บทที่1.เจ้าหนี้ขาโหด
เบน อัคเดช รูธ เศรษฐีหนุ่มลูกครึ่งไทยอังกฤษ เขากำลังเฟื่องสุดขีด หลังประมูลเปิดกาสิโนได้ในประเทศเพื่อนบ้าน ที่มีอาณาเขตติดประเทศไทย ธุรกิจทำเงินที่ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลมีอาณาจักรทำเงินที่เก็บกินได้ตลอดชั่วชีวิต หากยังมีแมลงเม่าบินเข้ากองไฟเรื่อยๆ ก็รู้ทั้งรู้ว่าไฟมันร้อน แต่แมลงหน้าโง่นั่น ก็ยังบินถลาล่อ จนกระทั่งถูกเปลวไฟเผาปีกอันบางเบาจนมอดไหม้…ก่อนจะตายตกไปตามๆ กัน
“ท่านครับคุณโจนาธานมาถึงแล้วครับ” การ์ดหนุ่มเดินเข้ามานอบตัวรายงาน
เบนคลี่ยิ้ม สถานที่แปลกตาอาจทำให้น้องชายของเขามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โจนาธาน อัครัก รูธ น้องชายสุดรักที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกัน สองพี่น้องบุกเบิกอาณาจักรกาสิโนมาด้วยกัน เพียงแต่โจนาธานโชคร้าย เขาประสบอุบัติเหตุร้ายแรง จากผู้ชายที่เคยเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทั่วโลก เวลานี้โจนาธานไม่ต่างอะไรกับผักเน่า เขานอนนิ่งไม่ไหวติง...เบนทุ่มเทหาวิธีรักษา ไม่ว่าแพทย์แขนงไหนที่ว่าดี เขาลองมาหมด…จนโจนาธานเกิดความเบื่อหน่าย เขาเบื่อที่จะต้องฝืนสังขาร การทำกายภาพที่แสนโหด แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น เขายังคงเป็นชายพิการที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เหมือนเดิม
ความจริง...หากโจนาธานไม่ท้อ...ปานนี้เขาน่าจะเดินได้...
“อืม...ไปเถอะ”
เบนลุกขึ้นยืน เขารับปากมารดาเป็นมั่นเป็นเหมาะ เขาจะทำทุกทางให้โจนาธานกลับมาเป็นเหมือนเดิมให้ได้...
“ท่านครับ...”
แต่...ลูกน้องคนหนึ่งกับรั้งเขาไว้เสียก่อน...
“อะไรว่ะ ถ้าไม่ด่วนจริงมึงโดน!!”
เขายกนิ้วขึ้นชี้หน้าคนมาใหม่ พร้อมกับคำขู่
“มีลูกหนี้มาขอพบท่านครับ...”
“ใครมาขอพบกูว่ะ มันไม่รู้หรือไง...กูไม่ว่าง”
เบนตวาด...
“คุณทะนงที่ท่านถามวันก่อน เรื่องหนี้ที่ค้างไว้น่ะครับ”
คนรายงานหน้าซีด เขารีบละล่ำละลักบอก ก่อนที่เบนจะโกรธไปกันใหญ่
“อ๋อ...ไปๆ ไปพามาเลย กูให้10นาที”
เบนทรุดนั่งลงที่เดิม... เขายกปลายเท้าขึ้นพาดขอบโต๊ะ พร้อมกับวางมือไว้เหนืออก มองตรงไปยังประตูหน้า...
ทะนงเดินคอตกเข้ามาด้านใน ข้างตัวเขามีผู้หญิงสาวสวยคนหนึ่งประคับประคองมาด้วย และชุดที่หล่อนสวมใส่ สะดุดตาเบน เมื่อมันเป็นชุดสีขาวๆ ของอาชีพที่เขากำลังต้องการตัว เมื่อน้องชายสุดแสบ ตะเพิดไล่คนเหล่านี้ไปจนหมด ในเวลา 6 เดือน...เขาเปลี่ยนคนดูแลน้องชายมาเกือบ30 คน
“เอ่อ...” ทะนงพูดไม่ออก ลำคอตีบตัน เขาหมดหนทางหาเงินก้อนใหญ่มาใช้คืน
“หล่อนเป็นใคร?”
เบนวาดปลายเท้าลง เขาหยัดกายนั่งตรงๆ พร้อมกับถามกลับเสียงห้าว
“หืมมม...” ทะนงเงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาฝ้าฟางและเต็มไปด้วยคำถาม
“ยัยนี่เป็นใคร ใช่พยาบาลวิชาชีพมั้ย?!!”
เสียงที่เริ่มขุ่น ลูกน้องของเบนจึงรีบกระซิบเตือน
“รีบๆ ตอบซิลุง หล่อนเป็นพยาบาลหรือเปล่า?”
วันวาดขมวดคิ้ว เธอไม่พอใจกับการคุกคามของคนเหล่านี้ แต่เปิดปากต่อว่าไม่ได้ เมื่อรู้อยู่แก่ใจว่าเขาเหล่านี้เป็นเจ้าหนี้ของบิดา
“ครับๆ วันวาดลูกสาวผมเป็นพยาบาลอาชีพ”
วันวาดถูกกีดกันไม่ให้เรียนในวิทยาลัย’ เธอจึงเลือกสายอาชีพที่ใช้จ่ายไม่มาก เมื่อจบมาสามารถหางานทำได้เลย และอาชีพนี้แหละที่กำลังหาเลี้ยงคนทั้งพิศิษรุ่งเรือง
“อืมดี...เอาล่ะ มาว่ากันเรื่องเงินที่ค้างไว้ ฉันรู้... แกไม่มีปัญญาจ่ายแน่” เบนหยุดพูด คนข้างกายตาลุงนี่ลักษณะใช้ได้ หล่อนไม่หลุกหลิก ไม่มีลักษณะที่น่าวิตกหล่อนแต่งกายเรียบร้อย เหมาะกับอาชีพที่น่าศรัทธานั่น และหากให้หล่อนคอยดูแลโจนาธานก็น่าจะช่วยให้น้องชายเขาดีขึ้น เมื่อหล่อนมีชนักปักหลัง ทำให้ทิ้งงานไปกลางครันเหมือนคนอื่นๆ ไม่ได้ “และฉันมีข้อเสนอ...” เบนยิ้มเจ้าเล่ห์!!
“อะไรครับ?” ทะนงรีบถามกลับแบบมีความหวัง ถึงมันจะริบหรี่...แต่ก็ดีกว่าหนทางตายที่รออยู่ตรงหน้า...
“ฉันมีคนป่วย ป่วยหนัก อยากจะให้ช่วยดูแลให้หน่อย หากทำให้เขาดีขึ้นได้...หนี้ทั้งหมดฉันยกให้เลย”
เบนพูดเหมือนใจป้ำ แต่...การ์ดข้างตัวตาเหลือก...เขาชำเรืองมองวันวาดแบบสงสาร ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้ จะไปคณามือน้องชายเจ้านายได้อย่างไร เมื่อแม้แต่ผู้ชายตัวโตๆ ยังหวาด
“จริงหรือครับ...”
“จริงสิ!!...ฉันให้เวลาคิดหนึ่งวัน หากตกลงก็เอาหล่อนมาส่งที่นี่ ถ้าไม่...ก็เอาสตางค์ที่ยืมไปมาคืน...”
เบนตอบ เขาลุกขึ้นยืน คงถึงเวลาที่จะต้องไปต้อนรับโจนาธาน ก่อนที่หมอนั่นจะอารมณ์เสียไปก่อน
“เออ...ตกลงครับ”
ทะนงรีบตอบโดยไม่ต้องย้อนคิด เรื่องเงินไม่ต้องถามถึง... เขาไม่มีปัญญาหามาใช้คืนอยู่แล้ว ในเมื่อมีทางเลือก ก็คงต้องคว้าไว้
“พ่อคะ” วันวาดพยายามแย้ง
ท่านหันกลับมามองบุตรสาว มือเหี่ยวยกขึ้นกุมแขนเรียวของวันวาด พร้อมกับพูดเสียงเครือ...
“วาด...ช่วยพ่อหน่อยนะ พ่อหาเงินที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว...”
หญิงสาวถอนใจ เธอกุมมือท่านพร้อมกับปลอบใจ “วาดเต็มใจทำอยู่แล้วค่ะ แต่ว่า... วาดยังต้องทำงานใช้หนี้ทุนที่โรงพยาบาล...จะมาลาออกตอนนี้ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าอยากให้วาดไปดูแลคนป่วย...ก็ต้องขอกับที่โรงพยาบาล วาดตัดสินใจเองไม่ได้ค่ะพ่อ”
“มันไม่ใช่ปัญหาของฉันนะ เธอกับพ่อเธอต้องตกลงกันเอง...แต่พรุ่งนี้ถ้าฉันไม่เห็นเธอ พ่อเธอก็ต้องเอาเงินมาคืนฉัน ไม่อย่างนั้น...” เบนยิ้มเหี้ยม เขาไหวไหล่เบ้ปาก ปลายตามองสองคนพ่อลูกแบบเหนือกว่า
“คุณ!!”
“ทำไม? ฉันทำไมเหรอ...พ่อเธอเป็นหนี้ฉัน และฉันขอแค่นี้เอง...ไม่ยากนี่นา เธอก็เลือกเอาสิจะมีพ่อที่มีลมหายใจ หรือมีพ่อที่ไม่มีลมหายใจ!!”
เบนตอบเสียงเหี้ยม หล่อนกับบิดาเป็นลูกหนี้ สิ่งที่เขาอยากได้ หล่อนกับพ่อไม่มีสิทธิปฏิเสธ!!
“ค่ะ...วาดจะดูแลคนป่วยของคุณเอง...แต่...แค่กลางคืน เพราะ กลางวัน วาดต้องทำงานที่โรงพยาบาล”
หญิงสาวกลั้นใจตอบ เอาน่า...ไม่ถึงตายหรอก คนป่วยที่เขาพูดถึงน่าจะอาการหนักพอสมควร เธอคงพอมีเวลางีบช่วงหนึ่ง หากเขาดีขึ้น เธอก็คงเป็นไท...
“ดี...ตามนั้น”
เบนยิ้มรับ เขากำลังจะออกเดิน แต่วันวาดร้องเรียกไว้ก่อน
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ