดยส่วนใหญ่ บุรุษจะสร้างเนื้อสร้างตัวก็เพื่อครอบครัวหรือคนรัก แต่หลังจากภรรยาของท่านลุงใหญ่ตายจากก็สิบกว่าปีแล้ว ไม่เห็นวี่แววจะแต่งงานใหม่  แต่ท่านลุงใหญ่กลับทุ่มเทแรงกายและใจให้กับการสร้างกิจการของตน  ซ้ำยังแทบไม่กลับบ้านที่จู้หยาง  ปล่อยท่านลุงรองเก็บเกี่ยวผลประโยชน์แทบหมดสิ้น  ข้าอดคิดไม่ได้ว่าแท้จริงแล้วท่านลุงใหญ่อาจมีใครในใจที่ไม่อาจเอื้อมอยู่ที่ตันหยางนี้ก็เป็นได้”

“เรื่องนั้น...บ่าวเองก็ไม่แน่ใจนัก”  เอ่ยจบตามด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วล้วงมือไปหยิบกุญแจวางลงบนโต๊ะหน้าหญิงสาว  “นี่เป็นกุญแจห้องคลังของนายท่าน  ระหว่างที่นายท่านพักรักษาตัว คุณหนูรับไปดูแลเถิดขอรับ”

“พ่อบ้านหานตง!”  หลินอวี้เจินส่ายหน้าไปมา “ข้ามิได้ไม่เชื่อใจพ่อบ้าน เพียงแค่สงสัยจึงสอบถามเท่านั้น”

“บ่าวเพียงแค่...”  พ่อบ้านหยุดไปครู่หนึ่งก่อนเอ่ยต่อ “...ถ้าคุณหนูเข้าไปดูในห้องคลังของนายท่าน  อาจจะพบคำตอบก็ได้ขอรับ”

“เช่นนั้น”  นางเม้มริมฝีปากครุ่นคิด “ข้าขอรับกุญแจนี้ไว้จนกว่าท่านลุงใหญ่จะแข็งแรงดีก็แล้วกัน”

“ขอรับคุณหนู”

หญิงสาวมองจนพ่อบ้านออกไปพ้นสายตาแล้ว นางจึงหยิบกุญแจขึ้นมาพลิกดูไปมา  หลินอวี้เจินไม่ได้บอกผู้ใดเรื่องที่เกิดขึ้นกับนางในตรอกเล็กๆ นั่น  เพราะหลังจากกลับมาก็พบว่าท่านลุงใหญ่ล้มป่วย นางไม่ต้องการสร้างความกังวลให้ผู้อื่น   นางมาเมืองตันหยางเป็นแรกแทบไม่รู้จักผู้ใดเลย อาจเป็นการเข้าใจผิดก็เป็นได้

ท่าทางคุกคามของชายผู้นั้นทำให้ร่างบอบบางสั่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่  พยายามข่มความหวาดกลัวที่คุกคามจิตใจ  นางต้องหาสิ่งอื่นทำเพื่อหยุดความคิดของตนเอง

หลินอวี้เจินยื่นมือไปกำกุญแจแล้วลุกขึ้นยืน  นางเดินอย่างไม่เร่งร้อนไปที่ห้องคลังของท่านลุงใหญ่  เสียงไขกุญแจดังขึ้นก่อนที่นางจะผลักบานประตูหนาหนักเข้าไป  นางกวาดตามองไปรอบๆ  หญิงสาวไม่คิดว่าท่านลุงใหญ่ที่โผงผางจะชอบสะสมแจกันหยกหรือเครื่องประดับนัก   

แต่นางจำได้ว่าหลายปีก่อนนั้น หลังจากท่านลุงใหญ่รู้ว่านางชอบวาดภาพ เมื่อใดที่เดินทางไปต่างถิ่นมักซื้อสมุดภาพหรือภาพวาดมาฝากนางเสมอ หลายครั้งที่เป็นสมุดภาพแปลกตา ท่านลุงใหญ่เล่าว่าขอแลกเปลี่ยนกับคนในคาราวานค้าขายที่เดินทางมาจากดินแดนต่างๆ เช่นฝอหลิน,ปอซือ  ท่านลุงใหญ่ไม่รู้เรื่องงานศิลปะนัก   จะว่าไปการที่ลูกหลานชาวนาพยายามอย่างสุดความสามารถ  จนเป็นพ่อค้าที่มีทรัพย์สมบัติได้อย่างนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย  บิดาของนางแม้ไม่ค่อยพูดถึงท่านลุงใหญ่นัก แต่ก็เปรยกับนางอยู่เสมอว่าท่านลุงใหญ่ใหญ่เป็นคนมุมานะและอดทน  ครอบครัวของเราเป็นหนี้บุญคุณท่านลุงใหญ่

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 54 จบ

    ค่ำคืนก่อนที่กัวจื่อหรานจะนำไข่มุกน้ำตาจันทรามาถอนพิษร้ายให้หลินอวี้เจิน เขาได้พูดสู่ขอหลินอวี้เจินเป็นภรรยาและสัญญาว่าจะมีนางเพียงหนึ่งเดียวในชีวิตของเขา แน่นอนว่าบุรุษด้วยกันย่อมมองออกว่า กัวจื่อหรานจริงใจกับหลินอวี้เจินมากเพียงใด ชีวิตของนางแขวนอยู่บนเส้นด้ายแห่งโชคชะตา ทั้งสองยินยอมให้กัวจื่อหรานแต่งงานกับหลินอวี้เจิน กัวจื่อหรานจึงสวมชุดสีแดงเข้าไปพร้อมไข่มุกน้ำตาจันทรา แต่หลังจากที่กัวจื่อหรานปิดบานประตูลง ไม่นาน เสียงที่รอดผ่านบานประตูก็ทำเอาคนที่ยืนเฝ้าด้านนอกทำสีหน้าไม่ถูก เป็นจางหยวนที่ขับไล่บ่าวรับใช้ออกไปจนหมด และเชิญให้บุรุษสกุลหลินพักผ่อนในห้องรับรองก่อน ได้ยินเสียงแว่วครวญหวานจากในห้อง ผู้เป็นพ่อก็แอบร้อนใจ แม้รู้ว่าอีกฝ่ายทำเพื่อกำจัดพิษร้ายแรง แต่ก็เกรงว่าบุตรสาวที่รักปานแก้วตาดวงใจจะบอบช้ำไปเสียก่อน เป็นเหตุผลที่ทำให้พ่อตาอย่างหลินยี่ห้านมีสีหน้ามึนตึงทุกครั้งที่คิดถึงเหตุการณ์ในคืนนั้น หนึ่งเดือนให้หลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ก็คืองานมงคลอันยิ่งใหญ่ที่สุดในเมืองตันหยาง เล่าลือกันว่าเพราะนางสามารถรักษาอาการป่วยของกัวอี้เซียวได้ แม้การแ

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 53.  รู้สึกเป็นหนึ่งเดียว

    เมื่อได้กอดเขาแล้ว นางกลับรู้สึกว่าตนเองได้ครอบครองช่วงเวลาอันแสนอัศจรรย์ นุ่มนวลและเร่าร้อนราวกับจะหลอมละลายคนสองคนให้เป็นหนึ่งเดียวนางรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับเขาเขารู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับนาง “เจ็บหรือไม่” เขากระซิบถามให้ช่องทางคับแน่นและฉ่ำร้อนของนางปรับตัวรับกับแก่นกายที่แข็งแกร่งของเขา“ไม่...ไม่เจ็บแล้ว” นางตอบด้วยท่าทีเขินอาย ร่างกายเหมือนหิวกระหายในสิ่งที่นางไม่รู้จัก“ท่าน...ช่วย...ได้หรือไม่ ...”แต่เขาชื่นชอบความซื่อตรงของนาง นางไม่เคยปิดบังความรู้สึกตนเอง ตั้งแต่พบกันครั้งแรก นางเป็นอย่างนี้เสมอมา และเมื่ออยู่ร่วมเตียง นางไม่ปกปิดอารมณ์ของตน ซึ่งปลุกเร้าความปรารถนาให้แผดเผาเขาจนต้องทำตามความต้องการของนางและเป็นความต้องการเดียวของเขาเช่นนั้นนางอ้อนวอนอย่างไม่รู้ว่าสิ่งที่ร้องขอนั้นคือสิ่งใด นางต้องการเขา ต้องการมากกว่านี้ นางบดเบียดเรือนร่างเข้าหา เชื้อเชิญให้เขาดื่มกินนางอีกครั้ง เขาขยับสะโพกช้าๆ ทว่าลึกล้ำ ดอกไม้งามเย้ายวนจนเขาไม่อาจฝืนกลั้น ความเสียวซ่านระลอกแล้วระลอกเล่าทำให้เขาใช้สองมือจับเอวคอดกิ่วไว้มั่นแล้วเริ่มแรงควบทะยาน ความซ่านเสียวทำให้หญิงสาวไปแตะข

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 52 เจ้าไม่อยากได้ข้าเป็นสามีหรือไร

    นางงุนงง แต่ชายหนุ่มไม่ยอมให้สมองของนางคิดเรื่องอื่นใด เขาขมเม้มริมฝีปากของนางอีกครั้ง เรียกร้องและเว้าวอนจนนางครางในลำคอ คราแรกนางผลักไสเขาแต่เพราะร่างกายของเขาใหญ่โตเกินไป มือนางนั้นก็ไร้เรี่ยวแรง หรือเพราะแผ่นอกกำยำนั้นเย้ายวนนาง ฝ่ามือของนางอ้อยอิ่งอยู่ที่สาบเสื้อของเขา ดวงตาของเขาที่จ้องมองนางนั้นแสนร้อนแรงจนนางต้องหลับตาลง และโดยไม่รู้ตัวนิ้วมือของเขาบีบกรามของนางเบาๆ เพื่อให้นางเปิดปากแล้ว ‘บางสิ่ง’ ก็เข้ามาในโพลงปากของนาง นางลืมตาขึ้นอย่างตกใจแต่เขาไม่ยอมให้นางดื้อดึง ปลายลิ้นอุกอาจดุนดัน ‘บางสิ่ง’ ให้อยู่บนลิ้นของนาง‘บางสิ่ง’ นั้นเป็นทรงกลม ให้ความรู้สึกอุ่นและเรียบลื่นหรือนี่จะเป็น‘ไข่มุกน้ำตาจันทรา’เมื่อรู้ว่านางกำลัง ‘อม’ ไข่มุกล้ำค่าของตระกูลกัวอยู่ นางขยับตัวขัดขืน นางไม่รู้ว่าเขาได้ ‘สิ่งนี้’ กลับคืนมาได้อย่างไร แต่เขาไม่ควรนำมาใช้กับนาง นางมิใช่สะใภ้เอกสกุลกัว นางไม่ได้เป็นภรรยาของเขาภรรยา…แววตาของนางที่จ้องมองเขานั้นทึมทือและสับสน ฝ่ามือของเขาเลื่อนผ่านเรือนร่างอรชรของหญิงสาว เขาไม่เคยเห็นนางสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสเลยสักครั้งครา นางเหมาะกับสีแดงเช่นนี้นัก

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 51 ลงอาญาใด

    “พี่ใหญ่ ท่านใช้สิ่งนี้รักษาแม่นางหลินเถิด ที่นางตั้งเงื่อนไขให้พี่ใหญ่แต่งนางเป็นภรรยาก็เพื่อนำไข่มุกจากข้าไปมอบให้ท่าน บีบบังคับทั้งข้าและพี่ใหญ่ สตรีร้ายกาจเช่นนี้ใครได้นางเป็นภรรยาชีวิตต้องพบกับคามหายนะเป็นแน่” “เจ้า! เจ้าเด็กปัญญาอ่อน!” “พูดได้ดี พูดได้ดี” ปี่จื้อหัวเราะออกมา “สตรีร้ายกาจเช่นนี้ใครได้ไปก็พบแต่หายนะ!” “ทำเป็นปากดี เจ้าคิดว่าตนเองจะรอดรึ!” เฉียนอิ๋นอิ๋นกรีดร้องเมื่อจางหยวนสั่งคนมาลากนางออกไป “ข้าไม่มีอะไรให้เป็นกังวลอีกแล้ว เชิญใต้เท้ากัวลงอาญาข้าได้” กัวจื่อหรานที่ตกตะลึงที่ได้ไข่มุกน้ำจันทรากลับคืนมาสู่มือเพิ่งได้สติ เขามองนายทหารหนุ่มแล้วแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ “ลงอาญาใดรึ นายกองจง” กัวจื่อหรานกำไข่มุกน้ำตาจันทราแน่นแล้วรีบหมุนตัวเดินออกไป ไม่สนใจสีหน้าประหลาดใจของปี่จื้อ หลันเอ๋อร์บีบไหล่ของกัวอี้เซียวแล้วหันไปส่งยิ้มเล็กน้อยให้ปี่จื่อ ประคองกัวอี้เซียวเดินออกมา ด้านนอกมีหลินเหิงอี้รอด้วยใจกระวนกระวาย เมื่อเห็นนางออกมาอย่างปลอดภัยก็ยิ้มโล่งอก นับจากนี

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 50. คงได้ยินหมดแล้ว

    “อี้เซียว อย่าไปฟังนางนะ” เฉียนอิ๋นอิ๋นได้สติรีบปรับน้ำเสียงพูดจาหว่านล้อมเด็กหนุ่มตรงหน้า “เจ้ามีข้าเป็นญาติเพียงคนเดียว ไม่มีผู้ใดรักเจ้าเท่าข้าอีกแล้ว” กัวอี้เซียวกลอกตาไปมา คนเหล่านี้แย่งกันพูดจนเขาฟังไม่รู้เรื่องแล้วยกมือขึ้นปิดหู ไม่ต้องการได้ยินเสียงใครอีก พลันเขานึกรอยยิ้มจริงใจของหลินอวี้เจิน นางใส่ใจเขา เล่นเป็นเพื่อนเขา ไม่เคยดูแคลนเขาในสภาพนี้ และไม่คิดเปิดโปงเรื่องของเขาใช่! เขารู้ความลับของตนเองดียิ่ง“พอแล้ว!”กัวอี้เซียวตวาดเสียงดัง น้ำเสียงแข็งกร้าวสั่นเล็กน้อย แต่มิใช่น้ำเสียงของเด็กหนุ่มอ่อนแอที่มีสติของเด็กเจ็ดขวบอีกแล้วท่าทางของเขาทำให้คนทั้งหมดตื่นตะลึงไร้ถ้อยคำ มีเพียงความเงียบงันในห้องคุมขังอันหนาวเหน็บ!“พอเสียที!” เด็กหนุ่มจ้องมองเฉียนอิ๋นอิ๋น “เลิกใช้ข้าเป็นเครื่องมือของเจ้าเสียที!”“อี้เซียว” หญิงสาวละลำละลัก เหตุใดเขาไม่เป็นเด็กปัญญาอ่อนแล้ว ยามนี้สายตาของเขาดุดันจนแทบจะฉีกนางออกเป็นชิ้นๆ “ข้าทำเพื่อเจ้า เจ้าอย่าลืมซิ ว่าข้าคือญาติคนเดียวของเจ้า”“ญาติ! เจ้ายังกล้าใช้คำนี้อีกเรอะ!” กัวอี้เซียวตัวสั่นด้วยความโกรธ “สำหรับเจ้า ข้าก็คือเด็กปัญญาอ่อน

  • จันทราพร่างพราว เหมันต์หวนคืน   Chapter 49.  แค่รู้สึกผิด

    “หากท่านแค่รู้สึกผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น...ไม่จำเป็น หากท่านแค่ต้องการรับผิดชอบเรื่องที่ผ่านมา...ไม่จำเป็น หากท่านเพียงสงสารเห็นใจข้า...ไม่จำเป็น ท่านไม่จำเป็นต้องแต่งข้าเป็นภรรยาเพื่อชดเชยความผิดใด เรื่องที่ผ่านมาล้วนมีเหตุผลในตัวเอง ข้าและท่านลุงใหญ่มิได้ขโมยไข่มุกน้ำตาจันทราไป ขอเพียงท่านเชื่อใจเรื่องนี้ข้าก็ยินดีมากแล้ว” สิ้นถ้อยคำของนางแล้ว กลับกลายเป็นเขาที่พูดไม่ออก คล้ายมีบางสิ่งจุกอยู่ในอก เขาต้องพูดออกไป พูดความจริงใจต่อนาง แต่คนอย่างเขาผู้ถูกเลี้ยงดูให้เป็นประมุขสกุลกัว เขาคือกัวจื่อหรานที่ก้มหัวให้ใครไม่เป็น ไม่เคยแพ้พ่ายแต่ยามนี้....เขากลายเป็นคนโง่งมที่สุดในใต้หล้าแล้ว “หากท่านต้องการทำเพื่อข้า ข้าอยากขอร้องท่านเรื่องเดียว” “เรื่องใด” “ข้าขอให้ท่านดูแลกัวอี้เซียวเช่นนี้ตลอดไป” “เขาเป็นน้องชายข้า แม้เป็นน้องชายต่างบิดา เป็นลูกอนุ แต่เขาก็เป็นคนสกุลกัว” หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ทำให้อีกฝ่ายขมวดคิ้ว นางเผลอหัวเราะเบาๆ ยื่นมือออกจากผ้าห่มไปคลึงหัวคิ้วของเขาพลางเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “ขอ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status