Share

Chapter 8

เป็นเวลาสามสัปดาห์แล้วที่ฉันมาอยู่ที่นี่ และจะบอกว่าฉันชอบที่นี่ ทุกอย่างเป็นเรื่องใหม่จริงๆสำหรับฉัน ฉันไม่เคยติดใจอะไรง่ายๆแบบนี้มาก่อน

เบลล์ได้ใกล้ชิดกับฉันมากขึ้นในช่วงเวลานี้ และส่วนที่ตลกที่สุดคือฉันได้รับการดูแลจากผู้คนที่อาศัยอยู่ที่นี่ ฉันชอบความรู้สึกนั้น เป็นความรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนสำคัญ นอกเหนือจากนี้ ก็มีเพียงสองคนเท่านั้นที่สามารถทำให้ฉันหงุดหงิดได้

คนแรกคือ แม่สาวผมบลอนด์สุดชิค ลิลลี่ และคนที่สองคือตาบ้า ดีแลน

ฉันไม่รู้ว่าเขามีปัญหาอะไรกับฉัน แต่ทุกครั้งที่ฉันพบเขา เขาจะทำท่าเย็นชากับฉัน และเขายังดุฉัน เยาะเย้ยว่าฉันเป็นเด็กและอ่อนแอ

ฉันเหนื่อยหน่ายกับสองคนนี้มาก ปัญหาคือลิลลี่ชอบดีแลน อย่างน้อยนั่นคือสิ่งที่ฉันได้ยินมาจนถึงตอนนี้ ดังนั้น ฉันไม่เข้าใจว่าปัญหาอยู่ที่ไหน ลิลลี่ชอบดีแลน ดีแลนชอบงานและผู้คนของเขา คนของเขาชอบฉัน

เป็นเหมือนสามเหลี่ยม จะแปลกอะไร

“รู้ไหมว่าทำไมตึกถึงกระโดดไม่ได้” เบลคชวนฉันเล่นเกมกับเขา

ฉันเกาคางครุ่นคิดแล้วยิ้มเมื่อพบคำตอบ “เพราะตึกไม่ใช่จิงโจ้” ฉันกรีดร้องทำให้เขาหัวเราะและเราทั้งคู่ก็แปะมือไฮไฟกัน จากนั้นก็หัวเราะออกมา

“ไร้สาระอะไรกัน” ฉันได้ยินดีแลนพึมพำขณะเดินผ่านห้องนั่งเล่นไปยังห้องของเขา ฉันยังไม่เข้าใจ เขาได้ยินสิ่งที่เราคุยกันจากระยะไกลขนาดนี้ได้อย่างไร

“อย่าไปสนใจเขาเลย เขาเป็นแบบนั้นเสมอ ไม่เคยพอใจอะไร” เบลคกระซิบและฉันพึมพำ “เหมือนชายแก่ขี้หงุดหงิด”

เราหัวเราะออกมาเหมือนคนโง่ เราทั้งคู่ชอบเล่นมุขตลกและเรื่องตลกที่แย่ที่สุดคือจะเราน้ำตาไหลจากการหัวเราะอย่างหนัก ทุกคนมองว่าเราสองคนแปลก แต่ใครจะสนกันล่ะว่าคนอื่นคิดยังไง

“เบลล์อยู่ไหนเหรอ” ฉันถามเขาที่นั่งอยู่ข้างๆ

เขายักไหล่ตอบ และเล่นต่อ ฉันไม่ได้เห็นเธอมาสองวันแล้ว สงสัยว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

ฉันลุกขึ้นจากที่นั่ง และออกจากห้องโดยปล่อยให้เบลคอยู่คนเดียว ฉันกำลังเดินไปที่โถงทางเดิน เมื่อโทรศัพท์ของฉันดังขึ้น ฉันหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงและมองไปที่หน้าจอ พบว่ามีหมายเลขที่ฉันไม่รู้จักโทรเข้ามา

"อะไรน่ะ?" ฉันถามคนในโทรศัพท์

“ฉันโทรมาเพื่อเตือนคุณเกี่ยวกับ-” เขาเริ่ม แต่ฉันตัดบทเขาออกโดยพูดว่า “ฉันรู้ คุณไม่จำเป็นต้องเตือนฉันและไม่ต้องโทรมาหาฉัน ฉันไม่ได้บอกคุณก่อนหน้านี้หรอกเหรอว่าอย่าโทรหาฉัน?” ฉันโวยวายและได้ยินเขาถอนหายใจ

“ฟังนะ คุณไม่จำเป็นต้องเสียงดังใส่ผม ผมแค่ทำงานของผม” เขาพูดจบและฉันก็กดวางสายจากเขา

“คนบ้า” ฉันกระซิบใส่โทรศัพท์ และเก็บกลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

ฉันกำลังจะเดินต่อ แต่ก็ต้องหยุด เมื่อได้ยินเสียงพูด "ใครไม่ควรโทรหาเธอ"

ฉันหันไปเห็นดีแลน ยืนอยู่ใกล้ประตู กำลังมองมาทางฉันอย่างสงสัย

“คุณกำลังแอบฟังฉันอยู่เหรอ” ฉันถามเสียงเย็นชา

"เขาเป็นใคร?" เขาถามอีกครั้งในขณะที่เขาเริ่มเดินเข้ามาหาฉัน ฉันยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างนิ่งเฉย

“ไม่ใช่เรื่องของคุณ” ฉันพ่นคำตอบใส่เขา และท่าทางของเขาเริ่มเปลี่ยนไปทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น เขาเริ่มตัวสั่นอย่างรุนแรงในขณะที่มือของเขากำแน่น ความโกรธเริ่มแผ่ออกมาจากร่างกายของเขา ในขณะที่เขามองดูฉันเหมือนว่าฉันได้ก่ออาชญากรรมบางอย่าง

“อย่ามาพูดกับผมแบบนั้น” เขาคำราม ใช่แล้ว คำรามเหมือนกับสุนัข ฉันเฝ้าดูอย่างเงียบๆขณะที่เขาเหมือนกำลังต่อสู้กับตัวเองในการควบคุมอะไรบางอย่าง

“ฉันจะพูดอย่างที่ฉันต้องการ และครั้งหน้าคุณอย่ามาแอบฟังฉันอีกนะ” ฉันโวยวาย และในวินาทีต่อมาฉันก็พบว่าตัวเองติดอยู่กับกำแพง มือใหญ่ของเขาจับแน่นที่คอของฉันจนหายใจไม่ออก

“อย่าพูดกับผมแบบนั้นอีก คราวหน้าฉันจะไม่ปล่อยไว้แน่” ตราบใดที่คุณอยู่ที่นี่ มันเป็นเรื่องบ้าๆของฉันที่จะต้องรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้น” เขาพูดด้วยฟันที่ขบแน่น และฉันก็จับมือเขาเพื่อพยายามแกะปลดปล่อยตัวเอง

เขาจับคอฉันแรงๆ อยู่ๆฉันก็เริ่มเวียนหัวเพราะขาดออกซิเจน และสุดท้ายฉันก็พูดตะกุกตะกัก “ปล่อ---ย ฉั--น” ฉันพูดด้วยความยากลำบากอย่างที่สุด

เมื่อเขาได้ยินเสียงของฉัน เขาก็ปล่อยฉันทันทีที่ทำได้ และฉันก็อ้าปากงับอากาศหายใจ โน้มตัวลงมาจับที่ลำคอของฉัน ฉันไอเล็กน้อยและในที่สุดเมื่อฉันสามารถหายใจได้ ฉันก็ยืนขึ้นมองเข้าไปในดวงตาของเขาโดยตรง

“อย่างแรกเลย ฉันไม่ได้อยู่ที่นี่เพราะความปรารถนาของฉัน เอาตามความเป็นจริงคือฉันถูก "ลักพาตัว"

“ดังนั้น กฎและข้อบังคับของคุณใช้ไม่ได้ผลกับฉัน และฉันไม่สนในสิ่งที่คุณต้องการและไม่ต้องการ” ฉันพูดช้าๆและชัดเจนเพื่อให้เขาจดจำใส่กะโหลกศีรษะหนาๆของเขา

“และครั้งต่อไปที่คุณแตะต้องตัวฉัน ฉันรับรองได้เลยว่าจะไม่มีสิ่งดีเกิดขึ้นคุณ” ฉันพูดแล้วจ้องเขาด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยียบ

ฉันดูท่าทางของเขาเปลี่ยนเป็นปกติ ในขณะที่ฉันพูดกับเขา เขากลับมาเป็นตัวตนที่เยือกเย็นอีกครั้ง เขาอ้าปากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หยุดเมื่อตาของเขาจับจ้องที่คอของฉัน

ฉันแน่ใจว่ามันจะต้องเป็นรอยช้ำอยู่แล้ว ฉันเอานิ้วแตะคอและสะดุ้งเมื่อสัมผัสโดนที่รอยช้ำนั้น สีหน้าเขาเริ่มมีความกังวลและแปรเปลี่ยนไปเป็นความเจ็บปวด ดูเหมือนว่าเขากำลังร้องไห้ออกมาในไม่ช้า

ผู้ชายคนนี้คงต้องการพบจิตแพทย์อย่างจริงจัง

เขายกมือขึ้นมา ซึ่งฉันเดาว่าเขากำลังจะมาสัมผัสตัวฉัน แต่ก่อนที่เขาจะทำได้ ฉันก็หันหลังส้นและเดินหนีออกจากที่นั่นไป

“เขากล้าดียังไงมาทำกับฉันแบบนี้” ฉันบ่นพึมพำกับตัวเองขณะเอามือลูบที่คอ

ฉันเดินกลับไปที่ห้องและพบว่าตัวเองยืนอยู่หน้ากระจก สำรวจดูรอยช้ำที่คอของฉัน

มันช้ำอย่างแน่นอนและฉันบอกได้เลยว่ามันดูแย่มาก รอยนิ้วมือก่อตัวขึ้นที่คอของฉัน และบริเวณที่เขาจับกลายเป็นสีคล้ำ ฉันถอนหายใจเมื่อเห็นสภาพของตัวเอง รอยฟกช้ำไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับฉันและฉันไม่ได้กลัวพวกเขา

แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าทำไม ฉันถึงรู้สึกอยากร้องไห้ที่เขาทำกับฉันแบบนี้ ฉันเคยผ่านเรื่องราวที่เลวร้ายกว่านี้มาแล้ว แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกเหงาและเศร้าเหลือเกิน?

ฉันรู้สึกเหมือนเสี้ยวส่วนของฉันกำลังทำร้ายฉัน ทำไมฉันถึงรู้สึกแบบนี้

ฉันมองดูตัวเองในกระจกและพบว่าดวงตาของฉันเต็มไปด้วยน้ำตาและความคิดมากมาย

"น้ำตา?" ฉันกระซิบ ลืมตาขึ้นขณะที่น้ำตาเริ่มไหล ไม่นานน้ำตาก็เไหลอาบแก้มเหมือนสายน้ำ

มันน่าประหลาดใจจริงๆ เพราะฉันไม่ได้ร้องไห้แบบนี้มานานหลายปี ฉันรู้สึกเจ็บปวดและตกใจ เกิดหลายหลากอารมณ์ความรู้สึกในเวลาเดียวกัน

ฉันจ้องมองตัวเองในกระจกขณะที่น้ำตาซึมหยดลงบนเสื้อของฉันอย่างเงียบเชียบ

“ฉันท้องหรือเปล่านะ” ฉันกระซิบ

ทันใดนั้นฉันก็หัวเราะออกมาขณะจับที่ท้องของตัวเอง ฉันบ้าไปแล้วจริงๆ มันทำให้ฉันประหลาดใจมากที่สามารถเปลี่ยนอารมณ์ได้เร็วขนาดนี้

ฉันแต่งตัวและติดกระดุมเม็ดแรกบนเสื้อเพื่อซ่อนรอยช้ำ คลายมวยผมของฉัน หวีผมเบาๆและจัดแต่งเพื่อซ่อนร่องรอยแห่งความเจ็บปวดเหล่านั้นได้อย่างสมบูรณ์

“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะทำกับฉันแบบนี้” ฉันกระซิบกับตัวเองและเดินออกจากห้องน้ำ

จู่ๆฉันก็โดนกอด

“โอ้ พระเจ้าอาดี้ คุณเป็นยังไงบ้างคะ” เบลล์ถามด้วยความเป็นห่วง เธอดึงตัวฉันกลับจากการกอดและมองสำรวจมาที่ฉัน

“ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าอัลฟ่าจะทำแบบนั้นกับคุณได้” ฉันตัดบทเธอ แล้วพูดออกไปว่า “เขาทำอะไรน่ะเหรอ?”

เธอจ้องมาที่ฉันด้วยท่าทางสับสนและพูดว่า “อัลฟ่าพยายามทำร้ายคุณใช่ไหม”

"เมื่อไหร่?" ฉันถามเธอ และมองดูเธอขมวดคิ้วอย่างสับสนอย่างเห็นได้ชัด

“เขาไม่ได้?” เธอถาม ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ

“แต่ฉันได้ยินว่า-” เธอเริ่ม แต่ฉันตัดบทเธอออกโดยจับแขนเธอ “คุณพบอะไรผิดปกติกับฉันไหมล่ะ” ฉันถามและเธอก็เริ่มมองฉันไปทุกที่

"ไม่ค่ะ?" เธอตอบซึ่งฟังดูเหมือนคำถาม

“นั่นเป็นเพราะว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่พวกคุณคิด” ฉันพูดพลางเอามือล้วงกระเป๋ากางเกง นิสัยที่ฉันชอบทำทุกครั้งเวลาที่ฉันโกหก

ทุกครั้งที่ฉันโกหก นิ้วของฉันจะเริ่มกระตุกอย่างประหลาดจนดึงดูดความสนใจคนอื่น ฉันจึงมักจะซ่อนมันไว้ในกระเป๋ากางเกง

เธอถอนหายใจ มือซ้ายของเธออยู่ที่หน้าผากของเธอและอีกมืออยู่ที่สะโพก “ฉันบอกคุณว่าคนเหล่านี้…” เธอกระซิบ แต่ฉันได้ยินเธอ

“คนไหน” ฉันถามพลางเอามือลูบแขนตัวเอง

“ที่จริงฉันได้ยินจากผู้ชายคนหนึ่งว่าเขาเห็นคุณกับอัลฟ่าทะเลาะกัน และเขาเห็นอัลฟ่าทำร้ายคุณด้วย” เธอพูด แล้วฉันก็เม้มปากแน่น

“นั่นมันไร้สาระ จะทำร้ายฉันทำไม” ฉันถามและเธอก็พยักหน้า “ฉันรู้ค่ะ ถูกของคุณ ผู้คนต้องการแค่ข่าวลือเพื่อซุบซิบนินทา” เธอพึมพำและเดินไปที่เตียงของฉันและนั่งลง

“พูดถึงผู้คน คุณหายไปไหนมาเมื่อสองวันก่อน” ฉันถาม และเธอก็ดูเกร็งเมื่อได้ยินคำถามนั้น

“ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” ฉันถาม เมื่อเห็นสายตาที่ตึงเครียดของเธอ

“ค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี ฉันแค่ไปลาดตระเวน” เธอพูดและถอนหายใจ แต่จู่ๆ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างเมื่อรู้ตัวถึงสิ่งที่เธอเพิ่งโพล่งออกมา

“ลาดตระเวน? คุณเป็นตำรวจเหรอ” ฉันถามและเธอก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่ได้ตระเวน ฉันหมายถึงไปซื้อของน่ะค่ะ” เธอเปลี่ยนคำพูดแต่ฉันไม่ได้เชื่อง่ายๆ ขนาดนั้น

อย่างไรก็ตาม ฉันพยักหน้าและเดินไปนั่งข้างเธอ เราคุยกันหลายชั่วโมงแล้วเธอก็ออกจากห้องของฉัน โดยบอกว่าเธอมีงานต้องทำ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status