หล่อนคือของที่ได้มา...แลกกับเงินจำนวนหนึ่ง เธอเย็นชาแต่กลับกระตุ้นความร้อนระอุในตัวเขาได้ชะงัด ‘เมีย’ นิยามคำนี้ไม่เคยมีอยู่ในสมอง แม้ โจนาธาน อักรัก รูธ ถึงเขาจะเป็นแค่คนพิการ เนื่องจากอุบัติเหตุรถยนต์ร้ายแรง จากหนุ่มสุดหล่อ ขวัญใจสาวๆ กลายเป็นผู้ชายกราดเกรี้ยวเจ้าอารมณ์ ไม่มี... พยาบาลสาวคนไหนทานพายุอารมณ์ของเขาได้ เมื่อพวกหล่อนมาเพราะหวังอย่างอื่น แต่ก็ต้องหอบผ้าหนีตายกันจ้าละหวั่น!! ชายหนุ่มจะดับความร้อนเร่าในกายได้อย่างไร เมื่อหล่อนหน้าด้านหน้าทนตั้งใจทำงาน...แต่ไม่เคยคิดกับเขาในทางชู้สาว ปึก!! การต้อนรับจากผู้ชายตัวใหญ่ที่นั่งหน้าบึ้งกลางเตียง เขาโยนหมอนใส่หน้าเธอ แต่วันวาดก็ต้องทน เมื่อชายหนุ่มคือเงื่อนไขที่เธอต้องก้มหน้าทน บิดาของเธอก่อหนี้ไว้เรือนล้าน จากการเล่น ‘การพนัน’ ข้อตกลงเดียวที่เธอจะช่วยท่านได้ คือการยอมรับดูแลคนไข้จอมโวย โดยไม่มีข้อแม้...หากเขาเดินได้...เธอจะเป็นอิสระ!!
View Moreบทนำ...
บ้านสีขาวหลังใหญ่ ล้อมรั้วด้วยต้นตีนตุ๊กแก พันธุ์ไม้เลื้อยสีเขียวที่ไต่ไปตามกำแพงปูนก่อไว้เป็นฐาน มันเติบโตปกคลุมเนื้อปูนจนมองแทบไม่เห็น ที่เห็นจากสายตาหากมองผ่านๆ คือรั้วต้นไม้สีเขียวครึ้ม ด้านในบ้านมีเนื้อที่กว้างขวางพอสมควรทีเดียว มีบ้านสองหลังถูกปลูกสร้างบนที่ดินผืนนี้ บ้านสวยหลังนี้เป็นบ้านของคนมีอันจะกินครอบครัวหนึ่งในย่านนี้ เจ้าของบ้านเคย...มีหน้ามีตา เพราะเป็นคนของหลวง ท่านรับราชการเป็นครู มีอาชีพอันทรงเกียรติ แต่เมื่อหมดวันทำงาน เกษียณอายุตามกำหนด ความนับหน้าถือตาก็ลดหย่อนลง หากเป็นเมื่อสมัยเก่าก่อน มักจะมีลูกศิษย์ ลูกหาแวะเวียนมาเยี่ยม มาหาไม่เคยขาด แต่...คงเป็นเพราะอำนาจบารมีที่เคยมีลดลง...คนเหล่านั้นจึงหายหน้าหายตาไป และนี่เอง...เป็นต้นกำเนิดให้ เกิดการพลิกผันครั้งใหญ่กับครอบครัว ‘พิศิษรุ่งเรือง’
ทะนง พิศิษรุ่งเรือง เป็นหัวหน้าครอบครัว ปัจจุบันท่านอายุ63 ปีเต็มทะนงเป็นชายร่างใหญ่ ค่อนไปทางท้วมนิดๆ สุขภาพแข็งแรงตามอายุ และดูไม่แก่ หากเทียบกับคนรุ่นเดียวกัน วันเวลา...ทำให้ผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเคยทรงภูมิทรุดโทรมลง กาลเวลาทำให้คนที่เคยมีสติ เพราะใช้สมองเป็นส่วนใหญ่คนนั้น...หายไป เมื่อประมุขเฒ่า หลงใหลในอบายมุข เนื่องจากมีเวลาว่างมากเกินไปในหนึ่งวัน ว่างจนต้องการกิจกรรมพิเศษทำ แต่สิ่งที่ทะนงเลือก คือการเดินเข้าสู่...ประตู...นรก!!
ทรัพย์สินที่เคยมี เคยสะสมไว้ในตอนที่รุ่งเรือง เริ่มถูกทยอยออกขาย เพื่อชดใช้หนี้สินที่ท่านสร้าง ใหม่ๆ การเงินก็คล่องดี เมื่อสมบัติมากมีพอให้จับจ่าย แต่เมื่อนานวันเข้า...เงินทองเริ่มร่อยหรอ...ที่นี้แหละ มันจึงเป็นที่มาของปัญหาที่ประเดประดังเข้าใส่...
“มีใครอยู่บ้างโว้ย!!”
เสียงตะโกนดังขรม ร่างสูงใหญ่แต่ค่อนไปทางท้วมยืนโอนไปเอนมา
“มีอะไรให้อิฉันช่วยไหมคะ?” สาวใหญ่อายุ อานามไม่น่าจะไกลจากท่านเท่าไร ถลันเข้ามาถาม เธอพยายามเข้าไปประคอง แต่กลับถูกผลักจนกระเด็น...
รัชนี หล่อนคือสาวใหญ่คนนั้น รัชนีเป็น ‘เมียเก็บ’ ที่ทะนงมีซุกไว้ในบ้าน ตามความนิยมของคนมียศมีตำแหน่ง เพียงแต่รัชนียินยอมเพราะความรักเทิดทูนที่มีต่อทะนง เธอเคยเป็นลูกศิษย์ในวัยเยาว์ แต่ดันแอบหลงรักอาจารย์ใหญ่ที่หล่อเหลาและมีหมาด จนยอมตกเป็นเบี้ยล่าง ยอมแม้จะถูกคนรอบข้างตราหน้าว่าเป็นผู้หญิงไร้ศักดิ์ศรี
“แม่นีเองเรอะ...ฉันหิวน้ำ หาน้ำให้กินหน่อยสิ...” ทะนงหันมายิ้มให้ภรรยาคนรอง หลังเพ่งมองจนแน่ใจ เขาเดินตัวเอียงไปทิ้งตัวนั่งที่เก้าอี้เหล็กที่ตั้งอยู่หน้าบ้าน ศีรษะของเขาตกห้อยลงมาเพราะหมดแรง
รัชนีถอนใจเบาๆ เธอเดินเลี่ยงไปทางหลังบ้านเพื่อนำสิ่งที่สามีต้องการมาให้ โดยไม่ผ่านตัวบ้านหลังใหญ่ เมื่อเป็นเขตหวงห้ามสำหรับนาง...
บ้านพิศิษรุ่งเรือง มีทะนงเป็นประมุข ภรรยาออกหน้าออกตาของเขา คือพิไล...อดีตครูสาวเช่นเดียวกัน อาจจะเป็นความวุ่นวายยุ่งเหยิงสักนิด เพราะครอบครัวนี้แตกต่างกับครอบครัวอื่นๆ เมื่อบ้านสองหลังที่ตั้งอยู่ภายในรั้วเดียวกันนั้น ประกอบไปด้วยบ้านใหญ่สีขาว...ซึ่งคือที่พักของทะนงกับพิไล และบ้านอีกหลัง...เป็นบ้านชั้นเดียวสีขาวอีกเช่นกันขนาดบ้านย่อมกว่าบ้านหลังแรก 3 เท่า!! เป็นบ้านของรัชนีกับบุตรสาว...
มันเป็นความโชคดี หรือโชคร้ายก็ไม่แน่ใจนัก พิไลไม่มีบุตร!! หล่อนจึงนำหลานสาวมาอุ้มชู เพื่อจะไม่ทำให้ตัวเองด้อยค่า และเป็นการคานอำนาจเมียรอง เมื่อเป็นถึงภรรยาหลวง แต่กับไม่มีทายาทให้ทะนงอุ้มชู
พิไลลักษณ์คือหลานสาวสุดโปรดที่พิไลเอามาเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม
วันวาด คือบุตรที่เกิดจากรัชนี และเป็นที่จงชังของพิไล เมื่อสาวน้อยนางนั้นโดดเด่นทั้งหน้าตาและผลการเรียน สร้างความภาคภูมิใจให้กับทะนง ผิดกับพิไลลักษณ์ที่มีโอกาสมากกว่าหลายร้อยเท่า!! แต่ผลการเรียนของหล่อนกลับดิ่งลงเหว ลุ่มๆ ดอนๆ จะตกไม่ตกแหล่ จนกระทั่งพิไลต้องตัดใจ หันมาส่งเสริมพิไลลักษณ์เรื่องอื่น แม้จะขัดใจแต่ทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้ เมื่อมันสมองของคนพระเจ้าให้มาไม่เท่ากัน
ความอลหม่าน เกิดขึ้นภายในครอบครัวนี้มานานเกือบ20 ปี...
มันคงอยู่เช่นนี้ไปอีกนาน หากความริษยายังคงอยู่ในหัวใจ ไม่มีครอบครัวไหนหรอกที่จะสงบสุข หากในรั้วบ้านเดียวกัน มีภรรยาน้อย และภรรยาหลวงอาศัยอยู่ด้วยกัน แม้ฝ่ายมาทีหลังจะอ่อนน้อมถ่อมตัว
“คุณพี่!!”
ทะนงสะดุ้งเฮือก เขาขยับตัวนั่งตรงๆ ปรือเปลือกตาขึ้นมองคนที่ยืนจังก้าตรงหน้า
“คุณพิเอง...เสียงดังทำไมหะ แก้วหูจะแตกแล้วเห็นมั้ย” ท่านบ่น ยกมือขยี้เปลือกตา พร้อมกับเหลียวมองหารัชนี “แม่นีไปเอาน้ำถึงไหนนะ ฉันหิวจะแย่”
“หึ!! พอเหยียบเข้ามาในรั้วบ้าน คุณพี่ก็เรียกหาแม่นั่นแล้วเหรอคะ...ดีจริง!!”
เสียงนางกระแทกกระทั้นจนคนฟังระอา สาวใหญ่ยังไม่หมดไฟริษยา เมื่อรู้เต็มอกว่าความรักของสามี ถูกปันให้หญิงอื่น...
“แก่จนปูนนี้แล้ว ยังจะหึงไม่รู้เรื่องอีกรึ? ฉันแค่หิวน้ำ แล้วแม่นีเขาอาสาพอดี”
ทะนงบ่น น้ำเสียงเช่นนี้เขาฟังมานานจนชิน พิไลกลายเป็นคนช่างคิดช่างแค้น หลังจากเขาพารัชนีที่กำลังท้องโย้เขามาอาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกันเมื่อ20กว่าปีก่อน
“อีนังนั่นก็เหมือนกัน สาระแนดีนัก...”
นางก่นว่าผู้หญิงอีกคนของสามี ความเกลียดชังในหัวใจไม่เคยลดทอนลง มีแต่จะเพิ่มมากขึ้นตามวันเวลา เมื่อสองแม่ลูกนั่น คือหอกข้างแคร่ของนางที่มองเห็นเต็มตา แต่กลับทำได้แค่...กระแหนะกระแหน
“จะโวยวายทำไมหึคุณพิ!! เราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะ คนรองมือรองเท้าให้คุณพิก็มีแต่แม่นีแค่คนเดียว ทำดีกับเขาบ้าง...คงไม่เสียหลายหรอกมั้ง”
มันเหมือนฟาดแส้ลงบนผิวเปลือยเพราะคำย้ำชัดของสามี พิไลตวัดสายตามองสามีแบบอยากจะกินเลือดกินเนื้อ ไม่ใช่เพราะเขาหรอกเหรอ ชีวิตบั้นปลายของนางจึงได้น่าทุเรศแบบนี้ จากคนมีหน้ามีตามีเงินทองจับจ่ายไม่ขาดมือ กลับต้องหลบๆ ซ่อนๆ เพราะหนี้สินล้นพ้นตัว
“มันสมควรทำแล้วนี่คะ ก็เพราะมันอยากทำตัวเป็นแบบนั้นเอง...” นางตอบเสียงขุ่นคลัก สะบัดค้อนให้สามีวัยชราซ้ำ “แล้วนี่หายหัวไปไหนมาอีกคะ หรือว่า...” นางรีบถามเสียงหลง หวังลึกๆ ในใจว่าสามีจะไม่ออกไปสร้างหนี้เพิ่ม
“โธ่! ฉันจะไปไหนได้ล่ะคุณพิ นอกจาก...” ทะนงตอบเสียงสลด เขาไม่มีที่ไป จะไปวัดเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน ใจมันก็ร้อนรุ่มเกินจะทนนั่งสนทนาธรรมกับคนอื่นได้ เมื่อหลงใหลอบายมุขเข้าเสียแล้ว ทะนงรู้สึกว่าตัวเองมีค่า เมื่อยังมีคนให้ความสนใจนับถือ แค่เดินผ่านประตูเข้าไป...ก็มีแต่คนยกมือไหว้
“ได้...หรือเสียล่ะคะวันนี้?” นางถามกลับเสียงสั่นลุ้นระทึกขอให้สามีไม่ผลาญสตางค์อีก สมบัติเก่าที่สะสมไว้ถูกเทขายจนหมด เวลานี้ที่มีไว้ประดับตัวก็แค่ของปลอม...เงินรายได้ที่พอจะมีซื้อข้าวซื้อน้ำภายในครัวเรือน ก็มาจากน้ำพักน้ำแรงของวันวาด เพราะหากหวังพึ่งพาพิไลลักษณ์คงได้แทะก้อนเกลือกิน เมื่อหลานสาวแท้ๆ ของนาง ใช้จ่ายแบบคนจมไม่ลง ทำตัวอวดรวยเหมือนเดิม จนเงินเดือนแทบไม่พอยาไส้
“ถ้าฉันได้...ฉันจะกลับมาตัวเปล่าเรอะ!!”
ชายสูงวัยตอบเสียงกระแทกกระทั้น เสียครั้งนี้ไม่ได้เสียแค่เงินที่หยิบยืมคนรู้จักไปเป็นทุน ยังเป็นหนี้ก้อนใหญ่กับเจ้าของบ่อนด้วยเสียอีก เขากำลังกลุ้มใจ!! เมื่อคิดจนศีรษะจะแตกยังหาวิธีหาเงินก้อนใหญ่ไม่ได้ และเมื่อเหลียวมองในบ้านก็ไม่รู้จะหาอะไรในบ้านไปขายอีก สมบัติมากมีมลายหายไปก่อนหน้านั้นแล้ว...แต่เพื่อหาเงินก้อนนั้น เอาไปคืนเจ้าหนี้รายใหม่ ที่ใครๆ ก็เล่าขาน ผู้ชายคนนั้น เหี้ยมเกรียมกว่าพญามัจจุราช
“แสดงว่าเสีย...หึ!! คราวนี้คงได้เฉือนเนื้อเอาไปขาย เพราะต้องวิ่งวุ่นหาเงินใช้หนี้อีกนาน”
นางประชด ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวใกล้ๆ พร้อมกับถอนใจเฮือกใหญ่ๆ
“คุณพี่เมื่อไรจะหยุดคะ เราไม่มีอะไรเหลือแล้วนะคะ แม้แต่บ้าน”
ไม่มีใครรู้นอกจากนางกับสามี แม้แต่บ้านที่อาศัยซุกหัวนอนก็กำลังจะเป็นของคนอื่น เพราะการพนันตัวเดียว...
“ฉันก็อยากหยุดนะคุณพิ...แต่ทำไม่ได้”
เสียงของทะนงฟังเศร้าหมอง เขาอยากจะหยุด อยากจะอยู่ให้ห่างอบายมุขพวกนั้น แต่ยังไม่เคยทำได้สักที
“เท่าไรคะคุณพี่ เท่าไรสำหรับการผลาญครั้งนี้...”
นางถามเสียงอ่อนแรง ได้แต่ภาวนาไม่ให้เยอะเกินไป ไม่อย่างนั้นคงได้ฆ่าตัวตายหนีหนี้ยกครัว...
“1ล้าน” ทะนงตอบเสียงแผ่ว เขาหลุบเปลือกตาลง ความกระสันอยาก อยากแก้มือ อยากได้ที่เสียไปคืน ทำให้เขาถลำลงไปสุดตัว
“หะ!! ล้านนึง...บ้าไปแล้วๆ แน่ๆ แค่แสนเดียวยังไม่รู้จะเอาที่ไหนมาคืนเขาเลย นี่ล้านนึง...คงได้ตายทั้งบ้าน”
นางตะเบ็งเสียงก้อง ควานมือหาถ้ำยาดมในกระเป๋าหน้าของชุดอยู่บ้าน ก่อนจะรีบยกอังจมูก สูดกลิ่นหอมๆ แรงๆ ก่อนที่จะหมดสติไปเพราะความตกใจ
“คงได้ตายแน่ ถ้าไม่มีเงินไปคืนเขา...คุณพิไปถามคนที่รับจำนองบ้านเราหน่อยสิ เพิ่มอีกได้ไหม ฉันจะเอาเงินไปคืนเจ้าหนี้”
ทางเดียวคือที่ซุกหัวนอน ที่พอจะมีราคา
“ที่เอามานี่ก็เกินราคาแล้วค่ะ พิบอกคุณพี่แล้วนะ หนี้ก้อนนี้ขอพิไม่ยุ่ง”
“คุณพิไม่ช่วยฉัน แล้วใครจะช่วยได้ล่ะ...”
ทะนงคอตก หากไม่มีเงินก้อนนี้ไปคืน งานนี้คงได้หมดลมหายใจ
“พิหมดปัญญาแล้วคุณพี่ เราไม่เหมือนเดิม เวลานี้หันไปทางไหน ใครๆ เขาก็แทบจะเบือนหนี”
3ปีหลังเกษียร ทะนงผลาญสมบัติจนหมด เพราะหลงใหลอบายมุข ชั่วเวลาสั้นๆ เขาถลุงเงินไปกับการพนัน จนเป็นหนี้เป็นสิ้นล้นพ้นตัว จากเคยมั่งมี เวลานี้กลับจนกร็อบ...คนรับใช้ในบ้านทยอยลาออก เมื่อแม้แต่เงินเดือนพิไลยังค้างจ่าย เมื่อไม่มีรายได้เหมือนเก่า
“แล้วฉันจะทำยังไงล่ะคุณพิ?”
ทะนงถามเสียงเครือ...
รัชนียกมือทาบอก นางบังเอิญได้ยินเข้าพอดี คำสนทนาของสามีกับพิไล นางรู้สึกหนักหน่วงในอก คงต้องรีบให้บุตรสาวหาหนทางขยับขยาย ก่อนที่จะไม่มีแม้แต่ที่ซุกหัวนอน
“คุณพ่อ คุณแม่ พิไลกลับก่อนนะคะ”
สาวสวยรูปร่างพอๆ กับบางแบบยกมือไหว้แบบขอไปที ปรายตามองบิดาบุญธรรมที่ไร้สง่าราศี เนื่องจากความทรุดโทรม หล่อนแอบเบ้ปาก เมื่อสีหน้าดำคล้ำของบิดา บ่งบอกความกลัดกลุ้มที่อยู่ข้างในได้เป็นอย่างดี
“อะไร!! มายังไม่ทันได้คุยกันเลย จะกลับแล้วเหรอ” ทะนงบ่นลอยๆ
ลูกเลี้ยงสาวแอบเบ้ปาก ก่อนจะเงยหน้าขึ้นตอบ “คุณพ่อก็อยู่บ้านสิคะ พิไลจะได้อยู่คุยด้วย อยู่แต่บ่อนแล้วเมื่อไรจะได้คุยกันคะ”
“อย่ามาปากดี!! ว่าแต่...แกพอมีเงินให้ฉันยืมบ้างไหมล่ะ” หนุ่มใหญ่จนทางร้องถามเสียงแผ่วๆ
แววตาของลูกเลี้ยง ทำให้ท่านหน้าชา เมื่อมีแต่แววดูถูก “พิไลจะไปมีได้ยังไงคะ เงินมากมายขนาดนั้น...ไม่ลองถามแม่ลูกสาวสุดกตัญญูของคุณพ่อล่ะคะ” หล่อนรีบปฏิเสธ โยนความรับผิดชอบที่แสนหนักอึ้งไปที่วันวาด...มุมปากสีสดยกยิ้มหยัน...คงถึงเวลาต้องหาทางชิ่ง ก่อนที่ความฉิบหายจะมาเยือนตนเอง...
“เที่ยงครับ” โจนาธานตอบ แต่เขาไมได้ขยายความ มันเป็นเที่ยงของอีกวัน วันวาดหลับยาว หลังอาหารมื้อเช้าเมื่อวาน เขาสูบความหวานจากเรือนกายของหล่อนตั้งแต่เช้าจนบ่ายคล้อย และผลที่ได้คือภรรยาป้ายแดง ที่เคยอึด ถึก สลบเหมือดคาอกกว้าง หล่อนหลับยาว จนเขาต้องปลุก ไม่อย่างนั้น คนที่รอแล้วรอเล่าอย่างเขา คงทรมานน่าดู “ง่วงจังเลยค่ะคุณ วาดอยากนอน แล้วก็นอน” เธออ้าปากงับสเต็กปลาที่โจนาธานป้อน พร้อมกับบ่น ดวงตาหรี่ปรือ ทำท่าจะหลับเหมือนที่พูด “ทานก่อนทูนหัว เดี๋ยวค่อยนอน” ชายหนุ่มตัดเนื้อปลาด้วยมีดหั่นสเต็ก ใช้ช้อนส้อมจิ้ม ก่อนจะยกป้อนให้กับวันวาด ดวงตาเขาพราวฉ่ำ เมื่อมองปากแดงๆ น่าจูบของหล่อนตาปรอย “ไม่ไหวแล้วค่ะ วาดๆ” เสียงสะเทิ้นอายกล่าวแผ่วๆ เธอเสหลบสายตาร้อนแรงนั่น แต่จะไปไหนพ้น เมื่อเธอไร้เรี่ยวแรง นอนอยู่บนเตียงโดยมีเขาคอยบริการ ไม่ต่างอะไรจากครั้งแรกที่เจอกัน “วาดไม่ได้ทำอะไรนี่ครับ ไปเพลียอะไรมาเหรอ?” โจนาธานกระเซ้า เขาอมยิ้ม เมื่อสายตาคมๆ ของวันวาด ตวัดขึ้นมองเหมือนจะค้อน “วาดไม่ได้บ้าพลังเหมือนคุณนะคะ จะได้มานั่งหน้าระรื่นอยู่ได้ ทั้ง
ไม่ว่าจะโซฟาในห้องโถง ระเบียงด้านนอกห้องยามท้องฟ้ามืดมิด หรือห้องน้ำเย็นฉ่ำ เตียงนอนนุ่มนิ่ม โจนาธานทำให้ทุกที่กลายเป็นสนามรบ เขาฟัดเธอแบบไม่คิดจะหยุดพัก วันแรกของเธอ...วันวาดสำรักความสุข หลายครั้ง จนนับไม่ทัน เธอหลับไปตอนไหนก็ไม่ทันได้รู้ตัว รู้แค่ว่า ทันทีที่ลืมตา... เธอก็ทำได้แค่คราง... “อ่า....” เพราะนอกจากความแข็งขึงของโจนาธานแล้ว เธอไม่เคยได้แตะต้องอะไรอีก เขาบริการเธออย่างดี ไม่ต้องหยิบจับอะไร ไม่ว่าจะอาบน้ำ กินข้าว โจนาธานจัดให้ สิ่งเดียวที่โจนาธานไม่ทำ...คือเขาไม่ให้เธอใส่เสื้อผ้า กระเป๋าเดินทางของเธอกับของโจนาธาน ถูกวางไว้ที่เดิม...มันไม่ได้ถูกเคลื่อนที่ และก็ไม่ได้รับการเหลียวแลวันที่2...ของทริปฮันนิมูล เสียงคลื่นดังแว่วๆ อยู่ในหู วันวาดปรือตามอง เธอครางเสียงระโหย เมื่อรู้สึกระบมไปทั้งตัว กล้ามเนื้อเธอตึง แขนขา อ่อนแรง...เหมือนกระดูกทุกส่วนถูกป่นเป็นผง... “อรุณสวัสดิ...ทูนหัว” ใบหน้าระรื่นของสามีกับกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่ลอยมาแตะตาแตะจมูก ถาดใส่อาหารถูกวางลงบนผิวที่นอน วันวาดผงกศีรษะขึ้นมอง เธอ
เธอล้มโครมลงไปบนพื้น แต่กลับไม่รู้สึกเจ็บ เมื่อคนตัวใหญ่กลายเป็นเบาะนุ่มๆ รองรับเธอไว้พอดี เธอนอนอยู่บนอกแน่นๆ ของสามี ที่เปลือยเปล่า และแน่นตึบ “คุณเฟิร์มหุ่นมาเหรอ...แน่นไปหมดเลยค่ะ” ปลายนิ้วซุกซน กรีดเบาๆ ลงบนแผ่นอก พร้อมกับสัพยอกเสียงขัดเขิน “แหงสิ!! ฉันจะทำอะไรได้นอกจากออกกำลัง เมื่อความต้องการอัดแน่นอยู่ในอก แต่คนใจร้ายไม่ยอมให้ปลดปล่อย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงกระเส่า เขาสูดปากครางเบาๆ เมื่อปลายนิ้วของวันวาด กำลังทำให้สติของเขาขาดผึ่ง หญิงสาวหัวเราะคิก เธอเอียงใบหน้าแนบแก้มกับแผ่นอกเปลือยเปล่า โจนาธานพลิกตัวกลับเร็วๆ เขาโหย่งตัวขึ้น และเหวี่ยงวันวาดขึ้นไปพาดอยู่บนบ่า ก่อนจะโยนเธอไปบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง “อุ้ย!!” “เธอควรหาอะไรกินก่อนนะวาด...เพราะไม่อย่างนั้น เธอคงไม่มีโอกาสได้มีอะไรตกถึงท้อง นอกจากฉัน” ผู้ชายเปลือยอก เดินไปหยิบผลแอปเปิ้ลสีแดงสดบนโต๊ะกลางห้อง เขาหยิบผลไม้สีแดงสดมาหนึ่งลูก ยกขึ้นกดที่เรียวปาก ก่อนจะโยนให้ภรรยาคนสวยด้วยความหวังดี หล่อนควรหาอะไรลองท้อง...เพราะไม่อย่างนั้น...สิ่งที่ปากของหล่อนจะท
บทที่16.ฮันนีมูน3เดือนต่อมา... งานวิวาห์ของโจนาธานสำเร็จลงด้วยดี เขาได้สาบานตนต่อหน้าพระเจ้า และให้สัตย์ปฏิญาณว่าจะเป็นสามีที่ดี เป็นพ่อที่เข้มแข็ง จะนำพานาวาชีวิตไปให้ตลอดรอดฝั่ง ในแบบที่ผู้ชายคนหนึ่งทำได้ ถึงวันวาดจะยอมตกลงปลงใจแต่งงานด้วย แต่ระหว่างรองานวิวาห์ หญิงสาวก็ยังครองตัวเป็นอย่างดี ที่ยอมให้โจนาธานก็แค่ ‘จูบ’ แต่จะไม่เกินเลยไปกว่านั้น ดังนั้นระหว่างรอ ความกระหายหิวของชายหนุ่มจึงถูกกดเก็บไว้ในอกจนล้นปริ่ม และรอเวลาที่จะปลดปล่อยด้วยความกระตือรือร้น ฮันนีมูลแสนหวาน...คือวันที่โจนาธานตั้งตารอ... เขาเลือกมัลดีฟส์... เพราะเป็นสถานที่ที่วันวาดไม่มีขออ้างที่จะหนีไปทางไหนได้ เมื่อรอบๆ ตัวมีแค่ทะเล... รอยยิ้มแปลกๆ นับตั้งแต่ออกเดินทาง...ของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสามี เล่นเอาพยาบาลสาวขนลุกชัน เขาไม่ได้เรียกร้องอย่างที่เธอหวั่นกลัวตลอดระยะเวลาที่เตรียมงาน หลังตกลงกันไปในระดับหนึ่ง โจนาธานเงียบสงบ ใช้ชีวิตปกติ เขาออกกำลังกายหนักขึ้น เธอได้แต่ห่วงลึกๆ แต่วันวาดรู้ ใต้ความเงียบนั่น คือภูเขาไฟที่รอเวลาปะทุ!!
“น้องผิดเองค่ะ เพราะน้องพิไลเลยเป็นแบบนี้” นางโทษตัวเอง เพราะเป็นคนชักจูงให้พิไลลักษณ์ได้พบเจอกับเสี่ยกวง “เวรใคร กรรมมันน่าคุณพิ...พิไลได้รับโทษทัณฑ์ตามการกระทำของเขา อย่าคิดมากเลย” ชายสูงวัยปลอบใจ...มันเป็นเวรกรรมที่แต่ละคนต้องแบกรับ ผลจากการกระทำของตัวเอง...พิไลลักษณ์เลือกทางนั้น มันก็สุดปัญญาที่ใครจะช่วยได้...หล่อนเลือกทางผิดมาตั้งแต่แรก... โจนาธานเป็นอีกคนที่รับรู้ข่าวแล้วสลดใจ เขายังไม่ทันได้ตามเอาคืนเสี่ยกวง มัจจุราชก็มาคร่าชีวิตเสี่ยใหญ่ไปเสียแล้ว เวรกรรมมีจริง เขาเพิ่งเชื่อ...และเวรกรรมเดี๋ยวนี้เร็วเหมือนติดจรวด...ตามจี้ตูด เอาคืนโดยไม่ต้องรอให้ถึงชาติหน้า “ไงไอ้เสือ...มีอะไรหรือเปล่า?” เบนเดินมาตบบ่าโจนาธาน เมื่อน้องชายนั่งนิ่งผิดปรกติ “เสี่ยกวงตายแล้วเบน...” ชายหนุ่มเปรย “หือ...เป็นไรตายวะ...แต่ก็สมควรหร๊อก!!” เบนครางรับ เขาวิจารณ์ต่อ...พฤติกรรมของเสี่ยกวง สุ่มเสี่ยงกับความเป็นความตาย เบนคาดไว้...แต่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ “ผมยังไม่ทันได้เอาคืน...มาตายเสียได้...” ชายหนุ่มบ่น “อโหสิให้มั
สวนหย่อมข้างบ้าน มีพรรณไม้ประดับชูช่อสลอน กลีบดอกแย้มบานรับแสงอาทิตย์ที่ทอดแสงอ่อนๆ ลงมา บรรยากาศรอบตัวสดชื่น มีกลิ่นหอมๆ ของเกสรดอกไม้ลอยฟุ้ง ชายหนุ่มยืนตัวตรง เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ที่มีสีส้มๆ ปนเปอยู่ในระดับหนึ่ง อากาศตอนเช้าตรู่เย็นสบาย จนพลอยทำให้โจนาธานพลอยรู้สึกสดชื่นไปด้วย เสียงย่ำเท้าเบาๆ ของวันวาดดังขึ้น เมื่อหล่อนเดินมาถึง ชายหนุ่มเปรยเสียงขรึม... “เราสองคนเริ่มต้นไม่ดีเท่าไร แต่ฉันคิดว่า อนาคตต่อไปนี้ ฉันดูแลเธอแทนพ่อ แม่ได้แน่ หากเธอวางใจยอมตกลงปลงใจกับฉัน” แม้จะเป็นคำหวาน เมื่อเป็นคำร้องขอจากผู้ชายคนหนึ่งที่คิดจะปกป้องดูแลตัวเองนับจากวันนี้ จนถึงในอนาคต แต่...โจนาธานก็ยังเป็นโจนาธาน ในคำร้องขอนั่น ก็ยังมีความผยองปนอยู่ด้วย... วันวาดนิ่ง เธอก้มหน้าลงพร้อมกับคิดตาม.. “ฉันไม่ใช่คนดีเท่าไรหรอก!! เป็นคนขี้โมโห เอาแต่ใจ...แต่ความจริงใจฉันมีเต็มเธอก็คงเห็นแล้ว ฉันไม่สัญญานะว่าปรับตัวให้ดีขึ้น สันดานฉันเป็นแบบนี้เอง แต่ฉันเชื่อว่าตัวเองเหมาะที่จะดูแลเธอที่สุด...เมื่อเราสองคน...” ชายหนุ่มหยุดพูด เขาหมุนตัวกลับมามองวันวาด “การที่คุณมา...เ
ชายหนุ่มข่มความเจ็บแปลบ ทุกย่างก้าวเหมือนเดินบนก้อนกรวด มันเจ็บแปลบจนเหงื่อตก “วาดดีใจต่างหากล่ะคะ” หญิงสาวช้อนสายตามองเขายิ้มๆ เธอล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับเหงื่อให้ เมื่อเห็นเม็ดเหงื่อไหลรินข้างขมับของโจนาธานจนชุ่ม “ดีใจที่ฉันมารึ?” เสียงกระเซ้าพร้อมกับมุมปากที่ขยับยิ้ม “บ้า!! วาดดีใจที่คุณเดินได้ ไม่เกี่ยวกับการที่คุณมาเลย...เออ...ว่าแต่มาทำไมคะ หรือว่า...” หญิงสาวไม่อยากเดา เธอหวังว่าคงไม่ใช่เรื่องร้าย เมื่อประสบเรื่องร้ายๆ มามากเกินรับไหว “คิดอะไรน่ะ...ไม่ใช่อย่างที่เธอคิดหรอก ให้ผู้ใหญ่คุยกันก่อน เธอนะรู้ทีหลังดีแล้ว” ชายหนุ่มตอบกำกวม วันวาดขมวดคิ้ว เธอมึนไปหมด ไม่รู้เจตนาของโจนาธาน เขาไม่เคยแย้มพรายให้รู้สักนิด “ใครมากันล่ะวาด หน้าไม่คุ้น” ทะนงทัก เขาหยุดรอพร้อมกับภรรยาสองคนที่ยืนขนาบข้าง “สวัสดีค่ะคุณ อิฉันเป็นแม่ของโจเค้า...มาเรื่องของเด็กๆ ค่ะ” มาดามรินรำไพรีบแจ้งเจตนา เธอยิ้มหวานเป็นทัพหน้า และได้รับการตอบรับอย่างดี เมื่อคนที่โตๆ แล้วย่อมรู้ดี...เพราะการที่ผู้ใหญ่ฝ่ายชายมาบ้านของฝ่ายสาว คงไม่พ้
“แกกับแม่ไปรวยอะไรมาล่ะ หรือว่า...” นางยกมือขึ้นกอดอก มองวันวาดตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า มุมปากกระตุกยิ้มหยัน เมื่อพอจะเดาวิธีหาเงินของสองแม่ลูกได้...ไม่น่าจะผิดเพี้ยนไปอย่างที่นางนึก เมื่อวันวาดวนเวียนอยู่กับมหาเศรษฐีหนุ่ม ถึงข่าวว่าพิการเดินไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องการผู้หญิง... วันวาดหน้าร้อนวูบ!! พิไลเดาไม่ผิด แต่มันไม่ใช่ความผิดเธอ ที่ทำก็เพื่อช่วยทุกคน “ไอ้อ่อนนั่นมันคงเปย์ให้แกไม่น้อย แบ่งให้ฉันใช้บ้างสิ...อย่างกเลยน่า” นางยิ้มเย้ย ลดเสียงลง แต่แววตาวาววับ “คุณพิ!! ที่พูดนะปากเหรอ!!” ทะนงเดินออกมาจากพุ่มไม้ เขาไม่ได้ตั้งใจแอบฟัง แต่กำลังพรวนดินใต้ต้นไม้อยู่ สิ่งที่ได้ยิน...ชายสูงวัยนึกกังขา แต่เวลานี้ท่านสมควรปกป้องลูก แล้วค่อยสืบหาความจริงทีหลัง ทะนงรู้สึกเจ็บแปลบๆ ในอก...หากเป็นอย่างพิไลพูด เขาเอง...เขานี่แหละเป็นคนถีบวันวาดลงนรก... “คุณพี่!! หรือไม่จริงคะ ค่าจำนองบ้านนะไม่ใช่น้อย สองแม่ลูกที่จ๊นจน!! จะไปหามาจากไหน ถ้าไม่ใช่...ขายตัว” นางหันไปตวาดสามี เสียงแหลมปรี๊ดแววตาเรืองรอง “ถ้าวาดทำจริง
พิไลจึงหอบหิ้วกระเป๋าและของใช้ส่วนตัว เข้าบ้านด้วยตัวเอง นางค้อนประหลับประเหลือกให้สามี เขามองเฉย ไม่คิดจะช่วย นั่งดูรายการโปรดที่กำลังแสดงอยู่ในทีวีจอใหญ่กลางบ้าน เหมือนไม่เห็นหัวนางเลย “น้องนอนห้องเดิมนะคะคุณพี่” นางกระแทกเสียงถาม ลดความรุนแรงลงเกือบครึ่ง “ตามใจ” ทะนงตอบแบบไม่ใส่ใจ เขาเองก็ไม่ได้นอนที่บ้านใหญ่ เวลานี้ข้าวของของทะนง ย้ายไปอยู่บ้านหลังเล็กของรัชนีจนหมด เมื่อหญิงสาวเป็นคนเดียวที่ไม่ทอดทิ้ง เวลาที่ตัวเองลำบาก ไม่ปริปากบ่น แม้จะไม่เคยทำดีให้ สร้างแต่เรื่องเดือดร้อนด้วยซ้ำ พิไลเดินปัง!! นางลากกระเป๋าของตัวเองไปแบบทุลักทุเล แล้วก็ต้องแทบร้องกรี๊ดๆ เมื่อห้องนอนว่างเปล่า...นางยกมือขึ้นปิดปาก ทิ้งตัวลงนั่งขอบเตียงด้วยความอ่อนแรง...จะโทษใครล่ะ เพราะข้าวของเครื่องใช้ในห้องนี้นั้น นางขนออกไปจนหมด และมันก็แปรสภาพเป็นเงิน ให้นางไปละลายทิ้งในบ่อน... น้ำตานางไหลริน... แต่ก็ยังไม่วายแช่งชักหักกระดูกทุกคน...ทั้งสามี รัชนี หรือแม้แต่พิไลลักษณ์ ทุกคนทำให้นางมีสภาพเช่นนี้ กว่าจะทำใจได้ก็ต่อเมื่อท้องร้องโครกคราก...เพราะมัววุ่นวาย
Comments